มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 261 มู่เฉินเทียนชั้นยอด!
มู่หยวนพยักหน้า และเอาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทของมู่เซิ่งในคอมพิวเตอร์ ฉายต่อหน้าผู้คน
สายตาของทุกคนรีบมองตามทันที
แม้ว่าพวกเขาจะดูถูก แต่ในใจก็ยังมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่มาก ในหนึ่งเดือนมู่เซิ่งคนนี้หาเงินได้เท่าไหร่กันแน่ คงไม่ใช่หนึ่งร้อยล้านก็ไม่ถึงนะ
จากนั้น สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาพวกเขา คือตัวเลขเรียงกันเป็นแถวยาว
มู่เซิ่ง บริษัทจิวเวลรี่มู่เหม่ย ในหนึ่งเดือนมีกำไร สามแสนห้าหมื่นล้าน
เงียบสนิท!
เงียบสนิทมาก!
หลังจากตัวเลขปรากฏขึ้น ทุกคนในตระกูลมู่ต่างก็ตกตะลึง บางคนถึงกับคิดว่าพวกเขาดูผิด ขยี้ตา แล้วนับใหม่อีกครั้ง นับไม่ผิดนี่ มีศูนย์สิบตัว สามแสนห้าหมื่นล้าน แม่งเอ้ยเป็นสามแสนห้าหมื่นล้านจริงๆด้วย
นับไม่ผิด!
ถ้างั้นก็เวอร์เกินจริงแล้ว!
มู่เซิ่งเจ้าหมอนี่ หาเงินได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร?
ทุกคนมองดูตัวเลขที่เรียงกันยาวตรงหน้า ราวกับดื่มเหล้าเมา รู้สึกวิงเวียนศรีษะ พวกเขาถึงกลับลืมคิดเลยด้วยซ้ำ เพราะในสมองเต็มไปด้วยตัวเลขสามแสนห้าหมื่นล้าน
ตัวเลขนี้สูงกว่าของมู่ปู้กับมู่เฟิงรวมกัน และเกือบจะสูงกว่าผลกำไรในหนึ่งเดือนของตระกูลมู่ทั้งหมด
ขณะที่มู่เฉินเทียนมองไปที่ตัวเลขนี้ แววตาของเขาเป็นประกายแวววาบ แต่เขาก็อำพรางได้อย่างรวดเร็ว
เจ้าหมอนี่ ที่แท้มู่เซิ่งหาเงินได้มากมายขนาดนี้!
คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกลับปิดบังฉันมาโดยตลอด สามแสนห้าหมื่นล้านในหนึ่งเดือน อย่าว่าแต่มั่นใจ90%เลย บอกว่า99%ก็ยังถือว่าน้อยเกินไปด้วยซ้ำ
“ไม่จริง นี่มันไม่ใช่ความจริงอย่างแน่นอน!”
ทันใดนั้นมู่เฟิงก็ตบโต๊ะ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขายืนขึ้นและชี้ไปที่มู่เซิ่งแล้วพูดว่า “มู่เซิ่ง นายโกงขึ้นมาใช่ไหม? มิเช่นนั้นไม่มีทางที่นายจะหาเงินได้มากมายขนาดนั้น!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
สีหน้าของมู่จงหยุนยิ่งสั่นมากขึ้น แอบพูดว่า “แย่แล้ว!”
หากไม่พูดคำพูดนี้ออกมาก็ไม่เป็นไร แต่พอพูดออกไป ไม่เท่ากับผลักผู้อาวุโสมู่ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามเหรอ? เพราะตั้งแต่แรกผู้อาวุโสมู่ก็เคยบอกข้อมูลตัวเลขของทั้งสามคน ทั้งหมดนี้ผ่านการตรวจสอบและรับประกันของเขาว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน แต่คำพูดในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังชี้หน้าผู้อาวุโสมู่และด่าว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการโกง
เป็นอย่างที่คิด สีหน้าของผู้ผู้อาวุโสมู่เคร่งเครียดทันที
มู่เซิ่งไม่คิดว่ามู่เฟิงจะโง่ขนาดนั้น พูดเช่นนี้ออกมาโดยตรง แน่นอนเขาไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไป แล้วพูดว่า “ความหมายของนายคือ ผมกับผู้อาวุโสมู่ร่วมมือและสมรู้ร่วมคิด ดังนั้นจึงจงใจแก้ไขข้อมูลตัวเลขนี้เหรอ?ไ
“ผม ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น นายอย่าพูดส่งเดช” มู่เฟิงก็สังเกตได้ว่าตัวเองพูดผิดไป จึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที
“งั้นคุณหมายความว่ายังไง?” มู่เซิ่งถาม
“ผมคิดว่าคุณใช้วิธีการของคนอื่น ทุกวันผมต้องร่วมงานพบปะสังสรรค์ในแต่ละงาน และทำงานหนักเพื่อบริหารบริษัท ในหนึ่งเดือนทำกำไรได้แค่ หกหมื่นล้าน เป็นไปได้ไงว่าที่คุณจะทำได้สูงกว่า? คุณต้องใช้ความสัมพันธ์ของตระกูลมู่ถึงเป็นเช่นนี้” มู่เฟิงพูดด้วยความโกรธ
ในหนึ่งเดือนนี้ เขาอดทนทำงานอย่างยากลำบากสุด
แต่สุดท้าย ก็ยังไม่ได้เศษหนึ่งส่วนห้าของมู่เซิ่งเลย เขาจะยอมรับผลที่อยู่ตรงหน้านี้ได้อย่างไร?
“คุณบอกว่าผมใช้ความสัมพันธ์ของตระกูลมู่ ถ้างั้นคุณมีหลักฐานไหม?” มู่เซิ่งถาม
“ผม……” มู่เฟิงชะงักกับคำถาม
เขาไม่มีหลักฐาน
หากมีหลักฐาน ก็คงจะเอาออกมานานแล้ว ก็คงไม่ต้องชี้หน้าด่ามู่เซิ่งเหมือนตอนนี้
มู่เซิ่งผลักมือของเขา และพูดต่อ “ในเมื่อคุณไม่มีหลักฐาน ทำไมคุณถึงบอกว่าผมใช้ความสัมพันธ์ของตระกูลมู่ล่ะ? ในเมื่อคุณทำเช่นนี้ได้ ผมว่าหกหมื่นล้านนี้ของคุณ สาเหตุที่ทำกำไรได้ก็คงเพราะตระกูลมู่ หากไม่มีตระกูลมู่ เดือนนี้คุณน่าจะต้องขาดทุนหกหมื่นล้านถึงจะถูก”
“คุณ คุณ……” มู่เฟิงโกรธจนหน้าดำ เขากำลังคิดจะหาคำพูดใดมาโจมตีมู่เซิ่งอีก
“พอแล้ว!” มู่จงหยุนที่อยู่ข้างๆตะโกนอย่างเย็นชา
มู่เฟิงถึงยอมหุบปาก ก้มหน้าลง และยืนอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง
ตามด้วยข้อมูลตัวเลขที่ออกมา ผลลัพธ์ก็ชัดเจนโดยที่ไม่ต้องพูดมาก มู่เซิ่งคือผู้ที่ได้รับตำแหน่งเจ้าบ้าน!
“……”
ทุกคนต่างมองดูฉากนี้อย่างเงียบๆ
ผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านที่เตรียมการมานาน ได้เสร็จสิ้นลงแล้วเหรอ?
พวกเขาต่างรู้สึกน่าเบื่อ แต่ก็เหมือนยังไม่หนำใจ
เพราะว่าผลงานการแสดงของมู่เซิ่งนั้น ยอดเยี่ยมมากเกินไป
“ผมขอประกาศว่า ผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูลมู่ในครั้งนี้ ก็คือมู่เซิ่ง!”
ผู้อาวุโสมู่เปิดปากพูด เขาเดินไปถึงข้างๆหามู่เซิ่ง ตบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “มู่เซิ่ง ทำได้ดีมาก”
“ขอบคุณ ผู้อาวุโสมู่มาก” มู่เซิ่งพยักหน้า
เสียงปรบมือดังขึ้น
ในขณะนี้คนที่ปรบมือคือฉินหลิน เขายืนอยู่ข้างหลังรถเข็นมู่เฉินเทียนโดยตลอด สองมือประคองรถเข็น ตบแขนทั้งสองข้างอย่างแรง
ในใจของเขา แทบมีความคิดที่อยากจะยกแขนขึ้นและตะโกน
ความแตกต่างของข้อมูลตัวเลขนั้น เหลือเชื่อมากจริงๆ
มู่เซิ่งถึงจะเป็นเจ้าบ้านของตระกูลมู่ที่แท้จริง มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัตินำพาคนของตระกูลมู่ทั้งหมด!
แต่ว่า ถ้าเปรียบเทียบมู่เซิ่งแล้ว ที่ไหนมีมู่เซิ่ง ที่นั่นก็คือตระกูลมู่
เหล่าสมาชิกทั้งหลายของตระกูลมู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ยังคงไม่ได้เปิดปาก แม้ว่ามู่เซิ่งจะกลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน แต่พลังอำนาจของมู่จงหยุนก็ยังไม่สูญหาย พวกเขาปรบมือในเวลานี้ ไม่เท่ากับล่วงเกินมู่เซิ่งหรอกเหรอ?
มู่เซิ่งก็ไม่ได้สนใจ เขาหยิบสัญญาทั้งหมดออกมาจากตู้เซฟ หยิบสัญญาปึกหนาๆ และเดินไปหามู่เฉินเทียนพ่อของเขาอย่างช้าๆ
ตามธรรมเนียม ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน สัญญาทั้งหมดนี้ควรลงนามให้กับผู้สืบทอดเจ้าบ้าน แต่เงินทั้งหมดได้โอนไปยังบัญชีส่วนตัวของมู่เซิ่งแล้ว สัญญานี้จะเซ็นหรือไม่เซ็นก็ไม่สำคัญอะไร จุดประสงค์เพียงเพื่อผ่านพิธีการดังกล่าวเท่านั้น
เพื่อแสดงถึงเจ้าบ้านเก่า จะไม่ควบคุมดูแลตระกูลมู่อีกต่อไป และบริษัททั้งหมดจะถูกส่งมอบให้กับเจ้าบ้านคนใหม่มาจัดการดูแลแทน
แต่ว่า ตอนนี้มู่เฉินเทียนก็ป่วยหนักและเป็นอัมพาต แม้แต่ตะเกียบก็ไม่สามารถหยิบขึ้นมาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกับการจับปากกาเพื่อเซ็นสัญญา
“ท่านพ่อ เชิญดูสัญญาหน่อย” มู่เซิ่งวางสัญญาลงตรงหน้ามู่เฉินเทียน
สายตาของทุกคนต่างเหม่อไปครู่หนึ่ง
แม้แต่มู่จงหยุนกับมู่เฟิงก็ยังตกตะลึง
หมายความว่าอะไร? พ่อลูกเป็นศัตรูกันแล้วเหรอ?
ทั้งๆที่รู้ว่าพ่อของคุณป่วยแบบนี้ ยังจะให้เขาเซ็นชื่ออีก นี่คุณจงใจทำให้พ่อของคุณอับอายขายหน้าผู้คนใช่ไหม?
ขณะนี้ สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่มู่เฉินเทียน ผมของเขาขาวหงอก และสวมเสื้อกันหนาวที่หนา แม้ว่าดูอาการป่วยไม่หนัก แต่เขากลับดูแก่ชรามาก
เขาเป็นชายชราที่ใกล้จะตาย
ทุกคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไร และมองไปที่ มู่เฉินเทียนอย่างเงียบ ๆ
แม้แต่มุมปากของมู่ปู้ก็ปรากฏสีหน้าดีใจบนความทุกข์ของคนอื่น อยากจะดูว่ามู่เฉินเทียนจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างไร
“ดี!”
ทันใดนั้นมู่เฉินเทียนก็เปิดปากพูด และตะคอกด้วยความโกรธ
เสียงนั้นดังและชัดเจน ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ผ่าลงมาจากสวรรค์ ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนขวัญหนีดีฝ่อ
เสียงนี้ มันเหมือนลักษณะของคนแก่ชราที่อ่อนแอตรงไหน?
จากนั้น เขาก็ตบโต๊ะไม้ขนาดใหญ่อย่างแรง หนึ่งฝ่ามือลงไป ถึงกลับทำให้แตกออกเป็นชิ้นๆ!
เขาวางเท้าลงบนพื้นอย่างแรง ทันใดนั้นก็ยืนขึ้นทันที
เสื้อคลุมหนาที่เขาสวมใส่อยู่ หลุดออกโดยตรง เผยให้เห็นชุดจีนลายมังกรครอบงำที่เขาสวมใส่อยู่ก่อนแล้ว
ราวกับภาพวาด ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ผมของเขาร่วงลงมาเช่นกัน แต่ผมสีดำที่ซ่อนอยู่ในหมวกได้ปิดผมขาวหมดแล้ว
เสียงของเขาเหมือนฟ้าร้อง เท้าเหมือนลม
หยิกปากกาในมือขึ้นมา แล้วเซ็นชื่อในสัญญา ด้วยออร่าที่ไม่ธรรมดา!
ไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย?
และไม่มีวี่แววเหมือนคนเป็นอัมพาตเลย?
ลูกตาที่ขุ่นมัวได้กลายเป็นกลิ่นอายของพญาเหยี่ยวแล้ว และสีหน้าสง่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับว่าได้ย้อนกลับไปในปีนั้นในการประชุมตระกูลมู่ มู่เฉินเทียนผู้ที่ชนะและได้รับตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลมู่
ยิ่งใหญ่เกรียงไกร อยู่ยงคงกระพัน!
ทุกคนตกตะลึง ไม่สิ ทำให้ตื่นตระหนกตกใจสุดๆ
มู่จงหยุนถอยหลังไปสองก้าว เสียงดังตุ้ม เขาก็ล้มนั่งลงกับพื้น เป็นถึงนักเสวียนถึงกลับตกใจถึงขั้นนี้ แค่คิดก็รู้ว่า เขาตกใจแค่ไหนกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
มู่เฉินเทียนฝันร้ายที่เคยอยู่ในตระกูลมู่คนนั้น
ได้กลับมาแล้ว……