ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – บทที่ 246 ร้านก็ไม่ได้ใหญ่ ทำไมกฎเยอะจัง!

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

“ไม่มีชื่อเหรอ”

“เอ่อ…”

หวังเผิงหันไปมองเซวียเจ๋อปิน แล้วพบว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มเหมือนพนักงานเสิร์ฟแต่ไม่ได้พูดอะไร

เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนดูถูก คนพวกนี้กำลังทำเหมือนว่าเขาเป็นบ้านนอกเพิ่งเข้ากรุง ไม่ประสีประสาอะไร

“ไม่ได้สิ ถ้าไม่มีชื่อจะจดทะเบียนร้านได้ยังไง คุณตั้งใจจะปิดบังชื่อร้านไม่ให้ลูกค้ารู้เพราะเป็นกลยุทธ์อะไรสักอย่างรึเปล่า”

หวังเผิงรู้สึกขับข้องใจมาก

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งฉวนหมินรีวิว เขาเคยไปภัตตาคารมาหลายแห่ง เห็นอะไรแปลกๆ มาก็เยอะ

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจออะไรแปลกพิกลขนาดนี้

ปกติแล้วแม้แต่ครัวส่วนตัวเล็กๆ ก็ยังมีชื่อร้าน บางร้านเอาเลขที่บ้านมาตั้งเป็นชื่อ อย่าง ‘ครัวเลข 45’ หรือ ‘ภัตตาคารหมายเลข 78’

ถึงทางร้านจะพยายามทำตัวไม่โดดเด่นยังไง อย่างน้อยก็ต้องมีชื่อ ไม่อย่างนั้นลูกค้าก็จะไม่รู้ว่าต้องบอกคนอื่นยังไงว่าไปกินร้านไหนมา มีแต่จะทำให้เกิดปัญหาโดยใช่เหตุ

นอกจากนั้นแล้วการไม่มีชื่อร้านจะกีดกันไม่ให้ร้านมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก เว้นเสียแต่ว่าเจ้าของร้านไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียงและมั่นใจในร้านของตัวเองมากถึงได้ทำแบบนี้

เซวียเจ๋อปินเห็นแววตางุนงงของหวังเผิงก็รู้สึกเบิกบานใจ เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่าย

“เลิกคิดมากแล้วกินสักที เดี๋ยวอาหารเย็นหมด” เซวียเจ๋อปินเร่ง

หวังเผิงพยักหน้า เขาเก็บคำถามต่างๆ ไว้ในใจแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป

พนักงานกำลังจะห้ามหวังเผิง แต่เซวียเจ๋อปินพูดขึ้นก่อน

เขาชี้ไปที่ป้ายบนโต๊ะ “ห้ามถ่ายรูปโว้ย”

หวังเผิง “?”

ร้านก็ไม่ได้ใหญ่ ทำไมกฎเยอะจัง!

หวังเผิงเคยได้ยินเรื่องร้านที่ห้ามถ่ายรูปมาบ้าง แต่ก็มีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่อยู่ต่างประเทศ

ถือว่าผิดมนุษย์มนามากที่ร้านในประเทศจะห้ามลูกค้าไม่ให้ถ่ายรูป ตอนนี้การถ่ายรูปแทบจะกลายเป็นธรรมเนียมก่อนกินอาหารแล้ว ถ้าไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปแล้วจะเอาไปอวดคนอื่นยังไง

เสียเงินกินอาหารตั้งแพงแต่กลับไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปไปอวดคนอื่น แบบนั้นก็เท่ากับว่าไม่เคยมาที่ร้านนี้เลยสิ

แน่นอนว่ากฎแบบ ‘ห้ามถ่ายรูป’ ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริงขนาดนั้น ถ้าลูกค้าดึงดันจะเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูป พนักงานก็วิ่งเข้ามาคว้ามือถือลูกค้าไปเขวี้ยงทิ้งไม่ได้

พวกเขาทำได้แค่เตือนอย่างสุภาพ ถ้าลูกค้าดื้อดึงก็ทำอะไรไม่ได้

แต่การที่มีพนักงานคอยเดินมาย้ำระหว่างดื่มด่ำกับอาหารถือเป็นการทำลายบรรยากาศ พนักงานส่วนใหญ่คงไม่เลือกทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น

อีกอย่างถ้าลูกค้าถ่ายรูปอาหารได้ออกมาดูน่ากินก็จะช่วยเรียกลูกค้ามาให้ร้านเพิ่มได้ เท่ากับเป็นการโฆษณาร้านฟรีๆ ทำไมทางร้านถึงจะไม่อยากให้ทำแบบนั้นด้วย

ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ถือว่าแปลกมากที่ร้านอาหารไม่ยอมให้ลูกค้าถ่ายรูป

หวังเผิงแสนงุนงง “หมายความว่ายังไง อาหารจัดมาสวยงามขนาดนี้แต่ห้ามถ่ายรูปเนี่ยนะ เสียของมากเลย”

เขามองอาหารตรงหน้า ทุกจานจัดวางออกมาได้สวยงามและมีสีสัน หวังเผิงรู้สึกปวดใจมากที่ถ่ายรูปไปอวดคนอื่นไม่ได้

เซวียเจ๋อปินยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ท่าทีงุนงงของหวังเผิงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก เขาตัดสินใจอธิบายแทนพนักงาน

“ร้านนี้พิเศษตรงนี้แหละ

“เจ้าของร้านคิดว่าการถ่ายรูปจะทำให้ลิ้มรสอาหารได้ไม่เต็มที่

“ถ้ามัวคิดหาแสงกับมุมกล้องดีๆ ก็จะไม่ใส่ใจดื่มด่ำกับกลิ่นและรสชาติของอาหารตรงหน้า จนพลาดรายละเอียดหลายๆ อย่างไป

“เก็บมือถือไปจะช่วยให้ใส่ใจกับการสนทนากับเพื่อนๆ และการลิ้มรสอาหารแสนอร่อย ช่วยให้มีเวลาได้ผ่อนคลายจริงๆ

“เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ฉันรู้ว่าแกงานยุ่ง แต่แค่อาหารมื้อเดียวไม่รบกวนเวลางานแกขนาดนั้นหรอก เก็บมือถือลงเถอะ”

หวังเผิงยังรู้สึกเสียดาย แต่เซวียเจ๋อปินก็อธิบายให้ฟังแล้ว ถ้ายังดึงดันจะถ่ายรูปก็คงไม่ดี เขาจึงเก็บมือถือไปแล้วเริ่มจัดการกับอาหารตรงหน้า

สเต็กโทมาฮอว์ก เห็ดมัตสึทาเกะ คาเวียร์…ล้วนไม่ได้ราคาถูกๆ อาหารมื้อนี้ราคากว่าหมื่นหยวน

เซวียเจ๋อปินไม่ได้สั่งอาหารที่แพงที่สุดในเมนู เพราะตั้งใจจะเช็กดูว่าเมนูที่ต้องจองนั้นมีจริงไม่ได้หลอก

หวังเผิงลองชิมอาหารทีละจาน ใส่ใจกับการลิ้มรสชาตินุ่มละมุน

“วัตถุดิบไม่ธรรมดาจริงๆ”

ในฐานะผู้จัดการเว็บไซต์รีวิว หวังเผิงเคยชิมอาหารจานหรูมามากมายเพราะเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน

รสชาติอาหารขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้ ฝีมือของเชฟ บรรยากาศภายในร้าน และอารมณ์ของผู้กิน ในองค์ประกอบเหล่านี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือวัตถุดิบที่ใช้

หลังจากลองอาหารทุกจาน หวังเผิงก็บอกได้ว่าวัตถุดิบที่ใช้เป็นของเกรดดี คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปทุกหยวน

แน่นอนว่าวัตถุดิบเหล่านี้ไม่ใช่ที่สุดของที่สุด เพราะวัตถุดิบล้ำค่าต่างสัญชาติมีวางขายแค่ในเมืองต้นกำเนิดเท่านั้น วัตถุดิบล้ำค่าแบบที่ว่ามีจำนวนจำกัด สามารถส่งออกไปพื้นที่ข้างเคียงได้ไม่มาก จึงไม่มีทางที่จะส่งมาที่จีนได้

แต่ก็ชัดเจนว่าภัตตาคารไม่มีชื่อแห่งนี้ใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดที่สามารถหาได้ภายในประเทศจีน

เซวียเจ๋อปินสังเกตสีหน้าหวังเผิง “รสชาติเป็นไง”

ในฐานะทายาทตระกูลร่ำรวย เซวียเจ๋อปินเคยกินอาหารดีๆ มามากมาย จึงสามารถแยกความแตกต่างระหว่างอาหารคุณภาพดีกับอาหารคุณภาพแย่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่มืออาชีพ ฝีมือยังต่างชั้นกับหวังเผิงอยู่มาก

หวังเผิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ไม่เลวเลย คิดว่าดีกว่าร้านที่เราไปกินมารอบที่แล้วอีก

“อย่างคาเวียร์ คาเวียร์สามสิบเปอร์เซ็นต์ในโลกผลิตในประเทศเรา จากร้านอาหารสามดาวมิชลินยี่สิบหกแห่งในปารีส มียี่สิบเอ็ดร้านที่เสิร์ฟคาเวียร์คุณภาพพรีเมี่ยมที่ผลิตในจีน

“คาเวียร์จากการฟาร์มของประเทศเราคุณภาพเทียบเท่าคาเวียร์ตามธรรมชาติ

“ฉันเคยไปชิมร้านที่ปักกิ่งกับเซี่ยงไฮ้ วัตถุดิบที่ใช้เป็นของแบบเดียวกัน

“แต่ไม่รู้ทำไมคาเวียร์ที่นี่ถึงรสชาติดีกว่า

“หรือจะเป็นผลทางจิตวิทยาจากบรรยากาศร้านและจานชามที่ใช้”

เซวียเจ๋อปินคิดถึงเรื่องการตกแต่งภายในห้องส่วนตัวที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วพูดขึ้น “จะว่าไปพวกเขาตกแต่งห้องนี้ใหม่ด้วย ทั้งการตกแต่ง โต๊ะ จานชาม ทุกอย่างไม่เหมือนรอบก่อนที่ฉันมาเลย”

เขาหันไปถามพนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆ “ทำไมถึงต้องเปลี่ยนการตกแต่งด้วยเหรอครับ”

พนักงานยิ้ม “บอสของเราคิดว่าบรรยากาศร้านเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสบการณ์การกินอาหารครับ

“ในอดีตตอนที่มนุษย์เรียนรู้ที่จะดื่มไวน์ พวกเขาใช้แก้วหลายแบบในการดื่มไวน์แต่ละชนิด วิธีการดื่มก็ซับซ้อน มีรายละเอียดหลายขั้นตอน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ถ้าดื่มไวน์ด้วยแก้วที่ถูกแบบจะช่วยดึงคุณลักษณะเฉพาะของไวน์แต่ละชนิดออกมาได้ และยังช่วยสร้างบรรยากาศสุดพิเศษอีกด้วยครับ”

หวังเผิงพูดอะไรไม่ออก เขาพยักหน้า “พิถีพิถันมาก”

ถ้าได้ยินที่อื่น หวังเผิงคงจะแดกดันไปแล้ว เขาคิดว่ามันเว่อร์เกินไป

เปลี่ยนการตกแต่ง โต๊ะ จานชามในห้องให้เข้ากับอาหารที่เสิร์ฟนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย ถ้าอาหารออกมาแย่ ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์

แต่ถ้ามีวัตถุดิบคุณภาพดีกับเชฟฝีมือเยี่ยมล่ะ

ร้านนี้ใช้วัตถุดิบเลอค่า เชฟก็เป็นตัวท็อปในวงการ เทียบกับภัตตาคารระดับสูงที่อื่นแล้วไม่ได้ด้อยกว่าเลย…แต่ก็ไม่ได้เหนือชั้นกว่าขนาดนั้น

ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้ติดตราตรึงก็คือรายละเอียดยิบย่อย

รายละเอียดที่ว่าคือบรรยากาศสุดพิเศษ การบริการอย่างดีเยี่ยม จานชามที่เหมาะสม และอื่นๆ

นอกจากนั้นแล้ว ลูกค้ายังไม่สามารถถ่ายรูปได้ ทุกคนต้องให้ความสำคัญกับอาหารตรงหน้า ทำให้รู้สึกว่าอาหารที่นี่อร่อยกว่าที่อื่น

หมายความว่าถึงภัตตาคารสองแห่งเสิร์ฟอาหารที่เหมือนกันทุกอย่าง แต่ลูกค้าก็จะรู้สึกต่างกัน!

“มื้อนี้เท่าไหร่” หวังเผิงถาม

เซวียเจ๋อปินยิ้ม “หมื่นสามพันหยวน”

หวังเผิงรู้สึกอิ่มเอมใจ “ก็คุ้มนะ”

ระหว่างที่กำลังเดินออกจากครัวส่วนตัวหมิงหยุน หวังเผิงรู้สึกไม่อยากให้ประสบการณ์นี้จบลง

ถึงวันนี้จะโดนเซวียเจ๋อปิน ‘แทง’ เข้าให้ และต้องเสียเงินไปกว่าหมื่นหยวนกับอาหารมื้อเดียว เขาก็ยังคิดว่าคุ้มค่ามากอยู่ดี

ถ้าเซวียเจ๋อปินไม่แนะนำมา หวังเผิงก็ไม่มีทางรู้ว่ามีภัตตาคารระดับสูงแบบนี้ในจิงโจวด้วย

ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารอร่อยเท่านั้น

ภัตตาคารนี้แอบซ่อนตัวจากสายตาฝูงชน ภายในร้านตกแต่งได้อย่างมีระดับ การบริการก็เป็นที่น่าประทับใจ แถมยังมีกฎห้ามถ่ายรูปอีก เห็นได้ชัดว่าเป็นภัตตาคารที่เหนือชั้นมาก

ร้านนี้เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงรับรองเวลาเจรจาธุรกิจ

ถึงจะแพง แต่ก็ได้ความมีระดับ คู่ค้าทางธุรกิจจะต้องชอบใจในรสชาติของอาหาร และรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นคนสำคัญมาก ถือว่าคุ้มสุดๆ!

นอกจากนั้นแล้ว หวังเผิงดูราคาในใบเสร็จแล้วคิดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

อาหารหรูราคาแพงอยู่แล้ว ไหนจะค่าใช้จ่ายในการจ้างเชฟยอดฝีมือ สถานที่สุดหรู โต๊ะและจานชามสุดพิเศษ พนักงานเสิร์ฟ…

ตั้งราคาแค่เท่านี้ถือว่าใจดีมาก!

หวังเผิงเสียดายที่ไม่ได้ช่องทางการติดต่อเจ้าของร้าน

ตอนเช็กบิล ผู้จัดการสาขาแซ่หลินเดินเข้ามาถามความคิดเห็นอย่างสุภาพ ว่ามีอะไรที่ร้านควรปรับปรุงเพิ่มเติมหรือเปล่า

หวังเผิงใช้โอกาสนั้นขอช่องทางการติดต่อเจ้าของร้าน เผื่อจะขอให้อีกฝ่ายมาเป็นพาร์ตเนอร์กับฉวนหมินรีวิว

แต่ผู้จัดการหลินปฏิเสธ

ว่ากันตามตรงแล้ว ผู้จัดการหลินไม่ได้เป็นคนปฏิเสธเอง แต่ปฏิเสธแทนเจ้าของร้าน เขาให้เบอร์ติดต่อของตัวเองมา แต่ไม่ได้ให้ของเจ้าของร้าน

ผู้จัดการหลินปฏิเสธคำเชิญเป็นพาร์ตเนอร์กับฉวนหมินรีวิวแทนเจ้าของร้าน ขนาดชื่อร้านยังไม่ยอมปริปากบอก

หวังเผิงคิดว่าถ้าตื๊อเกินไปจะดูไม่เหมาะ เพราะดูจากที่ตั้งและกลยุทธ์ของร้านแล้ว หวังเผิงพอจะเดาได้ว่าเจ้าของร้านไม่ชอบทำตัวเด่น ซึ่งตอบคำถามว่าทำไมถึงไม่ยอมให้ช่องทางการติดต่อของตัวเอง

ดังนั้นหวังเผิงจึงรับมาแค่ช่องทางการติดต่อของผู้จัดการหลิน เผื่อไว้ในโอกาสที่ต้องพาแขกมากินเลี้ยง จะได้ติดต่อเข้ามาจองได้เลย

เขาแค่เสียดายที่ติดต่อให้ร้านนี้เป็นพาร์ตเนอร์กับฉวนหมินรีวิวไม่ได้

แต่… ถ้าไม่ได้เป็นพาร์ตเนอร์กัน หมายความว่าฉวนหมินรีวิวจะเอาร้านขึ้นเว็บไม่ได้งั้นเหรอ

เปล่าเลย

ฉวนหมินรีวิวมีฟังก์ชัน ‘เพิ่มร้าน’ ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มข้อมูลร้านที่เคยไปใช้บริการด้วยตัวเองได้

แน่นอนว่าเว็บไซต์กำหนดไว้ว่าต้องใส่ชื่อร้านด้วย เขาจึงต้องให้พนักงานช่วยจัดการให้

หวังเผิงบันทึกที่ตั้งร้านแล้วโทรไปหาเจ้าหน้าที่เทคนิค “โลเคชันที่ส่งไปเป็นที่ตั้งภัตตาคารระดับสูง เอาขึ้นเว็บให้ด้วย เดี๋ยวผมจะเขียนรีวิวด้วยตัวเองทีหลัง

“ชื่อไม่ต้องใส่ ปล่อยว่างไว้” 

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Status: Ongoing
ต้องทำธุรกิจให้ “ขาดทุน” เขาถึงจะรวย แต่ไม่รู้ดวงดีหรือดวงซวย ถึงได้แต่ “กำไร” เนี่ย!เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนโดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆแต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุนด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท