มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 156 ไม่ขาย
ความอัปยศ ความโกรธ อารมณ์ทุกอย่างพลุ่งพล่านอยู่ในอกของฉินโสว่หราน ตอนนี้หัวใจของเขา มันซับซ้อนจนถึงขีดสุด
พูดตามตรง ด้วยทักษะทางการแพทย์องฉินโสว่หราน สามารถทำให้เขาหารายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากบรรดาเศรษฐีในเยียนจิงได้ แต่มู่จงหยุนเคยมาหาเขา หวังว่าเขาจะใช้ยาในการแบล็กเมลมู่เฉินเทียน เพื่อใช้ในการข่มขู่เอาทรัพย์สินจากมือของเขา
เดิมทีฉินโสว่หรานไม่ละอาย ต่อการกระทำเช่นนี้ แต่หลานชายของเขารีบใช้เงิน ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ตอบตกลง ยิ่งไปกว่านั้น เขาคิดว่าการกลั่นยานั้นไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเพื่อชะลออาการกล้ามเนื้อหด การกลั่นยาออกมาหนึ่งเม็ด จำเป็นต้องใช้สมุนไพรมูลค่านับล้าน การแลกเปลี่ยนด้วยบริษัทหลักสิบล้าน เขารู้สึกว่าไม่มากเกินไปหรอก
เพียงแต่……
เขาทำร้ายตัวเอง ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อ มู่เซิ่งมาถึงที่ในวันนี้ มันอยู่ในการคาดการณ์ของเขาอยู่แล้ว แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ทักษะการใช้ยาของมู่เซิ่ง จะอยู่ในระดับสูงขนาดนี้ ไม่เป็นสองรองใคร!
การประลองในครั้งนี้ เขาแพ้แล้ว
แพ้อย่างราบคาบ เขาเลื่อมใสอย่างสุดใจ
มู่เซิ่งรู้วิชาปรุงยาเก้าหน อีกทั้งเป็นวิชาปรุงยาเก้าหนที่จริงด้วย ภายในการต้มครั้งเดียว ก็สามารถกลั่นยาได้เก้าตัว ฝีมือแบบนี้ เขาเคยเห็นแค่ในตำราโบราณของเขา และเคยได้ยินเพียงแค่หนึ่งครั้งเท่านั้น
ผู้ที่ไม่รู้ทักษะด้านยา ก็จะไม่รู้ว่าวิชาปรุงยาเก้าหนตำแหน่งในหัวใจของพวกเขา มันหมายความว่าอะไร
หากมู่เซิ่งสามารถรับปากว่าจะสอนเขา คงเป็นครั้งแรกที่ฉินโสว่หรานคุกเข่า คำนับมู่เซิ่งให้เป็นมู่เซิ่ง
แต่เขารู้ดีว่า นี่เป็นไปไม่ได้
นับหลังจากที่เขาฉวยโอกาสแบล็กเมล ก็ได้เดิมอยู่ตรงข้ามของ มู่เซิ่งไปเรียบร้อยแล้ว มาวันนี้นอกจากตกใจ ยังเต็มไปด้วยความเสียใจ
หากเขาไม่เห็นแก่ผลประโยชน์อันน้อยนิด ล่วงเกินผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขาคงมีโอกาสมากกว่านี้!
“คุณปู่ครับ แพ้ได้ยังไงครับ เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”ฉินหลินยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“จริงด้วยครับอาจารย์ ทักษะการกลั่นยาของอาจารย์ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยนะครับ ผมว่าอย่างมากก็แค่เสมอกัน”
“ผมว่าหมอเทวดาฉินคงประมาทไปหน่อย มาลองอีกครั้ง อาจารย์ของผมไม่มีทางแพ้เด็ดขาดแน่!”
เมื่อฉินโสว่หรานยอมรับความพ่ายแพ้ ฉินหลินกับลูกศิษย์ของเขาก็ไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้า แต่ละคนแย่งกันพูด อยากจะขอโอกาสประลองใหม่อีกครั้ง
อาจารย์ของพวกเขาเป็นถึงผู้นำแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ในเมืองเยียนจิง จะแพ้แบบนี้ได้ยังไง?
“หุบปาก!”
ฉินโสว่หรานกล่าวตำหนิ ไอ้พวกโง่ ยิ่งพูดแบบนี้ เขาก็ยิ่งขายหน้า!
“แต่ว่า……”ฉินหลินไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ หากอาจารย์ของเขาพูดแล้ว นั่นมันก็หมายความว่า ชื่อเสียงของพวกเขา ก็จะถูกทำร้ายน่ะสิ?
“ไสหัวออกไป!”
ฉินโสว่หรานสบถด่าเสียงดัง
ลูกศิษย์เหล่านั้นถึงกับก้มหัว สูญเสียความกล้าในการโต้แย้ง แต่ละคนเดินออกจากวอร์ดผู้ป่วยทันที
ผ่านไปไม่นาน ภายในห้องแห่งนี้ ก็เหลือเพียงมู่เซิ่ง หลิวเจี้ยนหัว และฉินโสว่หรานสามคน
“นี่คือวิชาปรุงยาเก้าหน?”ฉินโสว่หรานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ถามเพื่อความมั่นใจ
“ใช่แล้ว คุณสามารถดูออก นั่นก็แสดงว่าคุณตาแหลมไม่เบา”มู่เซิ่งพูดติดตลก เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย วิชาการกลั่นยาใน《ตำราทองตำนานเสวียน》เล่มแรกของเขา ฉินโสว่หรานยังดูออก
ฉินโสว่หรานพูดอย่างขมขื่น“เรากลั่นยาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ จะไม่รู้วิชาปรุงยาเก้าหนได้ยังไง เพียงแต่วิธีนี้มันหายสาบสูญไปนานแล้ว คิดไม่ถึงว่าในชีวิตนี้ฉันจะมีบุญได้เห็นมัน”
“วิชายาห้าประสานของคุณก็ไม่เลวครับ แต่พลังเลือดลมยังไม่พอ นี่ไม่โทษคุณหรอก เพราะคุณเป็นแค่คนธรรมดา”มู่เซิ่งพูดอย่างยิ้มๆ
จริงด้วย
ฉินโสว่หรานถอนหายใจ
ต่อหน้าของคุณ ผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
“มีสุภาษิตโบราณตงหัวกล่าวว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน วันนี้ถือว่าฉันได้เห็นกับตาแล้ว”ฉินโสว่หรานกล่าว“หมอเทวดาท่านนี้ คุณเสนอราคามาเถอะ”
“เสนอราคาอะไร?”มู่เซิ่งขมวดคิ้ว
“ราชาฉินเทพโอสถแผ่นป้ายนั้น เป็นสมบัติที่พ่อฉันให้ไว้ ฉันให้นายไม่ได้จริงๆ”ฉินโสว่หรานกล่าว“นี่เป็นสมบัติที่ตระกูลฉินของเราสืบทอดกันมา หวังว่านายจะเสนอราคามา ฉันจะซื้อมันมาจากมือนายเอง”
ป้ายแผ่นนี้ หากถูกเขาทำหาย บรรพบุรุษที่ตายไปรู้เรื่องนี้ คงด่าว่าเขาอกตัญญูเป็นแน่
มู่เซิ่งตกตะลึง อดแสยะยิ้มขึ้นมาไม่ได้
“สิบล้าน คุณว่าได้ไหม?”ฉินโสว่หรานกล่าวอย่างนอบน้อม เขาเสนอราคาขึ้นมาเอง
มู่เซิ่งส่ายหัวไปมา
“งั้น ห้าสิบล้านล่ะ?”
มู่เซิ่งยังคงส่ายหัวไปมา
“หนึ่งร้อยล้าน ไม่สิ หนึ่งพันล้าน คุณว่ายังไง?ขอแค่คุณทิ้งแผ่นป้ายนี้ไว้ ผมก็พร้อมยอมจ่าย นี่เป็นผลจากการที่หลานชายผมล่วงเกินคุณ”ฉินโสว่หรานเริ่มกระวนกระวายใจ รีบเสนอราคาอย่างรวดเร็ว แผ่นป้ายนี้เป็นสัญลักษณ์ ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของฉินโสว่หราน แต่ยังเป็นชื่อเสียงของตระกูลฉินด้วย
“ผมไม่ขาย”
มู่เซิ่งมองดูฉินโสว่หรานที่แทบจะคุกเข่าต่อหน้าของเขา แล้วกล่าวว่า“ผมบอกแล้ว จะทำให้คุณไม่เหลืออะไร และนี่ก็พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น”
“ผะ ผม……”ฉินโสว่หรานก้มหน้า พูดอะไรไม่ออก
แต่เขารู้ดี มู่เซิ่งทำได้
ในใจของเขาตอนนี้ มีแค่ความเสียใจ ทำไมต้องรับปากมู่จงหยุน ฉวยโอกาสลงมือกับพ่อของมู่เซิ่ง
มู่เฉินเทียน เป็นขีดเส้นสุดของมู่เซิ่ง!
“คุณเอาไปเถอะ”
ฉินโสว่หรานพูดออกไป ราวกับวินาทีนี้ เขาแก่ไปสิบปี
มู่เซิ่งพยักหน้า ถึงแม้ว่าฉินโสว่หรานจะเย่อหยิ่ง แต่เขาก็พูดคำไหนคำนั้น แน่นอนว่า หากพวกเขาอยากเล่นแง่ก็ได้ มู่เซิ่งมีวิธีเป็นหมื่นอย่าง มาต่อกรกับพวกเขา
“ท่านหลิว เราไปกันเถอะ”มู่เซิ่งพูดอย่างยิ้มๆ
“อ่อ อืม”
หลิวเจี้ยนหัวหยักหน้า ยังคงอยู่ในภวังค์ความตกใจ ฉินโสว่หรานผู้เย่อหยิ่งจองหอง กลับก้มหัวขอโทษมู่เซิ่ง?ฮ่าๆๆ สมกับเป็นอาจารย์ของเขาจริงๆ!
“อาจารย์ ใช้วิชาอะไรทำไมเก่งกาจขนาดนี้ อีกอย่าง วิชาปรุงยาเก้าหนมันคืออะไร สอนฉันบ้างได้ไหม?”
มู่เซิ่งหันกลับมาหัวเราะ“ทักษะฝังเข็มของคุณยังไปไม่ถึงไหนเลย ก็คิดอยากจะใช้ยาแล้วหรอ?ไม่กลัวว่าก้าวใหญ่เกินไป จะล้มเอาได้หรอ?”
ใบหน้าของหลิวเจี้ยนหน้าแดงทันทีด้วยความอับอาย
เขาเป็นหมอเทวดาแห่งเยียนจิง มีชื่อเสียงด้านฝังเข็ม แต่ในสายตาของมู่เซิ่ง กลับเป็นนักเรียนที่รู้เรื่องการฝังเข็มไม่เที่ยงแท้?
แต่สำหรับมู่เซิ่งแล้ว เขาไม่กล้าแย้งเลยแม้แต่น้อย แล้วรีบกล่าวว่า“ได้ ฉันจะตั้งใจเรียนรู้ด้านการฝังเข็ม”
ทั้งสองคนเดินลงบันไดมา มีแพทย์และคนไข้จำนวนมากอยู่ด้านล่าง พวกเขาได้ยินว่ามีการประลองทางการแพทย์ ถึงได้กรูกันเข้ามา เมื่อเห็นมู่เซิ่งเดินลงมา แต่ละคนก็รู้สึกตื่นตระหนกทันที
“หมอเทวดาหลิว ผลเป็นยังไง?”
“จริงด้วยหมอเทวดาหลิว ตกลงใครแพ้กันแน่?”
“ผมว่าจะต้องเป็นหมอเทวดาหลิวแน่ๆที่แพ้ เนื่องจาก หมอเทวดาฉินอยู่ในวงการแพทย์มาตั้งหลายสิบปี ทักษะแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ไอ้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้จะสามารถเทียบได้”
“จริงด้วย ครั้งนี้หมอเทวดาหลิวน่าสงสารจริง ไม่เพียงแค่ต้องถอดป้ายของตัวเอง ยังต้องถอนตัวออกจากชื่อของหมอเทวดาผู้หญิงใหญ่ทั้งสี่ด้วย ตอนนี้เขาถูกไอ้หมอนี่ทำให้ย่อยยับ”
คนที่อยู่ด้านล่างต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ หลิวเจี้ยนหัวอยากพูดเน้นย้ำ ว่าอาจารย์ของเขาชนะ แต่เมื่อเห็นท่าทีเรียบเฉยของมู่เซิ่ง เขาก็ไม่กล้าออกหน้าแทนอาจารย์ของเขาอีก
ภายใต้สายตาของทุกคน หลิวเจี้ยนหัวเดินตามมู่เซิ่ง มาถึงหน้าประตูทางเข้าหอโสว่หราน
“จริงด้วย ผมมีเรื่องบางอย่างจะขอร้อง คุณช่วยผมจัดการหน่อยได้ไหม?”
มู่เซิ่งหยุดชะงักที่หน้าประตู เขาหันกลับมา พูดกับพนักงานต้อนรับสาวที่ดูถูกเขาในตอนแรก
“เรื่องอะไรคะ?”หนักงานต้อนรับสาวขมวดคิ้ว
มู่เซิ่งชี้ไปที่ป้ายราชาฉินเทพโอสถที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดว่า“หาบันไดมาสักอันได้ไหม ป้ายมันสูงเกินไป ผมเอื้อมเอามันลงมาไม่ได้”