หลังส่งจางจู่ถิงกลับ เหล่าพนักงานของฉางหยางเกมส์ก็ง่วนอยู่กับการตัดต่อฟุตเทจให้ออกมาเป็นโฆษณา
รูปแบบและขนาดของโฆษณาบนเว็บทั่วไป เว็บลงวิดีโอ และช่องทางอื่นๆ นั้นไม่เหมือนกัน เช่น บางเว็บไซต์ให้พื้นที่โฆษณาแบบแนวนอน บางเว็บเป็นหน้าต่างป๊อปอัป บางเว็บอนุญาตให้ใช้วิดีโอความยาวไม่กี่วินาที
ดังนั้นฟุตเทจที่ได้จึงต้องเอาไปปรับแต่งเป็นหลายรูปแบบ
ถ้าต้องตัดวิดีโอสิบกว่าวินาทีให้เหลือแค่ไม่กี่วินาที พวกเขาก็ต้องเลือกช่วงที่สำคัญที่สุดในฟุตเทจมาใช้
พอถึงขั้นตอนการตัดต่อ พวกเขาถึงค่อยตระหนักว่าบอสเผยเป็นคนมองการณ์ไกลขนาดไหน
งานที่พวกเขาถ่ายมาสามารถปรับเป็นโฆษณาบนเว็บไซต์ได้ง่ายๆ!
บทของจางจู่ถิงเป็นประโยคสั้นๆ ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรมาก ถึงจะจับมาตัดและยัดใส่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความหมายเดิมที่ต้องการจะสื่อ ทำให้คนตัดต่อจัดการฟุตเทจได้หลายรูปแบบ
ถ้าเกิดผู้เล่นเบื่อโฆษณาเดิมๆ พวกเขาก็ตัดต่อทำเป็นโฆษณาใหม่ได้
“บอสเผยครับ สำเนียงจางจู่ถิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฟังดูขัดๆ เราหานักพากย์มืออาชีพมาพากย์เสียงทับดีไหมครับ น่าจะไม่แพงมาก” เยว่จือโจวแนะนำ
เผยเชียนส่ายหัวทันที “ไม่ ปล่อยไปแบบนั้นแหละ! คุณต้องเชื่อฝีมือการแสดงและการถ่ายทอดบทของราชาภาพยนตร์สิ อีกอย่างความเป็นธรรมชาติของโฆษณานี้จะช่วยให้เข้าถึงคนดูได้ง่ายขึ้น ถ้าเอาคนมาพากย์เสียงทับ โฆษณาเราจะสูญเสียจิตวิญญาณเดิมไป เข้าใจรึเปล่า”
“เอ่อ…” เยว่จือโจวคิดว่าที่บอสเผยพูดมาฟังดูแปลกๆ
แต่พอคิดดูดีๆ ตัววิดีโอก็ขัดหูขัดตาอยู่แล้ว ทำไมจะต้องไปพากย์เสียงเพิ่มด้วย
ผู้อำนวยการหลินเดาว่าบอสเผยตั้งใจเลือกดาราฮ่องกงตกยุคมาถ่ายโฆษณาแบบนี้เพื่อดึงดูดเกมเมอร์สายเกมเล่นผ่านเว็บ
ถ้าเป็นแบบนั้นโฆษณาตัวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องออกมามีระดับ ทำค่อนไปทางห่วยๆ น่าจะเหมาะสมกว่า
คิดได้แบบนั้นเยว่จือโจวก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืด แล้วหันไปเตรียมสื่อการตลาดอย่างว่าง่าย เขาพร้อมปล่อยโฆษณาทันทีที่ตัวเกมพัฒนาเสร็จ
จนถึงตอนนี้พวกเขาใช้เวลาไปแล้วหนึ่งเดือนครึ่งในการค้นคว้าและพัฒนาเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรด
ถึงจะต้องทำเกมใหม่ขึ้นมาจากศูนย์ แต่ส่วนใหญ่ก็เอารูปแบบการเล่นของเกมเพลงรบโลหิตมาปรับใช้ เรื่องงานภาพก็วางไว้ชัดเจนแล้ว ที่ต้องทำก็แค่ปรับปรุงบางส่วนเพิ่มให้ดีขึ้น
ภาระงานส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่เรื่องงานภาพ เนื่องจากพวกเขาจ้างบริษัทอื่นให้จัดการเรื่องนี้ให้ งานภาพจึงเสร็จสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว
ตามการคาดการณ์ของพวกเขา ตัวเกมน่าจะเสร็จสมบูรณ์ช่วงต้นเดือนกันยายน เร็วกว่าแผนงานเล็กน้อย
เนื่องจากการพัฒนาเกมเสร็จสิ้นไวกว่ากำหนด พวกเขาจึงสามารถใช้เวลาที่เหลือไปกับการทดสอบและจดจ่อกับเรื่องการปรับปรุงตัวเกม เพื่อที่จะได้ทำเกมให้ออกมาเหนือกว่าคู่แข่ง…
สั้นๆ คือมีข้อดีมากมายในเรื่องนี้
ตอนนี้การเตรียมการสำหรับโฆษณาเสร็จสมบูรณ์แล้ว เยว่จือโจววางแผนจะหันไปทุ่มเทกับการพัฒนาตัวเกมต่อเพื่อที่จะได้ปล่อยเกมออกมาให้ผู้เล่นได้ลองเล่นไวๆ
…
…
อีกด้านหนึ่ง เผยเชียนเองก็ยุ่งอยู่เหมือนกัน
เขาต้องแบ่งเวลาไปดูแลการพัฒนาเกมของเถิงต๋าและจับตาดูงานของเฟยหวงสตูดิโอ
การค้นคว้าและพัฒนาเกมกลับใจคือฟากฝั่งรุดหน้าไปอย่างราบรื่น ตอนนี้ตัวเกมพัฒนาไปแล้วเกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์ พิจารณาจากความเร็วในการทำงาน เกมน่าจะพร้อมวางจำหน่ายช่วงกลางเดือนตุลาคม นับรวมเวลาสำหรับทดสอบ ปรับปรุง และแก้ไขให้สมบูรณ์แล้ว
เผยเชียนบอกให้หลี่หย่าต๋าทำตัวเดโม่ออกมาให้ไวที่สุดเพราะเขาอยากลองเล่นดูก่อน
ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากตรวจดูว่าเกมยากอย่างที่คิดเอาไว้หรือเปล่า อีกส่วนก็เพราะอยากลองหาจุดที่คนอื่นไม่น่าจะหาเจอไว้แอบใส่ ‘อาวุธลับของบอสเผย’ เข้าไปในเกม
ระบบกำหนดเอาไว้ว่าเผยเชียนจะต้องเล่นเกมให้ผ่านด้วยฝีมือของตัวเอง
เอาจริงๆ ฝีมือของเผยเชียนก็ไม่ได้ถือว่ากากมาก แต่ก็ไม่ใช่ระดับเทพเหมือนกัน
เขาเป็นผู้เล่นธรรมดาทั่วไป ถ้าจับไปเล่นกับพวกผู้เล่นฝีมือกากๆ เขาก็พอจะแบกทีมได้อยู่
ที่ระบบออกกฎแบบนี้ก็เพื่อกันไม่ให้เผยเชียนใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ตรงนี้
ตัวอย่างเช่น เผยเชียนอาจจะทำให้มอนสเตอร์ในด่านแรกเก่งกว่าผู้เล่นช่วงต้นเกมหลายเท่า มอนสเตอร์ตัวนั้นจะมีพลังโจมตี จำนวนครั้งในการโจมตี และความเร็วในการเคลื่อนที่สูงกว่าผู้เล่นมากๆ ไม่ว่าจะฝีมือดีแค่ไหนก็ต้องแพ้ราบคาบในไม่กี่วินาที มีแค่เกมเมอร์ระดับเทพจุติที่อาจจะผ่านด่านแรกไปได้อย่างทุลักทุเล
ถ้าทำแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการจงใจกีดกันผู้เล่น ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
ระบบตั้งกฎข้อนี้มาเพื่อให้ผู้เล่นฝีมือกลางๆ ค่อนไปทางสูงที่เข้าใจตัวเกมพอประมาณ (เผยเชียนเข้าใจตัวเกมเป็นอย่างดี) สามารถเล่นผ่านได้หลังจากลองอยู่หลายครั้ง
ถ้าทำแบบนี้ แม้ว่าเกมจะยากแต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ยังพอมีหวังที่จะเล่นผ่านได้
แต่ด้วยความฉลาดของเผยเชียน เขาก็คิดหาทางแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้
เผยเชียนมีจุดสังเกตสามข้อ
ข้อแรก ระบบกำหนดไว้ว่าเผยเชียนต้องเล่นเกมให้ผ่าน แต่ไม่ได้กำหนดว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่!
ถึงจะต้องลองเป็นร้อยรอบ หรือเล่นตั้งแต่ได้เดโม่ไปจนถึงตอนออกวางขาย ถ้าเล่นผ่านก็เท่ากับผ่าน
ข้อสอง ระบบไม่ได้กำหนดวิธีการที่ใช้
เขาสามารถซ่อนอาวุธสุดเทพไว้จุดไหนสักแห่งในเกมที่คนอื่นไม่คาดคิด ถ้าโค่นมอนสเตอร์ลงง่ายๆ ด้วยอาวุธนั้น ก็นับว่าเป็นการเล่นผ่านเหมือนกัน
ข้อสุดท้าย ระบบไม่ได้กำหนดว่าเผยเชียนต้องจบเกมยังไง
เขาทำตอนจบของเกมไว้หลายแบบ มีอยู่แบบหนึ่งที่ผู้เล่นต้องเล่นเนื้อเรื่องผ่านแค่ประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ ถึงเขาจะใช้ทางที่สั้นที่สุดในการจบเกมแต่ก็เท่ากับว่าเล่นผ่านเหมือนกัน
ดังนั้นเผยเชียนจึงเตรียมการไว้พร้อมสรรพ เขารอเล่นเดโม่เกมกลับใจคือฟากฝั่งเพื่อที่จะได้หาที่ซ่อนอาวุธลับและเริ่มฝึกซ้อม
เดโม่น่าจะใช้เวลาทำสองสามวัน ถึงตอนนั้นเผยเชียนก็น่าจะเริ่มยุ่ง
ถึงจะฟังดูยากลำบาก แต่เหมือนคำพูดที่ว่า ‘ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ’ ถ้าอยากขาดทุน เขาก็ต้องขยันหน่อย
เผยเชียนลงทุนกับเกมกลับใจคือฟากฝั่งไปเกือบยี่สิบล้านหยวน เขาจะไม่ยอมให้เงินก้อนนี้สูญเปล่าแน่!
…
…
นอกจากเรื่องที่ว่ามาแล้ว เผยเชียนยังคิดจะปรับปรุงอะไรในบริษัทสักเล็กน้อย
ตอนนี้บริษัทเถิงต๋ามีนโยบายให้โบนัสโปรเจ็กต์ โดยกำไรสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่แต่ละเกมทำได้จะถูกแจกจ่ายให้พนักงานเป็นโบนัส
เฟยหวงสตูดิโอก็มีนโยบายคล้ายกัน พนักงานในบริษัทจะได้โบนัสสามสิบเปอร์เซ็นต์ของกำไร
ความตั้งใจเดิมของเผยเชียนที่ตั้งระบบนี้ขึ้นมาก็เพื่อลดรายได้ให้ได้มากที่สุด จะได้ไม่ต้องคิดหาวิธีผลาญเงินทุนระบบให้ปวดหัว
แต่หลังจากไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ เขาก็พบปัญหาใหญ่ของระบบนี้!
ถ้าได้โบนัสโปรเจ็กต์เยอะ พนักงานก็ยิ่งมีกำลังใจทำกำไรให้ได้เยอะขึ้น!
ดูเฟยหวงสตูดิโอเป็นตัวอย่าง พวกเขาได้เงินไม่มากจากงานรอบที่แล้ว ทำให้หวงซื่อปั๋วกับจูเสี่ยวเช่อได้แค่เงินเดือนตามฐานที่วางไว้ ไม่ได้โบนัสเลยสักหยวน
ถึงเผยเชียนจะวางฐานเงินเดือนไว้สูงและผลงานที่ปล่อยไปก็ได้กระแสตอบรับดีมาก แต่เงินที่ได้กลับเท่าเดิม
เป็นสาเหตุให้พวกเขาตัดสินใจเอาคลิปสั้นมาผสมโรงกับการรีวิวสินค้าเพื่อเพิ่มโอกาสที่สปอนเซอร์จะเข้ามาจ้าง เผยเชียนได้แต่สงสัยว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับเงินเดือนของพวกเขารึเปล่า
แน่นอนว่าแรงจูงใจส่วนหนึ่งก็มาจากการที่พวกเขาไม่อยากทำให้บอสเผยต้องผิดหวัง พวกเขาอยากให้เฟยหวงสตูดิโอทำเงินได้เพื่อที่บอสเผยจะได้ไม่ต้องเข้ามาช่วยเหลือ
แต่แรงจูงใจอีกส่วนก็มาจากการที่อยากหารายได้เพิ่มให้ตัวเอง
ด้วยเหตุนี้เผยเชียนจึงรู้สึกว่าระบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
การให้โบนัสแบบนี้ก็เหมือนการดื่มยาพิษดับกระหาย!
ถึงจะช่วยให้เผยเชียนผลาญเงินได้ในระยะสั้น แต่ก็ทำให้พนักงานมีแรงจูงใจในการหาเงินเพิ่มให้บริษัท แรงจูงใจในการหาเงินเพิ่มนี้ถือเป็นภัยต่อเผยเชียน!
ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนแปลงระบบ!
แน่นอนว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดโบนัสออกเลย คงจะดูโหดร้ายเกินไป
อีกอย่างถ้าเขาไม่แจกโบนัสพนักงานก็จะเป็นปัญหากับตัวเองอีก เพราะต้องปวดหัวคิดหาวิธีผลาญเงินตรงนี้
เผยเชียนต้องหาทางออกดีๆ เพื่อจัดการปัญหานี้
เขาต้องแจกโบนัสโดยที่ไม่สร้างแรงจูงใจให้พนักงานอยากทำกำไรให้บริษัท
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เผยเชียนก็นึกไอเดียดีๆ ออก
ถ้าจะให้โบนัสพนักงานเท่าเดิมหรืออาจจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย เขาต้องเปลี่ยนเกณฑ์ให้โบนัสจากกำไรไปเป็นชื่อเสียง!
พูดง่ายๆ คือ ก่อนหน้านี้เขาให้โบนัสตามยอดกำไรของแต่ละโปรเจ็กต์ ตอนนี้เขาจะเปลี่ยนมาให้โบนัสตามชื่อเสียงของโปรเจ็กต์แทน
ยิ่งชื่อเสียงของโปรเจ็กต์ดีมากเท่าไหร่ โบนัสที่พนักงานจะได้รับก็ยิ่งสูงขึ้น แม้แต่โปรเจ็กต์แบบสารคดีจากดักแด้สู่ผีเสื้อที่ขาดทุนหนัก พนักงานก็ยังได้รับโบนัสเนื่องจากชื่อเสียงของโปรเจ็กต์ดี
เผยเชียนสามารถตั้งระบบให้คะแนนชื่อเสียงโปรเจ็กต์ได้ โดยแบ่งเป็นเกรด S A B และ C อิงตามผลดำเนินงานของแต่ละโปรเจ็กต์ เขาจะให้คะแนนโปรเจ็กต์ต่างๆ ตามชื่อเสียง พนักงานที่ดูแต่ละโปรเจ็กต์จะได้รับโบนัสต่างกันไปตามเกรดที่ได้
โบนัสที่ได้จะแตกต่างไปตามรูปแบบของโปรเจ็กต์ด้วย
เช่น โปรเจ็กต์เกมทำเงินได้ในระยะยาว ดังนั้นระยะเวลาการได้รับโบนัสก็จะนานตามไปด้วย กลับกันโปรเจ็กต์คลิปจะเป็นกระแสที่สุดในช่วงสามเดือนแรกหลังปล่อย โบนัสที่ได้ก็จะให้ไปเลยทีเดียว
ทำแบบนี้พนักงานก็จะใส่ใจเรื่องชื่อเสียงของโปรเจ็กต์มากกว่ากำไร
เผยเชียนจะสามารถส่งเสริมให้ทุกคนทำโปรเจ็กต์ที่สร้างชื่อเสียงได้ดีแต่ทำกำไรไม่ได้ เมื่อเป็นแบบนั้นเผยเชียนก็จะไม่ได้กำไร ส่วนพนักงานจะได้โบนัสก้อนใหญ่ แบบนี้ก็เยี่ยมไปเลย
แน่นอนว่ายังไงก็คงมีโปรเจ็กต์ที่ทั้งทำกำไรได้และทำชื่อเสียงดี
แต่ก็คงมีจำนวนน้อย
ส่วนมากชื่อเสียงจะสวนทางกับกำไร เป็นเรื่องยากที่พนักงานจะทำสำเร็จทั้งสองอย่าง
ดังนั้นเผยเชียนจึงตัดสินใจจะคิดเรื่องการใช้งานจริงของระบบนี้เพิ่ม เพื่อที่จะได้กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ และปรับใช้ระบบนี้ก่อนวางขายเกม
พอปรับใช้ระบบนี้และทำให้พนักงานยึดตามได้ ก็จะเกิดผลกระทบกับหลายๆ ส่วนและเป็นผลดีกับอนาคตในระยะยาว
แค่คิดภาพพนักงานจดจ่ออยู่กับชื่อเสียงของโปรเจ็กต์จนลืมเรื่องทำกำไร ก็ทำให้เผยเชียนรู้สึกว่าบริษัทของเขายกระดับขึ้นไปมากทีเดียว!