มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง – บทที่ 403 เบอร์ติดต่อของประธานเหยา

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 403 เบอร์ติดต่อของประธานเหยา

พวกลูกหลานตระกูลเศรษฐีเหล่านั้นที่เดิมทีกำลังจะพูดคุยกับมู่เซิ่ง เมื่อได้ยินหยางเหม่ยหลินเอ่ยถึงสถานะของมู่เซิ่งแล้ว ก็แสดงสีหน้าท่าทางที่รังเกียจขึ้นในทันที แล้วก็พากันถอยหลังออกมา

มือของโจวจวิ้นเจี๋ยที่ค้างอยู่กลางอากาศนั้นก็ได้เก็บคืนกลับเข้ามา และพูดขึ้นด้วยถ้อยคำที่ถากถางว่า: “พูดกันแล้วไม่ใช่เหรอว่า คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ อย่างน้อยจะต้องเป็นตระกูลอันดับสอง แต่ไม่ใช่ว่าคนของตระกูลอันดับสองคนไหนก็สามารถมาเข้าร่วมงานได้”

“ถูกต้อง” ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ชื่อจางเพ่ยเพ่ยก็พูดเสริมต่อว่า: “ตระกูลอันดับสองชั้นสูงกับตระกูลอันดับสองรั้งท้าย มันเหมือนกันเหรอ อย่างตระกูลของพวกเราถึงแม้จะเป็นตระกูลอันดับสอง แต่รายได้ต่อปีก็สามารถที่จะใช้หลักร้อยล้านมาคำนวณได้ ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลอันดับหนึ่งเท่าไรเลย”

“นั่นน่ะสิ ตระกูลจางแห่งตงเหอของพวกเธอคาดว่าใกล้ที่จะเลื่อนขั้นขึ้นสู่ตระกูลอันดับหนึ่งแล้ว”

“ใช่สิ ก่อนหน้านี้ฉันเคยได้ยินมาว่า อีกไม่กี่ปี ตระกูลอันดับหนึ่งก็จะยอมรับสถานะตระกูลจางของพวกเธอแล้ว”

“คุณจาง คุณมาเปรียบเทียบกับไอ้คนนี้ มันช่างลดระดับสถานะของคุณโดยสิ้นเชิง”

คนเหล่านี้ทยอยกันเอ่ยปาก และต่างก็พูดกันแต่สิ่งที่ไม่น่าฟัง แม้ว่าจะเป็นเพียงคำพูดด้านเดียวของหยางเหม่ยหลิน แต่พวกเขาก็เชื่อว่า มู่เซิ่งก็คือลูกเขยที่แต่งงานแล้วมาอยู่กับฝ่ายหญิงของตระกูลอันดับสอง ซึ่งคาดว่าสถานะลูกเขยนี้ก็ได้มาอย่างไม่ค่อยจะชัดเจนสักเท่าไรนัก

พวกเขาคิดกันว่า คนอะไรกันถึงจะไปเป็นลูกเขยที่มาอยู่กับฝ่ายหญิงอ่า

นั่นคงจะเป็นคนที่ยากจนค่นแค้น และเป็นหนุ่มหน้าใสเท่านั้นถึงจะไปเป็นลูกเขยที่มาอยู่กับฝ่ายหญิง คนประเภทนี้ช่างเป็นความอับอายในกลุ่มของผู้ชายยิ่งนัก โดยแบกรับคำว่าเกาะผู้หญิงกิน เอาไว้ในตัวอย่างแท้จริง

เพียงแต่ในตอนนี้ติดอยู่กับเกียรติและหน้าตาของหยางฟางฟาง พวกเขาจึงไม่ได้พูดสิ่งเหล่านี้ออกมาโดยตรง แต่ภาพความรู้สึกที่พวกเขามีต่อมู่เซิ่งนั้น มันย่ำแย่จนไม่สามารถพูดออกมาได้ตั้งนานแล้ว

“ฮึ ช่างเป็นแมลงวันที่น่ารำคาญ ไม่เห็นคุณค่าความหวังดีของผู้อื่นเสียจริง” หยางเหม่ยหลินเขย่านาฬิกาหรูที่มือ และพูดขึ้นอย่างรำคาญใจ

คนประเภทนี้อย่างมู่เซิ่งเธอรู้และเข้าใจดีเป็นที่สุด

ทั้งที่ขาดแคลนเงิน แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาโดยตรง และยังจงใจแกล้งทำเป็นคนดีมีจิตใจสูงส่ง ซึ่งถ้าไม่ใช่แบบนี้ แล้วตอนคัดเลือกของสี่องค์กรใหญ่นั้น ทำไมมู่เซิ่งถึงต้องไปแล้วก็ย้อนกลับมาด้วยล่ะ?

แน่นอนว่าเขาอายไม่กล้าจะเข้าร่วม แล้วแอบไปพูดคุยปรึกษาผลลัพธ์กับทางครูผู้ฝึกฝานหรง

หยางฟางฟางเองก็ร้อนใจไม่เป็นสุข ทำไมทุกครั้งที่พามู่เซิ่งมา ทุกคนถึงต้องมุ่งเป้าเล่นงานเขาด้วยล่ะ มู่เซิ่งเองก็ไม่เคยไปก่อเรื่องอะไรกับพวกเขา แต่เหมือนกับว่าทุกคนต่างก็ยอมรับในตัวของมู่เซิ่งไม่ได้

หยางฟางฟางที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในสังคมมาก่อนไม่รู้อย่างแน่ว่า ในสายตาของคนรวยแล้ว บางครั้งความจนก็เป็นความผิดอย่างหนึ่ง

เซียวจ้านยิ้ม แล้วก็แกล้งทำเป็นใจกว้างและเดินออกมาพูดว่า: “พอเถอะ มู่เซิ่งก็มาแล้ว ไม่เห็นจะเป็นไรไป ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นเพื่อนของฟางฟางของฉัน หวังว่าพวกคุณจะไม่ทำให้เขาต้องทำตัวลำบากเลย”

“ในเมื่อพี่เซียวพูดแบบนี้แล้ว พวกเราก็รับฟังอย่างแน่นอน”

“งั้นก็ได้ พวกเราพูดคุยเรื่องอื่นกันเถอะ”

ทุกคนหัวเราะฮ่าฮ่า เรื่องที่เซียวจ้านชื่นชอบหยางฟางฟางใครบ้างล่ะที่ไม่รู้? ดังนั้นพวกเขาต่างก็ถือว่าให้เกียรติต่อหน้าของเซียวจ้าน

เพราะนอกจากเซียวจ้านจะมีสถานะเป็นคนในสี่องค์กรใหญ่แล้ว ยังจะมีอีกสถานะหนึ่ง นั่นก็คือลูกหลานของตระกูล ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้

“ใครเป็นคนตระกูลเดียวกับนายล่ะ เซียวจ้าน ฉันเตือนนายไว้นะว่าอย่าได้เรียกฉันว่าฟางฟางอีก! ” หยางฟางฟางจ้องเขม็งใส่เซียวจ้าน ไอ้คนนี้ช่างหน้าด้านยิ่งนัก ทั้งที่หลังจากถูกมู่เซิ่งชกจนล้มกองลงไปแล้ว ไม่นึกว่ายังจะกล้ามาคุกคามตัวเองอีก

พวกลูกหลานเศรษฐีนั้นได้แต่หัวเราะโดยไม่พูดอะไร ถือซะว่าเป็นการล้อเล่นสนุกสนานกันของเซียวจ้านกับหยางฟางฟางไปแล้ว

หยางฟางฟางอดเศร้าใจไม่ได้ อยากที่จะเอ่ยปากพูดขึ้น แต่ก็กลัวว่ายิ่งอธิบายก็ยิ่งจะบานปลาย ทำได้เพียงมองไปยังมู่เซิ่งด้วยความไม่พอใจ

เห็นมู่เซิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเฉยเมย โดยที่ไม่ได้มาเข้าร่วมด้วย ในสภาพที่ตัดขาดจากโลกภายนอก หยางฟางฟางเองก็โมโหขึ้น ไอ้คนนี้อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นแฟนของตัวเองอย่างที่ทราบกันโดยทั่วไป อีกทั้งเธอยังเป็นคนพาเข้ามาด้านในงานด้วย แต่ทำไมถึงไม่ช่วยตัวเองพูดแก้ตัวอะไรบ้างเลยล่ะ

เวลานี้ หยางเหม่ยหลินก็พูดขึ้นว่า: “ใช่แล้ว พวกเธอได้ยินข่าวการจัดงานเลี้ยงเศรษฐีที่ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้วหรือยัง? ”

คนในสถานที่แห่งนี้ต่างก็เป็นคนในตระกูลอันดับสอง โดยตระกูลอันดับหนึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่คน ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงเศรษฐีแบบนี้ และแน่นอนว่าจะต้องให้ความสนใจค่อนข้างมากด้วย

“ฉันรู้แล้ว” โจวจวิ้นเจี๋ยเอ่ยปากพูดขึ้นเป็นคนแรกว่า: “ตอนนี้ผู้ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลจากมณฑลอื่นได้มาถึงที่นี่กันไม่น้อยแล้ว อย่างน้อยก็เป็นบุคคลระดับเจ้าบ้านของตระกูลอันดับหนึ่ง ถึงขนาดที่เหนือกว่าตระกูลอันดับหนึ่งก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศตงหัวที่จัดขึ้นในช่วงเวลานี้แล้ว”

“ใช่เลย แต่เหมือนว่าคนจากตระกูลอันดับสองอย่างมู่เซิ่งนี้ คาดว่าจะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมแล้ว”

“ไม่แน่นะ ฉันได้ยินมาว่าที่หนานเจิ้นมีตระกูลอันดับสองในพื้นที่ ซึ่งไม่นึกว่าจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วยแล้ว” มีคนพลันพูดขึ้น

“จริงหรือเท็จกันแน่? ”

ได้ยินคนพูดกันถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็พลันตื่นเต้นดีใจกันขึ้น

เพราะว่าคนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงนั้น ต่างก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลในแต่ละสาขาอาชีพ หากว่าพวกเขาสามารถเข้าร่วมงานได้ นั่นถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากเลย ถ้าหากโชคดีสามารถผูกมิตรกับผู้ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลคนใดคนหนึ่งแล้ว พูดได้ว่าต่อไปก็คงจะเจริญรุ่งเรืองเป็นแน่แล้ว

“ฉันเองก็เคยได้ยินมาแล้ว ฉันได้ยินมาว่าคนนั้นรู้จักกับประธานเหยาที่เป็นผู้รับผิดชอบ และยังคิดแผนการที่สุดพิเศษอย่างหนึ่งขึ้นโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงมีสิทธิที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงเศรษฐีครั้งนี้ได้ ถ้าหากพวกเธออยากที่จะเข้าร่วมงาน จำต้องได้รับการตกลงยินยอมจากประธานเหยาก่อน” คนที่รู้รายละเอียดนั้นได้พูดขึ้น

เมื่อทุกคนได้ฟังแล้ว ก็รีบสอบถามเบอร์ติดต่อประธานเหยาคนนั้นกันยกใหญ่

“ฉันมีเบอร์ติดต่อของประธานเหยา แต่ประธานเหยาจะไม่เพิ่มรายชื่อของคนทั่วไป ถึงแม้จะให้พวกเธอไปแล้ว พวกเธอก็ไม่สามารถที่จะเพิ่มรายชื่อของเขาได้” เวลานี้คนผู้นั้นพูดขึ้นอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

ตอนนี้คำว่าประธานเหยา เรียกได้ว่าเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ไปทั่วมณฑลหนานเจิ้นและมณฑลเป่ยเหอกี่แห่งนี้แล้ว หากมีเบอร์ติดต่อของประธานเหยาก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาโอ้อวดต่อหน้ากลุ่มเพื่อนได้บ้างแล้ว

“พานจื้อเหว่ย นายรีบเอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย”

“ใช่สิ ฉันเชื่อว่าประธานเหยาจะต้องเพิ่มชื่อของฉันเข้าไปแน่”

“ก็ใช่น่ะสิ พี่จื้อเหว่ย หากว่าสำเร็จแล้ว ฉันจะเลี้ยงอาหารพี่มื้อใหญ่เลย คิดจะทำอะไรก็ได้! ”

คนกลุ่มนั้นพูดกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง แม้ว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงเศรษฐีไม่ได้ แต่หากสามารถผูกมิตรกับประธานเหยาได้ นั่นก็สามารถทำให้รุ่งเรืองร่ำรวยได้เหมือนกัน โอกาสแบบนี้พวกเขาไม่ยอมที่จะปล่อยผ่านไปแน่

“ฉันให้กับพวกเธอได้ แต่พวกเธออย่าไปกดเพิ่มเบอร์ติดต่อประธานเหยามากเกินไปล่ะ หากว่าเขารู้สึกรำคาญแล้ว หรือรู้สึกว่ามีใครเปิดเผยเบอร์ติดต่อของเขาไปแล้วล่ะก็ หากเขาเกิดตรวจสอบขึ้นมาฉันก็คงจะจบเห่เป็นแน่”

“ไม่ทำแบบนั้นหรอก พวกเราไม่มีทางที่จะทำให้พี่จื้อเหว่ยต้องเดือดร้อนอย่างเด็ดขาด”

“ฉันรับรองว่าจะไม่เกิดขึ้นแน่! ”

พวกลูกเศรษฐีพูดรับรองพร้อมกับเอามือตีไปที่หน้าอก

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ฉันนั้นเคยพูดคุยกับประธานเหยามาบ้างแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ความหมายค่อนข้างจะแน่ชัดว่า การจัดงานเลี้ยงเศรษฐีเป็นความคิดของเจ้านายของเขา และคนผู้นี้ก็จะปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางงานเลี้ยง ซึ่งยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กในงานเลี้ยงนี้นั้น ก็คือเขาที่เป็นคนทำขึ้น” พานจื้อเหว่ยพูดเสริมต่อ

“โอ้ว! ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็อุทานขึ้นพร้อมกันทั้งหมด

เจ้านายของประธานเหยา?

นี่คือสถานะระดับไหนกันแน่?

อีกทั้งเดิมทีพวกเขาคิดว่า ยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กที่โด่งดังนี้ มีใครบางคนที่ไปแสวงหาออกมาจากซากปรักหักพังโบราณ นั่นเป็นเพราะสรรพคุณของยานั้นมันช่างสุดยอดไปเลย เมื่อก่อนก็ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีนักกลั่นยาคนไหนที่สามารถกลั่นยาได้สุดยอดขนาดนี้ ตอนนี้พวกเขายืนยันได้แล้วว่า ยาชนิดนี้ทางเจ้านายของประธานเหยานั้นเป็นผู้ที่กลั่นออกมา!

เจ้านายของประธานเหยาคนนี้ จะน่าสะพรึงกลัวมากขนาดไหนกันเชียว?

“ใช่แล้วมู่เซิ่ง นายต้องการเบอร์ติดต่อของประธานเหยาไหมล่ะ? ” เวลานี้ พานจื้อเหว่ยหันหน้ากลับมาโดยพลัน แล้วก็แกล้งทำเป็นพูดสอบถามมู่เซิ่งด้วยความหวังดี

กลุ่มคนก็พลันระเบิดเสียงหัวเราะขึ้น

“เขา? อย่างเขาน่ะเหรอ มีคุณสมบัติพอที่จะเพิ่มบอร์ติดต่อของประธานเหยาด้วย? ”

เซียวจ้านหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นเป็นคนแรก

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

Status: Ongoing
ผู้ชายที่แม้แต่ภรรยาตนก็ปกป้องไม่ได้ ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม?พอมู่เซิ่งเห็นภรรยาที่โดนรังแกเท่านั้นแหละ เขยแต่งเข้าที่โดนผู้คนเหยียดหยามมาโดยตลอด ตัดสินใจพลิกไพ่ใบสุดท้าย……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท