คุรุการแพทย์ – บทที่ 28 ช่างน่าพอใจจริง ๆ!

คุรุการแพทย์

บทที่ 28 ช่างน่าพอใจจริง ๆ!

บทที่ 28 ช่างน่าพอใจจริง ๆ!

[ใช้เหยื่อที่อ่อนแอกว่าล่อให้ชายลึกลับออกมางั้นเรอะ ฉันไม่รู้ว่านายโง่ หรือคิดว่าคนอื่นจะโง่บรมเหมือนนาย?]

[ทำไมชายลึกลับที่เปรียบได้กับพระเจ้าจะต้องมาสนใจด้วย ฝันไปเหอะ!]

[พวกนายด่าว่าชายลึกลับเป็นคนขี้ขลาด ทำไมไม่คิดจะย้อนมองดูตัวเองบ้าง? ถ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอนะ ไปท้าทายน้องใหม่อย่างเฉินชงก่อนเลย โค่นเขาได้ก่อนเหอะ ถึงไปท้าทายชายลึกลับนั่น ถ้าหากเฉินชงรับคำท้าจากใครสักคนง่าย ๆ เหมือนกัน ก็ไม่ต่างกับว่าไปลดตัวเขาเหรอ]

[ฉันสนับสนุนนายให้ไปท้าเฉินชง หวังว่ามันจะช่วยตอกย้ำความโง่บรมในสมองน้อย ๆ ของนาย!]

มีความเห็นสนับสนุนชายลึกลับอย่างท่วมท้น พวกเขารัวคีย์บอร์ดต่อว่าเหล่าคนที่วิจารณ์ปากแจ๋ว พวกปากเก่งที่ต่อว่าชายลึกลับทั้งหลายจึงยุติคำวิจารณ์ทั้งหมดในเวลาต่อมา

แม้ว่าชายลึกลับจะโดนประณาม และถูกต่อว่าว่าเป็นคนขี้ขลาด แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังตั้งหน้าตั้งตารอให้เขาปรากฏตัวอีกครั้ง

โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาที่ใกล้จะเรียนจบในอีกหนึ่งปีข้างหน้า พวกเขาหวังจะได้รู้ว่าใครคือชายลึกลับก่อนที่พวกเขาจะจบออกไป!

พอเจียงเหมี่ยวอวี๋กลับเข้ามาในหอพัก เธอก็ได้ยินเพื่อนร่วมห้องของเธอบอกว่าชายลึกลับไม่ได้ปรากฏตัว เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“โชคดีแล้วล่ะที่เขาไม่ได้ปรากฏตัว ไม่อย่างนั้นนะ ฉันคงพลาดโอกาสพบเขา”

วันต่อมา…

ชั้นเรียนรวมที่มีคนมากกว่าร้อยคนจากสาขาชีววิทยาการแพทย์ กฎหมายการแพทย์ และวิชาประวัติศาสตร์การแพทย์แผนจีนได้สิ้นสุดลง ฟางชิวก็สิ้นสุดวิชาเรียนในวันที่สองในรั้วมหาวิทยาลัยเช่นกัน

หลังจากมื้อเย็น ภายใต้สายตาที่อธิบายไม่ได้ของพวกรูมเมต ฟางชิวตั้งใจจะไปสวนที่นัดกับเจียงเหมี่ยวอวี๋อีกครั้ง

แต่ก็มีใครบางคนมาขวางเขาไว้ขณะที่กำลังเดินอยู่

คนนั้นคือหลี่ชิงสือ

ฟางชิวเบือนหน้ามองชายที่ปรากฏตัวเข้ามาขวางหน้าเขา

ชายคนนั้นมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ฟางชิว นายยังซ้อมร้องเพลงกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ในพิธีเปิดเทอมอยู่หรือเปล่า?”

หลี่ชิงสือถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาระคนยโส

ในสายตาของเขา ฟางชิวไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลยแม้แต่นิด

ทว่าฟางชิวกลับทำเพียงแค่เหลือบตามองหลี่ชิงสือเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็เดินอ้อมตัวอีกฝ่ายแล้วจากไป

หลี่ชิงสือผงะกับท่าทีเมินเฉยของฟางชิวที่แสดงออกมา สีหน้าของเขาขรึมลงทันที เขาก้าวเข้าไปหาฟางชิวอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดอีกฝ่ายแล้วพูดขึ้นอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฉันพูดกับนายอยู่ ไม่ได้ยินหรือไง?!”

ไอ้ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน?

เขาเป็นถึงประธานสมาคมนักศึกษาแพทย์แผนจีน…

ถือว่าเป็นใหญ่กว่าของนักศึกษาแพทย์แผนจีนทุกคน รวมทั้งไอ้เวรฟางชิวนี่ด้วย!

ไอ้ลูกรักพระเจ้า!

‘มีนักศึกษาคนไหนกันที่ไม่แสดงความนับถือเมื่อเห็นฉันบ้าง? วันนี้ฉันถูกไอ้เด็กใหม่นี่เมินอีกแล้ว!’

‘เมื่อวันก่อนที่สนามก็เมินฉัน แล้ววันนี้ก็เมินฉันอีกรอบ!’

‘นายคิดว่าตัวเองเป็นใครหา?!’

ถึงอย่างนั้นฟางชิวก็ไม่ได้สนใจหลี่ชิงสือเลย และยังเดินอ้อมจากไปอีกครั้ง

หลี่ชิงสือโกรธมากเพราะอีกฝ่ายเมินตนถึงสองครั้งติดกัน เขาจึงจงใจฟาดมือตัวเองไปที่ฟางชิว

แต่ฟางชิวก็สามารถหลบทิศทางการฟาดมือของหลี่ชิงสือได้อย่างง่ายดาย ทำให้เท่ากับว่าประธานสมาคมนักศึกษาคนนี้ฟาดไม่โดนอะไรเลย

นั่นยิ่งทำให้หลี่ชิงสือโกรธมากขึ้นไปอีก!

แต่เดิมเขาตั้งใจจะมาพูดกับฟางชิวดี ๆ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถระงับความโกรธในใจของตัวเองได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่กับเทพธิดาในดวงใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า สิ่งนี้ยิ่งทำให้หลี่ชิงสือโกรธมากขึ้นไปอีก

หลี่ชิงสือปรากฏตัวขวางหน้าฟางชิวเป็นรอบที่สาม สีหน้าคล้ำดำมืด เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันขอเตือนนายเป็นครั้งสุดท้าย อยู่ให้ห่างเจียงเหมี่ยวอวี๋ซะ และถอนตัวจากการแสดงร่วมกับเธอในพิธีเปิดภาคเรียนนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นอย่ามาหาว่าฉันหยาบคายก็แล้วกัน”

“หยาบคายเหรอ?”

ฟางชิวเงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดพรายบนใบหน้า เขามองไปที่หลี่ชิงสือแล้วตอบว่า “ก็เอาเลยสิ”

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เบี่ยงตัวออกจากหลี่ชิงสือแล้วเดินจากไป

หลี่ชิงสือหันศีรษะมองตามแผ่นหลังของฟางชิวอีกครั้งพร้อมกับกำหมัดแน่น ชายหนุ่มสูดลมหายใจอย่างโกรธจัด

ฟางชิวไม่สนใจที่จะเก็บเรื่องที่หลี่ชิงสือคุกคามเขามาคิดให้เป็นเรื่องใหญ่ ตลอดมาชายหนุ่มเอาชนะอุปสรรคมาตั้งมากมาย เขาเคยกลัวใครที่ไหนกัน?!

ก่อนที่เขาจะมาถึงสวนที่นัดซ้อมการแสดงกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ ฟางชิวก็เห็นคนกลุ่มหนึ่ง

หนึ่งในคนกลุ่มนั้นเป็นนักศึกษาหญิงที่จะกระโดดตึกฆ่าตัวตายเมื่อวันก่อน

สมาชิกในครอบครัวล้อมตัวเธอด้วยสีหน้าลำบากใจ ไม่นานก็เดินออกจากมหาวิทยาลัยไป

ไม่เพียงแค่ฟางชิวเท่านั้นที่สังเกตเห็น นักศึกษาคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบบริเวณก็เห็นเช่นกัน

ฟางชิวได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เขาจึงรู้ว่าพ่อแม่ของเธอที่อยู่ห่างออกไปรีบมาที่นี่ในชั่วข้ามคืนด้วยความกลัวและตกใจมากที่ได้ข่าวว่าลูกสาวตัวเองพยายามจะฆ่าตัวตาย

ผลสุดท้ายก็คือ… เธอยอมลาออก

มันเป็นทางเลือกเดียวสำหรับมหาวิทยาลัย เธอ… และพ่อแม่ของเธอ

หมดหนทางอื่นแล้ว…

สำหรับเรื่องนี้ การเรียนในมหาวิทยาลัยไม่สำคัญอีกต่อไปสำหรับพ่อแม่ของเธอ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือชีวิตของลูกสาว!

นักศึกษาหญิงลาออก ส่วนไอ้ตัวต้นเหตุอย่างชือเซียงนั้นมีเพียงบทลงโทษแค่พักการเรียนหนึ่งปีและถูกตักเตือนอย่างรุนแรงเท่านั้น

ช่างน่าขันและไร้สาระเป็นที่สุด!

แต่ฟางชิวก็ยังไม่ลืมคำพูดที่เขาเคยพูดกับไอ้สารเลวนั่นไว้ ‘ฉันจะซัดนายทุกครั้งที่เห็นหน้านาย!’

ฟางชิวมองนักศึกษาสาวเดินหายไปจากประตูมหาวิทยาลัยแล้วหันหลังกลับอย่างเงียบ ๆ

ชายหนุ่มมาถึงที่สวน และพบว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋ได้มาถึงก่อนแล้ว เธอกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งข้างโต๊ะหินใต้ต้นไม้

“ขอโทษนะที่มาช้า” ฟางชิวขอโทษอย่างเร่งรีบ

ไม่เหมาะสมจริง ๆ ที่ปล่อยให้ผู้หญิงรอ

“ไม่เป็นไร ฉันเองก็เพิ่งจะมาถึง”

“ฝึกภาษากวางตุ้งเป็นยังไงบ้าง?” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามด้วยความกังวลและสังเกตการแสดงออกของชายหนุ่มอย่างรอบคอบ

แต่แล้ว เธอกลับไม่เห็นสีหน้ากังวลบนใบหน้าของอีกฝ่ายเลย เธอจึงรู้ว่าฟางชิวสามารถร้องภาษากวางตุ้งได้แล้ว

“ฉันเข้าใจหมดแล้ว” ฟางชิวพูด

“สุดยอด!” เจียงเหมี่ยวอวี๋อุทานแล้วถามต่อ “งั้นแสดงว่าเมื่อวานนี้ นายซ้อมหนักมากหลังจากที่พวกเราแยกย้ายกันใช่ไหม?”

“เปล่า… ก็แค่พอถูไถน่ะ” ฟางชิวพูดด้วยท่าทางอายนิด ๆ

ชายหนุ่มไม่กล้าบอกความจริงว่า เขาฟังเพลงทั้งหมดแค่สิบนาทีเท่านั้น ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้ฟังมันต่ออีกเพราะจำและร้องได้หมดแล้ว

แต่เจียงเหมี่ยวอวี๋คิดว่าฟางชิวแค่ถ่อมตัว “อย่างแรก พวกเราจะลองร้องด้วยกันรอบหนึ่งก่อน แล้วฟังว่าเป็นยังไง จากนั้นก็ค่อยร้องกันหลาย ๆ รอบ ดีไหม?”

ฟางชิวพยักหน้าเห็นด้วย

จากนั้นเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ร้องเป็นภาษาจีนกลาง

“นักศึกษาทุกคน…”

“หาที่นั่งของตัวเอง…”

“นี่คือพิธีเปิดเทอมของพวกคุณ…”

เพลงท่อนแรกทำให้ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจมาก

เขาพึงใจกับเสียงของเธอมาก

การฟังสาวสวยร้องเพลงเพราะ ๆ มันเป็นอะไรที่เพลิดเพลินเป็นที่สุด

“มองไปข้างหน้า…”

“ลองนึกภาพว่าการสวมหมวกทรงสี่เหลี่ยมนั้นสวยงามเพียงใด…”

“จ่ายค่าเล่าเรียนที่ลืมไม่ลง…”

“ปีถัดไปที่ไร้ซึ่งความหยาบคาย…”

“พรุ่งนี้มักเป็นเทอมใหม่ของเราเสมอ…”

“ชั่วชีวิตคนเรา…”

“ในบทเพลงที่จบลง…”

“เป็นยังไงบ้าง?” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามด้วยรอยยิ้ม

“เพราะดีนะ!” ฟางชิวพูดพลางยกนิ้วโป้งให้

“ขอบคุณจ้ะ ตานายแล้ว”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ขอบคุณอีกฝ่าย จากนั้นก็นั่งฟังด้วยท่าทางสงบนิ่ง

ประเด็นสำคัญของเพลงนี้มันขึ้นอยู่กับว่าฟางชิวออกเสียงภาษากวางตุ้งถูกต้องหรือไม่ และจะสามารถร้องเพลงได้ไพเราะพอ ๆ กับต้นฉบับหรือเปล่า

ฟางชิวกระแอมในลำคอแล้วร้องเพลงเบา ๆ

“นักศึกษาทุกคน…”

“หาที่นั่งของตัวเอง…”

“นี่คือพิธีเปิดเทอมของพวกคุณ…”

แค่เพียงท่อนแรก

ดวงตาของเจียงเหมี่ยวอวี๋เบิกโพลงขึ้นทันที

“ออกเสียงได้ชัดอะไรอย่างนี้!”

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ภาษากวางตุ้ง แต่เธอก็เคยได้ยินเพลงนี้มาหลายครั้ง เธอจึงรู้ว่าการออกเสียงภาษากวางตุ้งของชายหนุ่มนั้นชัดเจนมาก

“ไม่แปลกใจเลยที่ยังใจเย็นอยู่ได้ อย่างที่คาดไว้ เขาย่อมมีเหตุผลที่ตัวเองมั่นใจได้ขนาดนี้”

เธอยังคงฟังต่อไป

แทนที่จะเน้นฟังที่การออกเสียง เธอกลับสนใจเสียงร้องของฟางชิวมากกว่า

“เสียงเพราะเกินไปแล้ว!”

“ไม่น้อยหน้าไปกว่าแฮกเกน ลี ที่เป็นเจ้าของเพลงเลย!”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ไม่ได้คิดจับผิดข้อบกพร่องในการร้องเพลงของอีกฝ่ายอีกต่อไป เธอรู้สึกชื่นชอบการร้องเพลงของฟางชิวจากใจจริง!

เพลงได้จบลงแล้ว

“เป็นยังไงบ้าง?” ฟางชิวถามเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยคำถามเดียวกัน

“เพราะมากเลยล่ะ!” เจียงเหมี่ยวอวี๋เอ่ยชมอย่างจริงใจ

“เธอชมฉันเกินไปแล้ว” ฟางชิวตอบอย่างถ่อมตัว

“ไม่เลยนะ” เจียงเหมี่ยวอวี๋ส่ายหัวแล้วพูด

นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้ฟังผู้ชายร้องเพลงเพราะขนาดนี้

ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของโทนเสียงหรืออารมณ์ของเพลง ชายหนุ่มตรงหน้าเธอก็สามารถเข้าถึงแก่นแท้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ในปาร์ตี้รับน้องใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เธอไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงฟางชิวร้องเพลง นั่นเป็นเพราะว่าสภาพแวดล้อมในตอนนั้นมีปัญหา

แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ทั้งสองตั้งใจฟังอีกฝ่ายร้องเพลง

แล้วทั้งคู่ก็พบว่าไพเราะมาก

คนหนึ่งร้องเพราะ

อีกคนหนึ่งก็ร้องเพราะมาก ๆ!

ทั้งคู่ไม่ได้สอพลออีกฝ่ายเกินจริงเลยแม้แต่น้อย พวกเขาต่างชื่นชมอีกฝ่ายอย่างใจจริง

“ถ้าอย่างนั้นเรา… ร่วมแสดงกันได้ใช่ไหม?” ฟางชิวถาม

“แน่นอน!”

เจียงเหมี่ยวอวี๋มองลึกเข้าไปในดวงตาของฟางชิวแล้วเอ่ยต่อ “ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าทักษะทางด้านดนตรีของนายจะสูงขนาดนี้ นายฝึกภาษากวางตุ้งในเวลาอันสั้นแล้วร้องออกมาได้อย่างไร้ที่ติเลย”

“ไหนจะทักษะทางด้านดนตรีและการจัดกระดูกอีก ฟางชิว นายดูเหมือนจะมีความลับมากมายซ่อนอยู่นะ!”

ฟางชิวทำเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นแต่ไม่ตอบอะไร

“นี่พวกเธอ!”

ในเวลานี้ จู่ ๆ ก็มีสาว ๆ สามคนปรากฏตัวขึ้น พวกเธอกระโดดเข้าหาคนทั้งคู่ ทำเอาเจียงเหมี่ยวอวี๋ตกใจกับการปรากฏตัวนี้มาก

ทั้งสามสาวทำเพื่อนสาวตกใจได้แล้วก็ผละออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อยู่ที่นี่กันนี่เอง”

จากนั้นพวกเธอก็ชี้ไปที่ฟางชิว “ฟางชิว นายไม่ควรจะกั๊กตัวเจียงเหมี่ยวอวี๋ไว้เองแบบนี้นะ!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าสวยของเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็แดงเล็กน้อย เธอลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แนะนำคนที่มาใหม่ให้ฟางชิวรู้จัก “พวกเธอเป็นรูมเมตของฉันเอง หวงหมานหม่าน เฉิงหลิน และหยวนเป้ย…”

ฟางชิวลุกขึ้นยืนอย่างเร็ว “สวัสดี ฉันชื่อฟางชิว”

“พวกเรารู้จักนาย!”

หยวนเป้ย สาวร่างสูงเพรียวบางพูดว่า “นายคือคนที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าเหมี่ยวอวี๋ใช่ไหม? นายเนี่ยเหมือน ‘ฮีโร่ที่ช่วยสาวงาม’ เลย”

“ไม่ใช่ ‘ฮีโร่ที่ช่วยสาวงาม’ หรอก มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยน่า” ฟางชิวเอ่ย

“นายเป็นคนที่ถ่อมตัวมากเลยนะ แต่ถ้านายอยากจะไล่ตามเหมี่ยวอวี๋ของพวกเรา นายคงต้องรอนานหน่อย เพราะเหมี่ยวอวี๋เคยพูดว่าจะตั้งใจเรียนอย่างหนัก ไม่สนใจเรื่องหาแฟนในช่วงสองปีแรกในมหาวิทยาลัย”

หยวนเป้ยว่าพลางขยิบตาให้ฟางชิว

“ก็…”

ฟางชิวรู้สึกเขินอาย เขายอมรับในใจว่าแอบชอบเธออยู่เหมือนกัน

ไม่อย่างนั้นเมื่อวานเขาคงไม่สะอึกกับคำว่า ‘แต่นายก็ยังสบายดีอยู่นี่ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรใช่ไหมล่ะ?’ จากเจียงเหมี่ยวอวี๋หรอก

‘แต่มันดีจริงเหรอที่จะแสดงออกตรง ๆ?’

เจียงเหมี่ยวอวี๋ผลักหยวนเป้ย เพราะอีกฝ่ายทรยศเธอที่ดันมาบอกความจริงแบบนี้

ความตั้งใจที่จะไม่มีการสานสัมพันธ์ใด ๆ ในช่วงสองปีแรกของการเข้ามหาวิทยาลัยมันคือแผนที่เธอวางไว้ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยนี้

แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นอิสระจากความตั้งใจนั้นแล้ว

หยวนเป้ยหัวเราะในขณะที่วิ่งหนีเจียงเหมี่ยวอวี๋ไปรอบ ๆ ต่อมาอีกสองคนอย่างหวงหมานหม่านและเฉิงหลินก็ร่วมด้วยเช่นกัน พวกเธอไม่ได้สนใจชายที่กำลังมองพวกเธออยู่ใกล้ ๆ กันเลย

ต่อมาทั้งสวนก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

“เจ้าห้า นายอยู่นี่เอง!”

มีเสียงดังอีกเสียงตามมา คนที่เหลือเลยแปลกใจมาก

ฟางชิวหันหน้าไปทิศทางของเสียงเรียก แล้วก็เห็นรูมเมตของเขากำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทางเร่งรีบ

ฟางชิวสงสัยมากว่ารูมเมตทั้งสามมาที่นี่ได้เหมาะเจาะขนาดนี้ได้อย่างไร?

แต่หนุ่ม ๆ ทั้งสามคนที่มาใหม่นั้นไม่สนใจฟางชิวแต่อย่างใด ทั้งสามกลับรีบเดินเข้าไปหาสี่สาว ก่อนจะทักทายอย่างสุภาพ “สวัสดีครับสาวงามทั้งสี่ พวกเราคือรูมเมตของฟางชิว ยินดีที่ได้รู้จัก!”

หลังจากนั้นซุนฮ่าวก็เสริมว่า “พวกเราไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอสี่สาวงามขนาดนี้ตั้งแต่เปิดเทอม พวกเราโชคดีมากจริง ๆ!”

จูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเต็มที่

ฟางชิวมองพวกเขาด้วยความแปลกใจ ตอนนี้ทั้งสามคนทำหน้าซื่อตาใสผิดจากปกติอย่างยิ่ง

“วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?”

ทั้งสี่สาวที่กำลังวิ่งไล่จับกันรอบ ๆ ต่างก็แยกออกจากกันเมื่อเห็นหนุ่ม ๆ กำลังเข้ามา

พวกเธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นทั้งสามคนพูดออกมาเหมือนเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง

เมื่อเห็นสาวสวยยิ้ม หนุ่ม ๆ ทั้งสามคนก็ดีใจ พยายามจะขายตัวเองอีกครั้ง

ในเวลานี้ ฟางชิวก็เดินเข้ามาแล้วโอบแขนรอบคอทั้งสามรูมเมต “อืม… เอาล่ะ ในเมื่อพวกนายอยู่ที่นี่ ลองฟังเจียงเหมี่ยวอวี๋กับฉันร้องเพลงไหม”

“ได้เลย!”

เจียงเหมี่ยวอวี๋คว้าตัวเพื่อนร่วมห้องของเธอให้นั่งบนม้านั่งแล้วพูดว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราร้องเพลงนี้ด้วยกัน ช่วยแนะนำพวกเราด้วยนะ”

“โอเค!”

จูเปิ่นเจิ้งตอบกลับคนแรกแล้วรีบนั่งลงข้าง ๆ ทันที

ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนมองตากัน เห็นแววตาเสียใจและเย้ยหยันจากอีกฝ่าย

ทั้งสองต่างเสียใจที่คิดช้ากว่าพี่คนโตที่จองที่นั่งไปแล้วเรียบร้อย

ม้านั่งสามารถนั่งได้หกคน ทั้งสามสาวนั่งอยู่ด้วยกันแล้ว ดังนั้นทั้งสามหนุ่มที่เหลือเลยนั่งลงด้วย และเพราะเหตุนี้จึงมีเพียงชายหญิงคู่เดียวที่ได้นั่งติดกัน

กลายเป็นจูเปิ่นเจิ้งที่แย่งชิงโอกาสนี้ไป!

“ฉันล่ะเกลียดผู้ชายกะล่อนเจ้าชู้คนนี้จริง ๆ!”

ในเวลานั้น ฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋ที่ยืนอยู่ต่อหน้าทั้งหกก็เตรียมตัวจะร้องเพลงด้วยกัน…

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท