มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่380 ลูกพี่ของลูกพี่
มู่เซิ่งผงกหัว มองตรงไปที่กล่องไม้นั้น
กล่องไม้ที่เห็นทำจากไม้สีทองแดงเก่า ข้างในเป็นหินหยกใสแวววาว ภายในหินหยก มีใบไม้เป็นแผ่นใสวางนอนอยู่ใบหนึ่ง
ใบไม้ใบนั้นดูเหมือนมีจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิต อยู่ภายในหินหยก หายใจอย่างช้า ๆ ดูเหมือนเด็กทารกที่กำลังนอนหลับ
แววตามู่เซิ่งทอประกายความดีใจ นี่ก็คือปลาใบไม้มรกตของแท้ที่เขาต้องการจริง ๆ
และปลาพิเศษเป็นเฉพาะนี้ สุดแสนจะหายาก เพราะสภาพแวดล้อมที่จะเอื้อให้มีชีวิตอยู่ได้นั้นโหดมาก มีแต่ในป่าดึกดำบรรพ์ถึงจะหาได้ และปลาพวกนี้จะหลบอยู่ในน้ำลำธาร เหมือนใบไม้ที่ร่วงอยู่ จึงมีชื่อเรียกกันว่าปลาใบไม้มรกต
ปลาชนิดนี้ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ภายในตัวตนนั้นมีสภาวะของธาตุไม้อยู่มาก และเป็นตัวยาสำคัญชนิดพิเศษสุดของการปรุงยา แต่ด้วยความเป็นปลา เมื่อพ้นห่างออกจากสภาวะแวดล้อมที่เป็นอยู่ จะต้องเก็บรักษาอยู่ในหินหยก และก็จะเก็บอยู่ได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ ฉะนั้นราคาในตลาดจึงสูงล้ำ และหาได้สุดยาก
หากไม่ใช่จางเสวียนหลงอาศัยยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็ก สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในอาณาบริเวณเขตเมืองโดยรอบแล้ว คงยังยากที่จะหาตัวยาตัวนี้ได้
“คุณมู่ สมุนไพรตัวอื่น ๆ ผมก็ได้เอาไว้อยู่ในลังไม้นี้แล้ว แต่สมุนไพรทั้งหมดสิบเจ็ดอย่าง พวกเราหามาได้แค่สิบหกอย่าง ยังมีอีกอย่างหนึ่ง พวกเราก็หาพบแล้ว แต่จะไปเอามาให้ได้นั้นยากมาก คงจะมีแต่คุณถึงจะไปเอามาได้ เพราะฉะนั้นผมก็ได้เขียนเส้นทางและวิธีการทั้งหมดไว้ในกระดาษจดบันทึกแล้ว และขอมอบให้คุณทั้งหมดนี้”
จางเสวียนหลงพูดรายงานต่อ
มู่เซิ่งผงกหัว จางเสวียนหลงถึงแม้จะมีอำนาจบารมีที่สูงส่งมากก็จริงอยู่ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าสัมผัสถึงได้ เป็นต้นว่าเรื่องของนักเสวียน จางเสวียนหลงไม่มีทางที่จะเข้าสัมผัสถึงได้เลยแน่นอน ต้องให้เขาไปจัดการเองนั้นจึงถือเป็นเรื่องถูกต้องสมควร
“ใช่แล้วคุณมู่ ระยะนี้ในตลาด ผลการประมูลขายยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กนั้นดีมากเป็นพิเศษ มีเหล่าบรรดาเศรษฐีอิทธิพลไม่น้อยเสนอขอพบปะสังสรรค์กับคุณ เรื่องนี้น่าจะเป็นผลดีกับอนาคตที่จะช่วยพวกเราในการขยายกิจการธุรกิจอย่างมาก คุณมู่ท่านมีความเห็นว่ายังไงครับ?” จางเสวียนหลงถามขึ้นมา
เรื่องยาชำระล้างไขกระดูกตัวนี้ถึงยังไงก็เป็นธุรกิจระดับหมื่นล้าน พวกคนระดับบิ๊กพวกนี้ถึงแม้ยอมรับในสรรพคุณของตัวยา แต่ก็ยิ่งอยากที่จะได้พบเห็นให้รู้ว่าคนปรุงผลิตยาตัวนี้เป็นใคร
“ก็ได้นะ เดี๋ยวผมลองจัดหมายกำหนดการดู เอาเป็นอาทิตย์หน้าก็แล้วกัน” มู่เซิ่งผงกหัวพูดไป
จางเสวียนหลงรับคำสั่งในทันที พูดว่า “ได้ครับ ในเจียงหนานหรือเมืองหนานเจิ้นนี่ สถานที่ให้คุณมู่เซิ่งจัดมาเลย ถึงเวลานั้นผมก็จะสั่งการลงไปเอง”
“ลำบากคุณหน่อยนะ” มู่เซิ่งผงกหัวพูด
“ไม่มีอะไรลำบากหรอกครับ ได้รับใช้คุณมู่ ถือว่าเป็นวาสนาของผม!” จางเสวียนหลงรีบพูดขึ้น ด้วยสีหน้าส่อชัดในความเคารพนับถือ
ฐานะของเขาในเวลานี้ ให้ถึงตระกูลอันดับหนึ่ง เห็นเขาก็ยังต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างพินอบพิเทา แต่เดิมของเขานั้น ก็เพียงแค่หัวหน้าแก๊งเล็ก ๆ ในเมืองเจียงหนานเท่านั้นเอง
ด้วยเพราะมู่เซิ่งช่วยสร้างเสริมฐานะให้เขา หลังจากถล่มไป๋เมี่ยนเซียวล่มสลายไปแล้ว คงความเป็นใหญ่อยู่คนเดียว การที่ได้มีวันนี้ ไม่มีมู่เซิ่ง ก็ไม่มีทางจะมีจางเสวียนหลง
ฉะนั้น จางเสวียนหลงจะวางตัวอยู่ในสติตลอดทุกเวลา ว่าเขาก็คือลูกน้องของมู่เซิ่ง
“ออกไปก่อนเถอะ”
มู่เซิ่งโบกมือ
จางเสวียนหลงลาจากไปด้วยความเคารพ
รอจนจางเสวียนหลงจากออกไปพ้นแล้ว เขาก็ให้เหยาเผิงขนเอาเตากลั่นยาออกมา อยู่คนเดียวในห้อง ส่วนเหยาเผิงก็ให้ออกไปอยู่ข้างนอกคอยเฝ้ายืนยามให้มู่เซิ่ง ป้องกันคนไม่รู้เหนือรู้ใต้โผล่เข้ามา จะเป็นการรบกวนมู่เซิ่งในเวลานี้
จากคำบอกเล่ากันของคนภายนอก ปลาใบไม้มรกตนี้มีวงจรชีวิตสั้นมาก เมื่อพ้นจากธารน้ำมาแล้ว จะต้องรีบทำการเข้ายา มิฉะนั้นความวิเศษในตัวจะหมดไปในเวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ไม่มีวิธีอะไรที่จะเก็บรักษาได้ทั้งนั้น เพราะเหตุนี้จางเสวียนหลงถึงได้เร่งร้อนขนาดนี้ พอประมูลซื้อมาได้ ก็รีบนำส่งมอบให้มู่เซิ่งอย่างทันที ทั้งยังกลัวปลาใบไม้มรกตจะพลาดตกหาย ต้องเฝ้ากอดไว้ที่ตัวคอยดูแลตลอดเวลา
แต่ใน《ตำราทองตำนานเสวียน》ที่มีการแนะนำเกี่ยวกับปลาใบไม้มรกตนั้น กลับมีอะไรแตกต่างออกไปอยู่บ้าง
ปลาใบไม้มรกตถึงแม้มีปัญหากรณีสรรพคุณหายไปหมดได้ในเวลาจำกัด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวิธีป้องกัน ขอเพียงจัดการปรุงกลั่นปลาใบไม้มรกตนั้นให้เป็นยาเม็ดได้ ก็จะบล็อกสรรพคุณอันวิเศษนั้นไว้ได้ สามารถยืดเวลาไปได้อีกสองเดือน เก็บไว้ได้จนกว่าจะปรุงกลั่นยาตามต้องการแล้ว จึงค่อยนำเอายาเม็ดนั้นออกมาใช้ปรุงกลั่น
ใช้ยาเม็ดมาทำยาเม็ด นี่เป็นหลักวิชาตามทักษะความสามารถพื้นฐานของนักกลั่นยาระดับสาม
แน่นอนที่สุด ทักษะความสามารถของมู่เซิ่งขณะนี้ ยังไปไม่ถึงขอบขีดระดับนักกลั่นยาระดับสาม ต้องให้เขาสามารถปรุงกลั่นยาให้ได้ยาลายวงสามชั้น จึงจัดได้เป็นนักกลั่นยาระดับสาม
ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยอื่น นั้นก็คือสมุนไพรที่จะเอามาใช้ในการปรุงกลั่นยาระดับที่สาม หายากมาก มู่เซิ่งถึงตอนนี้ก็ยังรวบรวมได้ไม่ครบ
“แต่ว่าตัวยาเม็ดฟื้นฟูสามขั้นนี้ รอให้ผมปรุงกลั่นออกมาได้แล้ว ก็คือเวลาของการฝึกบำเพ็ญกับวิชาปรุงยาได้ทะลุเข้าในขั้นที่สามพร้อม ๆ กัน”มู่เซิ่งยื่นมือออกไป จับเอาปลาใบไม้มรกตมาไว้ในมือ ปลาสีเขียวดังหยาดหยกขยับตัวเบา ๆ ในฝ่ามือของเขา มู่เซิ่งรับรู้จากสัมผัสได้ถึง ความวิเศษในตัวนั้นไหลสูญไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เขาก็เอาตัวยาสมุนไพรหลากหลายในห่อสัมภาระออกมา โยนใส่เข้าไปในหม้อกลั่นยา
ปลาใบไม้มรกตก็ได้ถูกประกายไฟกลืนหายไปพร้อมกับสมุนไพรพวกนั้นในพริบตา พลังเสวียนที่ดูเหมือนเป็นวัตถุที่เป็นรูปร่าง ไหลวนเวียนอย่างช้า ๆ ในหม้อกลั่นยา รวมตัวกันขึ้นมาเป็นรูปร่าง
มู่เซิ่งจ้องติดอยู่กับหม้อกลั่นยา ใจจดใจจ่ออย่างที่สุด
ยาเม็ดนี้แม้เป็นเพียงลูกยาเม็ด แต่ความยุ่งยากในขั้นตอน ก็ไม่ได้น้อยเอาเสียเลย
และในขณะเดียวกันนี้
กัวเฉิงที่อยู่หน้าโรงแรม ยืนพินอบพิเทาอยู่ข้างหน้าจางเสวียนหลง ท่าทางบนในหน้า แสดงออกอย่างกลัวเกรงเป็นที่สุด
“ท่านหลง ผม ผม…..” คนไม่ธรรมดาในสังคมข้างนอกอย่างกัวเฉิง ตอนนี้อยู่ต่อหน้าท่านหลง กลับตื่นตระหนกจนพูดอะไรไม่ออก
“ฮึ คราวนี้มู่เซิ่งไม่เอาเรื่อง ข้าก็ไว้ชีวิตแกไปครั้งหนึ่ง ถ้ายังมีครั้งหน้า ในเมืองหนานเจิ้น ก็จะไม่มีตระกูลกัวของแกเหลืออยู่อีกต่อไป” จางเสวียนหลงฮึเสียงเยือกออกจมูกพูดไป ก่อนจะมานี้ เขาสู้อุตส่าห์กำชับแล้วถึงฐานะของมู่เซิ่ง ใครจะคิดได้ว่าจะมีไอ้คนไม่มีตาไว้ดู ดันยังกล้ามากระทบกระทั่งมู่เซิ่งได้
นี่มันพวกอยู่จนเบื่อจะมีชีวิตแล้วจริง ๆ
“ครับ ๆ ผมต่อไปจะไม่ให้เกิดอีกเด็ดขาดแล้ว ต่อไปผมจะอบรมดูแลลูกของผมให้ดี!” กัวเฉิงผงกหัวพูดตอบรับ ความหวาดกลัวที่ส่อออกมาทางแววตา ล้นหลามกว่าที่จะอธิบายได้
“เอาเถอะ คุณมู่กำลังกลั่นยาอยู่ข้างใน รีบไสหัวไปเถอะ อย่ามาให้มีเรื่องกวนใจคุณมู่” ท่านหลงพูด
กัวเฉิงไหนเลยจะกล้าอยากอยู่ต่อ ออกไปจากโรงแรมแบบว่าวิ่งหนีก็ว่าได้ รีบกลับไปยังคฤหาสน์ของตัวเอง
ส่วนกัวปู๋เจิ้นก็ได้ไปโรงพยาบาลทำแผลพันห่อเข้าเฝือกแบบทั่ว ๆ ไปกลับมาแล้ว เห็นคุณพ่อกลับมา ก็ยังทำโอดครวญอย่างเจ็บปวด ถามไปด้วยเสียงอย่างดังว่า “คุณพ่อ คุณมู่นั่นเป็นใครกัน ถึงขนาดเชิญคุณพ่อมาได้?ทั้งยังให้พ่อกระทืบผมได้อีก”
จะให้กัวปู๋เจิ้นไปหาเรื่องกับมู่เซิ่งคงไม่กล้าแล้ว แต่เขาก็ยังอยากรู้ มู่เซิ่งนั้นอยู่ในฐานะอะไร ถึงขนาดเรียกใช้คุณพ่อเขาได้
“แกไอ้ลูกทรพี ยังกล้ามาพูดมาก?” พอเจอหน้ากัวปู๋เจิ้น อารมณ์ของกัวเฉิงก็ขึ้นแบบไม่รู้อัดมาจากไหนพร้อม ๆ กัน พูดเสียงหนาวเยือกไปว่า “เขา เป็นลูกพี่ของลูกพี่ของกู ไม่ใช่เขาเชิญกูมา แต่ที่กูทำงานให้เขา นั่นเป็นเกียรติของกู มึงรู้ไหม?”
ได้ยินที่พูดมานี้ กัวปู๋เจิ้นชะงักอึ้ง ถามไปจากจิตสำนึก “ลูกพี่ของลูกพี่?”
พ่อของเขาร้ายกาจขนาดนี้ จัดได้ว่าเป็นบุคคลชั้นสุดยอดในเมืองหนานเจิ้นแล้ว ลูกพี่ของลูกพี่ของเขา แล้วจะร้ายกาจขนาดไหน?
กัวปู๋เจิ้นก็ถึงขนาดนึกไม่ทันในทันทีนั้น!
“ลูก พ่อถามหน่อย สองปีนี้ ตระกูลของพวกเรา ใช่ไหมว่ารุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็ว จากบ้านตระกูลอันดับสองก้าวกระโดดชึ้นมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง?”
กัวปู๋เจิ้นผงกหัวพูดไปว่า “ใช่ครับ ผมก็คิดอยู่ว่าคุณพ่อต้องไปเจออะไรฟลุ๊ค ได้กำไรเป็นเงินก้อนใหญ่จากธุรกิจ พวกคู่แข่งที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นล่มสลายไป ทำให้ตระกูลของเรา ก้าวขึ้นโดยตรงเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง”
“แกลองคิดดูอีกที” กัวเฉิงพูดต่อ
กัวปู๋เจิ้นอึ้งงัน
ให้คิดดูอีกที?
หรือในนั้นมีเรื่องอะไรเป็นนัยแฝงอยู่?
แต่เป็นเรื่องจริงที่คุณพ่อของเขาในช่วงหลังใกล้ ๆ มานี้ จู่ ๆ ก็เหมือนได้รับการช่วยจากเทวดา ได้ผ่านขั้นตอนวิกฤตหลายประเด็นอย่างไม่มีการสูญเสียแม้แต่น้อย ฟาดฟันฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งยังได้รับการต้อนรับจากมู่ซื่อกรุ๊ป พาเอากิจการรุ่งเรืองมาถึงทุกวันนี้
ท่านหลงท่านนี้ ก็เป็นผู้ที่เอื้อประโยชน์ให้ตระกูลของพวกเขาเป็นอย่างมาก
และในชั่ววูบเดียวนี้ กัวปู๋เจิ้นคิดถึงเรื่องอะไรที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมาได้ในทันที นัยน์ตาผลุบลง ถามออกมาด้วยเสียงสั่นพร่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของมู่เซิ่งคนนั้นหรือ?”
“นับว่าแกยังไม่โง่ไปถึงที่สุด” กัวเฉิงสะบัดเสียงฮึอย่างหนาวเยือก ตอนที่เขาได้ยินการสรุปเหตุการณ์เรื่องนี้จากท่านหลง ความรู้สึกสะท้านใจ ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าความรู้สึกของลูกในตอนนี้ เขาจึงพูดออกมาเสียงเยือกว่า “ระดับของคุณมู่นั้นไม่ใช่แค่ที่แกจะคิดได้ ขอให้แกรู้ไว้ แค่คำพูดคำเดียวของเขา ก็สามารถทำให้ตระกูลของพวกเรานี้ ไม่มีเศษซากเหลืออยู่ในเมืองหนานเจิ้น แกเข้าใจมั้ย?”
“กร้วก——”
กัวปู๋เจิ้นกลืนน้ำลายลงคอไปเอื้อกใหญ่ เหงื่อเม็ดโป้งใหญ่ ไหลหยดออกมาจากหน้าผากราวกับฝนตก
คำพูดคำเดียว ก็ทำให้ตระกูลของพวกเขาไม่มีเศษซากเหลืออยู่
เป็นพลังอิทธิพลที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน?
“ต่อไปถ้าขืนไปกระทบกระทั่งเขาอีก จะไม่จบลงง่าย ๆ แบบวันนี้อีกแล้วนะ” กัวเฉิงทิ้งท้ายคำนี้ไว้แล้ว ก็หันตัวเดินกลับไปที่ห้อง เขายังมีธุระต้องทำอีก
การประชุมสัมมนากลุ่มเศรษฐีอิทธิพล เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิก รับผิดชอบในการประสานงานกับกลุ่มเศรษฐีแถบเมืองหนานเจิ้นนี้
กัวปู๋เจิ้นยังคงอยู่บนโซฟา ความรู้สึกนั้นหนาวเยือกเหน็บชาไปทั้งแขนขา ถึงจะดื่มน้ำที่วางมาอยู่บนโต๊ะ ก็ยังกระหายจนปากลิ้นแห้งผาก นัยน์ตาพร่ามัว
หัวใจของเขา เต้นตูมตามอยู่อย่างรุนแรง
ตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจ มาถึงตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง มู่เซิ่งคนนั้น เป็นลูกพี่ของท่านหลง ตระกูลอันดับหนึ่งที่พวกเขาภาคภูมิใจอยู่นี้ กลับสร้างขึ้นมาด้วยคำพูดเพียงคำเดียวของมู่เซิ่ง
นี่เป็นพลังอิทธิพลที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน
ย้อนคิดกลับไปถึงภาพเหตุการณ์ที่ไปกระทบกระทั่งมู่เซิ่ง กัวปู๋เจิ้นถึงกับเข่าอ่อน คุณพ่อตบตีได้ดีแล้ว เขารู้สึกว่าที่คุณพ่อตบตีมายังเบาไปเสียอีก ไร้ความจริงใจ อีกไปกระทบกระทั่งคนระดับนี้ แม้ให้ต้องถูกกระทืบจนขาหักแขนหัก เขาก็คงยังว่าเบาไป
นิ่งอึ้งในความคิดอยู่นาน กัวปู๋เจิ้นจึงค่อยสงบสติลงได้ เหงื่อเปียกเสื้อผ้าชุ่มตัวจนหนาวเยือก แต่ความรู้สึกต่อมู่เซิ่งด้วยความเคารพนับถือ ไม่มีลดลงแม้แต่น้อย
ในสมองของเขา เงาหลังของมู่เซิ่ง จากเดิมที่ดูเป็นอย่างต่ำต้อยได้กลายเป็นภูเขาสูงตระหง่าน ลูกพี่ของลูกพี่คุณพ่อ เพียงแค่ฐานะขนาดนี้ ก็เกินพอที่เขาจะคุกเข่าหมอบกราบอย่างศิโรราบแล้ว!
“เฮอะ ๆ นังแพศยาอย่างหยางเหม่ยหลินนั่นยังกล้าจะไปกระทบกรัทั่งมู่เซิ่งอีก ช่างไม่รู้จักตายเสียแล้ว!” กัวปู๋เจิ้นแค่นหัวเราะพูดเหยียด ๆ ตระกูลหยางอย่างดีก็เหนือกว่าตระกูลพวกเขาแค่เศษเสี้ยวเดียว เป็นตระกูลอันดับหนึ่งดั้งเดิม แต่ก็ไม่มีทางไปเทียบกับมู่เซิ่งได้อย่างสิ้นเชิง กัวปู๋เจิ้นก็จะรอดูละครสนุก ๆ ไป
ส่วนการคิดจะไปเตือนหยางเหม่ยหลินหรือ?
ไม่มีทางที่เขาจะทำ!
ที่กัวปู๋เจิ้นไปกระทบกระทั่งกับมู่เซิ่ง ก็มีสาเหตุมาจากหยางเหม่ยหลิน ตอนนี้กัวปู๋เจิ้นแทบอยากจะเห็นหยางเหม่ยหลินตายไปต่อหน้าต่อตาด้วยซ้ำ เรื่องอะไรที่จะไปเตือนเธออีกทำไมเล่า?
“ฮ่า ๆ ไอ้เด็กจน ๆ หยางเหม่ยหลิน นี่หรือไอ้เด็กจน ๆ ที่แกเรียก?” กัวปู๋เจิ้นถอนหายใจยาว ความแค้นที่เก็บไม่อยู่ทอออกมาจากแววตา
เขาเหมือนกับกำลังมองเห็นหยางเหม่ยหลินกับตระกูลหยางอันเป็นแบล็กกราวด์ของเธอ พังไม่เป็นท่าอยู่เบื้องหน้ามู่เซิ่ง และแววตาที่ไม่อยากเชื่อของหยางเหม่ยหลิน
นั่นคงจะมันสะใจจริง ๆ!