คุรุการแพทย์ – บทที่ 38 ไปจัดการเขากัน!

คุรุการแพทย์

บทที่ 38 ไปจัดการเขากัน!

บทที่ 38 ไปจัดการเขากัน!

อันดับที่หนึ่ง ชายลึกลับ ยอดความนิยมอยู่ที่ 41,879

อันดับที่สอง เจียงเหมี่ยวอวี๋ ยอดความนิยมอยู่ที่ 36,890

อันดับที่สาม ฟางชิว ยอดความนิยมอยู่ที่ คือ 36,574

อันดับที่สี่ ชายผู้รักความยุติธรรม (อันธพาลประจำถิ่น) ยอดความนิยมอยู่ที่ 9,548

ความนิยมของเจียงเหมี่ยวอวี๋เพิ่มขึ้นจาก ‘ของขวัญพิธีเปิด’ ดอกไม้ดอกใหม่ของมหาวิทยาลัยมีเสน่ห์มากพอในการสร้างชื่อในพิธีเปิด ยอดความนิยมก่อนหน้านี้สูงพอที่จะรักษาตำแหน่งที่สองไว้ได้

แม้ฟางชิวจะยังคงอยู่ในอันดับสาม แต่ฐานแฟนคลับใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นมา ไม่เพียงแต่จะทำให้ช่องว่างระหว่างเจียงเหมี่ยวอวี๋ลดลงเท่านั้น แต่ยังตีตื้นตามหลังขึ้นมาติด ๆ อีกด้วย พอเปรียบเทียบกันแล้วก็พบว่าผลตอบรับในการร้องเพลงของฟางชิวนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน

ในทางกลับกัน ยอดความนิยมของหลี่ชิงสือกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ดูเหมือนจะทิ้งห่างจากกันไปไกล อีกทั้งยังมีความนิยมห่างจากอันดับสามอยู่ไกลมากโข

หลี่ชิงสือ ยอดความนิยมอยู่ที่ 5,010…

หลี่ชิงสือดูข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเพลงของฟางชิวในพิธีเปิดทางโทรศัพท์มือถือของเขา เมื่อดูจบเขาก็สูดอากาศเย็น ๆ เข้าปอด แล้วปิดโทรศัพท์ลง อย่างไรพรุ่งนี้เขาก็มีงานประจำปีของชมรมรับสมัครสมาชิกใหม่

เป็นเพราะว่าฟางชิวมันเก่งกาจเหรอ?

เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะบดขยี้นายลงเอง!

ก็แค่ร้องเพลงไม่ใช่เหรอ?

ฉันก็ทำได้เหมือนกัน!

ฟลูตมือ?

ฉันก็ทำได้!

ดูสิว่านายจะสามารถทำอะไรได้อีกไหม!

ถึงแม้ว่าหลี่ชิงสือจะยอมรับการแสดงของฟางชิวในพิธีเปิด แต่เขาก็ไม่ยอมรับว่าเขาแย่กว่าฟางชิว เขาแค่ยอมรับว่าเพลงของฟางชิวนั้นได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ถ้าเขาได้ร้องเพลงนี้ เขาอาจจะร้องดีกว่าฟางชิวด้วยซ้ำ!

ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ฉวยโอกาสของฟางชิว ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ยอมให้ฟางชิวได้รับความสนใจครั้งใหญ่นี้ไปหรอก พลาดแล้วจริง ๆ

แต่ร้องคู่กันคราวนี้ความสัมพันธ์ของเขากับเจียงเหมี่ยวอวี๋ดีมากขึ้น และเขายังได้กำไรอีกด้วย

คงมีทั้งได้และมีทั้งเสีย หลังพิธีเปิดจบไปแล้วสองชั่วโมงครึ่ง ทุกคนก็จากไปกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนต่างพูดเรื่องฟางชิวร้องเพลง ส่วนเจ้าตัวนั่งลงดูข้อความในโทรศัพท์ตัวเอง เป็นข้อความที่ถูกส่งมาจากเจียงเหมี่ยวอวี๋

[ยินดีด้วย นายร้องเพลงได้สุดยอดมาก]

ฟางชิวเงียบอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตอบกลับไปสั้น ๆ ว่า [ขอบคุณ] จากนั้นวางโทรศัพท์ลง และลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับหนังสือในมือ ระหว่างทางไปโรงอาหาร ฟางชิวก็เห็นมามีคนชี้มาหา

“ดูนั่นสิ! ฟางชิวล่ะ!”

“เป็นผู้ชายที่หล่อมาก!”

ฟางชิวเพิ่งเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าหลังจากที่ใช้ความคิดไปชั่วครู่หนึ่ง

เขาไม่ได้คาดหวังว่าผลลัพธ์ของการร้องเพลงจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจหยิบหน้ากากอันเดียวกับหน้ากากของชายลึกลับออกจากกระเป๋า

ตอนนี้เขาใส่หน้ากากแล้ว เขาไม่ต้องกังวลกับการถูกคนสงสัย

แต่การใส่หน้ากากในช่วงหน้าร้อนเป็นเรื่องที่ยากจริง ๆ

อีกทั้งยังเป็นทรมานตัวเองอีกต่างหาก…

พอถึงช่วงบ่าย ฟางชิวก็อ่านหนังสือต่อ ส่วนตอนกลางคืน เขาก็ฝึกเคลื่อนเหรียญทองแดง ชีวิตของฟางชิวนั้นผ่านไปอย่างเรียบง่ายมาก

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังฟางชิวกลับมาจากการฝึกข้างนอก เขาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจที่พบว่ารูมเมตสามคนในหอพักพากันตื่นเช้า

เพิ่งจะตีห้าเอง!

ทุกคนกำลังจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาแล้วหรือ?

“ทำไมถึงวันนี้ตื่นเช้ากัน” ฟางชิวถามด้วยความสงสัย

“ฉันนอนไม่หลับ วันนี้ชมรมทั้งมหาวิทยาลัยเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ พอฉันคิดว่าชมรมเต็มไปด้วยสาว ๆ ฉันก็อยากเข้าร่วมชมรมจนทนไม่ไหวแล้ว ฉันก็เลยต้องตื่นแต่เช้านี่ไง” โจวเสี่ยวเทียนกล่าวขณะที่ยังนั่งอยู่บนเตียง

“แล้วพวกนายล่ะ?” ฟางชิวมองไปที่ซุนฮ่าวกับจูเปิ่นเจิ้ง

“เหมือนกัน” ทั้งสองเอ่ยอย่างยากลำบากจนสังเกตเห็นได้ชัด เพราะพวกเขายังคิดอยู่ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างไรให้ถึงเก้าโมงเช้า

จากนั้น ทั้งสามคนก็คุยเรื่องน่าตื่นเต้นกันบนเตียง โดยพูดคุยกันว่าชมรมใดจะมีผู้หญิงมากกว่ากัน และชมรมใดจะมีผู้หญิงที่มีสวยกว่ากัน

ฟางชิวต้องเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างช่วยไม่ได้ เขาจึงชวนรูมเมตทั้งสามไปกินข้าวด้วยกันแทน

แปดโมงสามสิบนาที

ฟางชิวไม่สามารถอดทนต่อคำเชิญที่ไม่รู้จบจากรูมเมตทั้งสามคนในหอพักได้ ดังนั้นเขาจึงไล่พวกรูมเมตออกไปก่อนที่จะกลับมานั่งอ่านหนังสือต่อ

จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนเดินไปที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยอย่างมีความสุข พื้นที่ตรงนี้เป็นสถานที่ที่ชมรมทั้งหมดเปิดรับสมาชิกใหม่ แล้วฟางชิวก็จะไม่อาจแย่งซีนไปจากพวกเขา ถ้าฟางชิวไม่ได้ไปด้วย

ตอนนี้เจ้าห้าฟางชิวร้ายกาจเกินไปแล้ว ในข่าวบอกว่าสาวทุกคนถูกเจ้านี่ตกเข้าให้แล้ว นี่ถ้าเบอร์มือถือของฟางชิวถูกเปิดเผย โทรศัพท์คงจะดังไม่หยุด ข้อความสารภาพรักก็อาจถูกส่งมาทุกวันแน่ ๆ

ชมรมที่ต้องการรับสมาชิกใหม่ทั้งหมดเคยได้ยินชื่อฟางชิวมาก่อน ชมรมต่าง ๆ ย่อมต้องการแย่งตัวฟางชิวอย่างแน่นอน แต่คงไม่ใช่พวกเขาสามคน

ถ้าฟางชิวเข้าชมรมไหน ชมรมนั้นจะต้องมีสมาชิกผู้หญิงเยอะแน่ ๆ แล้วพวกเขาสามคนก็อาจจะสมัครเข้าชมรมนั้นไม่ทัน

เพราะงั้น ตอนนี้แหละดีที่สุดแล้ว

เมื่อมาถึงสนามกีฬา ทั้งสามก็อึ้งกับฝูงชนที่เดินกันเต็มพื้นที่ ยังไม่ถึงเก้าโมง สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยก็คึกคักแล้ว แผงขายของทุกชนิด ป้ายโปสเตอร์ทุกประเภท ถูกวางเรียงรายเป็นแถว นี่ถ้าไม่รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เปิดรับสมาชิกใหม่ของชมรม บางคนอาคคิดว่าเป็นตลาดก็เป็นได้

แล้วทั้งสามก็พบว่าเหล่านักศึกษาให้ความสนใจเกี่ยวกับการเปิดรับสมาชิกใหม่ของชมรมหนึ่งเป็นพิเศษ!

เมื่อเห็นดังนั้น ทั้งสามในหอพักก็รีบวิ่งไปที่สนามกีฬา เพื่อไปเอาใบปลิวโฆษณาชมรมต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสามก็มาถึงชมรมฝังเข็ม แล้วพวกเขาก็เห็นว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋อยู่ที่นี่ อีกทั้งยังเป็นสมาชิกของชมรมด้วย

เจียงเหมี่ยวอวี๋เห็นทั้งสามก็เริ่มทักทายแล้วถามว่า “เพื่อนร่วมชั้นพวกนายล่ะ ฟางชิวอยู่ที่ไหน ทำไมฉันไม่เห็นเขาเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวเสี่ยวเทียนก็รีบพูดทันทีว่า “ฟางชิวตั้งใจเรียนหนังสือจนไม่รักชีวิตตัวเองแล้ว เขายังอ่านหนังสืออยู่เลย”

“อ่านหนังสืองั้นเหรอ?”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ประหลาดใจ เพราะคาดไม่ถึงฟางชิวจะอ่านหนังสือในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แรกของมหาวิทยาลัย

“เซอร์ไพรส์ที่ยิ่งกว่าเซอร์ไพรส์ ดูการแสดงแรกกับแสดงพิธีเปิดเมื่อวานเสร็จแล้ว เขาก็นั่งอ่านหนังสือทั้งวันเลย ร้ายกาจมากใช่ไหมล่ะ?” โจวเสี่ยวเทียนตอบคล้ายกับว่ากำลังอวดไอดอลของตัวเอง ส่วนจูเปิ่นเจิ้งกับซุนฮ่าวก็พยักหน้าเห็นด้วย

เจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มแล้วเงียบไป

ฟางชิวตั้งใจดูการแสดงแรกในพิธีเปิด แค่นั้นเหรอ?

เป็นเพราะว่าเขาอยากจะเห็นว่าหลี่ชิงสือกับฉันร้องเพลงด้วยกันแล้วเป็นอย่างไรงั้นเหรอ?

หมายความว่าแบบนี้จริง ๆ ใช่ไหม?

ในตอนนั้นอารมณ์ของนายเป็นอย่างไรกันนะ?

เธอรู้สึกชัดเจนว่าตั้งแต่หลังวันที่ฝนตก เธอกับเขากลายเป็นคนแปลกหน้ากันโดยสิ้นเชิง แม้ว่าพวกเขาจะทักทายเมื่อเจอหน้ากัน แต่ก็เป็นแค่ตามมารยาทเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เจียงเหมี่ยวอวี๋รู้สึกเศร้าจนอธิบายไม่ถูก

หลังจากบอกลาเจียงเหมี่ยวอวี๋แล้ว จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนก็ยังคงกวาดสายตามองหาสาวสวยต่อไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดึงดูดผู้หญิงให้มองไม่ได้เลย

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่เก้าโมงเช้า แต่พวกเขาสามคนก็ตัดสินใจที่จะรอ เพราะจะได้รู้ว่าสาว ๆ สมัครที่ไหนเยอะที่สุด ว่ะฮ่าฮ่า! ทั้งสามคิด

ขณะที่ทั้งสามคนกำลังดูไปรอบ ๆ ป้ายก็ขึ้นแขวนตรงมุมสนามกีฬาแบบเงียบๆ ‘ขอแสดงความห่วงใยต่อโม่อี้ฉี เพื่อนร่วมชั้นที่ป่วยเป็นมะเร็งของพวกเรา’

หลังจากเห็นแล้ว นักศึกษาหลายคนก็ร่วมบริจาคเงิน ขณะเดียวกันก็รู้สึกอาวรณ์ต่ออาการป่วยของเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ พวกเขารู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม กำลังได้ใช้ชีวิตอย่างเบ่งบานแท้ ๆ แต่ก็ต้องมาสะดุดเพราะโรคภัย

ในเวลาเดียวกัน ใจกลางสนามกีฬา เหล่าชมรมก็เริ่มจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นชมรมศิลปะการต่อสู้และชมรมศิลปะพื้นบ้านเตรียมแสดงความสามารถเพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ชมรมทั้งหมดจะได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ พวกเขาก็ได้ให้ผู้ที่รับผิดชอบกิจกรรมบริจาคเพื่อการกุศลขึ้นกล่าวคนแรก และขอให้เธออธิบายเกี่ยวกับอาการป่วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารของโม่อี้ฉี รวมถึงสถานะครอบครัวของเธอเพื่อเรียกร้องให้ทุกคนยื่นมือช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้นคนนี้

นักศึกษาจึงพากันเข้าไปบริจาคกันเป็นจำนวนมาก จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนก็บริจาคเงินคนละร้อยหยวน

ในหอพัก

ฟางชิวกำลังอ่านหนังสืออยู่

พอถึงสิบโมงเช้า จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนก็กลับมาที่หอพักอย่างมีความสุข แต่ละคนมีกองใบปลิวอยู่ในมือ

“ลงทะเบียน?” ฟางชิววางหนังสือในมือลงแล้วเอ่ยถาม

“ก่อนอื่นเลย ต้องเอาใบปลิวกลับมาอ่านให้ดี แล้วค่อยไปสมัครทีหลัง เวลาลงทะเบียนหมดตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง ตอนนี้ยังทันอยู่”

โจวเสี่ยวเทียนพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับพลิกแผ่นพับในมือไปด้วย

ส่วนซุนฮ่าวก็เอนตัวไปทางฟางชิวแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าห้า ทายซิว่าพวกเราเจอใคร?”

“ใคร” ฟางชิวถาม

“เจียงเหมี่ยวอวี๋น่ะสิ!” ซุนฮ่าวพูดพร้อมกับขยิบตาให้ฟางชิว “เธอยังถามถึงนายอยู่เลย เจ้าห้า ฉันสามารถบอกได้เลยว่าดอกไม้ของมหาวิทยาลัยเป็นห่วงเป็นใยนายมาก!”

เจียงเหมี่ยวอวี๋? ฟางชิวได้ยินแล้วก็ระบายยิ้ม แต่ก็ไม่ตอบอะไร

“ทายสิว่าพวกเรายังเจอใครอีก”

ซุนฮ่าวยังคงถามต่อไป

“ใคร?” ในครั้งนี้ฟางชิวชักจะอยากรู้จริง ๆ

แม้ว่าเขารู้จักคนเยอะ แต่ก็มีจำนวนคนไม่มากพอที่จะสามารถเดาปริศนาของซุนฮ่าวได้

“หลี่ชิงสือ!”

ซุนฮ่าวตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “นายคงไม่เคยเห็นว่าหลี่ชิงสือหยิ่งแค่ไหน ตอนที่สมัครสมาชิกของชมรม ทุกคนดูดีใจที่มันมา คนน่าขยะแขยงอย่างนี้ยังสามารถดึงดูดผู้คนได้อีกหรือ นี่มันบ้าไปแล้ว!”

หลี่ชิงสือ?

ฟางชิววางหนังสือในมือลง ในดวงตาวาบประกายไฟของเขา ในเมื่อพิธีเปิดสิ้นสุดลงแล้ว ความคับแค้นใจของพวกเขาควรได้รับการแก้ไข!

“เขาแสดงความสามารถอะไรที่สนามกีฬา?”

“ร้องเพลงกับเป่าขลุ่ย ที่เหลือไม่รู้ แต่ยังไงก็ย้อนกลับไปก็คงไม่ทันแล้ว” ซุนฮ่าวดูหดหู่ลงทันที

“พวกนายดูไม่ได้เต็มใจกลับหอนะ กลับมาเพราะเบื่อใช่ไหม?” ฟางชิวถามยิ้ม ๆ

“ไร้สาระ! ถ้านายเจอศัตรูในหอพักของพวกเรา นายไม่อยากจัดการเขาเหรอ น่าเสียดายที่นายทำอะไรหลี่ชิงสือไม่ได้ คงต้องอัดเขาในที่ลับตาเท่านั้นแหละ!”

ฟางชิวลุกยืนขึ้นแล้วตบไหล่ซุนฮ่าวพร้อมพูดว่า “ไปที่สนามกีฬากันเถอะ”

“ไปสนามกีฬาทำไม?”

ซุนฮ่าวงุนงงเมื่อได้ยินประโยคนั้นเลยถามกลับไปว่า “นายหมายความว่าไง?”

จูเปิ่นเจิ้งกับโจวเสี่ยวเทียนมองไปที่ฟางชิวอย่างสงสัย แล้วดูเหมือนจะคาดเดาตำตอบได้แล้ว แววตาตื่นเต้นถึงปรากฏขึ้นในดวงตา

“ไปอัดเขากัน!” ฟางชิวตอบ

“อัดคน? อัดใคร? หลี่ชิงสือเรอะ! ฮ่า ๆๆ เจ้าห้า นายก็มีอารมณ์ขันเหมือนกันนะ ไปกันเถอะ!”

ซุนฮ่าวดีใจมากทันทีที่ได้เห็นปฏิกิริยาของฟางชิว เขาวิ่งออกไปว่องไวปานสายลมเพื่อเปิดทางให้ฟางชิวได้จัดการกับหลี่ชิงสือได้อย่างเต็มที่

คนที่มีความสามารถเหนือกว่าหลี่ชิงสือในแง่ของพรสวรรค์ มีเพียงแค่ฟางชิวเท่านั้น

ความสามารถของฟางชิวในปัจจุบันไม่ได้มีแค่เพียงการเป่าฟลูตมือกับร้องเพลง ใครจะรู้ว่าชายคนนี้ยังจะซ่อนพรสวรรค์อื่นไว้อีกไหม

แค่ทักษะการเป่าฟลูตกับการร้องเพลงก็สามารถบดขยี้หลี่ชิงสือได้แล้ว!

จูเปิ่นเจิ้งกับโจวเสี่ยวเทียนดีใจมากเมื่อได้ยินฟางชิว ในที่สุดเจ้าห้าก็จะลงมือแล้วหลังจากผ่านไปหลายวัน!

วันนี้ทุกคนในห้องพักห้าศูนย์หนึ่งที่ถูกรังแกจะต้องเอาคืน!

ทั้งสองจึงรีบออกไปที่ประตู

ทั้งสี่มาที่สนามกีฬาประหนึ่งเป็นเทพขาใหญ่

หลี่ชิงสือมองเห็นฟางชิวได้จากระยะไกล เขามองดูรอบ ๆ นึกในใจว่าฟางชิวไม่ควรเสร่อมา แต่ยังไงซะเมื่อเผชิญหน้ากันแล้ว ความอยากเอาชนะฟางชิวไม่ว่าจะจากการร้องเพลงหรือความสามารถอื่น ๆ ก็บังเกิดขึ้น!

ดูสิว่าใครจะเก่งที่สุด!

หลี่ชิงสือไม่กลัวฟางชิว เขามั่นใจในทักษะการร้องเพลงของเขา เพราะเขาได้เรียนรู้จากครูสอนร้องเพลงโดยตรง จึงไม่กลัวการแข่งขันความสามารถด้านอื่น ๆ เนื่องจากเขาเคยอยู่ในชั้นเรียนของเหล่าอัจฉริยะมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทั้งยังมีใบรับรองอีกมากมาย

เขาตัดสินใจที่จะบังคับให้ฟางชิวแข่งด้วย!

เมื่อคิดได้ดังนั้น หลี่ชิงสือก็เดินไปที่กลางสนามกีฬาทันที เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “สวัสดีทุกคน ฉันชื่อหลี่ชิงสือ เป็นประธานนักศึกษาการแพทย์แผนจีน และก็เป็นรองประธานของชมรมศิลปะพื้นบ้านด้วย”

“ฉันรู้ว่ามีอัจฉริยะไม่เปิดเผยตัวอยู่ในหมู่นักศึกษาอีกมาก แต่ฉันรู้สึกว่า การร้องเพลงของฟางชิวนั้นดีมาก โดยเฉพาะเพลงเมื่อวาน ‘เชิญดื่มสุรา’ เพลงนั้น”

“เมื่อครู่นี้ฉันเห็นฟางชิวพอดี เพื่อป้องกันความเขินอายในการขึ้นเวทีของฟางชิว ฉันหวังว่าพวกคุณจะช่วยขอร้องให้ฟางชิวร้องเพลงต่อจากฉัน”

ทันทีที่ประโยคเหล่านี้ดังออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง!

“ฟางชิวมาแล้วเหรอ”

“อยู่ไหนล่ะ ว่าแต่ใครคือฟางชิวเหรอ?”

“เมื่อวานเขาร้องเพลงเชิญดื่มสุราได้ดีมาก จนฉันฟังไปตั้งหลายรอบ!”

“ฉันตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเรียบร้อยแล้ว!”

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน