มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 314 แผนของเจียงมู่หลง
เมืองเจียงหนาน
บริษัทของเจียงมู่หลงก่อตั้งขึ้นนานแล้ว เสียเงินไปพันล้านเต็มๆ นอกจากนี้แล้วยังดึงพนักงานที่อยู่ในบริษัทเจียงหว่านมาเป็นจำนวนมาก เหมือนกับการย้ายบริษัทอย่างไรอย่างนั้น นอกจากเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่อยู่ของบริษัท ส่วนอื่นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย
ตอนแรกเจียงมู่หลงได้ใจเป็นอย่างมาก
เขามีทั้งเงินมีทั้งคน เหมือนดวงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นมา ตอนนั้นกดขี่บริษัทของเจียงหว่านเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาเข้าใจว่าจะล้มบริษัทของเจียงหว่านได้ ทำลายเจียงหว่านให้ย่อยยับ แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือระยะนี้เจียงหว่านสามารถแบกรับมันได้
นอกจากนี้เจียงหว่านยังกำลังเล่นงานกลับทีละนิด สองสามวันมานี้เจียงหว่านไม่อยู่บริษัท แต่ในบริษัทเขาเหมือนมีเทพนักรบจากสวรรค์โจมตีบริษัทของเจียงมู่หลงด้วยท่าทางเด็ดขาด โจมตีจนเจียงมู่หลงต้องถอยกรูด ทำได้แค่ปกป้องตัวเองเท่านั้น
นี่ทำให้จิตใจของแม่เจียงแย่มาก
“เจียงมู่หลง คนในบริษัทเจียงหว่านโผล่มาได้ยังไง ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป ต้องไม่ดีกับเราแน่นอน ถึงขั้นที่บริษัทอาจล้มละลาย” เฉินเสว่พูดในห้องทำงานอย่างร้อนใจ
เรื่องที่ลูกชายตัวเองก่อตั้งบริษัท ทำให้เธอดีใจมาก เดิมทีเฉินเสว่จะใช้เรื่องนี้เหยียบหน้าเจียงหว่านให้สาสม แต่ผลปรากฏว่าตอนนี้บริษัทเจียงหว่านไม่ได้พังพินาศ กลับมีแนวโน้มในการพัฒนา เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ เหนือกว่าบริษัทเจียงมู่หลงไปแล้ว มีท่าว่าจะเหยียบทุกบริษัทในเมืองเจียงหนาน
ในเมืองเจียงหนานนอกจากบริษัทเก่าแก่อย่างสปาหรงเหม่ย ไม่มีบริษัทไหนสามารถต้านทานบริษัทเจียงหว่านได้อีกแล้ว นี่ทำให้เฉินเสว่อิจฉาเป็นอย่างมาก
“ฉันไม่รู้” เจียงมู่หลงส่ายหน้า
เขาสืบหาคนพวกนี้ไม่ได้ว่ามาเมืองเจียงหนานได้ยังไง
“แล้วคนลึกลับที่อยู่เบื้องหลังนายล่ะ เขาอยากแก้แค้นมู่เซิ่ง ตอนนี้บริษัทของเจียงหว่านภรรยามู่เซิ่งมีแนวโน้มในการพัฒนาดีขนาดนี้ ถ้าเขาไม่จัดการ เราจะจัดการกับเจียงหว่านได้ยังไง” เฉินเสว่ถามอย่างร้อนใจ
จู่ๆ มีเงินโผล่มาอีกพันล้าน คนทั้งตระกูลเจียงพากันตกตะลึง แต่ความลับที่คนลึกลับปรากฏตัวออกมาอีกทั้งให้เงินเขาพันล้าน เจียงมู่หลงบอกแค่พ่อแม่เขาเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้หลังจากเจออุปสรรค เฉินเสว่จึงนึกถึงบุคคลลึกลับที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ล้นฟ้าที่อยู่เบื้องหลังเจียงมู่หลงขึ้นมาเป็นคนแรก
จากสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าจะเอาชนะเจียงหว่านอย่างเป็นทางการ เจียงมู่หลงไม่มีทางทำได้แน่นอน ต้องให้คนลึกลับเบื้องหลังเขาทุ่มเงินช่วยพันล้านหรือไม่ก็สองพันล้าน พวกเขาถึงจะทำได้
แต่เจียงมู่หลงไม่รู้ช่องทางติดต่อบุคคลลึกลับคนนี้ ถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายโทรมา เจียงมู่หลงก็ไม่มีวิธีติดต่อไป ถึงขั้นที่ตอนนี้คนลึกลับคนนี้จะช่วยได้หรือเปล่า เขาก็ยังไม่แน่ใจเลย
“ไม่มี ฉันไม่ได้ติดต่อเขานานแล้ว” เจียงมู่หลงกัดฟันพูด
“แล้วนายไม่รีบหาวิธีต่อล่ะ นายอยากเห็นเจียงหว่านเหยียบหัวเราจริงๆ หรือไง!” เฉินเสว่รีบพูด
เมื่อเจียงมู่หลงได้ยินประโยคนี้ ทำให้ดวงตาเขาแดงก่ำ
กว่าเขาจะทำให้ตัวเองอยู่ในสายตาคนตระกูลเจียงได้ สร้างบารมีขึ้นมา เขาไม่อยากให้ความพยายามเหล่านี้เปล่าประโยชน์
“ฉันไม่ยอม แต่ตอนนี้ยังมีวิธีอะไรอีกล่ะ แม่คิดว่านังร่านเจียงหว่านจัดการง่ายหรือไง ตอนนี้เธอไม่ได้มีแค่บริษัทเดียว แต่มีบริษัทเดิมแล้วก็บริษัทที่ท่านเจียงสามทิ้งไว้สองบริษัท ทุนที่อยู่เบื้องหลังพร้อมมาก ฉันจะทำให้พวกเขาล้มลงภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย” เจียงมู่หลงพูดด้วยสีหน้าโมโห
นี่ทำให้เฉินเสว่เคียดแค้นเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้เสียเงินเป็นพันล้าน ผลปรากฏว่าใช้เงินคืนไม่ได้ จึงทำได้แค่ขายบริษัท นี่คือความอับอายทั้งชีวิตของเฉินเสว่ เจียงไห่เทาจัดการเจียงหว่านไม่ได้ เธอจึงฝากความหวังกับลูกชายตัวเอง ให้เจียงหว่านคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าเธอ นี่คือหนึ่งในความฝันแสนยิ่งใหญ่ของเฉินเสว่
“แม่ไม่ต้องร้อนใจหรอก สถานการณ์ตอนนี้ทำได้แค่ผ่อนปรนความสัมพันธ์กับบริษัทของเจียงหว่าน จากนั้นค่อยแอบคิดวิธีจัดการเจียงหว่าน” เจียงมู่หลงพูดปลอบใจอยู่ข้างๆ
“ผ่อนปรนความสัมพันธ์งั้นเหรอ นายคิดว่าเจียงหว่านจะเชื่อเราอีกเหรอ” เฉินเสว่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น
ถ้าเรื่องนี้เธอต้องขอโทษและไปสำนึกผิดกับเจียงหว่าน ให้ตายยังไงเธอก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาด
“เรื่องนี้เข้าทางไอ้ขยะข้างกายเธอได้” เจียงมู่หลงเอ่ยขึ้น
“มู่เซิ่งเหรอ” เฉินเสว่ขมวดคิ้ว
ข่าวเกี่ยวกับมู่เซิ่ง ช่วงนี้ในเมืองเจียงหนานก็มีข่าวลือ อย่างแรกลือกันว่ามู่เซิ่งก็ยังเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง เป็นสวะของตระกูลเจียง ส่วนอีกอย่างกลับลือกันว่าตัวตนของมู่เซิ่งไม่ธรรมดา ข่าวลือแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองเจียงหนาน
แต่เฉินเสว่ไม่สนใจคำพูดเหล่านี้ ตัวตนของมู่เซิ่งไม่ธรรมดาอย่างนั้นเหรอ ถ้าเขามีความสามารถที่เก่งกาจจริงๆ คงไม่มาเป็นลูกเขยที่แต่งเขาตระกูลเจียงหรอก
แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่เฉินเสว่ดูถูกเจียงหว่านมาโดยตลอด จนทำให้เกิดเป็นความเคยชิน หรือจะพูดว่าภายในใจเธอไม่ยอมรับก็ว่าได้
ครอบครัวของเจียงหว่านที่โดนพวกเขาเหยียบหัวมาโดยตลอด จู่ๆ ก็กลายเป็นคนไฮโซ ไม่ว่ายังไงเจียงมู่หลงกับเฉินเสว่ก็ไม่มีทางรับเรื่องนี้ได้
“แม่วางใจเถอะ ตอนนี้แม่ทำเรื่องของตัวเองก็พอ เรื่องที่เหลือฉันจัดการเอง” เจียงมู่หลงเอ่ยขึ้น
“ได้ ถ้าต้องการอะไรก็บอกฉันกับพ่อนายได้เลย” เฉินเสว่พยักหน้า เธอไม่ค่อยรู้เรื่องของบริษัทเท่าไร ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก
……
มู่เซิ่งอยู่เป็นเพื่อนเจียงหว่านบนเกาะสองใจอีกหนึ่งวัน จากนั้นตามเหยาเผิงมาที่ท่าเรือ
“คุณมู่เอาเงินสดมาเท่าไร” จู่ๆ เหยาเผิงถามขึ้น
มู่เซิ่งไม่เข้าใจว่าเหยาเผิงถามแบบนี้ทำไม เพราะถึงเป็นต่างประเทศก็สามารถซื้อขายกันผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องพกเงินสดเยอะ เขาถามว่า “ฉันพกเงินสดมาหนึ่งหมื่น ตอนนี้คงไม่ค่อยมีคนพกเงินสดติดตัวแล้วมั้ง”
“เงินสดหนึ่งหมื่นก็ไม่เยอะเท่าไร แล้วทำไมเราถึงโดนคนสะกดรอยตามอีกล่ะ” เหยาเผิงอดพูดพึมพำไม่ได้
“โดนคนสะกดรอยตามเหรอ”
มู่เซิ่งขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง
เขาเห็นว่าด้านหลังเขามีรถสีขาวตามอยู่ไกลๆ แต่เขาไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายศัตรูอะไรเลย ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจรถยนต์คันนี้ เหยาเผิงกลับจับได้ก่อนซะอย่างนั้น
จากการที่ได้พูดคุยทำความรู้จักกันเมื่อวาน มู่เซิ่งกับเหยาเผิงสนิทสนมกันขึ้นมาก อย่างน้อยก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจกันเหมือนเมื่อก่อน ทั้งสองคนยังพูดหยอกล้อกันเป็นระยะด้วย
“คุณมู่จะให้ผมไปขวางไว้แล้วถามดูหน่อยไหม” เหยาเผิงมองรถยนต์คันนั้น แล้วพูดด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
มู่เซิ่งกำลังจะพูด
ขณะนั้นรถยนต์คันนี้หยุดลงตรงหน้าทั้งสองคน ประตูรถค่อยๆ เปิดออก……