มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 237 ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
“ว้าย!”
ภายในกลุ่มคนเกิดเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวขึ้น
หมี่รั่วอวี้ตั้งแต่เล็กจนโต เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้ที่ไหนกัน เธอตกใจจนปิดตา สองมือโบกไปมาโดยไม่รู้ตัว
ผลัวะ!
ท่าทางในคาดเดาไม่ได้เกิดขึ้น ได้ยินเพียงเสียงเนื้อกระทบกันดังเบาๆ
เขา…
หมี่รั่วอวี้ลืมตาขึ้น ก็ได้เห็นมู่เซิ่งขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง จับข้อมือของ เจี่ยงฉู่ไว้อย่างสบาย บังเขาเอาไว้
“ทำลายแผนการของฉันติดๆ กัน เจ้าหนุ่ม แกรนหาที่ตาย!”
เจี่ยงฉู่โมโหอย่างมาก มือซ้ายชักปืนพกออกมาจากกระเป๋ากางเกง จ่อไปที่หน้าผากของมู่เซิ่ง
“ปืน เขามีปืนด้วย!”
“หนีสิ รีบหนี!”
ทุกคนตกตะลึง
เดิมคิดว่าเป็นพวกหลอกลวงที่ที่ฉลาดปราดเปรื่อง ตอนนี้คิดไม่ถึง เป็นผู้ที่ทำความชั่วโดยไม่คำนึงถึงชีวิต
มู่เซิ่งเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา โบกหมัดชกไป ในตอนที่เขายังไม่ทันลั่นไกปืน ได้ต่อยลงบนปืนของ เจี่ยงฉู่แล้ว
“ผลัวะ…” ปืนพกลอยขึ้นกลางอากาศ ตกลงบนพื้นอย่างแรง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจตัวสั่น
จากนั้น มู่เซิ่งก้าวไปด้านข้าง ยกขาอย่างแรง เตะเข้าที่หัวเข่าของเจี่ยงฉู่เตะมายังตัวเอง
“แกร่ก—”
เสียงกระดูกหักที่ทำให้คนหัวขนลุกดังขึ้นทันที
“อ๊าก ขาของฉัน ขาของฉัน อ๊าก อ๊าก!” เจี่ยงฉู่ร้องโหยหวน คุกเข่าลงบนพื้นโดยตรง ขาข้างหนึ่งของเขา ตอนนี้หักเป็นสองส่วนแล้ว อีกส่วนหนึ่งหักจนอยู่ในมุมที่แปลกประหลาดอยู่บนพื้น เขากลอกตา เจ็บปวดจนแทบจะเป็นสลบไป
หนึ่งหมัดหนึ่งขานี่ เอาชนะ เจี่ยงฉู่ที่ถืออาวุธสังหารสองเล่มไว้ในมือ นี่ทำให้คนทั้งห้อง ใบหน้าเผยความตกตะลึง
ไม่ใช่ว่ามู่เซิ่งคือชายแต่งเข้า ที่ใครเจอก็ต้องรังเกียจหรอกเหรอ? ทำไมถึงได้เก่งกาจอย่างในตอนนี้?
ฝีมือของเขา แค่มองก็รู้ว่าเคยฝึกการต่อสู้มา!
เถ้าแก่ร้านจิวเวลรี่มองหน้ากัน พวกเขากลัวจนตัวสั่น คนที่แสดงฝีมือ เป็นเถ้าแก่จิวเวลรี่มู่เหม่ยอีกแล้ว ถ้าหากมู่เซิ่งคิดบัญชีที่หลัง พวกเขาต้องจบเห่แน่!
“เลขาหมี่ แจ้งตำรวจเถอะ” มู่เซิ่งมองดู เจี่ยงฉู่ที่นอนอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดี แล้วพูดอย่างเรียบเฉย
“อ่อ..ค่ะ ได้ค่ะ” หมี่รั่วอวี้ตกตะลึง ถึงได้ตอบสนองกลับ เธอพยักหน้า โทรแจ้งตำรวจ ตอนนี้ดวงตาของเธอที่มองไปทางมู่เซิ่ง เป็นประกายสวยงาม
เจี่ยงฉู่สูญเสียกำลังในการต่อสู้โดยสิ้นเชิง แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นไม่ได้คลายความระวัง ในเมื่อชายคนนี้คือบุคคลอันตรายที่เพิ่งจะชักปืนกระบอกหนึ่งออกมาจากบนตัว จับ เจี่ยงฉู่มัดไว้อย่างแน่นหนาในทันที กระเป๋าทุกใบบนร่างกายถูกค้นอย่างละเอียด
จนกระทั่งตอนนี้ ทุกคนถึงได้ถอนหายใจยาวๆ
“เชี่ย หินชุบเลือดชิ้นนี้เป็นของปลอม ซวย ซวยจริงๆ เกือบจะเสียหายสี่สิบล้านแล้ว” จางสวี้ส่ายหน้าทันที เหมือนกับผู้ถูกหลอกที่โมโห หลังจากส่ายหน้า เขาเตรียมจะหันหลังเดินออกไป
แต่ในตอนที่เขาจะออกจากจิวเวลรี่มู่เหม่ย จู่ๆ ร่างหนึ่งแวบผ่าน ขวางเขาเอาไว้
จางสวี้สายตามองไป คนที่ขวางหน้าเขาเอาไว้ ก็คือมู่เซิ่ง
“คุณ คุณขวางผมไว้ทำไม?” จางสวี้ท่าทางประหม่า แต่ก็ยังถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
คนที่รอบๆ ได้ยินก็มองมา สงสัยว่าทำไมมู่เซิ่งจะต้องขวาง จางสวี้ไว้
“ฉันขวางคุณทำไม คุณไม่รู้ตัวเหรอ? ออกมาหลอกลวงด้วยกัน อย่างน้อยก็มีความซื่อสัตย์หน่อย พรรคพวกของคุณนอนอยู่บนพื้น คุณกลับอยากจะหนีไป” มู่เซิ่งยิ้มตาหยี
“คุณ คุณหมายความว่าอย่างไร? พรรคพวกอะไร? ฉันกับเจ้าหมอนี่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ!” จางสวี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาหันหน้าจะเดินหนีทันที
จากนั้นเขาเดินออกไปสองก้าว ก็พบว่าไหล่ของตัวเองถูกมู่เซิ่งกดไว้ ขยับเขยื้อนไม่ได้
“ปล่อยฉันนะ ไม่เช่นนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!” จางสวี้ประหม่ายิ่งกว่าเดิม
“พอเถอะ ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว การแสดงคู่ที่พวกคุณคนหนึ่งร้องคนหนึ่งเสริม คิดว่าฉันดูไม่ออกจริงๆ เหรอ?” มู่เซิ่งยิ้มแล้วส่ายหน้า “บอกว่าซื้อหยก เกรงว่าเตรียมการกันมาก่อนสินะ? ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด ในกระเป๋าของคุณ จะต้องมีโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง ไว้ติดต่อกับ เจี่ยงฉู่”
มู่เซิ่งยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋าสะพายของ จางสวี้
“คุณบ้าเหรอ กล้าแย่งโทรศัพท์ของฉัน? คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร กล้าแตะต้องฉัน ฉันทำให้คุณสิ้นเนื้อประดาตัวได้”จางสวี้อยากเอาโทรศัพท์กลับ แต่เขาพบว่ามือขวาของมู่เซิ่งกดไหล่ของเขาราวกับคอนกรีต ทำให้เขาขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
มู่เซิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาได้อย่างง่ายดาย
ปลดล็อก เปิดหน้าข้อความ
ทุกคนมองไป เห็นในข้อความ มีข้อความหนึ่งของเว่ยสวี่หราน ปลาติดเบ็ดแล้ว ตอนนี้คุณแกล้งเป็นเถ้าแก่ขึ้นมา
ความจริงเผยออกมา น้ำลดตอผุด!
ในตอนนี้ ทุกคนเข้าใจหมดแล้ว!
พวกเขาทั้งสองเป็นพวกเดียวกัน เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จงใจขายหินชุบเลือดนี้ด้วยราคาสูง
“ดูท่าชื่อคุณไม่ได้ชื่อ จางสวี้สินะ? ในเมื่อพวกคุณหลอกลวง ไม่มีทางที่จะไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลมู่ของพวกเรา เช่นนี้เปลืองแรงมาที่จิวเวลรี่มู่เหม่ยของพวกเรา ยังมีเป้าหมายอะไร?” มู่เซิ่งจี้ถามต่อ
เมื่อครู่ตอนที่เขารับมือกับชายกำยำไว้หนวดเครา ก็ดูออกแล้ว ฝ่ายตรงข้ามกำลังไม่เบา เป็นปรมาจารย์บู๊ครึ่งหนึ่งแน่นอน และบนตัวยังพกพาปืน มูลค่าของหินชุบเลือด ไม่ได้มากขนาดนั้น
“หึ ในเมื่อถูกคุณจับได้แล้ว ฉันยังมีอะไรให้พูดอีก?” ผู้อาวุโสกัดฟัน ไม่พูดอีก
นี่ทำให้มู่เซิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
เขายิ่งไม่ยอมปล่อยไป แผนการร้ายเบื้องหลังนี้ จะต้องใหญ่กว่าเดิม
ในตอนนี้ ตำรวจได้มาถึงแล้ว หลังจากได้ฟังการกระทำของต้มตุ๋นทั้งสองคน สั่งคนจับพวกเขาขึ้นรถตำรวจทันที
ส่วนมู่เซิ่งก็ได้ส่งข้อความข้อเท็จจริงที่แก้ไขล่วงหน้าออกไป
ข้อความส่งให้ลุงหราน ก็คือเพื่อนรักร่วมเป็นร่วมตายของท่านพ่อ
ตอนนั้นในตระกูลมู่ เป็นลุงหรานที่ดูแลเขาโตมา ไม่มีลุงหราน เขาก็ไม่มีทางได้รับข่าวล่วงหน้า หนีออกจากตระกูลมู่ เป็นเพราะการบำเพ็ญตนที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา สามารถซักถามข้อมูลจากตัวคนอื่นได้
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายนี้ มู่เซิ่งจำเป็นต้องรู้ ดังนั้นเขาฝากฝังเรื่องนี้ให้กับลุงหรานในทันที
ในสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย
ชายกำยำไว้หนวดเคราฟื้นขึ้นมา แต่เขากับผู้อาวุโสคนนั้นกัดฟันแน่น ไม่รู้ว่าหินชุบเลือดชิ้นนี้เป็นของปลอม พวกเขาเพียงแค่ซื้อหยกมาจากแผงลอย นี่ทำให้การดำเนินคดีของตำรวจช้ามาก
“เพียงแค่รักษาความลับนี้ไว้ รอให้ออกไป พวกเราอิสระสุขสราญได้!” เว่ยสวี่หรานกัดฟันพูด
ผู้อาวุโสพยักหน้า นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเฉยเมยต่อไป
เขาก็ไม่รีบร้อน
คนของตระกูลมู่คนนั้นยังต้องการให้พวกเราลงมือ ดังนั้น เวลานี้ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปอย่างง่ายดาย
สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้ ก็คือห้ามเอ่ยปากเด็ดขาด ยื้อไว้ก็พอ
ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสสวมชุดคลุมดำคนหนึ่ง จู่ๆ เดินเข้ามาในห้อง เขาปรากฏตัวอย่างเงียบๆ เหมือนกับเดิมทีอยู่ภายในห้องอยู่แล้ว
“คุณ คุณเป็นใคร?” เว่ยสวี่หรานสงสัย คนผู้นี้เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่? เขากำลังจะตอบโต้ จู่ๆ ร่างกายสั่นเทา ดวงตาสูญเสียสีสัน นั่งเหม่ออยู่ที่เดิม
“ฉันถาม คุณตอบ” ผู้อาวุโสชุดคลุมดำเอ่ยปากเบาๆ
“ตกลง…” เว่ยสวี่หรานพูด