มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 277 หาเรื่องใส่ตัว
จางเจ๋อขัดจังหวะการสนทนาระหว่างมู่เซิ่งกับกู่ชิงเสวียนโดยตรง ซึ่งทำให้ใบหน้าสวยๆของกู่ชิงเสวียนดูเย็นชาลง
เธอเพิ่งถูกมู่เซิ่งปฏิเสธ และในที่สุดเธอก็ยอมรับบทบาทของน้องสาว ในขณะนี้ เธอไม่มีความสุขอย่างมาก ราวกับว่าเธอเป็นลูกระเบิดที่กำลังจะระเบิด ความไม่พอใจที่ไม่มีที่ระบายของเธอ การปรากฏตัวของจางเจ๋อคือจุดชนวนอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุกเข่าลงและไสหัวออกไปซะ!”
กู่ชิงเสวียนตบโต๊ะ เสียงของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
“สาวน้อย เธออายุไม่มาก แต่อารมณ์ร้ายมากเลยนะ” จางเจ๋อยักไหล่ แสดงท่าทีของคนที่เคยมีประสบการณ์มาแล้ว และเกลี้ยกล่อมว่า“ไม่ใช่ว่าผมอยากพูดนะสาวน้อย ไอ้กระจอกอย่างเขา ชอบหลอกผู้หญิงที่มีน้ำใจและสวยอย่างคุณ”
“บ้านเอื้อเฟื้อนี้มีอยู่จริง ผมเคยไปที่นั่นมาก่อน แต่ผู้ชายคนนี้ไม่เคยบริจาคเงินให้กับบ้านเอื้อเฟื้อเลย ดังนั้นครั้งนี้ ต่อให้คุณให้เงินเขา เขาก็อาจจะเอาไปใช้เอง มอบให้กับบ้านเอื้อเฟื้อเป็นส่วนน้อย”
“เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหลอกคุณ!”
“หากหลงกลอย่างโง่เขลา เกรงว่าท้ายที่สุดแล้วคุณจะถูกหลอกทั้งเงินและเซ็กส์ สาวน้อย จิตใจของผู้คนช่างเลวร้ายยิ่งนัก”
ขณะที่จางเจ๋อกำลังพูด ใบหน้าของเขาก็ดูเหมือนทำเพื่อคุณ แบบที่ไม่อยากให้คุณถูกหลอก
กู่ชิงเสวียนขมวดคิ้ว จ้องมองไปที่ผู้มาเยือนที่ไม่คาดคิดต่อหน้าเธอ
เธออยากจะโดนมู่เซิ่งหลอกทั้งเรื่องเงินและเรื่องเซ็กส์ แต่น่าเสียดายที่มู่เซิ่งไม่สนใจเธอเลย และผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้ที่พูดไปเรื่อย ได้ส่งผลต่อการกินของเธออย่างมาก
“ฉันจะให้โอกาสคุณครั้งสุดท้าย ไสหัวออกไป!”กู่ชิงเสวียนขู่
“แหม นี่เธอขู่ผมเหรอ?”
จางเจ๋อผงะไปครู่หนึ่ง และบนใบหน้าของเขาก็โกรธเล็กน้อย เขาพยายามป้องกันไม่ให้เธอถูกโกง แต่สุดท้ายเธอก็พูดดูถูกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถ้าอย่างนั้น ผมต้องเปิดโปงธาตุแท้ของมู่เซิ่งให้ได้!
“ดูไม่ออกเลย คุณนี่มันหลอกลวงเก่งจริงๆ สาวน้อยคนนี้ถูกคุณหลอกจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว คุณสร้างตัวตนเป็นนักธุรกิจชั้นนำหรือนักเขียนพเนจร?ถึงได้หลอกเขาเชื่อสนิทใจแบบนี้” จางเจ๋อเหลือบมองมู่เซิ่ง และพูดอย่างเหยียดหยาม
“ผมไม่ได้หลอก”มู่เซิ่งยักไหล่
เห็นได้ชัดว่าจางเจ๋อไม่เชื่อ และพูดกับกู่ชิงเสวียน”สาวน้อย ให้ผมบอกความจริงกับคุณนะ ผู้ชายคนนี้เป็นเพียงคนไร้ค่าที่ไม่มีงานทำ และทุกสิ่งที่เขาบอกคุณก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเท็จ”
“เขาเป็นคนไร้ค่าที่ขี้ขลาด แล้วคุณเป็นอะไร?”กู่ชิงเสวียนพูดอย่างไม่เกรงใจ
ตอนนี้มู่เซิ่งเป็นพี่ชายของเธอ กู่ชิงเสวียนไม่อนุญาตให้ใครใส่ร้ายตำแหน่งของมู่เซิ่งในหัวใจของเธอ
แต่มู่เซิ่งไม่ได้พูด เขารู้ว่ากู่ชิงเสวียนอารมณ์ไม่ดี และต้องการระบายหน่อย ดังนั้นเขาจึงนั่งลงและเตรียมพร้อมที่จะดูเรื่องสนุกที่จะเกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่า จางเจ๋อคนนี้ไม่รู้ว่ากู่ชิงเสวียนคือใคร แต่ก็เป็นเรื่องปกติ คุณหนูตระกูลกู่ ทุกคนเคยได้ยิน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้เห็นคุณหนูคนนี้ของตระกูลกู่
หากไม่มีภูมิหลังเป็นตระกูลชั้นนำ มีคนเพียงไม่กี่คนที่มีคุณสมบัติที่จะพบกู่ชิงเสวียน
“ผม?แม้ว่าตำแหน่งของผมจะไม่สูง เป็นแค่ผู้บริหารของบริษัท แต่รายได้ต่อปีของผมก็มากพอที่จะบดขยี้ไอ้กระจอกนี่” จางเจ๋อจัดคอเสื้อของเขาให้ตรงแล้วพูด เผยให้เห็นนาฬิกาแพงในมือของเขา
กู่ชิงเสวียนมองอย่างเย็นชา”ผู้บริหารระดับสูง ใส่นาฬิกาพังๆ คุณก็คิดว่าคุณเป็นคนที่ประสบความสำเร็จงั้นเหรอ?ตลกจริงๆ”
“สาวน้อย คุณหมายความว่ายังไง?พูดดีๆไม่ชอบใช่ไหม!” จางเจ๋อก็โกรธในทันใด
ตำแหน่งของเขาไม่สูงนัก แค่เขาถ่อมตน ในสายตาของคนอื่นๆเขายังคงเป็นผู้ประสบความสำเร็จทางสังคม ต่อหน้ามู่เซิ่ง เขาเหนือกว่ามากอยู่แล้ว
“ไม่ไว้หน้าคุณ คุณจะทำอะไรได้?”กู่ชิงเสวียนเย้ยหยัน
จางเจ๋อหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง ตบโต๊ะแล้วพูดว่า”ในเจียงหนาน กูมีหน้ามีตา รู้จักบอสใหญ่อิทธิพลมืดมากมาย แค่โทรเรียกมาสักคน ก็สามารถสั่งสอนคุณอย่างสาหัสแล้ว!”
“โตขนาดนี้ คุณเป็นคนแรกนะที่กล้าขู่ฉันแบบนี้”ใบหน้าของกู่ชิงเสวียนเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมาก
“เหอะๆ นั่นเป็นเพราะคุณเจอพวกขยะ”จางเจ๋อไม่สนใจ
เมื่อเห็นฉากนี้ มู่เซิ่งก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ อย่างที่เขาว่ากัน โลกใหญ่ไพศาล มิพิศดารมิมี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว ตอนอยู่ในบ้านเอื้อเฟื้อก็มายั่วยุเขา ในตอนนั้นเขาไม่อยากทำอะไรต่อหน้าเด็ก ดังนั้นจึงปล่อยเขาไปหนึ่งครั้ง
แต่ตอนนี้ จางเจ๋อมาหาถึงที่อีกครั้ง คุกคามกู่ชิงเสวียนเหมือนอยากตาย
ตั้งแต่เล็กจนโต กู่ชิงเสวียนเป็นหัวแก้วหัวแหวนของกู่มู่สวีน อย่าว่าแต่ขู่เลย ไม่มีใครกล้าพูดกับเธอดังๆด้วยซ้ำ ถ้าดูในเจียงหนาน มีตระกูลไหนที่กล้าท้าทายตระกูลกู่
“หัวเราะ หัวเราะอะไร ไอ้คนหลอกลวง ถูกผมเปิดโปงยังหน้าด้านมานั่งขำอีก!” จางเจ๋อชี้ไปที่มู่เซิ่งและพูดด้วยความโกรธ
มู่เซิ่งยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า”ผมไม่ใช่คนหลอกลวง และนอกจากนี้ ทำไมคุณถึงเกลียดผมขนาดนั้น?”
“ผมก็แค่เป็นคนที่มีคุณธรรมที่ทนเห็นคนโกหกอย่างคุณไม่ได้ โกงเงินในนามของความมีน้ำใจไปทุกที่ มันเสียหน้าลูกผู้ชายเราอย่างเรา!” จางเจ๋อพูดอย่างเย็นชา
ช่างเป็นกับดักที่ใหญ่จริงๆ อันที่จริงแล้วจางเจ๋อแค่อิจฉาที่มู่เซิ่งไม่มีเงินและอำนาจ แต่ผู้หญิงไม่เคยขาด ความอิจฉาที่รุนแรงของเขาทำให้เขาก้าวออกมา
มู่เซิ่งทำได้เพียงผายมือออกอย่างช่วยไม่ได้”คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าผมเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ?ถ้าผมสามารถควักเงินเพื่อช่วยเหลือบ้านเอื้อเฟื้อได้ล่ะ?”
“คุณเอาเงินออกมาได้งั้นหรือ?งั้นหมูก็ปีนต้นไม้ได้ละ!” จางเจ๋อไม่เชื่อเลย
“ช่างเถอะ คุยกับคนอย่างคุณมันไร้ประโยชน์ ถ้าไม่อยากตายก็ออกไปซะ” มู่เซิ่งโบกมือ ขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับผู้ชายคนนี้ที่อยู่แต่โลกของตัวเอง
“หึ กลัวเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางเจ๋อก็เริ่มหยิ่งผยองและพูดว่า”กลัวว่าผมจะเปิดเผยตัวตนของคุณงั้นหรือ?ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณยอมที่จะคุกเข่าลงและขอโทษผมตอนนี้ ผมสามารถออกไปได้”
“ในเมื่อคุณหาที่ตายเอง ก็จงอยู่ที่นี่ซะ หวังว่าถึงตอนนั้นคุณจะไม่ร้องไห้ออกมานะ”มู่เซิ่งหันหน้าไปอีกทาง ขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอะไร
เมื่อเห็นท่าทางของมู่เซิ่ง จางเจ๋อก็ยิ่งโมโห ถึงตอนนี้แล้ว เขายังหล้ามาขู่ตัวเองงั้นหรือ
“กูกลัวมึงเหรอ?กูจะบอกมึงนะว่ากูเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ แค่กูพูดอะไรสักคำ ก็สามารถไล่มึงออกจากร้านอาหารได้แล้ว!” จางเจ๋อกล่าว
ในเวลานี้ ความโกรธในใจของกู่ชิงเสวียนถึงจุดสูงสุดแล้ว เธอไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน จางเจ๋อคนนี้เหมือนตัวเรือดตรงหน้าที่ขวางหูขวางตาเธอ
“เจ้าของร้าน คุณไสหัวเข้ามาซะ!”
กู่ชิงเสวียนตบโต๊ะอย่างแรง
“คุณหนูกู่ คุณ… มีอะไรหรือเปล่า?”เจ้าของร้านเดินเข้ามาจากประตู รู้สึกถึงบรรยากาศในห้อง ดูจะเย็นลงกว่าเดิมซึ่งทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
“ผู้ชายคนนี้บอกว่าเขาเป็นเพื่อนของคุณ ตอนนี้ ฉันต้องการให้คุณอธิบาย!”
กู่ชิงเสวียนชี้ไปที่จางเจ๋อ เสียงของเธอเยือกเย็นมาก