ปกติแล้วทีมพัฒนาเกมจะต้องพัฒนาเนื้อหาเกมไปล่วงหน้าหนึ่งเวอร์ชันจากของที่ปล่อยให้ผู้เล่นได้เล่น บางครั้งอาจจะเป็นสองเวอร์ชันด้วยซ้ำ
ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เล่นได้เล่นเกมเวอร์ชัน 1.01 กลุ่มทดลองจะต้องได้เล่นเกมเวอร์ชัน 1.02 ส่วนทีมพัฒนาจะต้องมีเวอร์ชัน 1.03 ในมือ และเวอร์ชัน 1.04 ควรจะมีการวางกำหนดการไว้แล้ว
แน่นอนว่านี่เป็นแผนสำหรับเกมที่มีการอัปเดตบ่อยๆ
ถึงจะเป็นเกมที่ไม่ได้อัปเดตบ่อย แต่ทีมพัฒนาก็ควรจะต้องพัฒนาเกมไปล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเวอร์ชัน
เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต้องเริ่มขั้นตอนพัฒนาเกมช่วงต่อไปหลังจากสร้างเกมเสร็จ ไม่อย่างนั้นทีมพัฒนาก็จะไม่มีอะไรทำ
หวงซื่อปั๋วจึงคิดว่าพวกเขาควรจะต้องวางแผนการพัฒนาเกมช่วงต่อไปจากประสบการณ์ครั้งก่อน นี่คือส่วนหนึ่งของงานหัวหน้าฝ่ายวางแผน
ถ้าเริ่มทำงานตอนที่บอสเผยบอกว่าอยากเห็นเวอร์ชันต่อไป จะถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ของตนเองสุดๆ
เปาซวี่ไม่ได้ติดขัดอะไรและตอบตกลงทันที
“แต่ปัญหาตอนนี้คือ…ผมไม่รู้ว่าแผนคืออะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราควรปรับอะไร หรือไปทางไหนต่อ” หวงซื่อปั๋วบอกปัญหาของเขา
เวอร์ชันใหม่มีองค์ประกอบอยู่สองอย่าง การปรับแก้และการพัฒนาเพิ่มเติม
อันดับแรก พวกเขาต้องแก้บั๊กที่มีในเวอร์ชันเดิม รวมถึงปรับช่องโหว่ของเกมและจุดที่ไม่สมเหตุสมผล จากนั้นก็ใส่รูปแบบการเล่น แผนที่ และเนื้อหาใหม่ๆ เข้าไปเพื่อขยายและพัฒนาตัวเกม
แต่ตอนนี้ปัญหาที่หวงซื่อปั๋วพบคือเปาซวี่มองว่าเกมฐานทัพกลางทะเลอยู่ในจุดที่สมบูรณ์แบบแล้ว ไม่มีบั๊กหรือจุดไหนที่ต้องปรับแก้!
ส่วนเรื่องการพัฒนาเนื้อหาเกมเพิ่ม…
เอาจริงๆ ตอนนี้เนื้อหาเกมก็มีเพียงพอแล้ว
มีทั้งโหมดเนื้อเรื่อง โหมด PvP แล้วยังมีรูปแบบการเล่นอื่นๆ อีก ทั้งโหมดไบโอเคมิเคิล โหมดผี และโหมดกู้ระเบิด
ตอนนี้ไม่มีอะไรที่พวกเขาเพิ่มเข้าไปได้อีก
จะเกินไปหน่อยหรือเปล่าถ้าพวกเขาจะทุ่มเทสร้างโหมดการเล่นและแผนที่ใหม่ขึ้นก่อนที่ผู้เล่นจะทันได้เบื่อเวอร์ชันปัจจุบัน
เปาซวี่เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเพราะเรื่องนี้อยู่เกินขอบเขตความสามารถของเขา
ให้เล่นเกม เขาทำได้
แต่ให้วางแผนพัฒนาเกม เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่หวง พี่คิดว่าเราควรทำยังไงดี” เปาซวี่ถาม
หวงซื่อปั๋วคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมว่าเราควรให้พวกเกมเมอร์ที่เชี่ยวชาญเกมแนวนี้มาทดสอบตัวเกมแล้วให้พวกเขาออกความเห็น”
“อย่าเข้าใจผิดนะครับพี่เปา ไม่ใช่ว่าแค่ความเห็นของพี่ไม่พอ แต่เพราะเราคลุกคลีกับตัวเกมโดยตรง ผมคิดว่าเราควรหาเกมเมอร์นอกบริษัทมาให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ ยิ่งกลุ่มตัวอย่างใหญ่ ข้อมูลที่ได้ก็จะแม่นยำมากขึ้น”
เปาซวี่ไม่ได้ติดขัดอะไร เขาพยักหน้า คิดว่าหวงซื่อปั๋วพูดถูก
ก่อนหน้านี้เขารับผิดชอบเรื่องสมดุลเกมและการควบคุม
เขาจะแจ้งหวงซื่อปั๋วว่าปืนกระบอกไหนต้องเปลี่ยนวิธีกระสุน หรือการเคลื่อนไหวจุดไหนดูแปลกๆ เพื่อที่จะได้ให้ทีมออกแบบปรับแก้
แต่เปาซวี่ก็เป็นแค่คนคนเดียว ไม่ว่าเขาจะเก่งกาจแค่ไหน เขาก็ให้ได้แค่ความเห็นในมุมมองของตัวเอง
ตัวเกมมุ่งเป้าไปที่เกมเมอร์นับแสนคน ใครจะไปกล้าการันตีว่ามุมมองของตัวเองจะตรงกับมุมมองของเกมเมอร์คนอื่นๆ
ดังนั้นหวงซื่อปั๋วจึงคิดว่าพวกเขาควรหาเกมเมอร์สักกลุ่มหนึ่งมาทดสอบเกม
ถ้าเจอปัญหาอะไร พวกเขาจะได้วางแผนเวอร์ชันต่อไปเพื่อพัฒนาตัวเกมให้ดีขึ้น
ทำแบบนี้ พวกเขาก็จะได้ทิศทางในเบื้องต้นเป็นข้อมูลให้หวงซื่อปั๋วใช้อ้างอิงสำหรับการพัฒนาเกมในลำดับต่อไป
“ผมเห็นด้วย แต่จะไปหาใครกันล่ะ เราให้เขามาช่วยเล่นเกมฟรีๆ ไม่ได้ พวกเขาจะยอมเหรอ เราต้องจ่ายเงินให้พวกเขารึเปล่า” เปาซวี่ถาม
“ใช่ครับ นั่นแหละคือปัญหา” หวงซื่อปั๋วขมวดคิ้ว “ผมขอคิดก่อนว่าเราจะหาหนูทดลองได้ยังไง”
…
หลังจากกลับไปที่โต๊ะ หวงซื่อปั๋วก็เครียดขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนนี้พวกเขาต้องการหนูทดลองสักเล็กน้อยมาทดสอบเกม ไม่สิ ต้องหาให้ได้เยอะๆ
จริงๆ แล้วเกมทั่วไปส่วนใหญ่จะมีรอบทดสอบเกมสำหรับผู้เล่นก่อนปล่อยให้เล่นจริง
หลายๆ ครั้งแม้แต่ทีมทดสอบเกมที่ดีที่สุดก็ไม่สู้เหล่าเกมเมอร์ที่ขุดหาบั๊กเจอกันเป็นว่าเล่น
แต่พอเครื่องมือพัฒนาเกมกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้กันทั่วไป และกระบวนการตรวจสอบของ ERSO รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม รอบทดสอบก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยสำคัญไป อีกอย่างบอสเผยก็ไม่ได้สั่งให้จัดรอบทดสอบอะไร แต่สั่งให้หวงซื่อปั๋วส่งเกมไปตรวจสอบทันที
เพราะเหตุนี้เกมฐานทัพกลางทะเลจึงเปิดให้เล่นเลยทันที ไม่มีโอกาสให้ได้จัดทดสอบระบบ
ตอนนี้หวงซื่อปั๋วคิดว่าพวกเขาต้องหาหนูทดลองมาลองเล่นเกมเพื่อที่จะได้รับฟังความเห็นของคนภายนอก แต่ปัญหาก็คือจะไปหาจากไหน
เขาไม่รู้จักใครเลย
ควรจะ…ไปขอคำแนะนำจากบอสเผยดีไหม
ไม่ได้
คงจะน่าขายหน้าสุดๆ ถ้าต้องไปถามเรื่องง่ายๆ กับบอสเผย!
หวงซื่อปั๋วย้ำกับตัวเองว่าตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผน!
บอสเผยไม่ได้มอบหมายหน้าที่สำคัญขนาดนี้เพราะอยากให้คอยถามทุกปัญหาเล็กน้อยเหมือนเป็นเด็กประถมสักหน่อย! เขาอยากให้แกพึ่งพาตัวเอง ทำสิ่งที่ต้องทำให้ดี!
จะดีมากถ้าสามารถแก้ไขปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ได้โดยไม่ต้องไปรบกวนบอส
อีกอย่างบอสเผยก็อาจไม่รู้ว่าจะหาหนูทดลองได้อย่างไรเหมือนกัน ถึงเขาจะรู้จักคนมากมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะออกไปหาหนูทดลองได้ด้วยตัวเองใช่ไหมล่ะ
หวงซื่อปั๋วห้ามตัวเองไม่ให้ไปขอความช่วยเหลือจากบอสเผย และหาทางจัดการเรื่องนี้เอาเอง
หลังจากค้นหาวิธีบนเว็บเชียนตู้เสร็จ หวงซื่อปั๋วก็ส่งข้อความไปหาทีมออกแบบเป็นการส่วนตัว
“ผมอยากหาเกมเมอร์มาทดสอบเกมของเรา…พวกคุณรู้จักใครบ้างไหม ถ้าได้แฟนเกมแนว FPS จะดีมาก ลองไปคุยกับกลุ่มอื่นๆ ดูว่ามีใครหาหนูทดลองให้ได้บ้าง”
“แน่นอนว่าเรามีของให้เป็นการตอบแทน อาจจะให้เป็นเงินไม่ได้ แต่เราให้เป็นปืนรุ่นลิมิเต็ดในเกมแทนได้”
ถ้าใช้เงินก็สามารถหาคนมาทดสอบเกมได้ง่ายๆ
แต่บอสเผยจะรู้เรื่องนี้ถ้ามีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
หวงซื่อปั๋วไม่อยากให้เรื่องแบบนี้ไปรบกวนบอสเผย แต่เขาก็ควักกระเป๋าตัวเองมาจ่ายไม่ได้เหมือนกัน ที่ทำได้ก็คือให้ของในเกม
ถึงจะไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนที่มาทดสอบเกมเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้เลย
ไม่นานทุกคนก็ตอบข้อความกลับ
หลายๆ คนก็เหมือนหวงซื่อปั๋ว พวกเขาไม่มีเส้นสายหรือรู้จักใครที่เกี่ยวข้องเลย
เสี่ยวลู่บอกว่าลองไปเข้ากลุ่มแฟนเกม Counter Strike แล้วคุยกับคนในกลุ่มดูก็ได้
แต่วิธีนี้ดูไม่น่าจะใช้การได้
ถ้าพวกเขาเข้ากลุ่มไปโฆษณาเกม FPS เกมอื่นโดยไม่ได้ให้สิ่งตอบแทนที่ดีมากพอ ก็อาจจะโดนเจ้าของกลุ่มเตะออกมาได้
ตอนนั้นเองหลินหวานก็พูดขึ้น
“เอ่อ…หนูรู้จักพวกเจ้าของกลุ่มแฟนเกม FPS ดังๆ อยู่บ้าง พวกเขาน่าจะมีกลุ่มของตัวเองอยู่หนึ่งหรือสองกลุ่ม มีคนในกลุ่มหลายพันคน”
หวงซื่อปั๋วรีบถาม “เธอไปล่อลวงพวกเขามาได้มั้ย เอ่อ ผมหมายความว่าไปขอให้เขามาช่วยเราได้ไหม”
เขารีบแก้คำพูดทันทีที่รู้ว่าตัวเองใช้คำพูดไม่เหมาะสมกับสาวน้อย
แต่หลินหวานก็ไม่ได้ติดใจอะไร “ได้ค่ะ หนูค่อนข้างสนิทกับพวกเขา ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไร”
หวงซื่อปั๋วสงสัย “เธอไปรู้จักกับพวกเจ้าของกลุ่มได้ไง”
ไม่เห็นจะสมเหตุสมผล
หลินหวานไม่ได้เป็นแฟนเดนตายของเกมแนว FPS และถึงจะเป็นแฟนเดนตายก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะไปรู้จักเจ้าของกลุ่มเยอะแยะขนาดนี้
เธออธิบาย “อ๋อ ตอนหนูฝึกงานที่เทียนหัวสตูดิโอ ทีมคุมโปรเจ็กต์กระสุนเพชรฆาตอยากได้เกมเมอร์แนว FPS สายฮาร์ดคอร์มาทดสอบเกม หนูเป็นคนรับผิดชอบติดต่อประสานงานหาเกมเมอร์ให้ค่ะ”
…………..