วันพุธ…
ห้องประชุม…
ลู่หมิงเหลียงวิตกกังวลมาก เขาดูกระวนกระวายใจ
เพราะสองเสาหลักที่ไว้วางใจได้บนโต๊ะประชุมได้จากไปแล้ว!
เปาซวี่ไม่ได้มาทำงานตั้งแต่เมื่อวานเพราะได้ลาหยุดหนึ่งเดือนแบบได้รับเงินเดือน บอสเผยบังคับให้เขาไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ในประเทศและศึกษาดูงานจากบริษัทเกมยักษ์ใหญ่
หวงซื่อปั๋วหายหน้าหายตาไปเลย ไม่มีใครรู้ว่าเขาเอาเงินรางวัลหนึ่งล้านหยวนที่บอสเผยให้ไปทำอะไร
พอสองเสาหลักไม่ได้อยู่ช่วยทัพหน้าอีก ลู่หมิงเหลียงก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนแทน เขารู้สึกถึงความกดดันมหาศาลที่ต้องแบกรับ!
นอกจากนี้ หลังจากบอสเผยให้โจทย์ของโปรเจ็กต์ต่อไปในการประชุม ลู่หมิงเหลียงก็ยิ่งกังวลหนักขึ้นอีก
บอสเผยแจ้งว่าในช่วงนี้จะยังไม่มีการอัปเดตเกมแม่ทัพผีและเกมฐานทัพกลางทะเล ทุกคนจะต้องไปทุ่มกับการพัฒนาเกมใหม่แทน!
ลู่หมิงเหลียงคาดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้จึงนึกกังวลใจ
ตามหลักการแล้ว ถ้ามีเกมที่ประสบความสำเร็จอยู่ในมือสองเกม ตอนนี้ควรจะเป็นช่วงที่พวกเขาต้องเร่งทำเงินจากสองเกมนี้
เช่น อัปเดตเวอร์ชันใหม่ เพิ่มการ์ดใหม่ หรือสร้างอาวุธระดับตำนานขึ้นมาอีกชิ้น…
ทำแบบนี้จะช่วยสร้างกำไรได้มหาศาล!
ลู่หมิงเหลียงสามารถใช้โอกาสนี้สะสางงานเดิมให้เสร็จและวางแผนงานใหม่
ทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเขาคือ อัปเดตเวอร์ชันใหม่ให้เกมแม่ทัพผีและเกมฐานทัพกลางทะเล จากนั้นก็ค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับการทำงานในตำแหน่งใหม่ก่อนที่จะเริ่มสร้างเกมต่อไป
แต่บอสเผยกลับไม่มีแผนจะอัปเดตเวอร์ชันใหม่ให้กับทั้งสองเกม นอกจากนี้ยังอยากเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ทันทีด้วย!
เรื่องนี้ทำให้ลู่หมิงเหลียงที่เพิ่งขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนได้สองวันหมาดๆ รู้สึกสับสน ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรดี
แน่นอน ลู่หมิงเหลียงมั่นใจว่าที่บอสเผยตัดสินใจแบบนี้ต้องมีเหตุผลอะไรแน่
บอสเผยเป็นคนที่ชอบมุ่งไปข้างหน้า เขาไม่เหมือนเจ้านายคนอื่นๆ ที่สนใจแค่กำไรที่ทำได้
แทนที่จะพัฒนาเวอร์ชันใหม่ให้เกมแล้วรอรับเงินง่ายๆ บอสกลับเลือกเสี่ยงทำโปรเจ็กต์ใหม่ แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความทะเยอทะยานและวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของเขา!
“ผมมีไอเดียสำหรับเกมใหม่แล้ว ช่วยฟังด้วยนะครับ”
เผยเชียนนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ เรียกให้ทุกคนหันมาสนใจตัวเองด้วยท่าทางสุขุม ทำให้ลู่หมิงเหลียงมั่นใจในความคิดของตนเองยิ่งขึ้น
แต่…
เผยเชียนตัดสินใจแบบนี้ด้วยเหตุผลตรงกันข้าม
ทำไมเขาถึงไม่อยากพัฒนาเวอร์ชันใหม่น่ะเหรอ
เพราะการปล่อยเวอร์ชันใหม่ของเกมที่ปล่อยออกไปแล้วนั้นต้องเก็บเงินจากผู้เล่น
เขาต้องเก็บเงินจากการซื้อเนื้อหาเสริมของเกมเพิ่มหรือไม่ก็เก็บเงินจากบริการในเกม
ระบบไม่อนุญาตให้ปล่อยเวอร์ชันใหม่ไปแบบฟรีๆ
ปัญหาคือเกมแม่ทัพผีกับเกมฐานทัพกลางทะเลมีฐานผู้เล่นเยอะมาก แต่ละคนพร้อมเปย์เกมกันทั้งนั้น!
เมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าเขาปล่อยเวอร์ชันใหม่ไป น่าจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำในชั่วพริบตา…
ดังนั้นเผยเชียนจึงคิดว่าเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่น่าจะปลอดภัยกว่า เพราะอย่างไรการเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ก็น่าจะง่ายกว่าการเสียเวลาไปเปล่าๆ กับเกมที่ประสบความสำเร็จแล้ว!
เกมใหม่หลายๆ เกมปล่อยออกไปก็เจ๊ง ถึงจะมีโปรดิวเซอร์เก่งๆ ช่วยดูแลก็ไม่สามารถทำเงินได้
นอกจากนี้ เกมเก่าหลายเกมที่ยังอยู่รอดมาได้ก็ใกล้จะซี้แหงแก๋แล้ว
ดังนั้นเผยเชียนจึงตัดสินใจว่าจะเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น เขาได้บทเรียนจากรอบก่อนแล้ว
ข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่สุดของเขาคืออะไร
คือการที่เขามั่นใจในตัวหวงซื่อปั๋วและเปาซวี่มากเกินไปยังไงล่ะ!
เผยเชียนคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสองคู่หูนั่นจะเปลี่ยนเงื่อนไขสามข้อที่ให้ไปให้กลายเป็นจุดขายของเกมได้!
ครั้งนี้เขาตั้งใจว่าจะคอยควบคุมดูแลโปรเจ็กต์ทั้งหมดให้มากขึ้น เขาจะให้มีเกมแบบฐานทัพกลางทะเลผุดขึ้นมาอีกไม่ได้
เขาไม่กล้าปล่อยให้เสี่ยวลู่คิดอะไรเอง
ถ้าเกิด…เสี่ยวลู่แอบไปปรึกษาเปาซวี่หรือดันผุดไอเดียแจ่มๆ ขึ้นมาได้จะทำยังไง!
ดังนั้นเผยเชียนจึงตั้งใจจะกุมบังเหียนเองในครั้งนี้
เขามองไปรอบๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “ครั้งนี้ เราจะสร้างเกมที่จะกลายเป็นตำนาน!”
“ชื่อของเกมที่ว่าคือ…”
“นักออกแบบเกม!”
ทุกคนในห้องประชุมมองเผยเชียนไม่วางตา
ถึงจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็ฟังดูเจ๋งสุดๆ!
ฟังดูแจ่มไปเลย!
นี่คือเกมที่จะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของบริษัทเถิงต๋าในวงการเกมใช่ไหมนะ
แต่ได้ยินหัวข้อแล้ว ดูจะเหมาะสร้างเป็นสารคดีหรือทำบทสัมภาษณ์มากกว่า จะเอามาใช้สร้างเกมได้จริงๆ หรือ
ดังนั้นทุกคนจึงรอฟังอย่างตั้งใจ
เผยเชียนดูมั่นอกมั่นใจมาก
“เกมนี้เรียบง่ายมาก จะเป็นเกมเกี่ยวกับชีวิตของโปรดิวเซอร์เกม เกมนี้ผู้เล่นจะได้เลือกตัวเลือกต่างๆ แต่ละตัวเลือกจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน”
“ตัวอย่างเช่น ผู้เล่นสามารถเลือกรูปแบบเกม ระบบเก็บเงิน กลยุทธ์การตลาด และอื่นๆ ได้ตามใจชอบ ขณะเดียวกันก็จะเจอเหตุการณ์สุ่มต่างๆ”
“สุดท้ายผู้เล่นก็จะได้สร้างเกมขึ้นมาขายออนไลน์เพื่อทำกำไร”
“นี่เป็นไอเดียวคร่าวๆ ใครมีอะไรสงสัยให้ถามได้เลย”
ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ทุกคนดูจะแปลกใจกันเล็กน้อย
เผยเชียนยิ้มอย่างมั่นใจ
ตกใจใช่ไหมล่ะ
ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!
เพราะเกมนี้ถือเป็นเป็นเกมแนวเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แถมเนื้อหาเกมก็ยังไม่น่าสนใจ ไม่มีทางสร้างอะไรน่าตื่นตาตื่นใจได้ อีกทั้งรูปแบบการเล่นก็ราบเรียบเสียเหลือเกิน!
อุตสาหกรรมเกมจริงๆ ช่างแสนขมขื่น ไม่มีอะไรน่าสนใจ ถ้าเอามาสร้างเป็นเกมก็ไม่น่าจะเป็นเกมที่สนุกอย่างแน่นอน!
เกมแบบนี้ต้องเจ๊งแน่ๆ!
ถึงจะทำออกมาเป็นเกมแบบสแตนด์อโลนและดึงดูดผู้เล่นกลุ่มเล็กๆ ได้ แต่ก็ไม่น่าจะดังขึ้นมาได้
ขณะเดียวกัน ถ้าผลาญเงินก้อนโตไปกับทรัพยากรงานภาพแล้วตั้งขายราคาต่ำๆ ก็ไม่มีทางที่เกมจะทำเงินจนคืนทุนได้!
แน่นอนว่าเผยเชียนคิดไว้แล้วว่าจะอ้างอย่างไรดี
ลู่หมิงเหลียงยกมือเป็นคนแรก
“บอสเผยครับ ผมเข้าใจไอเดียภาพรวมของเกมนี้แล้วครับ ผมอยากถามถึงแนวทางนำเสนอกับการทำการตลาดเกมนี้ จะทำออกมาเป็นเกมสแตนด์อโลนแบบ Interactive Fiction รึเปล่าครับ”
Interactive Fiction อธิบายง่ายๆ คือเกมที่ผู้เล่นได้พูดคุยกับตัวละครสมมติ
เกมแนวนี้สามารถสร้างขึ้นได้ง่ายๆ รองรับได้หลายแพลตฟอร์ม สิ่งที่ต้องทำก็แค่สร้างฉากสองมิติกับตัวละครออริจินัลของเกมแล้วยัดบทสนทนาเข้าไปเยอะๆ องค์ประกอบเหล่านี้คือภาพรวมทั้งหมดของเกมแล้ว
ตามความเข้าใจของลู่หมิงเหลียง เกมนี้จะคล้ายๆ เกมที่ชื่อ Chinese Parents
แน่นอนว่า ลู่หมิงเหลียงไม่ได้รู้จักเกม Chinese Parents แต่เขาเคยเห็นเกมแนว Interactive Fiction มาก่อน
เผยเชียนส่ายหน้า “ไม่ใช่”
เหมือนเกมแนว Interactive Fiction เหรอ ไม่ใช่แน่นอน!
สร้างเกมแนว Interactive Fiction ขึ้นมาสักเกมจะใช้เงินเท่าไหร่กันเชียว
แค่ภาพออริจินัลไม่กี่ภาพ จ้างนักพากย์ดังๆ สักสองสามคน รวมๆ แล้วน่าจะสักสองสามแสนหยวน แค่นี้ไม่พอหรอก!
ตอนนี้เกมฐานทัพกลางทะเลทำเงินได้สี่ถึงห้าแสนหยวนต่อสัปดาห์ ถ้าเขาลงทุนกับเกมใหม่ไปไม่มากจะเกิดอะไรขึ้น
ต้องกลายเป็นปัญหาแน่ๆ!
งบสำหรับเกมใหม่ที่เผยเชียนตั้งไว้นั้นอย่างน้อยต้องสองล้านหยวน เพื่อที่เขาจะได้ขาดทุน!
ถ้าผลาญไปได้แค่ไม่กี่แสนก็ไม่สามารถหักกลบกับยอดเงินที่เกมแม่ทัพผีกับเกมฐานทัพกลางทะเลทำได้
“เราจะทำเป็นเกมสามมิติเต็มรูปแบบ ใช้การออกแบบโมเดลสามมิติที่ดีที่สุด ทั้งตัวละคร ทั้งฉาก ผมอยากให้ออกมาดีที่สุด!”
ลู่หมิงเหลียงอึ้งไป
เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะออกมาเป็นแบบไหน!
แค่คิดก็รู้สึกแปลกๆ แล้ว!
“ทำทุกอย่างเป็นสามมิติ…ในเกมแนว Interactive Fiction เนี่ยนะครับ” ลู่หมิงเหลียงถาม
“ทำไมยึดติดอยู่แค่เกมแนว Interactive Fiction ล่ะ”
เผยเชียนแทบพูดไม่ออก เขาส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “ผมไม่อยากทำเกมรูปแบบ Interactive Fiction มันล้าสมัยเกินไป!”
“เราจะทำให้เกมดูเป็นนามธรรมมากขึ้นโดยใช้เทคนิคและวิธีการที่ทันสมัย!”
……………..