เปาซวี่อัปเดตเกมแม่ทัพผีและเกมฐานทัพกลางทะเลเสร็จแล้ว ในที่สุดเขาก็มีเวลาให้ได้พักหายใจ
ลู่หมิงเหลียงรีบเอาเกมนักออกแบบเกมให้เปาซวี่ลองเล่น
นั่นเพราะเขาเป็นนักทดสอบเกมมือหนึ่งผู้มากประสบการณ์ของบริษัท อีกทั้งยังเป็นคนที่เข้าใจความคิดของบอสเผยที่สุด!
ลู่หมิงเหลียงรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่จึงต้องการคนมีประสบการณ์มาช่วยเสริมความมั่นใจ
เปาซวี่ทดสอบเกมอย่างจริงจัง
เขาไม่ได้เล่นให้ถึงฉากจบทุกแบบเพราะจะเป็นการเสียเวลา จึงเล่นตามสัญชาตญาณไปจนถึงฉากจบสองถึงสามแบบ
“เป็นไงครับพี่เปา คิดเห็นยังไงบ้าง มีจุดที่ต้องปรับมั้ยครับ” ลู่หมิงเหลียงถาม
เปาซวี่ไม่ได้ตอบออกไปทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง เปาซวี่ก็พูดขึ้น “ทุกคนคิดว่ายังไงล่ะครับ”
‘ทุกคน’ ที่ว่าหมายถึงทุกคนในทีมพัฒนาเกมนักออกแบบเกม ซึ่งรวมถึงลู่หมิงเหลียงด้วย
ลู่หมิงเหลียงนึกลังเลแต่ก็ตอบออกไปตามจริง “หลายๆ คนคิดว่าเกมน่าเบื่อไปหน่อย นอกจากหลินหวานแล้ว คนอื่นๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเกมกันหมดเลยครับ
“ถึงเกมนี้บอสเผยจะเป็นคนออกแบบเอง แต่ผมคิดว่า…มันขาดแรงจูงใจให้ผู้เล่นนึกอยากเล่นต่อไปเรื่อยๆ…”
ลู่หมิงเหลียงสับสนมาก
ส่วนหนึ่งก็เพราะรู้สึกอายที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง
พอนึกถึงเกมก่อนหน้านี้ หวงซื่อปั๋วกับเปาซวี่สร้างเกมฐานทัพกลางทะเลออกมาเป็นเกมฮิตได้ทันที!
แต่พอถึงตาตัวเองที่ต้องรับหน้าที่ต่อจากหวงซื่อปั๋ว บอสเผยต้องลงมาช่วยเขาปรับแก้ตัวเกมเอง…
ลู่หมิงเหลียงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวถ่วง ไม่ค่อยมีคุณค่าอะไร
อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขากังวลมาก
เนื่องจากบอสเผยเป็นคนออกแบบรูปแบบการเล่น ส่วนคุณหร่วนเป็นคนทำภาพให้ จากองค์ประกอบทั้งหมด ยังไงเกมนี้ก็ต้องดังเป็นพลุแตก
แต่พอได้ลองเล่นก็ไม่เห็นรู้สึกว่า ‘เกมนี้จะต้องดังเป็นพลุแตก’ เลย หลายคนในทีมออกแบบคิดว่าเกมค่อนข้างน่าเบื่อ!
ความรู้สึกสับสนปนเปในใจทำให้ลู่หมิงเหลียงหวั่นเกรงสุดๆ
จะให้เดินไปบอกบอสเผยตรงๆ ว่าอยากฟังความเห็นของบอสก็ไม่น่าจะเหมาะ จึงมาถามเอากับเปาซวี่
เปาซวี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ผมว่าทุกคนกำลังมองในมุมของคนใน
“ทุกคนเห็นบทกันหมดแล้ว รู้ตัวเลือกและผลลัพธ์ทั้งหมดในเกม ก็เหมือนมีคนมาบอกก่อนว่าเกมจะเป็นยังไงต่อ เลยไม่รู้สึกอะไรตอนเล่นจริง
“แต่ในมุมมองของคนนอกอย่างผม ผมคิดว่าเกมนี้มีความพิเศษและน่าสนใจมากๆ”
ลู่หมิงเหลียงอึ้งไป เขาไม่คิดว่าเปาซวี่จะชมเกมขนาดนี้
น่าสนใจเหรอ
พิเศษเหรอ
ถึงจะดูเหมือนเป็นคำธรรมดาๆ แต่คำเหล่านี้มันออกมาจากปากของใครกันล่ะ
เปาซวี่คือใคร เขาคือเทพแห่งการพัฒนาเกม ผ่านเกมมามากมายจึงมีความรู้เชิงลึกในระดับที่เหนือชั้นกว่าผู้เล่นธรรมดาทั่วไป
อย่างการเพิ่มเด็กหญิงเข้าไปในเกมฐานทัพกลางทะเล
สำหรับผู้เล่นภายในประเทศหลายๆ คน นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นอะไรแบบนี้
แต่เปาซวี่ออกแบบมาได้แบบนี้ก็เพราะเคยเห็นและสัมผัสเกมต่างประเทศมามากมาย
นี่คือความแตกต่างของมุมมอง
ขนาดเปาซวี่ที่เคยเล่นเกมมาตั้งมากมายยังคิดว่าเกมนักออกแบบเกม ‘มีความพิเศษ’ เพราะฉะนั้นเกมนักออกแบบเกมก็ต้องเป็นเกมที่พิเศษจริงๆ!
แต่เปาซวี่ยังพูดไม่จบ
“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกมนี้จะทำเงินได้นะครับ” เปาซวี่ว่าต่ออย่างจริงจัง
“ผมคิดว่าบอสเผยกำลังลองพัฒนาเกมนอกกระแส บอสอาจจะกลายเป็นเทพ ไม่งั้นก็เจ๊งไม่เป็นท่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าตลาดจะตอบสนองยังไง”
“ช่วยอธิบายเพิ่มได้ไหมครับพี่เปา” ลู่หมิงเหลียงฟังอย่างตั้งใจ
เปาซวี่จัดระเบียบความคิด
“ผมลองเดาความคิดของบอสเผยจากประสบการณ์ด้านเกมที่มีจำกัดของผม
“ผมคิดว่าบอสเผยน่าจะเป็นคนที่โดดเดี่ยวมาก”
ลู่หมิงเหลียงอึ้งไป “บอสเผยเป็นคนที่โดดเดี่ยวมากอย่างนั้นเหรอครับ ทำไมพี่ถึงคิดแบบนั้น ผมว่า…บอสเผยเป็นคนที่ค่อนข้างร่าเริงแจ่มใสเลยนะครับ”
“คิดงั้นเหรอ” เปาซวี่ถามกลับ “จำตอนกินเลี้ยงบริษัทได้มั้ย บอสเผยเป็นยังไง”
ลู่หมิงเหลียงผงะไปเล็กน้อย
เขาพยายามนึกเหตุการณ์ในวันนั้น
งานกินเลี้ยงที่ว่าจัดเพื่อฉลองความสำเร็จของเกมฐานทัพกลางทะเล บอสเผยพาทุกคนไปกินบุฟเฟต์หัวละสี่ร้อยหยวน
เพราะสนุกสนานกันมาก แถมอาหารก็อร่อย ลู่หมิงเหลียงจึงจำวันนั้นได้ขึ้นใจ
บอสเผยเป็นยังไงเหรอ เขาก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน
เขาพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ
“เหมือนว่า…บอสเผยจะนั่งเงียบอยู่ตลอด ไม่ได้กินดื่มอะไรเท่าไหร่ เหมือนมีอะไรในหัวเยอะ คิดหลายเรื่องอยู่ตลอดเวลา…”
ลู่หมิงเหลียงหันมองเปาซวี่
เปาซวี่พยักหน้า “ใช่ การอยู่ในสถานที่และบรรยากาศแบบนั้น เราจะเห็นได้ว่าคนคนหนึ่งรู้สึกยังไง
“ปกติตอนอยู่บริษัทบอสเผยจะทำตัวเป็นกันเองกับพวกเรา เพราะในฐานะผู้นำ บอสเผยต้องคอยส่งเสริมและสนับสนุนให้เราอยู่ในสภาพจิตใจที่ดีที่สุด
“แต่ในงานเลี้ยง คนที่โดดเดี่ยวจริงๆ จะแสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมา!
“ลองคิดดูสิ ตอนนั้นเกมฐานทัพกลางทะเลก็เสร็จแล้ว เราอยู่ในจุดที่กำลังจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ของอร่อยก็วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า คิดดูยังไงก็ไม่มีเหตุผลให้กังวลใจอะไรใช่มั้ยล่ะ
“แล้วทำไมบอสเผยถึงดูไม่มีความสุขน่ะเหรอ
“ก็เพราะในใจของเขามีแต่ความอ้างว้างโดดเดียวไงล่ะ!”
ลู่หมิงเหลียงกะพริบตาปริบๆ รู้สึกว่าที่เปาซวี่พูดดูสมเหตุสมผล
ดูจากสภาพอารมณ์และจิตใจตอนนั้น บอสเผยก็ดูไม่ค่อยมีความสุขจริงๆ!
เปาซวี่พูดต่อ “อีกอย่าง ตอนที่อัปเดตปรับปรุงเกมแม่ทัพผีกับเกมฐานทัพกลางทะเล ผมก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกคล้ายๆ กันนี้จากตัวเกม มันน่าจะฝังซ่อนอยู่ลึกตั้งแต่ช่วงออกแบบเกมตอนต้นๆ แล้ว!
“อย่างเกมแม่ทัพผี ทำไมถึงตั้งราคาขายแค่สิบหยวนกับมีแค่บัตรถาวรสามสิบหยวนให้ซื้อ ผมว่ามันน่าจะเป็นการเสียดสีความไร้ซึ่งจิตวิญญาณในวงการเกม
“บอสเผยน่าจะคิดว่าเกมนี้ไม่ได้มีราคาสูงขนาดนั้น! เขาคิดว่าถ้าขายการ์ดเพื่อเงินหลักร้อยหลักพันหยวนจะถือเป็นการขูดรีด!
“เกมแม่ทัพผีสร้างมาเพื่อชี้ประเด็นเรื่องการขูดรีด ให้ผู้เล่นตระหนักว่าเป็นเรื่องตลกสิ้นดีที่ต้องเสียเงินมากมายเพื่อการ์ดเพียงใบเดียว
“ตั้งแต่เกมโดดเดี่ยวเดียวดายกลางทะเลทราย เกมแม่ทัพผี เกมฐานทัพกลางทะเล…มาจนถึงเกมนักออกแบบเกม บอสเผยใช้วิธีอันเป็นเอกลักษณ์ในการเสียดสีวงการเกมที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณและมุ่งแต่จะหากำไร
“แต่…เกมนักออกแบบเกมเสียดสีได้ตรง แรง และลึกซึ้งกว่าเกมก่อนๆ!
“ก็เลยออกมา…ไม่ค่อยน่าสนใจ”
ลู่หมิงเหลียงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
อย่างนี้นี่เอง!
ถ้าเป็นแบบนี้ทุกอย่างก็เข้าล็อกหมด!
แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่ลู่หมิงเหลียงยังไม่ค่อยเข้าใจ
“แต่ถ้าเกมมันลึกล้ำขนาดนี้ ทำไมพี่เปาถึงคิดว่าตัวเกมอาจจะประสบความสำเร็จถล่มทลาย หรือไม่ก็เจ๊งไม่เป็นท่าล่ะครับ”
เปาซวี่มองไกลออกไปนอกหน้าต่าง “เกมที่เป็นตำนานก็เป็นแบบนี้หมดไม่ใช่เหรอ
“ศิลปินที่แท้จริงน่ะ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าถึงและเข้าใจอะไรหรอก ความล้มเหลวในวงการธุรกิจหรือการทำมาค้าขายถือเป็นเรื่องปกติมาก
“ถ้าเกมนักออกแบบเกมไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่ได้ถือเป็นความล้มเหลวของบอสเผย มันก็แค่…พวกผู้เล่นในปัจจุบันยังไม่คู่ควรกับเกมดีๆ แบบนี้
“ไม่แน่ในอนาคต พวกเขาอาจจะเริ่มเข้าใจความลึกล้ำที่ซ่อนอยู่ในเกมนี้
“แต่ตอนนี้…ตลาดเกมอันแสนวุ่นวายจะเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในเกมนี้หรือเปล่า ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
…………….