ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – บทที่ 229 ซาหวาดดีครับทู้กโคน ผมจ๋าจูถี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ผู้ช่วยที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือรีบชักมือกลับทันที

บรรยากาศในร้านดีมาก อาหารก็ทำออกมาดูดี ช่างทรมานเหลือเกินที่ไม่สามารถถ่ายรูปไปอวดเพื่อนได้!

ถ้าถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้ แล้วจะเอาประสบการณ์กินอาหารหรูนี้ไปอวดคนอื่นได้ยังไง

ปวดใจจริงๆ

แต่ที่บอสเผยพูดก็ฟังดูมีเหตุผล

อาหารดีๆ ไม่ควรรับรู้ด้วยลิ้นเพียงอย่างเดียวแต่ต้องใช้ใจและจิตวิญญาณด้วย

ถ้าเอาแต่คิดว่าจะอวดคนอื่นยังไงระหว่างกินก็จะไม่ได้สนใจถึงรสชาติอาหาร รสชาติที่สัมผัสได้จะแย่กว่าความเป็นจริง

ก็เหมือนกับการชื่นชมงานศิลปะ บางคนต้องจดจ่ออยู่กับมัน ถึงจะเข้าใจความงามของงานชิ้นนั้นได้

แต่ก็มีบางส่วนที่ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปไม่หยุด สิ่งที่พวกเขาคิดมีแค่เรื่องแสงกับมุมกล้อง จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะละเลยความงามของงานศิลปะ ณ ตอนนั้นไป

จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงควรตั้งใจลิ้มรสอาหาร

ถ้ามัวคิดเรื่องถ่ายรูป อาจจะทำให้พะวงจนไม่สามารถเข้าถึงรสชาติอาหารทั้งหมดในจานได้

ถ้าคิดตามนี้ก็ถูกตามที่บอสเผยพูด!

ผู้ช่วยเก็บโทรศัพท์ไปเงียบๆ และเลิกคิดเรื่องถ่ายรูป

พนักงานจัดการล็อบสเตอร์ตัวใหญ่อย่างช่ำชอง เขาใช้กรรไกรตัดขาออกแล้วตักเนื้อด้านในออกมา จากนั้นก็ควักไข่สีทองด้านในเปลือกมาบรรจงวางไว้บนเนื้อแล้วจัดแบ่งให้ทุกคนบนโต๊ะที่รอลิ้มรสอยู่

เขาจัดแบ่งแต่ส่วนที่ดีที่สุดของล็อบสเตอร์ให้ ส่วนอื่นๆ ที่เหลืออย่างก้ามจะยกกลับไปที่ครัว

จากนั้นเชฟจะจัดการเอาเนื้อออกมาจากส่วนต่างๆ แล้วรังสรรค์เป็นจานอาหารออกไปเสิร์ฟอีกรอบ

เผยเชียนยกมือขึ้น “เชิญเลยครับคุณจาง”

จางจู่ถิงกับผู้ช่วยมองเนื้อหอมฉ่ำและไข่ตรงหน้า ความอยากอาหารของพวกเขาพุ่งขึ้นสูงทันที

ผู้ช่วยของจางจู่ถิงรู้สึกว่าการเดินทางมาจิงโจวครั้งนี้คุ้มค่ามาก!

จางจู่ถิงได้ค่าจ้างสองล้านหยวนในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เกม แต่ผู้ช่วยไม่ได้สักหยวน

ตอนแรกเขาคิดว่าการมาจิงโจวครั้งนี้คงไม่มีอะไรพิเศษ น่าจะมาทำงานธรรมดาทั่วไป จึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก

ใครจะคิดเล่าว่าจะมีโอกาสได้มากินอาหารชั้นเลิศที่นี่!

ตัดเรื่องอื่นออก แค่นั่งเครื่องมากินล็อบสเตอร์ก็คุ้มค่ามากแล้ว!

จางจู่ถิงกินล็อบสเตอร์ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ รู้สึกว่าบอสเผยช่างเอาใจใส่จริงๆ!

ถึงพรุ่งนี้จะไม่ได้ถ่ายทำอะไรมาก แต่เขาบอกกับตัวเองว่าจะต้องจริงจังกับงาน เขาต้องดึงทักษะการแสดงของตัวเองออกมาใช้เกินร้อยเปอร์เซ็นต์เพื่อที่จะทำให้โฆษณานี้ออกมาสมบูรณ์แบบ!

เช้าวันต่อมา ที่สตูดิโอ

จางจู่ถิงแต่งตัวเต็มยศ ดูองอาจมาก

เขาสวมเกราะศึกสีเงินแดง ตรงไหล่มีหัวมังกรสีทองประดับอยู่ ชุดเกราะออกแบบมาอย่างดี ได้บทบาทความเป็นตัวละครมาก

ชุดนี้สั่งทำพิเศษเพื่อเขาโดยออกแบบตามชุดระดับสูงในเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรด

นอกจากนั้นเขายังมีกระบี่สีทองสะท้อนแสงที่ยาวเกือบเท่าขนาดตัวคนด้วย

แน่นอนว่าชุดเกราะกับกระบี่ไม่ได้ทำจากทองจริงๆ จึงไม่หนักมาก ถึงจางจู่ถิงจะเต้นไปรอบๆ ก็ไม่น่าจะเหนื่อย

จางจู่ถิงเห็นสารรูปตัวเองแล้วก็รู้สึกห่อเหี่ยว

ฉันเป็นใคร

ตอนนี้อยู่ไหน

กำลังทำอะไรอยู่

หลังจากมื้ออาหารเมื่อคืน จางจู่ถิงก็ตัดสินใจจะดึงทักษะการแสดงเกินร้อยเปอร์เซ็นต์มาใช้ในการถ่ายทำครั้งนี้เพื่อตอบแทนล็อบสเตอร์ของบอสเผย

แต่พอมาถึงสตูดิโอ เขาก็พบว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้

นี่มันอะไรกันเนี่ย

ทำไมชุดกับพร็อบถึงได้เว่อร์ชะมัด

จางจู่ถิงเคยถ่ายงานย้อนยุคมากก่อน แต่ก็ไม่เคยเห็นชุดเกราะกับอาวุธที่เว่อร์ขนาดนี้

ดาบในมือที่ถืออยู่ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีเลข ‘-1’ ปรากฏขึ้นบนหัวเรื่อยๆ บ่งบอกค่าสติปัญญาที่ลดลง

เขาหันมองบอสเผยด้วยแววตาสงสัย แต่บอสเผยกลับชูนิ้วโป้งให้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพอใจกับเซ็ตติ้งนี้

“นี่บทค่ะ ลองอ่านดูนะคะ บทง่ายมากๆ มีไม่กี่ประโยคเอง” สตาฟคนหนึ่งยื่นบทให้เขา

บทยาวแค่หนึ่งหน้ากระดาษ แถมยังใช้ฟ้อนต์ขนาดใหญ่เหมือนกลัวว่าจางจู่ถิงจะอ่านไม่ถนัด

จางจู่ถิงมั่นใจมาก

การจำบทถือเป็นของกล้วยๆ

เขาไม่ใช่พวกมือสมัครเล่นที่ตะโกนหนึ่งสองสามสี่แล้วค่อยมาพากย์เสียงใส่ทีหลัง จางจู่ถิงมั่นใจมากว่าอ่านแค่สองสามรอบก็น่าจะจำบทได้

ถึงจะต้องให้คนไปพากย์เสียงใส่ที่หลังเพราะสำเนียงฮ่องกง แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถขยับปากให้ตรงกับคำพูดได้

เขาอ่านบทดู

“สวัสดีครับทุกคน! ผมจางจู่ถิงเอง ผมเล่นหนังมาหลายเรื่อง แต่เรื่องเกมต้องยกให้เพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรดเท่านั้น เกมนี้ยุติธรรมสุดๆ พวกคุณจะได้สัมผัสความรู้สึกของพวกผู้เล่นสายวาฬ เกมนี้ดีมากสหายทุกคนมาร่วมรบไปด้วยกันเถอะ! “จางจู่ถิงชอบเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรดมาก! เล่นเพลินสุดๆ ถ้าพลาดบอกเลยว่าต้องรอไปอีกร้อยยี่สิบปีถึงจะมีเกมแบบนี้อีก!

“นี่คืออัปเดตใหม่ที่พวกคุณไม่เคยเห็นมาก่อน แค่แป๊บเดียวพวกคุณจะรักเกมนี้เหมือนผม!”

บทมีแค่นี้ นับรวมดูแล้วไม่กี่ประโยค ใช้กระดาษแค่หน้าเดียวก็พอ

จางจู่ถิงดูงงงวย

ไหนล่ะพล็อต

ฉันเป็นถึงราชาภาพยนตร์ ถึงจะผ่านยุครุ่งเรืองมาแล้ว แต่ก็ฝึกฝีมือมาตลอด ทักษะการแสดงของฉันดีขึ้นมาก!

อุตส่าห์เตรียมตัวมาปล่อยของเต็มที่ แล้วนี่…มันอะไรกัน

บทนี่มันอะไร นี่มันบทของพวกโฆษณาง่อยๆ ไม่ใช่เหรอ!

แล้วฉันจะได้โชว์ทักษะอะไรกับบทแบบนี้ล่ะ

บทแค่นี้ อย่าว่าแต่ค่าจ้างสองล้านหยวนเลย แค่ชุดกับพร็อบแพงๆ พวกนี้ก็เสียของฉิบหายแล้ว!

จางจู่ถิงหันมองเผยเชียนอีกรอบ แต่กลับได้รับท่าทางให้กำลังใจกลับมา

เขาสูดหายใจลึก ก่อนจะไล่สายตาจำบททั้งหมดทันที

เผยเชียนที่ยืนอยู่ข้างผู้กำกับพูดขึ้น “ไม่ต้องห่วง ถ่ายไปเลย ผมเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของคุณจาง!”

ชายหนุ่มไม่ได้สนใจว่าฝีมือการแสดงของจางจู่ถิงจะเป็นยังไง เขาแค่ต้องการให้จางจู่ถิงพูดบทพวกนั้นต่อหน้ากล้อง

พอได้ยินคำว่าแอคชัน จางจู่ถิงก็สวมบทบาททันที

ต้องยอมรับจางจู่ถิงเป็นนักแสดงมืออาชีพจริงๆ ฝีมือการแสดงของเขาไม่ธรรมดาเลย

อารมณ์มาเต็ม สีหน้าดูมุ่งมั่น เขาพูดอย่างแข็งขัน “ซาหวัดดีครับ ทู้กคน! ผมจ๋าจูถี ผมเล่นหนังมาหล้ายเรื่อง…”

เผยเชียนแทบหลุดขำตอนที่ได้ยินสำเนียงของจางจู่ถิง

แบบนี้แหละใช่เลย!

แต่สิ่งเดียวที่ไม่ตรงกับบทคืออารมณ์ที่จางจู่ถิงใส่เข้าไปในการถ่ายโฆษณา เขาแสดงทักษะการแสดงอันยอดเยี่ยมในฐานะราชาภาพยนตร์ แม้จะติดสำเนียงฮ่องกง แต่โฆษณาที่ออกมาดูดีทีเดียว ไม่ได้ห่วยเหมือนที่วางเอาไว้

ตอนจางเจียฮุย ถ่ายโฆษณา เขาดูเหนื่อยอ่อนและจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้โด่งดังขึ้นมาจากฉากตอนแนะนำตัวด้วยสำเนียงฮ่องกง

แต่เมื่อคืนจางจู่ถิงได้กินล็อบสเตอร์และได้นอนเต็มอิ่มจึงมีพลังเต็มเปี่ยม แถมยังรู้สึกซึ้งใจที่บอสเผยดูแลเป็นอย่างดี เลยแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

ตอนนี้ทุกอย่างดีหมด ติดอยู่แค่เรื่องเดียว

“นี่คืออัปเด๊ตใหม่ที่พวกคูนไม่เคยเหนมาก้อน แพร่บเดียว พวกคูนจะร้าคเกมนี้เหมือนผม!”

เขาพูดประโยคสุดท้าย พอผู้กำกับก็สั่งคัต จางจู่ถิงก็หันมองเผยเชียนอีกรอบ

บอสเผยยกนิ้วโป้งชมจางจู่ถิง

จางจู่ถิงรู้สึกกังวลใจว่าที่ทำไปนั้นดีพอหรือเปล่า

เขารู้สึกอึดอัดใจมากที่ต้องพูดบทที่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความเป็นมืออาชีพกับประสบการณ์การแสดงที่สั่งสมมาหลายปี เขาคงไม่สามารถพูดตามนั้นได้

บอสเผยพอใจกับการแสดงเมื่อกี้จริงๆ เหรอ

ไม่มีทาง ยังไงก็ต้องมีจุดที่ต้องปรับปรุง!

แล้วก็จริงตามนั้น เพราะสตาฟยังไม่ได้แยกย้าย เผยเชียนเดินมาหาจางจู่ถิงเพื่อแนะนำอะไรเล็กๆ น้อยๆ

“คุณจางแสดงได้ดีแล้วครับ!

“แต่… มีจุดที่ต้องปรับนิดหน่อย คือเราไม่ได้ถ่ายหนังจริงจังขนาดนั้นครับ เป็นแค่โฆษณาตัวหนึ่ง

“ในโฆษณานี้คุณรับบทเป็นเกมเมอร์ ถ้าแสดงออกมาสบายๆ หน่อยจะเข้าถึงคนดูได้มากกว่า

“ปล่อยตัวสบายๆ ครับ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้น ปล่อยหัวให้ว่าง แล้วพูดบทออกมาสบายๆ”

ตอนที่เผยเชียนเดินเข้ามาหา จางจู่ถิงคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมาแนะนำเรื่องการแสดงของเขา หรือไม่ก็เปลี่ยนบทใหม่

แต่บอสเผยกลับบอกให้จริงจังน้อยลง

ให้ปล่อยตัวสบายๆ แทน

จางจู่ถิงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ในเมื่อบอสเผยขอมาแบบนี้ เขาก็ต้องพยายามให้เต็มที่

การถ่ายทำเริ่มขึ้นอีกครั้ง

“ซาหวัดดีครับ ทู้กคน! ผมจ๋าจูถี ผมเล่นหนังมาหล้ายเรื่อง…”

รอบนี้จางจู่ถิงแสดงได้ ‘ถูกต้อง’ มากขึ้น เขาลดความจริงจังลงตามที่บอก ดูแล้วขัดหูขัดตากว่าเดิม

เผยเชียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

ใช่ ต้องแบบนี้แหละ!

ถึงจะไม่ได้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบตามที่คิดเพราะทักษะการแสดงของจางจู่ถิงดีเกินไป แต่แค่ถ่ายโฆษณาตามนี้ได้ เผยเชียนก็พอใจมากแล้ว

พอพูดจนจบบท ผู้กำกับก็สั่งคัต

จางจู่ถิงดูไม่สบายใจ เขารู้สึกว่าการแสดงรอบนี้น่าจะขัดหูขัดตาคนอื่นมากกว่ารอบก่อน เอาจริงๆ น่าจะแย่มากๆ เลยแหละ!

ในฐานะราชาภาพยนตร์ จางจู่ถิงไม่เคยรู้สึกถึงการที่ไม่สามารถควบคุมฝีมือการแสดงของตัวเองได้มานานแล้ว

ตอนที่แสดงเมื่อครู่ เขารู้สึกเหมือนเป็นมือสมัครเล่นที่ไม่รู้เรื่องการแสดงเลยแม้แต่นิดเดียว

“บอสเป่ย ขอโทษทีครับ ผมเล้นม่ายดีเลย ขอผมต้างสติ้ก่อนแล้วเดี๋ยวเลาถ่ายใหม่อี้กรอบ”

จางจู่ถิงตั้งใจจะพักสักหน่อยเพื่อให้มีเวลาทวนบทซ้ำๆ จนรู้ว่าจะพูดออกมายังไงให้ดีที่สุด

แต่เผยเชียนกลับส่ายหน้ารัว “ไม่ต้องแล้วครับ! ทำได้ดีมากเลย ไม่ต้องถ่ายแล้วครับ!

“คุณจางกลับไปพักที่โรงแรมได้เลย เดี๋ยวตอนบ่ายผมให้คนไปส่งที่สนามบิน

“ยินดีมากเลยครับที่ได้ร่วมงานกัน!”

จางจู่ถิงอึ้งไป

ถ่ายเสร็จแล้วอย่างนั้นเหรอ

เขาหันมองนาฬิกา จางจู่ถิงมาถึงสตูดิโอตอนเก้าโมงเช้า ใช้เวลาแต่งหน้าไปครึ่งชั่วโมง แต่งตัวสิบนาที อ่านบทสองรอบก่อนถ่ายทำอีกสิบนาที

ยังไม่ทันจะสิบโมงเช้าเลย แต่พวกเขาปิดกองแล้ว

จางจู่ถิงดูไม่สบายใจ “เดี๋ยวก่อนครับบอสเผย! เมื่อกี้ผมเล่นได้ไม่ดีเลย อาจจะส่งผลเสียกับโฆษณา เราน่าจะถ่ายต่อจนกว่าจะออกมาสมบูรณ์แบบ…

“แล้วก้อผมพุ้ดจีนกลางด้ายม่ายชัด คูนต้องหาโคนมาพากย์เสียงส่ายแทนด้วย…”

เผยเชียนยิ้ม “ไม่ต้องห่วงครับ เราจะตัดต่องานที่ได้กับหาคนมาพากย์เสียงตามเห็นสมควร”

ความหมายจริงๆ คือ ถ้าไม่จำเป็น เราจะไม่ตัดต่อหรือหาคนมาพากย์เสียง

จางจู่ถิงไม่ทันเอะใจความหมายที่แท้จริงของประโยคนั้น เขาโล่งใจเมื่อได้ยินบอสเผยพูดว่า ‘จะหาคนมาพากย์เสียง’

แต่เขาก็ยังสองจิตสองใจกับการแสดงของตัวเอง

ในเมื่อนายจ้างอย่างบอสเผยพอใจกับงานและสตาฟก็เก็บข้าวของกันหมดแล้ว จะให้จางจู่ถิงยืนกรานว่าจะถ่ายให้ได้ก็กระไรอยู่

อีกอย่างถึงจะถ่ายใหม่อีกครั้ง เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะถ่ายทอดบทออกมาได้ดีหรือเปล่า…

จางจู่ถิงจึงได้แต่กลับออกไปอย่างกังวลใจ

ไม่ใช่ว่าเขาเสียใจที่แสดงได้ไม่ดี แต่รู้สึกเศร้าที่ตอบแทนล็อบสเตอร์ที่บอสเผยอุตส่าห์เลี้ยงเมื่อคืนได้ไม่เต็มที่

“ขอบคุณมากครับสำหรับวันนี้ เชิญไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน พวกเรายินดีต้อนรับคุณกลับมาที่จิงโจวทุกเมื่อครับ!”

เผยเชียนเดินไปส่งจางจู่ถิงอย่างเบิกบานใจ ตอนนี้เขาอารมณ์ดีมาก

โฆษณาถ่ายเสร็จแล้ว หมายความว่าเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรดจะได้เปิดฉากขาดทุนสักที!

โฆษณาตัวนี้จะทำให้พวกที่ไม่ชอบเกมเล่นบนเว็บอยู่แล้วรู้สึกไม่อยากเล่นมากกว่าเดิม

พวกวาฬก็จะไม่อยากเล่นเพราะแทบไม่มีช่องทางให้ใช้เงินจริงในเกมเลย

ถือเป็นกลยุทธ์สองชั้น ยังไงก็ต้องได้ผลแน่นอน!

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Status: Ongoing
ต้องทำธุรกิจให้ “ขาดทุน” เขาถึงจะรวย แต่ไม่รู้ดวงดีหรือดวงซวย ถึงได้แต่ “กำไร” เนี่ย!เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนโดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆแต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุนด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท