ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – บทที่ 177 แกโดนหลอกแล้ว

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน ช่วงเย็น

เสียงร้องเพลงดังก้องร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แต่ที่นั่งด้านล่างเวทีกลับว่างเปล่า มีลูกค้านั่งดื่มอยู่แค่สองสามคนเท่านั้น

นักร้องร้องเพลงอย่างไร้ชีวิตชีวา เหล่าผู้ชมด้านล่างเวทีแทบจะผล็อยหลับ

ใบหน้าหม่าหยางเต็มไปด้วยความกังวล

ทำยังไงดี!

พอการแข่งขันจากร้านรวงรอบๆ ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูทวีความรุนแรงขึ้น ลูกค้าก็เข้าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูน้อยลงเรื่อยๆ

ถึงร้านของพวกเขาจะมีนักร้องประจำ แต่บาร์อื่นมีอะไรมากกว่านั้น แถมยังมีส่วนลดให้กับเครื่องดื่มทุกอย่างในเมนูอีก!

บาร์พวกนั้นมีลูกค้าแน่นร้าน ลูกค้าประจำของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูหลายคนเปลี่ยนไปใช้บริการร้านพวกนั้นแทน

เพราะคนส่วนใหญ่ก็ไปบาร์เพื่อสังสรรค์และเข้าสังคมอยู่แล้ว มีแค่ไม่กี่คนที่อยากนั่งดื่มในร้านร้างผู้คน แถมราคาก็ไม่ได้ถูก

นักร้องประจำคนใหม่ของร้านร้องเพลงเพราะ แต่ก็ยังห่างชั้นกับมาตรฐานที่เฉินเหล่ยทำเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากนัก

ยิ่งลูกค้าเข้าร้านน้อย นักร้องก็หมดกำลังใจ พอไม่มีกำลังใจก็ร้องเพลงได้ไม่ดีเหมือนเดิม กลายเป็นวังวน

“พี่เชียนบอกว่าไม่ต้องทำอะไร

“แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดี…”

หม่าหยางนั่งดื่มอยู่คนเดียวอย่างปวดใจ

ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูยังคงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง กิจการโมหยูเดลิเวอรี่เองก็ไม่ดีขึ้นเลย พอเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หม่าหยางก็เริ่มคลางแคลงใจในความสามารถของตัวเอง

หลี่สือนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ตรงมุมหนึ่งในโซนอินเทอร์เน็ต เขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

คนพวกนี้อ่อนประสบการณ์เกินกว่าจะสู้กับฉันจริงๆ

บริษัทลงทุนฟู่หุยลงทุนกับธุรกิจมากมายในเมืองจิงโจว ถือว่ามีอิทธิพลไม่น้อยทีเดียว

แค่พวกเขาเจียดเงินนิดหน่อยให้ร้านในละแวกเดียวกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูจัดโปรโมชัน เท่านี้ลูกค้าก็จะเข้าร้านพวกนั้นเยอะขึ้น ในขณะที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูโดนแย่งลูกค้าไป ทีนี้บริษัทลงทุนฟู่หุยก็จะทำอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น

ถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายสำหรับหลี่สือและร้านในละแวกเดียวกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู

หลี่สือแอบสังเกตการณ์ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมาพักใหญ่ทำให้พอจะเข้าใจแนวทางของร้านนี้

เจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูคือบอสเผยที่อายุยังน้อย เป็นคนที่ทั้งดื้อและหัวแข็ง หลี่สือคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่ไม่ยอมรับฟังคำแนะนำจากคนอื่น จึงต้องค่อยๆ หาทางจัดการอีกฝ่ายให้อยู่หมัด

จางหยวนเป็นผู้จัดการเขต แต่จริงๆ แล้วหมอนี่ไม่ได้ใกล้ชิดกับบอสเผย ที่เขารับผิดชอบส่วนใหญ่มีแค่เรื่องดูแลกิจการต่างๆ ของร้าน

กุญแจสำคัญคือเจ้าหน้าใหญ่

คนที่ชื่อหม่าหยางดูค่อนข้างสนิทกับบอสเผย แถมยังไม่ค่อยฉลาดนัก คนแบบนี้มักจะโดนปั่นหัวเอาง่ายๆ

หลี่สือต้องจัดการเจ้าหน้าใหญ่ก่อน พอเจ้านั่นติดกับก็ค่อยๆ ใช้เป็นเครื่องมือโน้มน้าวบอสเผย จากนั้นภารกิจก็จะสำเร็จลุล่วง

ตอนนี้บอกได้ยากว่าบอสเผยมีท่าทียังไง เพราะเขาไม่ได้มาที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสองวันแล้ว แต่ดูจากท่าทีของเจ้าหน้าใหญ่ หลี่สือเดาว่าบอสเผยก็น่าจะกำลังเครียดอยู่ไม่น้อย

หลี่สือคำนวณทุกอย่างไว้ดีมาก เขาพิจารณาความเป็นไปได้ทั้งหมดและหาทางจบภารกิจนี้ให้ได้เร็วที่สุด

เพราะจะให้ผลาญเงินเยอะเกินไปก็คงไม่ได้ ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อบีบบังคับบอสเผยเท่านั้น

พอทุกคนในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเริ่มไม่แน่ใจว่าร้านจะทำกำไรได้หรือเปล่า เขาก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือตอนที่คนเหล่านั้นกำลังตกที่นั่งลำบาก…

จากนั้นก็จะเป็นโอกาสดีในการเริ่มลงทุน

หลี่สือเดินถือแก้วไปนั่งตรงข้ามหม่าหยาง

หม่าหยางที่กำลังกลุ้มใจอยู่สะดุ้งโหยงเมื่อหลี่สือผู้ซึ่งค่อนข้างมีอายุนั่งลงตรงหน้า

อะไรกันเนี่ย

เขาต้องการอะไร โต๊ะฉันไม่มีสาวสวยสักคน

หรือว่า…พวกผู้ชายรวยๆ จะมีงานอดิเรกแปลกๆ

หม่าหยางไม่รู้จะพูดอะไร เขาแอบเลื่อนแก้วเข้าใกล้ตัวเองให้ออกห่างจากหลี่สือ

หลี่สือไม่รู้ว่าหม่าหยางคิดเตลิดไปไกลถึงไหน เขาคิดแค่ว่าอีกฝ่ายระแวดระวังตัวตามปกติ

“บอสหม่าใช่ไหมครับ ขอผมแนะนำตัวสักหน่อย ผมชื่อหลี่สือ เป็น CEO ของบริษัทลงทุนฟู่หุยครับ”

หลี่สือยื่นนามบัตรให้หม่าหยาง “จริงๆ ผมเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ ไม่ทราบว่าบอสหม่าสนใจคุยเรื่องร่วมงานกับทางผมไหมครับ”

หม่าหยางเห็นว่าหลี่สือไม่ได้คิดมิดีมิร้ายกับตัวเองจึงค่อยๆ เลื่อนมือไปรับนามบัตรมาอ่านภายใต้แสงไฟสลัว

หลี่สือ “…”

เขาตระหนักว่าบอสหม่าเหมือนจะไม่รู้จักบริษัทลงทุนฟู่หุย…

หลี่สือเริ่มหงุดหงิด

แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว

ไม่รู้เหรอว่าบริษัทลงทุนฟู่หุยมีชื่อเสียงแค่ไหนในแวดวงการลงทุนในเมืองจิงโจว

ดูจากใบหน้างุนงงของหม่าหยางแล้วก็ชัดเจนว่า เขาไม่ได้รู้เลยว่าบริษัทลงทุนฟู่หุยสามารถช่วยอะไรร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูได้บ้าง

โชคดีที่หลี่สือมีประสบการณ์ล้นเหลือ ในเมื่อหม่าหยางไม่รู้อะไรเลยเขาก็เข้าประเด็นได้เลยตรงๆ

การโกหกคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยคือสิ่งที่ง่ายที่สุด

หลี่สือจิบเครื่องดื่ม ก่อนจะสวมบทนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ เขาอธิบายแผนร่วมลงทุนให้หม่าหยางฟังด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ก็หนักแน่น

สรุปง่ายๆ คือ บริษัทลงทุนฟู่หุยจะเข้ามาลงทุนกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูและใช้ประสบการณ์อันล้นเหลือช่วยชี้นำแนวทางการดำเนินกิจการของร้าน ทุกคนจะได้เงินไปด้วยกัน จากนั้นก็จะขยายธุรกิจร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูไปทั่วประเทศ…

หลี่สือวาดภาพฝันอันสวยงามขึ้นมาอย่างง่ายดาย

หม่าหยางตาเป็นประกาย เขารู้สึกคล้อยตามสุดๆ!

หลี่สือเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ดูจากการแต่งตัวและวิธีพูดจา หม่าหยางก็รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ เขาพูดโน้มน้าวได้ดีกว่าพวกพนักงานขายที่พยายามจะขายประกันด้วยกลยุทธ์การโน้มน้าวที่ใช้กันอย่างดาษดื่น

นอกจากนี้แต่ละคำที่ออกจากปากอีกฝ่ายยังเหมือนยาที่ช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของหม่าหยางอย่างตรงจุด ซึ่งก็คือการช่วยจัดการปัญหาร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูทำกำไรไม่ได้!

จางหยวนไม่สามารถหาทางแก้ทุกปัญหาที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูประสบอยู่ได้ เผยเชียนเองก็ทำตัวมีลับลมคมใน ทำให้หม่าหยางรู้สึกหลงทางและสับสน

หลี่สือเสนอกลยุทธ์ทำกำไรให้ร้านสองสามอย่างเพื่อล่อลวงหม่าหยาง

เขาสังเกตดูจากท่าทีของอีกฝ่ายก็รู้ได้ว่าแผนการสำเร็จลุล่วงแล้ว

“ทุกอย่างไปได้สวยเกินคาด”

หลังจากนั้นเขาก็แค่รอเงียบๆ ให้ปลากินเหยื่อ

หม่าหยางดูตื่นเต้นมากหลังจากหลี่สือพูดจบ หลี่สือพอจะบอกได้ว่าอีกฝ่ายสนใจแผนที่เขาเสนอไปไม่น้อย

แต่หม่าหยางก็ไม่ได้ตอบตกลงทันที

“บอสหลี่แนะนำได้ดีมากเลยครับ แต่…ผมต้องไปคุยกับบอสผมดูก่อน”

หม่าหยางยังไม่ลืมว่าเผยเชียนมีอำนาจเด็ดขาดกับทุกอย่างในร้าน

หลี่สือรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เขายิ้ม “ได้ครับ”

ถึงจุดนี้หลี่สือไม่ควรพูดอะไรต่ออีก

เขามั่นใจว่าหม่าหยางติดกับเรียบร้อยแล้ว ที่ต้องทำตอนนี้คือรอให้เจ้าหน้าใหญ่ไปเป่าปี่ ไม่ใช่สิ ไปเป่าหูบอสเผย เขามั่นใจว่าแผนนี้น่าจะได้ผลดีเลยทีเดียว

หลี่สือไม่ได้กังวลว่าเผยเชียนจะนึกสงสัยในตัวเขา เพราะเขารู้ดีว่าวิธีที่ใช้มีทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง

“พี่เชียน เรื่องก็ประมาณนี้แหละ! ถ้าเรารับข้อเสนอของบริษัทลงทุนฟู่หุย ร้านเราก็จะพลิกกลับมาทำกำไรได้ใช่ไหมล่ะ”

หม่าหยางเล่าเรื่องราวผ่านโทรศัพท์อย่างตื่นเต้น

เผยเชียนยิ้มอ่อน

เจ้าหม่าหยางนี่โดนล่อลวงง่ายจริงๆ

แต่เผยเชียนก็ไม่ได้โกรธ สำหรับเขาแล้ว นี่คือข้อดีของการมีหม่าหยางเป็นพนักงาน

ดูจากสถานการณ์แล้ว หม่าหยางน่าจะโดนบอสหลี่จากบริษัทลงทุนฟู่หุยล้างสมองมา แต่เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไร เผยเชียนสามารถดึงสติเจ้านี่กลับมาได้ง่ายๆ

“ไอ้หม่า แกโดนหลอกแล้ว”

หม่าหยางที่อยู่ในสายอึ้งไป

เผยเชียนแสยะยิ้ม “จริงๆ แล้วไม่กี่วันก่อน บริษัทลงทุนฟู่หุยเพิ่งจะติดต่อเลขาซินมา พวกเขายื่นข้อเสนอร่วมลงทุนกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แต่ฉันปฏิเสธไป”

หม่าหยางไม่เข้าใจ “ทำไมถึงปฏิเสธล่ะพี่เชียน พวกเขาจะให้เงินลงทุนเราก้อนโต ทุกคนได้เงินกันถ้วนหน้า มันไม่ดีตรงไหนเหรอพี่”

เผยเชียนอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าที่บอสหลี่มาคุยกับหม่าหยางเพราะคิดว่าเจ้านี่มันหลอกง่าย

สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลงทุนกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Status: Ongoing
ต้องทำธุรกิจให้ “ขาดทุน” เขาถึงจะรวย แต่ไม่รู้ดวงดีหรือดวงซวย ถึงได้แต่ “กำไร” เนี่ย!เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนโดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆแต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุนด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท