มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง #บทที่ 375 เบี้ยของหยางเหม่ยหลิน
แต่ในเวลานี้ มู่เซิ่งขมวดคิ้วทันที เพราะเขาพบว่า ไม่นึกเลยว่าหยางเหม่ยหลินจะปรากฏตัวที่ร้านแผงลอยปิ้งย่าง
ไม่ต้องคิด หยางเหม่ยหลินต้องตามพวกเขามาอย่างแน่นอน
หยางเหม่ยหลินแตกต่างจากหยางฟางฟาง หยางฟางฟางดูบริสุทธิ์มาก แต่บนตัวของหยางเหม่ยหลิน มีความรู้สึกสวยหยาดเยิ้ม สาวสวยขนาดนี้เมื่อเดินเข้าร้านแผงลอยปิ้งย่าง ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายในทันที แม้แต่ชายร่างทรงใหญ่กำยำโต๊ะข้างๆก็ต้องเหลียวมอง ถึงได้ดื่มเหล้าต่อ
“นั่งแออัดกินปิ้งย่างในที่เล็กๆแบบนี้ ไม่รู้สึกสกปรกเลยหรือไง?”หยางเหม่ยหลินค่อยๆเดินไปตรงหน้าของมู่เซิ่ง ก้มหน้าพูด เธอเหลือบมองขวดเบียร์สกปรกและไม้เสียบต่างๆที่ทิ้งไปทั่วใต้เท้า ยกเท้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว กลัวจะโดน
คำพูดแบบนี้ ถ้าหากคนอื่นพูดออกมา คนเหล่านั้นคงจะโกรธอย่างแน่นอน แต่หยางเหม่ยหลินพูดกลับไม่อ่อนน้อมถ่อมตนเลยสักนิด เพราะเธอสวยมาก ยืนอยู่บนร้านแผงลอยปิ้งย่างนี้ มีความรู้สึกไม่เข้ากันเลยจริงๆ
เจ้าของร้านแผงลอยปิ้งย่างเช็ดมือ อยากถามหยางเหม่ยหลินว่ามาสั่งอาหารหรือเปล่า แต่กลับไม่กล้าเข้าใกล้ รู้สึกต่ำต้อยในใจ
หยางเหม่ยหลินมองไปรอบๆ ราวกับกำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกนี้ และพูดกับมู่เซิ่งว่า: “ฉันคิดว่า นายไม่ควรกินของที่นี่”
“งั้นฉันควรกินที่ไหน?”มู่เซิ่งถามอย่างราบเรียบ
“อย่างน้อยก็อยู่ที่โรงแรมห้าดาว ถึงจะคู่ควรกับฐานะของนาย” หยางเหม่ยหลินเอ่ยปากพูดในทันที
“พวกเราร่วมมือกัน เข้าสู่ในทีมเต่าดำด้วยกัน ในทีมเต่าดำ นายกับฉันมีอำนาจมากได้ แม้แต่เซียวจ้านหัวหน้าเซี่ย เจอกับนาย ก็ต้องเคารพนบน้อม”
“นอกเหนือจากนี้ ยังมียาด้วย”
“ฉันได้ยินน้องสาวฉันบอกว่า ยาของนายเป็นยาพิเศษมากที่นายกลั่นออกมาได้เอง ฉันสามารถใช้อำนาจทั้งหมดของตระกูลหยาง มาช่วยนายขายยา ขายได้หนึ่งเม็ดหนึ่งร้อยล้าน ไม่สิ สองร้อยล้านขึ้นไป ตระกูลหยางของเรา สามารถช่วยนายหาความมั่งคั่งที่นายไม่สามารถจินตนาการในชาตินี้ได้!”
หยางเหม่ยหลินพูดขึ้นมาอย่างยิ้มแย้ม พูดไปด้วย ยังยื่นมือไปจับแขนของมู่เซิ่งไปด้วย
เธอเชื่อว่ามู่เซิ่งจะต้องให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน ยังไงซะไม่มีใคร ปฏิเสธเงินมากมายขนาดนั้นได้หรอก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือ มู่เซิ่งโบกมืออย่างราบเรียบ และพูดว่า: “ฉันตกลงที่จะร่วมมือกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่? พูดตามตรง ฉันไม่สนใจทีมเต่าดำ และไม่ค่อยสนใจเงินด้วย”
“ฮ่าๆ ไม่มีใครไม่ชอบเงิน แค่จุดวิกฤติของแต่ละคนต่างกันเท่านั้นเอง มู่เซิ่ง นายน่าจะเพิ่งทำงานใช่มั้ย? ยอมที่จะจะเป็นเหมือนคนธรรมดาในชนชั้นแรงงานแบบนี้เหรอ?”หยางเหม่ยหลินฉีกยิ้ม คิดว่าคำพูดของมู่เซิ่งเป็นแค่ปากแข็งเท่านั้น
จากนั้น เธอยื่นมือชี้ไปที่ทุกคนซึ่งกำลังกินปิ้งย่างอยู่ข้างๆอย่างเหิมเกริม และพูดว่า: “ไอ้พวกคนจนกลุ่มนี้ เรียนหนังสือ เรียนมหาลัยตั้งแต่เล็กจนโต ต่อให้จะพยายามมากแค่ไหน ก็แค่คนจนที่ทำงานแปดชั่วโมงเท่านั้นเอง แต่งงานมีลูก น่าเบื่อ ชีวิตแบบนี้ นายอยากได้เหรอ?”
“ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้อาหารที่พวกเขากินในร้านแผงลอยปิ้งย่าง เป็นวัตถุดิบที่ไร้ค่าที่สุดและราคาถูกที่สุด หลังจากแปรรูปด้วยเครื่องปรุงรสคุณภาพต่ำ รสชาติของวัตถุดิบก็หายไปนาน ถ้าหากนายเคยลองไวน์ชั้นนำในประเทศฟา และเนื้อโกเบที่อร่อยที่สุดของญี่ปุ่น นายค่อยมากินเนื้ออย่างและเบียร์เหล่านี้ จะรู้สึกแค่ว่ามันกลืนยาก”
มู่เซิ่งทานเนื้ออย่างเสียบไม้ ไม่พูดอะไร
เหยาเผิงเย้ยหยัน ไวน์ชั้นยอดเหรอ? กูมีโรงกลั่นไวน์ที่ประเทศฟา! ทานปิ้งย่างคือความรู้สึกระหว่างเพื่อน ผู้หญิงอย่างหยางเหม่ยหลินที่แค่ปากหวานก้นเปรี้ยว พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก
อย่างไรก็ตามเมื่อหยางเหม่ยหลินเห็นมู่เซิ่งและเหยาเผิงไม่พูดอะไร คิดว่าพวกเขาพูดอะไรไม่ออก และยังคงพูดซ้ำเติมต่อไปว่า: “มู่เซิ่ง คิดถึงชีวิตในอนาคตของนายด้วยนะ ต่อให้นายจะไม่สนใจ ก็ต้องคิดถึงอนาคตด้วย และคนในครอบครัวของนาย นายอยากจะใช้ชีวิตในสถานที่ที่เหมือนท่อน้ำทิ้งแบบนี้ไปตลอดชีวิตเหรอ?”
เมื่อชายร่างกำยำทานปิ้งย่างได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความโกรธออกมา“เธอมีเงินก็จริง แต่เธอไม่จำเป็นต้องดูถูกคนขนาดนี้นะ?”
“นั่นน่ะสิ ถ้าหากเธอสูงส่งขนาดนั้น มีปัญญาก็อย่ามาขอร้องคนในสถานที่แบบนี้สิ”ผู้ชายอีกคนหนึ่งก็พูด
“ฉันดูถูกแกแล้วยังไง? เงินที่แกหามาได้ทั้งชีวิต ซื้อกระเป๋าในมือของฉันได้มั้ย?”หยางเหม่ยหลินพูดอย่างเยือกเย็น
ชายร่างกำยำคนนั้นสำลักทันที เขาเคยเห็นกระเป๋าของหยางเหม่ยหลิน มันเคยปรากฏในการประมูลทางโทรทัศน์มาก่อน ราคาหนึ่งล้าน สำหรับเขา เป็นราคาที่สูงเสียดฟ้าจริงๆ
หยางเหม่ยหลินไม่อย่าเสียเวลาส่วนตัวของคนกลุ่มนี้ หันหน้าไปพูดกับมู่เซิ่งต่อ: “มู่เซิ่ง ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันเลิกกับเซียวจ้านแล้ว”
มู่เซิ่งนิ่งไป“มันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเซียวจ้าน สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ของคนอื่นก็ไม่ได้ใส่ใจ หยางเหม่ยหลินเพื่อที่จะเอาใจตัวเอง ตั้งใจตัดขาดความสัมพันธ์กับเซียวจ้านงั้นเหรอ?
หยางเหม่ยหลินเคยเห็นความสามารถของมู่เซิ่งในโกดังมาก่อน แม้แต่ครูฝึกฝานหรงก็ชื่นชม ดังนั้นมุ่งมั่นว่าจะพามู่เซิ่งกลับไป ด้วยเหตุนี้ จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า: “มู่เซิ่ง ฉันรู้ว่านายชอบหยางฟางฟาง ตระกูลหยางไม่ยอมให้นายคบกับเธอไม่ใช่เหรอ”
เธอเงยหน้าขึ้นมา บนใบหน้าแดงเล็กน้อย “อันที่จริง ฉันก็ไม่ได้แย่กว่าหยางฟางฟาง……”
จากนั้น หยางเหม่ยหลินดึงเสื้อผ้าหลวมๆตรงหน้าอกเล็กน้อย เผยให้เห็นผิวขาวผ่อง และพูดว่า: “มู่เซิ่ง ขอแค่นายยอมกลับไปกับฉัน เอายามาเข้าร่วมกับตระกูลหยาง ฉันทำได้ทุกอย่าง……”
มู่เซิ่งอดไม่ได้ที่จะผงะ หยางเหม่ยหลินหมายความว่าอะไร? ตั้งใจจะยั่วเขาเหรอ?
“หยางฟางฟางไม่ได้บอกกับเธอหรือไง ฉันเป็นแฟนของหล่อน?”มู่เซิ่งอดไม่ได้ที่จะถามกลับ
“แล้วยังไง? นายคิดว่าฉันสวยมั้ย?”
คำพูดของหยางเหม่ยหลิน ทำให้มู่เซิ่งจ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าใหม่อีกครั้ง
คิ้วดั่งจันทร์เสี้ยว บอบบางสวยงดงาม จมูกโด่งเป็นสัน แก้มแดง บวกกับริมฝีปากที่พึ่งจะทาก่อนออกจากบ้าน หน้าอกขึ้นลง ขาเรียวยาวขาวเนียนทั้งสองข้าง ทุกส่วนของร่างกาย เปล่งปลั่งไปด้วยเสน่ห์ ทำให้ผู้คนหยุดไม่ได้
“ก็ใช้ได้”มู่เซิ่งพยักหน้าพูด แม้ว่าเขาจะไม่กล้าชื่นชมนิสัยของหยางเหม่ยหลิน แต่หน้าตา ไม่เป็นสองรองใครจริงๆ
ไม่อย่างนั้น จะมีคนตามจีบมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?
“ฉันรู้ว่าพวกผู้ชายก็เจ้าชู้กันทั้งนั้น นายเป็นแฟนของน้องสาวฉันแล้วยังไงล่ะ นายไม่อยากได้ทั้งหมดเหรอ? แม้ว่าฉันจะเป็นครั้งแรกอยู่ แต่ด้านนั้นของฉัน รู้เรื่องกว่าน้องสาวของฉัน…….”
คำพูดที่เย้ายวนใจพัดพาเข้าไปในหูของมู่เซิ่งพร้อมกับสายลมอันอบอุ่นในยามเย็น มู่เซิ่งก็อดไม่ได้ที่จะผงะ พูดแบบนี้ออกจากปากของคนสวยอย่างหยางเหม่ยหลิน ทำให้คนปฏิเสธได้ยากจริงๆ
“เป็นยังไงบ้าง? ขอแค่นายยอมกลับไปตระกูลหยางกับฉัน คืนนี้นายสามารถมาที่ห้องของฉันได้”หยางเหม่ยหลินเห็นเช่นนี้ ก็ตรงไปกอดมู่เซิ่งไว้
……