ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลัก…
ทางเข้ามีฝูงชนมายืนออกันเบียดเสียดขนาดที่น้ำยังไหลผ่านไปไม่ได้
เฉินเหล่ยกำลังดีดกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวที
ถึงจะเป็นช่วงกลางวัน แต่ผู้ชมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พวกเขาฟังเพลงกันเงียบๆ ไม่ปรบมือหรือโห่เชียร์ รอให้เฉินเหล่ยร้องจนจบเพลงก่อนค่อยกรี๊ดกร๊าด
หลายคนเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์เรื่อยๆ พวกเขาหยิบแบงก์สีแดงออกมาเป็นฟ่อนแต่รับเครื่องดื่มกลับไปแค่แก้วเดียว ส่วนที่เหลือนั้นเป็นทิปให้เฉินเหล่ย
บาร์เทนเดอร์ พนักงานเสิร์ฟ รวมถึงหม่าหยางและจางหยวนต่างยุ่งกันจนลืมเวลา
ขนาดตอนนอนยังไม่เคยฝันว่าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูจะดังได้ขนาดนี้!
โชคดีที่พวกเขาเรียกพนักงานจากร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาอื่นมาช่วยตั้งแต่คืนก่อน ไม่อย่างนั้นคงจัดการกันไม่ไหว
หม่าหยางรู้สึกท่วมท้น ต้องขอบคุณพี่เชียนที่เปิดสาขาอื่นเพิ่มไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะไปหาคนมาช่วยจากที่ไหน
ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาอื่นๆ ก็มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มเหมือนกัน แต่ก็เทียบสาขาหลักไม่ได้เลย เพราะทุกคนล้วนมาเพื่อพบเฉินเหล่น
ตอนนี้ร้านสาขาหลักกลายเป็นร้านสาขาหลักจริงๆ แล้ว!
บนชั้นสอง สาวขายาวคนหนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่าง เธอกำลังโพสต์ท่าทางเพื่อถ่ายรูป
ในมือของเธอถือหนังสือที่หยิบมาจากชั้นเล่มหนึ่ง สายตากำลังจับจ้องไปที่ตัวหนังสือท่ามกลางแสงจ้า มองแล้วดูสง่างามมากทีเดียว
แต่ปกหนังสือในมือกลับเป็นภาษารัสเซียกลับหัว แถมยังแปลได้ว่า ‘วิธีใช้งานและดูแลรักษารถไถเดินตาม’
บางคนสั่งเครื่องดื่มมานั่งฟังเฉินเหล่ยร้องเพลง
แต่คนแถวหน้าเวทีอัดแน่นจนไม่มีที่ให้แทรก หลายคนเลยเดินไปทางโซนอินเทอร์เน็ตเพื่อสำรวจร้านอันลึกลับแห่งนี้
โซนอินเทอร์ดูสะอาดสบายตา มีชั้นหนังสือที่อัดแน่นจนเต็มเรียงรายอยู่รอบๆ โรงหนังส่วนตัวดูดีมีระดับ ส่วนพนักงานก็แสนสุภาพ
ทุกคนเพิ่งจะตระหนักว่าร้านนี้คุณภาพดีมาก!
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง พอได้ยินว่าเฉินเหล่ยจะมาที่ร้านก็รีบตรงปรี่มาทันที
พวกเขาเคยเดินผ่านร้าน แต่ไม่เคยเข้าไปลองใช้บริการเพราะราคาแพงหูฉี่
แต่พอมาดูดีๆ ราคาก็ไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้น!
บรรยากาศร้านดี พนักงานก็ให้บริการดี นอกจากนั้นอุปกรณ์ในร้านก็เหนือชั้นกว่าร้านอินเทอร์เน็ตร้านอื่น
จริงๆ ก็มีร้านอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงร้านอื่นในละแวกนี้ แต่ทุกร้านพยายามประหยัดงบค่าอุปกรณ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อย่างนั้นงบลงทุนจะบานปลาย ร้านอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่เลยคุมงบประมาณตรงนี้เพื่อที่จะหาทุนคืนได้ไวๆ
แต่อุปกรณ์ในร้านนี้กลับเป็นของดีไร้ที่ติ หลายคนที่อยากได้คอมพิวเตอร์ดีๆ ไว้ใช้งานยังไม่กล้าหาของคุณภาพขนาดนี้มาใช้เลย
คอมพิวเตอร์ร้านนี้ให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่เยี่ยมยอดสุดๆ!
เครื่องดื่มกับบรรยากาศร้านยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทุกอย่างคุณภาพชั้นเลิศ
แถมร้านยังไม่ขึ้นราคาค่าบริการอีกด้วย!
พวกเขาใช้ราคาเดิมตั้งแต่ก่อนเฉินเหล่ยเข้ามาทำงาน
จะใจดีอะไรขนาดนี้!
ถ้าเจ้าของเป็นคนอื่นคงจะออกตั๋วเก็บเงินค่าเข้าร้านเพื่อมาดูเฉินเหล่ยแสดง ไม่อย่างนั้นก็คงขึ้นราคาค่าเครื่องดื่มและค่าบริการอื่นๆ
วิธีเหล่านี้คือกลยุทธ์ทำกำไรที่พบเห็นได้ทั่วไป
แต่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูนั้นแตกต่างออกไป ถึงเฉินเหล่ยจะมาที่ร้าน แต่ราคาทุกอย่างยังเหมือนเดิม
ลูกค้าหลายคนรู้สึกซาบซึ้งใจมาก มีไม่กี่ร้านที่จะจริงใจกับลูกค้าแบบนี้!
พวกเราผิดเองที่มองว่าร้านนี้แพงเกินไป!
นอกจากนั้นแล้ว ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป เหล่าแฟนตัวยงของเฉินเหล่ยน่าจะบินมาจากต่างเมือง ร้านคงจะคับคั่งไปด้วยผู้คนยิ่งกว่าตอนนี้อีก!
…
พอเผยเชียนมาถึงหน้าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลัก เขาก็คิดขึ้นได้ว่าไม่น่ามาที่นี่เลย
เขารู้สึกแย่มาก จึงอยากจะมาดื่มให้หายเศร้า
แต่สุดท้ายก็มาพบว่าไม่มีที่แม้แต่จะให้เหยียบเข้าร้าน!
ทั้งสองชั้นของร้านแน่นขนัด นอกจากโซนบาร์แล้ว โซนอินเทอร์เน็ตก็ไม่เหลือที่นั่ง ด้านหลังคอมแต่ละเครื่องมีคนยืนอยู่อีกสามถึงสี่คน
เผยเชียนอยากจะเข้าไปในร้าน แต่คนหลายร้อยคนข้างนอกก็อยากเข้าไปเหมือนกัน แถมคนด้านในก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะออกจากร้านเลย
หลายคนยืนอยู่หน้าร้านเพื่อฟังเฉินเหล่ยร้องเพลง พวกเขาชูมือโบกเงินเรียกพนักงานที่เดินผ่านไปมาเพื่อสั่งเครื่องดื่มให้ตัวเองหนึ่งแก้ว แล้วยกเงินส่วนที่เหลือเป็นทิปให้เฉินเหล่ย
แม้แต่ร้านรวงข้างๆ ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูก็แน่นเอี้ยด หลายคนขึ้นไปชั้นสองของร้านบอร์ดเกมตรงข้ามร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเพื่อจะได้ชมการแสดงจากด้านบน
โชคดีที่ถนนที่ตั้งร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูไม่ใช้ถนนสายหลัก จึงมีรถผ่านมาน้อย ไม่อย่างนั้นรถน่าจะติดสุดๆ
เผยเชียนแสนปวดใจ
นี่คือร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูที่ฉันสร้างมาจริงๆ เหรอ
ก่อนหน้าเคยดีกว่านี้ ทั้งเงียบและสงบ จะมาดื่มตอนไหนก็ได้ อยากนั่งตรงไหนก็นั่ง ทั้งร้านมีไว้ให้ฉันใช้บริการ แถมยังขาดทุนให้ได้เรื่อยๆ อีก ดีแสนดีสุดๆ!
แต่ตอนนี้แม้แต่ที่จะให้ก้าวขาเข้าร้านยังไม่มี…
“ช่างเถอะ ไปที่อื่นก็ได้”
เผยเชียนพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องมาที่ร้านสาขาหลักอีกแล้ว
โชคดีที่ยังมีเหลืออีกหลายสาขา
ระหว่างที่เผยเชียนกำลังจะหันหลังกลับ พนักงานคนหนึ่งที่ต้อนรับลูกค้าอยู่ด้านนอกก็สังเกตเห็นเขา เลยรีบวิ่งเข้าไปหา
“บอสเผยมาด้วยเหรอครับ เข้ามาก่อนครับ พวกผมจองที่ไว้ให้แล้ว!”
เผยเชียนชะงัก “จองที่ไว้ให้ด้วยเหรอ”
พนักงานพยักหน้า “ใช่ครับ เฉินเหล่ยรอบอสอยู่ เข้ามาก่อนครับ!”
พนักงานหลายคนรีบเข้าไปต้อนรับเผยเชียน พวกเขาพาชายหนุ่มเข้าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูผ่านทางเข้าพนักงาน
ข้างเคาน์เตอร์บาร์มีที่ว่างเหลืออยู่ที่หนึ่ง พวกเขาน่าจะเก็บที่ตรงนี้ไว้ให้เผยเชียนโดยเฉพาะ
หม่าหยางดูเหนื่อยอ่อน แต่ก็พยายามตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ “พี่เชียนมาแล้วเหรอ นั่งก่อนพี่! เดี๋ยวผมให้คนเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ!”
เฉินเหล่ยนมองเผยเชียนจากเวที เขายิ้มและพยักหน้าให้ ก่อนจะหันไปร้องเพลงต่อ
“ในคืนอันเงียบงัน ฉันเดินไปตามทาง
“ใต้แสงสลัว เธอรอฉันอยู่
“ในเมืองอันแสนวุ่นวาย มีแค่เธอที่เข้าใจความทุกข์ของฉัน
“ไม่ว่าจะห่างไกลกันสักเท่าไร ฉันไม่มีทางลืมเธอและเครื่องดื่มเมาใจ…”
เพลงรอคอยที่โด่งดังจากรายการ The Voice of China และได้ขึ้นชาร์ตเพลงดังก้องไปทั่วร้าน
เฉินเหล่ยกำลังร้องเพลงนี้สดๆ
ทุกคนในร้านรู้สึกเชื่อมโยงถึงเพลงสุดๆ
ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงแถวหน้าเรียกพนักงานมากระซิบคุยด้วย เขาแต่งตัวธรรมดาแต่กลับดูมีเสน่ห์
ไม่นานเฉินเหล่ยก็ร้องเพลงจบ
พนักงานคนเมื่อครู่ขึ้นไปบนเวที “ทุกคนครับ ผมมีข่าวดีจะมาบอก ค่าใช้จ่ายทุกอย่างตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงตอนกลางคืน คุณหลินจะเป็นคนออกให้ทั้งหมดครับ!”
เผยเชียนแทบสำลักเครื่องดื่มที่กำลังจิบอยู่
ผู้คนส่งเสียงโห่เชียร์ เผยเชียนหันไปมองชายคนนั้น เขารู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก
คุณหลินหันมามองทางเผยเชียน เขายิ้มและพยักหน้าให้
เผยเชียน “…”
ชายคนนี้หน้าตาคล้ายๆ หลินโจวที่เผยเชียนเคยเห็นในรูป หลินโจวคือประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์เฉินฮว่า แต่ชายคนนี้ดูเด็กกว่า…
เผยเชียนเอะใจขึ้นมา
ถ้าจำไม่ผิด เขาน่าจะชื่อหลินฉาง ประธานบริษัทสื่อบันเทิงเฉินฮว่า ลูกชายคนที่สามของหลินเจิงหนาน
เผยเชียนยกแก้วขึ้นดื่มเงียบๆ
หลินฉางแปลกใจ
บอสเผยไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ด้วย
ถ้ามีคนออกเงินให้ ทุกคนน่าจะใช้จ่ายกันอย่างบ้าคลั่ง คืนนี้เขาอาจจะต้องจ่ายบิลหลายแสนหยวน
สำหรับหลินฉางแล้ว เงินจำนวนนี้เล็กน้อยมาก ถือว่าเป็นของขวัญทักทายบอสเผย
อีกอย่างเขาก็ชอบเสียงร้องของเฉินเหล่ยมากๆ
ที่ทำให้เขาแปลกใจคือท่าทีของบอสเผย
อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งใจอะไรเลย แถมยังดูระแวดระวังตัวเขาอีก
บอสเผยไม่ได้สนใจกำไรที่จะทำได้ ขนาดอยู่ต่อหน้าความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของตัวเองยังนิ่งได้ขนาดนี้ เขาน่าจะตกใจที่จู่ๆ ก็ได้ของขวัญ คงจะคอยระมัดระวังความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้อยู่ตลอด
“เหมือนที่น้องหวานบอกเลย เป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” หลินฉางเอ่ยชมในใจ
เผยเชียนกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ ในใจคิดแค่อย่างเดียว
ฉันจะไม่ยอมอยู่ร่วมโลกกับตระกูลหลิน!!!
“…”
แต่พอคิดดูอีกทีก็รู้สึกแปลกๆ
ตอนนี้เขาขาดทุนไม่ได้อีกแล้ว แต่ถ้าหาเงินได้เพิ่ม ก็ยิ่งได้เงินแปลงเข้าความมั่งคั่งส่วนบุคคลเพิ่ม
ถ้าคิดอย่างนี้ก็ต้องรู้สึกขอบคุณหลินฉางที่อาจจะช่วยให้เขาได้เงินเข้าความมั่งคั่งส่วนบุคคลเพิ่มอีกหลายพันหยวน
ทั้งๆ ที่ควรจะดีใจ แต่เขากลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด…
เผยเชียนแสนทุกข์ระทม