มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง – บทที่ 62 ขโมยมาล่ะสิ

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 62 ขโมยมาล่ะสิ

แสงเปล่งประกายวับวาวออกมาจากกล่องของขวัญ

เจิดจ้า แพรวพราว มากกว่าตอนที่จางเหวินเจี๋ยเปิดกล่องของขวัญขึ้นเสียอีก!

“โอ้ว เหมือนจะเรืองแสงมากเลยทีเดียว จากสถานะของนายแล้ว คงจะไม่ได้ไปซื้อหลอดไฟมาให้กับหล่อนหรอกนะ? ” หลี่นั่วหนานตกใจขึ้นก่อน พร้อมกับหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “มอบของขวัญ ไม่ใช่ว่าของใครแพงกว่าแล้วจะดีกว่านะ! ”

เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมหลายคนพากันยิ้มเยาะ เหยียดหยามพฤติกรรมที่ไม่ประมาณตนของมู่เซิ่ง

หากจะมาเปรียบเทียบกับผู้จัดการบริษัทมู่หรานว่าใครมีเงินมากกว่ากัน?

นายจะไปเทียบได้อย่างนั้นเหรอ?

มู่เซิ่งอมยิ้ม และเปิดกล่องขึ้น พร้อมกับหยิบสิ่งของที่อยู่ภายในออกมา ปรากฏต่อหน้าของทุกคน

ว้าาา—-

สร้อยคอเพชรที่ยาว ได้ถูกมู่เซิ่งถือไว้อยู่ในมือ

เพชรสิบสองเม็ดกระทบกันในอากาศ เกิดเสียงดังเปาะแปะราวกับเสียงกระทบกันของคริสตัล อัญมณีที่อยู่ด้านบนนั้น เปล่งประกายสดใส เจิดจ้าแพรวพราว

โดยอัญมณีเม็ดที่อยู่ตรงกลางนั้น ก็คือทับทิมที่เจิดจ้า ขณะที่อยู่ใต้แสงไฟ ประกายความบริสุทธิ์และสดใส ราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน พุ่งตรงใส่จิตวิญญาณ

สวยงามมากเลย!

เมื่อนำสร้อยคอสองเส้นมาเปรียบเทียบ ทำให้สร้อยคอเส้นที่จางเหวินเจี๋ยมอบเป็นของขวัญนั้น พลันมืดมิดด้อยมูลค่าลงทันที และที่ตลกมากกว่านั้นก็คือ สร้อยคอเส้นที่เขามอบเป็นของขวัญ เพชรเม็ดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางนั้น ก็ยังเทียบไม่ได้กับเพชรเม็ดเล็กของมู่เซิ่งที่ใช้เป็นเครื่องตกแต่งเลย

มู่เซิ่งหัวเราะ และพูดขึ้นว่า: “นายพูดสิว่า ที่นายมอบนั้นมันขยะใช่หรือไม่? ”

สีหน้าของจางเหวินเจี๋ย ก็พลันขาวซีดลงในทันที

มู่เซิ่งนำสร้อยคอของจางเหวินเจี๋ยเขวี้ยงทิ้งลงไปที่พื้น ราวกับว่ากำลังโยนขยะทิ้งอย่างไรอย่างนั้น จากนั้น ก็นำสร้อยคอที่อยู่ในมือของตน สวมใส่ให้กับเจียงหว่านอย่างนุ่มนวล

“สร้อยคอเส้นนี้ เหมาะสำหรับลำคอของคุณมาก”

มู่เซิ่งยิ้มและพูดขึ้น

ลำคอที่เรียวยาวและขาวนวล เมื่อประดับด้วยสร้อยคอนี้แล้ว ก็ยิ่งสง่างดงามมากขึ้นในทันที

เจียงหว่านมองไปที่มู่เซิ่ง และก็ยิ้มให้เล็กน้อย

เป็นรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ละมุนละไมอย่างที่สุด

เวลานี้ เจียงหว่านราวกับเป็นดอกไม้ที่อยู่ท่ามกลางใบไม้ สง่างดงาม จนทำให้ผู้หญิงจำนวนมากที่อยู่โดยรอบ ดูหมองหม่นลงไปกันทั้งหมด

ทุกคนส่งเสียงโห่ร้อง ช่างสวยงามมากเหลือเกิน!

“ฉันเคยพบเห็นสร้อยเส้นนี้มาก่อน นี่คือสร้อยคอเพชรที่ชื่อว่ารักที่หวานหยาดเยิ้ม มณีแห่งรัก !อยู่ในร้านเฟิ่งเสียงสาขาเจียงหนาน เป็นเส้นที่จัดวางโชว์และมีราคาแพงที่สุด คือเก้าสิบกว่าล้าน! ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงอุทานดังขึ้น โดยหลี่นั่วหนานชี้ไปที่สร้อยคอเส้นนั้น และพูดว่า “นี่คือของปลอม! ”

เธอรู้ดีว่ามู่เซิ่งก็คือไอ้ขยะ ทุกเดือนเจียงหว่านให้เงินเขาไว้ใช้จ่าย ไม่เกินหนึ่งหมื่น

สิ่งของนี้ราคาตั้งเก้าสิบกว่าล้าน มู่เซิ่งไม่สามารถที่จะซื้อได้แน่นอน

ดังนั้นปฏิกิริยาแรกของเธอก็คือสร้อยคอเส้นนี้คือของปลอม

จางเหวินเจี๋ยหันมองไปดู พบว่าเพชรด้านบนสร้อยคอนั้นมีคุณภาพสูงมาก สดใสบริสุทธิ์ ไม่เหมือนกับของปลอมแต่อย่างใด แต่จิตใจที่ฟุ้งเฟ้อของเขาทำให้เขาไม่ยอมรับในจุดตรงนี้

เขาพูดขึ้นว่า “นี่ก็คือของปลอม! ”

เมื่อได้ยินที่ทั้งสองคนพูดแล้ว ทุกคนก็พากันตกตะลึง

เมื่อเผชิญหน้าต่อความสงสัย มู่เซิ่งจึงพูดขึ้นอย่างสงบนิ่งว่า “สร้อยคอเส้นนี้คือของจริง”

“เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันยังเห็นสร้อยคอเส้นนี้อยู่ที่ร้านเฟิ่งเสียงอยู่เลย นายไปซื้อมาได้อย่างไรกัน? ”

หลี่นั่วหนานเดินขึ้นมาด้านหน้า สายตาดุดัน และพูดต่อว่า “นายหลอกลวงคนอื่นได้ แต่หลอกลวงฉันไม่ได้ พอดีฉันมีเพื่อนคนหนึ่งทำงานอยู่ที่ร้านเฟิ่งเสียง ถ้าหากนายไม่ยอมรับ ฉันก็แค่โทรศัพท์ไปหา นายก็จะอับอายขายหน้าได้เลยทีเดียว! ”

“เหอะเหอะ ฉันว่า เกรงว่าจะไปขโมยมาล่ะสิ? ”

“สิ่งของที่ราคาตั้งเก้าสิบกว่าล้าน ไอ้ลูกเขยที่มาอยู่กับฝ่ายหญิงจะสามารถซื้อได้อย่างไรกัน? ”

เมื่อเห็นว่าหลี่นั่วหนานแน่ใจขนาดนี้ เพื่อนหญิงร่วมชั้นหลายคนก็พากันพูดดูถูกถากถางตาม ซึ่งสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึงก่อนหน้านี้ ก็ได้จางหายกันไปหมดแล้ว

มู่เซิ่งสีหน้าเย็นชา และพูดขึ้นว่า: “นี่คือสร้อยคอที่ฉันซื้อมา”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นายซื้อมาเหรอ? ” หลี่นั่วหนานแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่เชื่อ “นายก็แค่ไอ้ขยะที่เจียงหว่านเป็นคนเลี้ยงดู จะมีเงินตั้งเก้าสิบกว่าล้าน ไปซื้อสร้อยคอได้อย่างไร? ”

“อย่าได้คิดจะมาโกหกพวกเราเลย วันนี้ที่นายนำสร้อยคอเส้นนี้ออกมานั้น มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง! ”

“อย่างแรกสร้อยคอเส้นนี้นายไปซื้อของก๊อปเกรดเอมาจากข้างทาง อีกอย่างคือ นายไปขโมยมา! ”

เจียงหว่านเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก จึงคลำไปที่สร้อยคอที่ทรวงอก และพูดขึ้นว่า: “ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม เพียงแค่เป็นของขวัญที่นายมอบให้ ฉันก็ชื่นชอบทั้งนั้น”

“เด็กโง่” มู่เซิ่งหันหน้ากลับมา และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “สิ่งของที่ฉันมอบให้คุณ จะเป็นของปลอมได้อย่างไรล่ะ? ”

“แต่ว่า……”

แม้แต่เจียงหว่านเองก็ยังไม่กล้าเชื่อว่า มู่เซิ่งจะมีเงินมากมายขนาดนี้

“เหอะเหอะ ยังจะไม่ยอมรับอีกเหรอ? ”

หลี่นั่วหนานยิ้มเยาะ ไอ้ขยะคนนี้ ยังไม่ยอมที่จะตายใจจริง ๆ เธอจึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และโทรออก ขณะที่โทรออกก็พูดไปพลางด้วยว่า: “ตอนนี้ฉันจะโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่รู้จักคนหนึ่ง แล้วมาดูกันว่า นายยังจะมีอะไรพูดอีกไหม! ”

ไม่นานนักทางนั้นก็รับสายโทรศัพท์ เพื่อที่จะทำให้มู่เซิ่งขายหน้า หลี่นั่วหนานจึงตั้งใจเปิดเสียงลำโพงขึ้น

“ฮัลโหล ผู้จัดการหวัง ขอโทษด้วยที่รบกวน” หลี่นั่วหนานพูดขึ้น

ทางปลายสายนั้นได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เกียจคร้าน “อืม คุณหลี่นั่วหนานใช่ไหม? ไม่ทราบว่าคุณโทรหาฉันมีธุระอะไรเหรอ”

หลี่นั่วหนานทำเป็นฉีกยิ้ม และพูดถามต่อว่า “ก่อนหน้านี้ที่ฉันมาที่ร้านเฟิ่งเสียง ที่มาดูสร้อยคอเพชรที่ชื่อว่ารักที่หวานหยาดเยิ้มนั้น ฉันชื่นชอบมาก ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังมีอยู่ที่ร้านไหม ฉันต้องการที่จะมาดูอีกครั้ง”

“โอ้ว สร้อยคอนั้นน่ะเหรอ” ผู้จัดการหวังพูดขึ้นว่า: “เพิ่งจะถูกซื้อไปไม่นานนี้เอง”

“อะไรนะ? ”

หลี่นั่วหนานตกตะลึง “นี่คือสร้อยคอเพชรรักที่หวานหยาดเยิ้มมูลค่ากว่าเก้าสิบกว่าล้าน ได้ถูกคนซื้อไปแล้วเหรอ? ”

“ใช่แล้ว”

ผู้จัดการจางพูดขึ้นว่า: “พูดไปก็น่าแปลกอยู่เหมือนกัน สร้อยคอเพชรรักที่หวานหยาดเยิ้มนี้ ได้ถูกเถ้าแก่ที่ชื่อว่ามู่เซิ่งซื้อไปเมื่อวาน และยังจะจ่ายเงินครบจำนวนทีเดียวด้วย แม้แต่อัญมณีของแถมอย่างอื่นก็ไม่เอา เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบเจอกับคนที่กระเป๋าหนักมากขนาดนี้ ถ้าหากว่าพนักงานขายไม่ได้โทรศัพท์มาแจ้ง ฉันเองก็ยังไม่กล้าเชื่อเลย”

“นี่ นี่เป็นการถูกซื้อไปจริง ๆ ใช่ไหม? ไม่ได้ว่าถูกมู่เซิ่งขโมยไปหรอกนะ? ”

หลี่นั่วหนานรับไม่ได้ จึงพูดขึ้นเสียงดัง

“คุณหลี่นั่วหนาน ที่คุณพูดนี้หมายความว่าอย่างไร? ” ผู้จัดการหวังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “เถ้าแก่มู่เป็นลูกค้าวีไอพีของร้านเฟิ่งเสียงของพวกเรา อย่าได้กล่าวหาดูหมิ่นเขาเด็ดขาด มิเช่นนั้น พวกเราจะจ้างทนายมายื่นฟ้องคุณ! ”

ลูกค้าวีไอพีที่ไม่แม้แต่จะกระพริบตา ก็จ่ายเงินเก้าสิบกว่าล้านซื้อสร้อยคอเพชรไป กับคนที่รู้จักกันแค่พยักหน้า เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว คนที่ฉลาดมีความรู้จะต้องเลือกคนแรกก่อนแน่นอน

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด! ”

วางสายโทรศัพท์ลง หลี่นั่วหนานโมโหอย่างหนัก “นายก็แค่ลูกเขยที่มาอยู่กับฝ่ายหญิง ไอ้ขยะที่ให้เจียงหว่านเลี้ยงดู ทำไมถึงสามารถซื้อสร้อยคอเพชรรักที่หวานหยาดเยิ้มได้? นี่เป็นของปลอม ต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน! ”

“สร้อยคอเส้นนี้ทำเลียนแบบมาใช่ไหม? เอามาให้ฉันดูหน่อย! ”

หลี่นั่วหนานเอื้อมมือไปจับที่เจียงหว่าน เพื่อที่จะคว้าสร้อยคอของเธอมา ดูให้อย่างชัดเจน

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลี่นั่วหนานจะกระทำเรื่องแบบนี้ การลงมืออย่างกระทันหัน ทำให้เจียงหว่านถึงกับตกใจ ปิดตาลง และยืนอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“ของขวัญที่ฉันมอบให้กับภรรยาของฉัน ไม่สมควรที่เธอจะมาจับต้องหรอกนะ? ”

มู่เซิ่งเอ่ยปากขึ้น พร้อมกับใช้ฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของหลี่นั่วหนาน

เปรี๊ยะ!

เสียงดังสนั่นชัดเจน

หลี่นั่วหนานถูกตบจนล้มกองลงไปที่พื้น แล้วใช้มือกุมที่ใบหน้า อย่างเจ็บปวดทรมาน

บริเวณโดยรอบเงียบกริบกันไปหมด

ต่อให้จะโง่เขลาเพียงใด เวลานี้พวกเขาก็คงจะมองออกแล้วว่า สร้อยคอที่มู่เซิ่งมอบให้เป็นของขวัญนั้น เกรงว่าจะเป็นของจริงอย่างแน่นอนแล้ว

นี่มันราคาตั้งเก้าสิบสามล้านเชียวนะ!

ทุกคนต่างก็สูดหายใจลึก และตื่นตะลึงกันอย่างที่สุด

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

Status: Ongoing
ผู้ชายที่แม้แต่ภรรยาตนก็ปกป้องไม่ได้ ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม?พอมู่เซิ่งเห็นภรรยาที่โดนรังแกเท่านั้นแหละ เขยแต่งเข้าที่โดนผู้คนเหยียดหยามมาโดยตลอด ตัดสินใจพลิกไพ่ใบสุดท้าย……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน