คุรุการแพทย์ – บทที่ 1 ปรมาจารย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในมหาวิทยาลัย

คุรุการแพทย์

บทที่ 1 ปรมาจารย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในมหาวิทยาลัย

บทที่ 1 ปรมาจารย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในมหาวิทยาลัย

เข้าสู่หน้าฝนเดือนเก้า เรื่องราวทั้งหมดในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจึงเริ่มต้นขึ้น

ฟางชิวหยิบหนังสือแพทย์แผนจีน บนปกเขียนไว้อย่างแจ่มแจ้งว่า ‘ศาสตร์แห่งการจัดกระดูก’ ออกมาจากตู้หนังสือ เสร็จแล้วก็เดินไปยังที่นั่งซึ่งถูกจัดไว้ให้คนมาใช้บริการห้องสมุด

ในมหาวิทยาลัยนี้ ฟางชิวยังถือว่าเป็นเพียงน้องใหม่ ย่อมต้องเข้าฝึกภาคสนามสำหรับทหาร*[1] ทว่าตอนนี้ข้างนอกฝนตก การฝึกจึงเลิกไวกว่าเวลาปกติ เขาเลยมีเวลามาที่ห้องสมุด

ก่อนที่ฟางชิวจะได้เข้าศึกษาที่นี่ เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนสักเท่าไร แต่ปัญหาจิ๊บจ๊อยแค่นี้ไม่อาจหยุดชายหนุ่มได้ เพราะเขานั้นมีปณิธานแรงกล้าที่จะรักษาผู้ป่วยทุกคนให้หายจากโรคร้าย!

เรียกได้ว่าฟางชิวมีอุดมการณ์และเป้าหมายชัดเจนในการเข้าศึกษาที่นี่!!

กลับมาที่ห้องสมุด ชายหนุ่มดึงเก้าอี้ออกมานั่ง วางหนังสือลงบนโต๊ะ สัมผัสขอบหนังสือทั้งสองด้าน ท่าอ่านหนังสือไม่ต่างจากคนอื่นแม้แต่น้อย

ฟางชิวใช้มือขวาลูบปกหนังสือเบา ๆ ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องมหัศจรรย์ราวกับเวทมนตร์ขึ้น…

จู่ ๆ หนังสือตรงหน้าก็พลิกเปลี่ยนหน้าได้เอง!

ถึงหน้าหนังสือจะพลิกได้เอง ฟางชิวก็ไม่แสดงท่าทีตกใจออกไปแม้แต่นิด

โชคดีที่ยังเป็นช่วงต้นเทอมแรก นอกจากฟางชิว ในห้องสมุดก็ไร้ผู้ใด ไม่อย่างนั้น ถ้ามีคนอื่นมาเจอคงเข้าใจผิดว่าห้องสมุดแห่งนี้มีผีสิงแน่นอน!

ฟางชิวเริ่มพลิกเปลี่ยนหน้าหนังสือไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าข้อมูลสำคัญหน้าหนึ่ง

เขาเริ่มอ่านด้วยสายตาใคร่รู้

อ่านจบแล้วเขาก็ยกมือขวาเตรียมเปลี่ยนหน้าหนังสืออีกครั้ง

ในตอนนั้นฟางชิวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดิน ชายหนุ่มปิดหน้าหนังสืออย่างช้า ๆ ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แต่หนังสือเจ้าปัญหากลับไม่ยอมปิด!

“เจอตัวสักทีนะฟางชิว”

ทันทีที่ได้ยินเสียงทักจากข้างหลัง ฟางชิวก็รีบหันไปมองผู้มาใหม่ เธอคือ หลิวเฟยเฟย อาจารย์ผู้ช่วยห้องสามหรือห้องเรียนของเขานั่นเอง! หลิวเฟยเฟยเป็นหญิงสาวงามสะพรั่ง อีกทั้งยังคล่องแคล่วและไฟแรง

ฟางชิวยังคงจำตอนที่พวกเขาทั้งสองพบกันครั้งแรกได้ดี ตอนนั้นหลิวเฟยเฟยยืนแนะนำตัวเองอยู่หน้าชั้นเรียน เหล่าหนุ่ม ๆ ในห้องเดียวกันต่างส่งสายตาวิบวับให้

“โห… ขยันดีนะ คนอื่นเขาเหนื่อยกับฝึกภาคสนามกัน แต่เธอมาอ่านหนังสืออยู่นี่!”

หลิวเฟยเฟยกระเถิบมานั่งฝั่งตรงข้าม ชำเลืองมองหนังสือที่ลูกศิษย์ถืออยู่ในมือ เห็นแล้วก็ถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นระคนสงสัย “ศาสตร์แห่งการจัดกระดูกแบบจีนโบราณ? อ่านเข้าใจด้วยหรือ? ถ้าเป็นเรื่องของการจัดกระดูก เดี๋ยวเทอมสองก็ได้เรียนเป็นวิชาเอกแล้ว ไม่อ่านเร็วไปหน่อยหรือ?”

หลิวเฟยเฟยถามมาอย่างไร ฟางชิวก็ตอบไปแค่สั้น ๆ “ผมเอามาอ่านเล่น”

ถึงจะตอบไปแบบส่ง ๆ กระนั้นแท้จริงแล้วฟางชิวกลับตั้งใจอ่านเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนกับที่เขาตอบไปแม้แต่น้อย

“ดีแล้ว! เก่งมาก!!”

หลิวเฟยเฟยเอ่ยชื่นชมก่อนจะถามต่อด้วยดวงตาเป็นประกาย “ก่อนหน้านี้ฉันโทรหาตั้งหลายสาย แต่ไม่รับเลย มีอะไรหรือเปล่า?”

ได้ยินแล้วฟางชิวก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ยกโทรศัพท์มาดูก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับทั้งหมดห้าสาย ชายหนุ่มเลยตอบกลับด้วยความรู้สึกประดักประเดิด “ปิดเสียงโทรศัพท์เลยไม่ได้ยินครับ”

หลิวเฟยเฟยพยักหน้าเข้าใจ อย่างน้อยฟางชิวก็ไม่ได้จงใจจะไม่รับสาย

วันนี้เป็นวันแรกของหลิวเฟยเฟยในฐานะอาจารย์ผู้ช่วยประจำชั้น เธอจึงคาดหวังกับนักศึกษาใหม่ที่ลงทะเบียนเรียนสูง หญิงสาวไม่ต้องการเห็นเด็กในคลาสไม่ตั้งใจฟังสิ่งที่เธอสอน

“ฉันโทรหาเธอเพราะทางมหาวิทยาลัยจะจัดปาร์ตี้กลางแจ้งรับน้องใหม่คืนพรุ่งนี้ที่ลานสนาม พวกน้องใหม่จะต้องเป็นคนแสดง ที่มานี่ก็เพราะอยากขอให้เธอช่วยขึ้นแสดงหน่อย งานนี้จะไม่มีใครสามารถหลบเลี่ยงได้ทั้งนั้น ทุกคนจะต้องเข้าร่วม…”

อธิบายเสร็จเธอก็ถามฟางชิวต่อ “เธอเชี่ยวชาญหรือมีความสามารถพิเศษอะไรบ้างไหม?”

“ความเชี่ยวชาญ… ความสามารถพิเศษงั้นหรือ?”

ฟางชิวนิ่งไป เขาใช้ความคิดนึกความสามารถพิเศษของตัวเอง ครุ่นคิดอยู่สักพักก็พอจะตอบได้ “ผมเป่าฟลูตได้… นี่จัดเป็นความสามารถพิเศษหรือเปล่า?”

ได้ยินแล้วดวงตาของหลิวเฟยเฟยก็เปล่งประกาย เธอถามต่ออย่างตื่นเต้น “แล้วเป่าได้ดีแค่ไหน? อยู่ในระดับเชี่ยวชาญเลยหรือเปล่า?”

“อืม… อาจจะระดับธรรมดา ไม่รู้สิครับ ผมยังไม่เคยไปลองสอบวัดระดับความเชี่ยวชาญ”

ฟางชิวตอบเรื่องระดับความเชี่ยวชาญอย่างซื่อสัตย์สุด ๆ ซึ่งมาตรฐานนี้มาจากคำบอกของอาจารย์คนเก่าของเขาน่ะนะ

หลิวเฟยเฟยผิดหวังเล็กน้อย เธอคาดหวังไว้ว่าจะมีนักศึกษาในห้องเรียนของเธอสักคนมีความสามารถพิเศษมากพอที่จะนำไปแสดง แต่ทักษะการเป่าฟลูตระดับธรรมดานั้นก็น่าผิดหวังไปหน่อย

“งั้น… ขอฟังเธอเป่าหน่อยได้ไหม? พอจะเป่าให้ฟังได้หรือเปล่า?”

มาถึงจุดนี้ หลิวเฟยเฟยคิดว่าถ้าฟางชิวเป่าฟลูตได้แค่ระดับธรรมดาอย่างที่พูดจริง ๆ เธอจะไม่เพิ่มชื่อฟางชิวในตารางงานแสดง

ฟางชิวตอบอย่างตะขิดตะขวง “ก็ได้อยู่หรอกครับ แต่น่าเสียดายที่ฟลูตอยู่ที่หอพัก”

ตอบเสร็จเขาก็เลื่อนมือจับหนังสือ สื่อให้หลิวเฟยเฟยเห็นว่าเขาจะอ่านหนังสือตรงหน้าแทนที่จะกลับหอพักไปเอาฟลูต

“น้องฟางชิววว!”

ฟางชิวขนลุกทันทีหลังหลิวเฟยเฟยเรียกด้วยสรรพนามสนิทสนม…

“เวลามีจำกัด ฉันต้องรายงานตารางการแสดงภายในบ่ายนี้แล้ว ช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”

เห็นใบหน้าแสนสวยของหลิวเฟยเฟยที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มแล้ว เขาก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมาทันที

เธอช่างมีเสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ นี่มันมากเกินไปสำหรับฟางชิว คงไม่ดีแน่หากเขาปฏิเสธ!

แต่ถ้าตกลงตามคำขอ ฟางชิวจะต้องเสียเวลาไปตั้งสี่สิบนาทีในการกลับหอพัก แล้วก็กลับมาที่ห้องสมุดอีกครั้งเพื่อเป่าฟลูตให้เธอฟัง

เขาไม่อยากจะเสียเวลามากขนาดนั้น อีกทั้งตอนนี้เขายังเป็นเด็กใหม่ ไม่มีบัตรห้องสมุดใช้ยืมหนังสือ หมายความว่าต้องอ่านให้จบในห้องสมุดเท่านั้น!

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “งั้นให้ผมเป่าฟลูตมือให้คุณฟัง ดีไหมครับ? แล้วจากนั้นคุณค่อยประเมินดูว่าความเชี่ยวชาญผมอยู่ระดับไหน?”

“ฟลูตมือ? ฟลูตมือคืออะไร?”

หลิวเฟยเฟยงุนงง แต่เริ่มสนใจฟลูตมือขึ้นทีละนิด

ฟางชิวจึงอธิบาย “ฟลูตมือเป็นการเป่าแบบที่ไม่ใช้เครื่องเป่า แต่ใช้แค่สองมือก็พอ ไม่ยากเลย จะลองฟังดูไหม”

หลังได้ยินว่าทักษะฟลูตมือที่ฟางชิวอธิบายดูทำได้ง่าย ๆ หลิวเฟยเฟยก็ไม่รู้สึกสนใจอีก

แต่เห็นสีหน้าจริงจังของฟางชิวแล้ว จะพูดว่า ‘ไม่’ ก็ลำบากใจ เธอเลยยอมรับคำเจรจา

“งั้นก็เอาเลย! ฉันจะล้างหูรอฟังฟลูตมือของเธอ”

‘เยี่ยม! ทีนี้ก็ไม่ต้องกลับไปที่หอพักแล้ว!’

ฟางชิวคิดพลางนึกดีใจ จากนั้นเขาก็เก็บโทรศัพท์

ภายใต้สายตาจากอาจารย์สาวสวย ฟางชิวเริ่มห่อมือเป็นทรงโค้ง ปล่อยฝ่ามือให้ว่างเปล่า เผยช่องเล็ก ๆ ให้เห็นตรงนิ้วโป้ง

เขาแนบริมฝีปากเข้ากับนิ้วหัวแม่มือ สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเริ่มเป่าลมออกมา

ทันใดนั้น เสียงดนตรีฟังดูพิศวงก็ดังก้องไปทั่วห้องสมุดอันเงียบงัน

“ว้าว??!!”

ดวงตาของหลิวเฟยเฟยถึงกับเบิกโพลงขึ้นทันที เธอรีบพูดขึ้นด้วยความตกใจ “นี่มันเพลง Blue and White Porcelain ของ เจย์ โชว์*[2] ใช่ไหม?”

ฟางชิวพยักหน้า

หลิวเฟยเฟยยังคงจ้องไปที่ชายหนุ่มด้วยความตะลึง

เธอเคยคิดว่าฟลูตมือกับการผิวปากคือทักษะเดียวกัน แต่ไม่เคยนึกเลยว่าฟลูตมือจะเป็นทักษะที่น่าตกตะลึงได้ถึงขนาดนี้ และเพลงที่เป่าให้ฟังก็ไพเราะมาก ราวกับว่าท่วงทำนองส่งตรงมาจากสวรรค์เลย!

นี่มันสุดยอดมาก!

หลิวเฟยเฟยไม่เคยคิดเลยว่าชั้นเรียนของตนจะมีนักศึกษาที่โดดเด่นขนาดนี้อยู่!

บทเพลงที่แสนไพเราะนี้ทำให้วิญญาณของเธอแทบจะหลุดออกจากโลกแห่งความเป็นจริง แล้วเข้าสู่โลกแห่งความฝัน

หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่ ฉากหลังเป็นทิวทัศน์โบราณคล้ายทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี ในมือถือร่มกระดาษน้ำมันสีชมพู สองเท้ายืนอยู่บนสะพานหิน หวนมองย้อนกลับไปในอดีต พบพานกระเบื้องเคลือบลายครามแฝงเรื่องราวรักโรแมนติกข้ามภพข้ามชาติ

ท่ามกลางท้องฟ้าครึ้ม ฝนตกลงปรอย ๆ ฉันกำลังเฝ้ารอคุณอยู่…

ห่างออกไปไกลแสนไกล ควันหุงต้มก็ลอยขึ้นมาจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ

ตัวเธอเป็นเพียงผู้เฝ้ามอง หรือเป็นนางเอกของเรื่องราวความรักที่น่าเศร้าเช่นนี้กันแน่?

บางครั้งก็รู้สึกเศร้า… บางคราก็รู้สึกโหยหา…

เรื่องราวและความรู้สึกทั้งหมดยังคงอยู่ในใจ…

ช่างงดงามเหลือเกิน!

ทว่าก็น่าเศร้าสลด…

บทเพลงยังคงดังกังวานอยู่รอบตัว… นำไปยังโลกแห่งความฝันใหม่ต่อไป

ในโลกแห่งนี้ หญิงสาวกำลังเดินเตร่อยู่ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ตกอยู่ในมนต์ขลังของบทเพลงไร้จุดสิ้นสุด

เพลงจบลงแล้ว ฟางชิววางมือลง จากนั้นเลื่อนสายตาไปยังอาจารย์สาวสวยที่ยังคงอยู่ในภวังค์ของเสียงเพลง เขาไม่อยากปลุกเธอจากโลกแห่งความฝัน เลยนำหนังสือกลับไปเก็บที่เดิมโดยไม่ได้รบกวนเธอแต่อย่างใด

หนึ่งนาทีต่อมา

หลิวเฟยเฟยก็ตื่นจากภวังค์แล้วกลับเข้าสู่โลกความเป็นจริง เธอจับมือชายหนุ่มแน่น จากนั้นถึงพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย “สุดยอดเลยฟางชิว! ดีมากเลย!!

“ฟังเพลงนี้มาหลายสิบครั้งแล้ว ครั้งแรกเลยที่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่ในเพลง ใครจะไปคิดว่าเธอจะบรรเลงบทเพลงอันไพเราะนี้ได้ด้วยมือเปล่า!”

“ชมกันเกินไปแล้วครับอาจารย์…”

ฟางชิวดึงมือตัวเองกลับไปแล้วตอบอย่างขัดเขิน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังคงไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองอยู่ดี

“ไม่หรอก ๆ เธอสมควรได้รับคำชมแล้ว!”

หลิวเฟยเฟยแย้งการตอบกลับของฟางชิว เธอจ้องมองใบหน้าอันกังวลของลูกศิษย์ “เธอคิดว่าตัวเองธรรมดาเหรอ? เกือบจะหลอกฉันได้แล้วนะ แต่ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้ในฐานะอาจารย์ประจำชั้น อยากให้เธอรู้ไว้ว่าตัวเธอมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นตัวแทนแสดงความสามารถในงานคืนพรุ่งนี้ เธอไม่ต้องเอาฟลูตมานะ เล่นด้วยมือเปล่าแบบที่เล่นให้ฉันดูเมื่อกี้นี้แหละ!”

แล้วหลิวเฟยเฟยก็คลี่ยิ้มด้วยความตื่นเต้น “งั้นตอนนี้พวกเราก็มีผู้ร่วมแสดงโชว์สองคนแล้ว แถมมีความสามารถน่าทึ่งมากด้วย!”

“สองคนงั้นเหรอ?”

ฟางชิวได้ยินดังนั้นจึงถาม “แล้วอีกคนหนึ่งคือใครครับ?”

“อีกคนหนึ่งเขาชื่อ เฉินชง เขาจะแสดงอู่ซู่*[3] น่ะ เด็กคนนี้เขาก็เป็นคนถ่อมตัวเหมือนกับเธอนั่นแหละ เขาจะทำการแสดงศิลปะการต่อสู้ ถึงความสามารถของเขาจะไม่โดดเด่นและแปลกใหม่เท่าเธอ แต่ก็ยังดีพอที่จะทำการแสดง”

อธิบายจบ หลิวเฟยเฟยก็ยืนขึ้นแล้วชูกำปั้นขึ้นมาให้กำลังใจฟางชิว “พวกเราฝากความหวังไว้กับพวกเธอทั้งสองคนในวันพรุ่งนี้ตอนเย็นแล้วนะ เพราะฉะนั้นสู้ ๆ!”

หลังจากนั้น อาจารย์สาวสวยก็หยิบบัตรห้องสมุดออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นให้ฟางชิว

“ส่วนนี่ถือซะว่าเป็นรางวัลจากฉันละกัน! ไว้เธอมีบัตรห้องสมุดเป็นของตัวเองเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืนก็ได้”

หญิงสาวพูดจบก็เดินออกไป ตอนนี้ทั้งห้องสมุดจึงเหลือแต่ฟางชิวเท่านั้น…

อู่ซู่เหรอ?

ฟางชิวคิดพลางก้มมองมือของตัวเองก่อนจะยิ้มน้อย ๆ เขารู้ว่าตัวเองก็มีฝีมือการต่อสู้อู่ซู่เยี่ยมยอดเช่นกัน และอันที่จริง ความสามารถพิเศษจริง ๆ ของเขาคือพลังยุทธ์

ว่าแล้วฟางชิวก็ถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์สอนวรยุทธ์ของตน

ฟางชิวเริ่มฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่อายุสามขวบ จนถึงตอนนี้ก็อายุสิบเจ็ดแล้ว นับดูก็เท่ากับว่าเขาฝึกฝนวรยุทธ์มาได้สิบสี่ปีเต็ม! ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเคยรู้ถึงความสามารถด้านนี้ของเขาเลยแม้แต่พ่อแม่ของเขาเอง

ฟางชิวพบกับอาจารย์คนแรกตอนอายุสามขวบ และอาจารย์ยังสอนวิชาให้เขาอย่างลับ ๆ เป็นเวลาถึงสิบสองปี

ต่อมาเมื่อขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง ฟางชิวก็ได้พัฒนาทักษะวรยุทธ์ของตัวเองขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ เขาจึงตระหนักได้ว่าอาจารย์ของตนกำลังทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วย เพื่อที่จะสอนวิชาให้เขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา อาจารย์ได้ใช้พลังของตัวเองระงับอาการเจ็บปวดโดยที่ไม่เคยได้รับการรักษาที่เหมาะสมเลย

หลังไม่อาจปิดบังอาการเจ็บป่วยของตัวเองได้อีก อาจารย์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และทิ้งไว้เพียงประโยคสั้น ๆ เท่านั้น…

“ข้าไม่มีอะไรจะสอนเจ้าอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่ข้าจะฝากไว้ก็มีแค่ ฝึกฝนให้มาก ๆ เข้าล่ะ! ข้าจะหายไปรักษาอาการป่วยของข้าเอง อนาคตพวกเราคงจะได้พบกันสักวันหนึ่งเองนั่นแหละ”

จากคำพูดนั้นทำให้ฟางชิวรู้ได้ทันทีว่าอาการป่วยของอาจารย์คงจะรักษาไม่ได้ง่าย ๆ แน่ เพราะถ้ามันง่าย อาจารย์ของเขาก็คงรักษาตัวเองจนหายดีอย่างง่ายดายไปแล้ว

ฟางชิวยังคงรู้สึกผิดไม่หายที่ตัวเองยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาวรยุทธ์ให้กับเขานานนับสิบสองปี และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง

ชายหนุ่มหวังว่าตัวเขาจะสามารถเรียนได้ดี และนำวิชาไปรักษาอาการเจ็บป่วยให้กับอาจารย์ของตัวเองได้

เขายังตั้งความหวังว่าตนจะเก่งและดีพอที่จะรักษาผู้อื่นนอกจากอาจารย์ด้วย!

ฟางชิวรู้ว่ายิ่งเขาเรียนจบเร็วเท่าไร โอกาสที่จะช่วยอาจารย์ของเขาก็มีมากขึ้นเท่านั้น

ตอนนี้ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขาคือการที่อาจารย์ของเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป!

แต่เรื่องที่ออกจะน่าอายหน่อย ๆ สำหรับฟางชิวก็คือ… เขาไม่รู้ว่าอาจารย์ป่วยเป็นโรคอะไร แม้ชายหนุ่มจะรู้ว่ามีอาการแทรกซ้อน แต่ก็ไม่รู้รายละเอียดของโรคที่ป่วยมากนัก

ฟางชิวจึงเรียนด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะไม่ได้

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเรียนรู้ในทุกศาสตร์ของการรักษาและการบำบัดของแพทย์แผนจีนโบราณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ และจะต้องไม่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปแม้แต่วินาทีเดียว

ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมฟางชิวถึงเลือกอ่านหนังสือเกี่ยวกับการจัดกระดูก อย่างแรกเป็นเพราะว่าเขาคือผู้ฝึกวรยุทธ์ เขาจะต้องศึกษาเรื่องของกระดูกและกล้ามเนื้อเป็นพิเศษเพื่อเรียนรู้วิธีรักษาอาการเจ็บป่วยของอาจารย์

ชายหนุ่มค้นพบว่าเขาเรียนรู้ได้ไวขึ้นจากหนังสือแพทย์แผนโบราณนี้

เขาหวังว่าตัวเองจะสามารถกลายเป็นหมอที่ดีได้ในเร็ววัน

“หวังว่าอาจารย์จะยังสบายดีนะ…”

ฟางชิวคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาเก็บบัตรห้องสมุดที่อาจารย์หลิวเฟยเฟยให้ยืมไว้แล้วมุ่งมั่นอ่านหนังสือต่อ มือพลิกหน้าหนังสือต่อไปครั้งแล้วครั้งเล่า

ต่อมา เขาก็อ่านหนังสือจนจบเล่ม

ฟางชิวลุกขึ้นยืน เดินไปที่ชั้นหนังสืออีกครั้งเพื่อหยิบหนังสือเรื่องการจัดกระดูกเล่มอื่นมาอ่านต่อ

ชายหนุ่มขยันมาก เขาเตรียมตัวที่จะเรียนรู้จากเรื่องหนึ่งไปจนถึงอีกเรื่องหนึ่ง เป้าหมายคือวันที่ตัวเองได้รับความรู้ทั้งหมดจากหนังสือแพทย์แผนโบราณ ในความคิดของเขา ถ้าการแพทย์แผนปัจจุบันสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ อาจารย์ของเขาคงจะไม่ต้องทนเจ็บปวดทุกข์ทรมานเป็นเวลานานแบบนี้แน่ ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฟางชิวเลือกศึกษาแพทย์แผนโบราณ…

ในที่สุดเขาก็อ่านหนังสือเล่มที่เพิ่งเลือกมาจากตู้หนังสือเสร็จ

ฟางชิวเป็นคนที่อ่านหนังสือเร็ว เพราะเขาใช้วิธีการอ่านแบบผ่าน ๆ แล้วจับเอาใจความสำคัญเอาเท่านั้น

ช่วงเช้านี้ ฟางชิวอ่านหนังสือเกี่ยวกับการจัดกระดูกด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีนโบราณทั้งหมดจบไปราว ๆ สี่ถึงห้าเล่ม

ชายหนุ่มดูเวลาจากในโทรศัพท์ ตอนนี้สิบเอ็ดโมงแล้ว เขายืดตัวบิดขี้เกียจ กระตุ้นและบริหารพลังปราณภายในร่างกายให้ไหลเวียนทั่วถึง จากนั้นความรู้สึกเหนื่อยล้าก็หายวับไปทันที

อันที่จริง เขายังมีหนังสือที่ยังอ่านไม่จบอยู่ เป็นหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์การจัดกระดูกอีกเช่นกัน เขาจึงตัดสินใจจะยืมไปอ่านต่อที่หอพัก

ฟางชิวเดินหอบหนังสือที่ตั้งใจจะยืมไปยังเคาน์เตอร์พร้อมกับบัตรห้องสมุดของหลิวเฟยเฟยสำหรับทำเรื่องขอยืมหนังสือ หลังเคาน์เตอร์มีชายวัยกลางคนผู้เป็นบรรณารักษ์นั่งอยู่ สีหน้าไร้อารมณ์ใด

บรรณารักษ์มองบัตรห้องสมุด จากนั้นจึงเบือนสายตามายังกองหนังสือแพทย์แผนจีนโบราณที่ฟางชิวตั้งใจจะยืม ดวงตาเผยความประหลาดใจ เขาเงยหน้ามองฟางชิวแล้วถามว่า

“เด็กใหม่ อ่านหนังสือพวกนี้เข้าใจด้วยหรือ?!”

[1] นักศึกษาทุกคนต้องผ่านการฝึกวิชาทหารเป็นระยะเวลาหนึ่ง

[2] เพลง 青花瓷 (Qing Hua Ci) หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Blue and White Porcelain แปลเป็นภาษาไทยคือ ‘เครื่องกระเบื้องลายคราม’ เป็นเพลงของศิลปินชื่อดังชาวไต้หวัน โจวเจี๋ยหลุน (周杰伦) หรือ เจย์ โชว์ (Jay chou)

[3] อู่ซู่ คือ วิชาที่ว่าด้วยการใช้วิธีการในการเข้าปะทะต่อสู้เป็นสาระสำคัญ มีรูปแบบการร่ายกระบวนยุทธและชั้นเชิงต่อสู้เป็นหลักในการฝึก และมีหลักศิลป์กายบริหารที่สืบทอดกันมา โดยมุ่งเน้นการประสานพลังภายในและภายนอก ซึ่งเป็นจุดเด่นของวิทยาการอู่ซู่

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน