คุรุการแพทย์ – บทที่ 49 ได้สิบเก้าโหวต

คุรุการแพทย์

บทที่ 49 ได้สิบเก้าโหวต

บทที่ 49 ได้สิบเก้าโหวต

หลี่เจี้ยนจวินรู้สึกตื่นเต้นมากจนเกือบจะพูดไม่ออก

จะบอกว่าคนไข้ตื่นเต้นเกินก็ไม่ได้ เพราะว่าเจ้าตัวถูกทรมานด้วยโรคนี้เป็นระยะเวลานานมากแล้ว

ปกติเวลาขับรถจะแค่ปวดตึง ๆ แต่พอนั่งสักพักแล้วลุกขึ้นเดิน อาการปวดก็จะกำเริบขึ้นอีกครั้ง

ทำอะไรก็เจ็บไปหมด!

ปรึกษามาก็เยอะ พบแพทย์ก็พบมาหลายคนแล้ว ใช้ตัวช่วยอย่างไรก็ไม่ได้ผล เขาจะอดใจให้ไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร!

“มันเป็นหน้าที่ของผมครับ” ฟางชิวตอบยิ้ม ๆ “หลังจากนี้คุณลุงต้องให้ความสำคัญกับท่านั่ง เวลานั่งควรนั่งให้หลังตรง แล้วก็ให้ความสำคัญกับคอด้วยนะครับ อย่าก้มหน้าลงนานเกินไป ถ้าเป็นไปได้จริง ๆ ก็ควรเปลี่ยนสายงาน งานของคุณลุงตอนนี้ทำให้สุขภาพทรุดหนักลง”

หลี่เจี้ยนจวินไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่ฟางชิวพูดเกี่ยวกับการเปลี่ยนงานมากนัก แต่เขาจำสิ่งที่ฟางชิวพูดเกี่ยวกับท่านั่งของเขาได้

เขาจะทำอะไรได้บ้างนอกจากเป็นคนขับรถ?

เพราะไม่ได้ออกกำลังกาย เขาจึงมีสุขภาพที่ไม่ดี

เดี๋ยวนี้อาชีพขับรถแท็กซี่ถูกพวกแอปพลิเคชันเรียกรถเอาเปรียบในบางมุม

หลี่เจี้ยนจวินรอเป็นสักพักก็ไม่เห็นว่าฟางชิวจ่ายยาให้

ทั้งสองเลยสบตากันอยู่เนิ่นนาน

ในท้ายที่สุด หลี่เจี้ยนจวินก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “หมอฟาง ไม่สั่งจ่ายยาให้หน่อยหรือ?”

“อาการป่วยของคุณหายแล้ว ทำไมคุณถึงอยากกินยาล่ะครับ” ฟางชิวถามอย่างแปลกใจ

หลี่เจี้ยนจวินอธิบายให้แพทย์หนุ่มฟัง “ก็แบบว่าสั่งจ่ายยาบำรุงประสาทอะไรทำนองนี้ หมอคนอื่นเขาก็ทำแบบนี้กันนี่”

วันนี้หลี่เจี้ยนจวินเพิ่งพบแพทย์ที่ไม่ได้สั่งจ่ายยาให้เป็นครั้งแรก

ฟางชิวส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นครับ แค่คุณลุงให้ความสนใจกับการพักผ่อนและท่านั่งก็พอแล้วครับ”

หลี่เจี้ยนจวินเห็นว่าฟางชิวไม่ต้องการจ่ายยาจริง ๆ และไม่เอาค่ารักษาก็พลันน้ำตาซึม

หลังจากที่หาแพทย์มาหลายปี ในที่สุดก็เจอแพทย์ที่ดี!

แม้ว่าจะยังเด็ก แต่ก็เป็นคนดี ทักษะทางการแพทย์ก็สูง!

“หมอฟาง ขอบคุณนะ!” หลี่เจี้ยนจวินหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวชมอย่างจริงใจ

ฟางชิวยิ้มรับขอบคุณคำกล่าวชมนั้น

หลี่เจี้ยนจวินออกจากห้องตรวจไปอย่างรวดเร็ว เขาอยากจะเล่าให้ผองเพื่อนข้างนอกฟัง

เขาหายป่วยแล้ว!

หมอฟางเก่งมาก!

ทักษะทางการแพทย์ก็ดีเยี่ยม!

ประเด็นคือใช้เงินน้อยมากจริง ๆ!

ในเวลาเดียวกันนั้น

ที่ห้องโถงก็มีการเรียกชื่อเข้าไปรักษา

“หวังเว่ยหมิน”

พยาบาลตะโกนขึ้นหลังเห็นว่าจำนวนคนไข้ในห้องตรวจลดลงแล้ว

“อยู่นี่!” ชายที่แต่งตัวเรียบร้อยลุกขึ้นยืน

เหล่าเจี่ยลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพูดกับนางพยาบาลว่า “นี่เป็นคนไข้ของหมอฟาง”

หมอฟางอีกแล้วเหรอ?

“เอาล่ะ เอาประวัติไปด้วยนะคะ คนต่อไป หม่าเจียนกั๋ว”

“มาแล้วครับ!”

เหล่าเจี่ยเหลือบมองชายที่ยืนขึ้นแล้วพูดกับนางพยาบาลอีกครั้ง “นี่ก็เป็นคนไข้ของหมอฟาง”

นี่ก็ด้วย?

นางพยาบาลมองเหล่าเจี่ยด้วยความประหลาดใจ

ในขณะเดียวกันก็ยิ่งทวีความสงสัย

ทักษะทางการแพทย์ของหมอฟางคนนี้ดีแค่ไหนกัน เพียงแค่มาตรวจโรคในวันแรก เขาก็สามารถทำให้คนไข้รายเก่าพาคนไข้รายใหม่สามคนมารักษากับตนเองได้

“เอาล่ะ เอาอันนี้ไปด้วย คนต่อไปค่ะ จ้าวผิง”

“คนนี้ก็เหมือนกัน” เหล่าเจี่ยเอ่ยอย่างเขิน ๆ

พยาบาลเริ่มอยากรู้อยากเห็นเลยถามว่า “ในกลุ่มพวกคุณยังมีใครที่มาให้หมอฟางตรวจโรคอีกบ้างคะ”

เหล่าเจี่ยยื่นมือออกไปชี้ที่ฝูงชนแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี่เลย”

พยาบาลทำหน้างง

เพราะมีอย่างน้อยสิบกว่าคนเลยทีเดียว

ทั้งหมดจะเป็นคนไข้ของหมอฟางเหรอเนี่ย?

แถมวันนี้เป็นวันแรกที่รับตรวจโรคอีกด้วย!

วันแรกเลยนะ!

ก่อนหน้านี้แพทย์มาใหม่ทุกคนต้องตรวจโรคไปสักพัก คำชมถึงค่อยกระจายจากปากต่อปาก กว่าคนไข้รายเก่าจะแนะนำคนไข้รายใหม่นั้นต้องใช้เวลานาน

ตอนนี้หมอฟางมีคนไข้รายเก่าแนะนำคนไข้รายใหม่ให้ตั้งแต่วันแรก!

เมื่อนึกถึงใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของหมอฟาง เธอก็รู้สึกว่าโลกนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

กลายเป็นโลกที่แปลกประหลาด!

โรงพยาบาลนี้ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน!

กลายเป็นโรงพยาบาลที่เธอไม่รู้จักซะแล้ว

คนไข้ก็เปลี่ยนไป!

จะว่าไปก็พูดคุยกันง่ายขึ้นอย่างไรไม่รู้!

“งั้นคุณลุงช่วยดูหน่อยว่ามีใครอีกบ้างในเวชระเบียน คุณลุงเลือกออกมาแล้วไปหาหมอฟางทีละคนได้เลยค่ะ”

พยาบาลวางใบประวัติในมือไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะเอ่ยถามกับเหล่าเจี่ย

“งั้นก็ดีเลย!” เหล่าเจี่ยหัวเราะพร้อมกับหยิบเอาใบประวัติของเพื่อนเขาออกมา

กองใบประวัตินั้นหายไปครึ่งหนึ่งทันที

ในเวลานี้ หลี่เจี้ยนจวินก็เดินออกมาจากห้องตรวจพอดี

เมื่อพบว่าหลี่เจี้ยนจวินเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย เหล่าเจี่ยจึงรีบถามว่า “เจี้ยนจวินเป็นอย่างไรบ้าง”

พยาบาลคนเดิมก็เงี่ยหูฟังทันที

รวมถึงหวังเว่ยหมินที่เพิ่งถูกเรียกชื่อด้วย

“โอเคมาก! ฉันไม่เป็นไรแล้ว! หมอฟางเป็นหมออัจฉริยะจริง ๆ!” หลี่เจี้ยนจวินตอบอย่างมีความสุข เขามองไปที่เหล่าเจี่ยอย่างซาบซึ้ง

“เหล่าเจีย ขอบคุณมากนะ เมื่อกี้ฉันเกือบสงสัยว่าจะผันตัวมาเป็นนักต้มตุ๋นแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าจะได้เจอหมออัจฉริยะจริง ๆ!”

“ไอ้เวร! แกสงสัยฉันเรอะ!” เหล่าเจี่ยแสร้งทำเป็นโกรธ แต่ก็โล่งใจและดีใจที่เพื่อนหายดีแล้ว

“ไม่ ไม่ แค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้น ถึงฉันจะสงสัย แต่ฉันก็มาที่นี่แล้วไง!” หลี่เจี้ยนจวินตอบอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหล่าเจี่ยก็เลิกกังวลใจ

ในดวงตาของพยาบาลกับหวังเว่ยหมินที่ยืนอยู่ด้านข้างเต็มก็ไปด้วยความพิศวงงงงวย

พยาบาลรู้สึกประหลาดใจที่ทักษะทางการแพทย์ของหมอฟาง

หวังเว่ยหมินเองก็รู้สึกอึ้งมากกว่าเดิม

ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะมาถูกทางแล้วจริง ๆ!

“ไม่มีใครอยู่ในห้องตรวจแล้ว รีบเข้าไปเถอะค่ะ!” พยาบาลเตือนเหล่าเจีย

เหล่าเจี่ยจึงรีบพาหวังเว่ยหมินเข้าไปข้างในก่อน ส่วนหม่าเจียนกั๋วนั้นเขาให้รอด้านนอก

ทำงานครบหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ฟางชิวก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากตรวจโรคให้คนไข้ที่เหล่าเจี่ยพามาหมดแล้ว

แม้ว่ามันจะยากนิดหน่อย แต่เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าระดับการจัดกระดูกของเขาได้พัฒนาเป็นอย่างมาก

หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ เขาเชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถเข้าถึงขั้นที่สอง ‘ขั้นเข้าใจ’ ได้

ฟางชิวแหงนมองนาฬิกาที่ผนัง ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงสี่สิบนาที ถึงเวลาที่เขาจะต้องเลิกงานแล้ว

หลังจากเก็บหนังสือและคืนหนังสือให้เฉาเจ๋อแล้ว ฟางชิวก็ออกจากโรงพยาบาลไปทันที

ไม่นาน ในห้องตรวจสำหรับผู้เชี่ยวชาญ เสิ่นชุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะในที่สุดเขาก็ตรวจโรคเสร็จ

ด้วยคนไข้จำนวนมากที่มาหาเขาทุกวัน เขาทั้งเครียดและเหนื่อยในเวลาเดียวกัน

“เสี่ยวเฉา วันนี้ฟางชิวเป็นอย่างไรบ้าง เขาคุ้นเคยกับโรงพยาบาลรึยัง วันแรกของการทำงาน เขาน่าจะได้ตรวจโรคให้คนไข้สองสามคนใช่ไหม” เสิ่นชุนถือถ้วยน้ำชาพลางเอ่ยถามเฉาเจ๋อที่กำลังจัดของตัวเองอยู่

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฉาเจ๋อก็หยุดเคลื่อนไหวแล้วเผยรอยยิ้มขมขื่นทันที

“สรุปแล้ว?”

เสิ่นชุนเริ่มสงสัยเมื่อเขาเห็นการแสดงออกของเฉาเจ๋อ

“อาจารย์ คุณคงคาดไม่ถึงว่าตลอดบ่ายของวันนี้ ฟางชิวตรวจโรคให้คนไข้ไปแล้วยี่สิบเอ็ดคน!” เฉาเจ๋อกล่าว

“เยอะขนาดนั้นเลย!” เสิ่นชุนประหลาดใจจนลืมดื่มชา เขาถามต่อพลางขมวดคิ้ว “มีคนไข้ในแผนกเยอะไหมวันนี้?”

ตรวจโรคคนไข้ถึงยี่สิบเอ็ดคนได้แปลว่าในแผนกมีคนไข้จำนวนมาก

“ก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ”

รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวของเฉาเจ๋อเผยอกว้างขึ้น แพทย์หนุ่มอธิบายเพิ่มว่า “ที่ฟางชิวมีคนไข้เยอะก็เป็นเพราะว่า หลังจากตรวจโรคให้คนไข้รายแรกในตอนบ่ายแล้ว คนไข้คนนั้นก็พาคนไข้รายใหม่มาอีกสิบห้าราย!”

“อะไรนะ?!” เสิ่นชุนตกใจมากจนวางถ้วยน้ำชาลง เขาดีดตัวตรงแล้วถามว่า “คนไข้รายเก่าเป็นคนพาคนไข้รายใหม่มาจริงหรือ?”

วันแรกที่มาตรวจโรค คนไข้รายแรกก็กลายเป็นคนไข้รายเก่าไปเสียแล้ว และยังพาคนไข้รายใหม่มาอีกสิบห้ารายอีก?

นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นชุนเคยเห็นคนแบบฟางชิวในโรงพยาบาลนี้!

“ครับ ผมเห็นกับตาตัวเองแล้ว” แม้ว่าเฉาเจ๋อไม่ต้องการยอมรับความจริง แต่เขาก็พูดความจริงออกไปตรง ๆ

“น่าทึ่ง! ฉันไม่ได้คาดหวังว่าฟางชิวจะพิชิตใจคนไข้รายแรกได้ น่าทึ่งมากจริง ๆ!” เสิ่นชุนชมอย่างมีความสุข

เขาไม่ได้คาดหวังว่าฟางชิวเก่งกาจขนาดนี้

ทำให้คนไข้รายแรกเชื่อมั่นในความสามารถไม่พอ ยังทำให้คนไข้รายแรกแนะนำคนไข้รายใหม่มามากกว่าหนึ่งโหลอีก สุดยอดมาก!

อย่างนี้ผู้อำนวยการจะกล้าพูดอะไรอีก คนอื่น ๆ คงจะบอกว่าการคัดเลือกผู้ช่วยแพทย์นี้ไม่เป็นไปตามกฎไม่ได้แล้ว เพราะความเก่งได้อธิบายทุกอย่างแล้ว!

หลังจากเลิกงาน เสิ่นชุนก็ได้เดินผ่านห้องลงทะเบียน เขาเหลือบมองอันดับ ‘แพทย์ดีเด่น’ ทุกสุดสัปดาห์ตามปกติ และเมื่อเห็นตัวเองอยู่ในอันดับที่สิบห้า เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

แต่เมื่อมองลงต่ำกว่านั้น เขาก็ตกตะลึง

ฟางชิว!

รายชื่อของแพทย์ดีเด่นทั้งหมดมีเพียงสามสิบรายชื่อเท่านั้น

และฟางชิวก็อยู่ในรายชื่อ หลังจากตรวจโรคในบ่ายวันหนึ่งเท่านั้น

เสิ่นชุนขยี้ตา สงสัยว่าตัวเองจะตาลายเกินไปหลังตรวจโรคเสร็จ

เขาลืมตาขึ้นแล้วเพ่งมองอีกครั้ง

ชื่อฟางชิวชัดเจนแจ่มแจ้ง!

ถึงไม่มีรูปถ่าย แต่ด้านหลังของชื่อก็แสดงให้เห็นว่าอยู่ในแผนกกระดูกและข้อ

นามสกุลฟางในแผนกกระดูกและข้อมีแต่ฟางชิวคนเดียวเท่านั้น!

เสิ่นชุนจ้องเขม็งไปที่ชื่อของฟางชิวที่อยู่ด้านล่างด้วยอาการตกใจเกินคำบรรยาย

มีแพทย์ทั้งโรงพยาบาลอยู่ห้าร้อยคน มีเพียงสามสิบคนเท่านั้นที่จะมาอยู่ในอันดับได้

เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และคนไข้ในปัจจุบัน เข้าใจได้ว่าไม่น่าจะมีใครยกย่องแพทย์ได้ขนาดนี้

คุณเรียกค่ารักษาสูง คนไข้ก็ด่าคุณ

คุณไม่ได้จ่ายยาให้เขามาก คนไข้ก็จะด่าคุณ

คุณมีทัศนคติที่ไม่ดี คนไข้ก็ด่าคุณ

และต่อให้คุณมีทัศนคติที่ดีแต่คนไข้รู้สึกว่ายังดีไม่พอ เขาก็ยังด่าคุณเหมือนเดิม

หากคุณเรียกคนไข้ว่าคุณลุง พวกเขาก็จะยิ่งด่าคุณมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตามคนทั่วไปล้วนมีทัศนคติต่อแพทย์ไม่ดีเท่าไรนัก

เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้ โรงพยาบาลจึงตัดสินใจเริ่มต้นที่แพทย์ อย่างน้อยก็ต้องยิ้มให้คนไข้ ทางโรงพยาบาลกล่าวว่ารอยยิ้มจะช่วยให้คนไข้รู้สึกถึงลมของฤดูใบไม้ผลิ

ดังนั้นจึงมีการจัดอันดับ ‘แพทย์ดีเด่น’ ขึ้นมา

โดยการจัดอันดับจะเป็นการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง กำหนดตารางใหม่ทุกวันจันทร์

วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้แพทย์ดูแลคนไข้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ติดอันดับ

ไม่ต้องพูดถึงกระแสตอบรับเลย เพราะมันดีมาก เนื่องจากไม่ง่ายเลยที่จะมีรายชื่ออยู่ในอันดับได้!

การมีชื่ออยู่ในอันดับนั้น หมายถึงเกียรติยศและมีหน้ามีตาต่อเพื่อนร่วมงาน!

ในเวลาเดียวกัน การมีชื่ออยู่ในอันดับบ่งบอกว่าได้รักษาคนไข้จำนวนมาก เพราะรายการจัดอันดับจะอยู่ในห้องทะเบียน และคนไข้ที่มาพบแพทย์ก็สามารถมองเห็นได้

ถ้าคนไข้ไม่รู้ว่าตนเองเป็นคนไข้ของแพทย์คนไหน นั่นก็บอกถึงคุณภาพของทักษะทางการแพทย์ของแพทย์คนนั้นได้แล้ว

เมื่อดูอันดับของแพทย์ดีเด่นแล้วจะรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ได้หมายถึงความพอใจของคนไข้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าคุณตรวจโรคไม่ดี แล้วความพอใจของคนไข้จะมาจากไหนล่ะ

คนไข้ได้รับสิทธิ์โหวตคะแนนเพื่อจัดอันดับให้แพทย์เต็มที่

ยิ่งมีคนไข้มาก รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

แพทย์ที่ได้เป็นแพทย์ดีเด่นในโรงพยาบาลจะมีทั้งรายได้ สวัสดิการ เกียรติยศ และทุกอย่าง!

แพทย์ทุกคนพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้อยู่ในรายชื่อ ดังนั้นพวกเขาจึงปรับปรุงความสัมพันธ์กับคนไข้ โดยหวังว่าคนไข้จะให้คะแนนแสดงความพึงใจสูง ๆ หลังการรักษา

แต่แพทย์ไม่สามารถบอกคนไข้ตรง ๆ ได้ว่าช่วยให้คะแนนความพึงพอใจดี ๆ หน่อย ถ้าแพทย์พูดแบบนั้นจริงก็เท่ากับว่าเห็นคนไข้เป็นคนโง่ และถ้าคนไข้คิดแบบนั้นก็แย่แน่ พวกเขาอาจจะกล่าวหาว่าแพทย์ไม่ซื่อสัตย์ พยายามบิดเบือนข้อบกพร่องของตน ประเด็นคือคุณได้เตือนคนไข้เกี่ยวกับคะแนนความพึงพอใจหรือไม่ ถ้าไม่ก็โชคดีไป แต่ถ้าคุณเผลอไปเตือนคนไข้ ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือไม่ก็ตาม คนไข้อาจจะให้คะแนนแย่ ๆ กับคุณได้!

ดังนั้นด้วยทัศนคติที่จริงใจเท่านั้นที่จะทำให้คนไข้เลือกลงคะแนนเอง

คนไข้ที่มาหาแพทย์ที่โรงพยาบาล ส่วนมากจะไม่ได้ลงคะแนนให้แพทย์คนไหน เพราะทุกคนมาตรวจโรคไม่ได้มาเพื่อลงคะแนน ก็เลยไม่ค่อยมีคะแนนโหวตดี ๆ ให้แพทย์แต่ละคนเท่าไรนัก

แพทย์บางคนมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี มีทัศนคติที่ดีและมีคนไข้จำนวนมาก ดังนั้นการโหวตในเชิงบวกจึงสูงตามไปด้วย

แพทย์ที่อยู่ในรายชื่อจะค่อย ๆ ได้รับการอัปเดต

แต่ที่สูงสุดตอนนี้คือเจ็ดสิบห้าโหวต

ส่วนฟางชิวได้สิบเจ็ดโหวตในสัปดาห์เดียวเองนะ!

อันดับแพทย์ดีเด่นจะมีการจัดอันดับใหม่สัปดาห์ละครั้ง

เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีแพทย์หนุ่ม ๆ ติดอันดับรายชื่อ

ฟางชิวที่จะอยู่ในรายชื่อด้วยคะแนนโหวตสิบเจ็ดคะแนนในบ่ายวันนี้เป็นเรื่องผิดปกติอย่างแน่นอน!

ในเวลานี้ แพทย์จำนวนมากก็เดินผ่านอันดับรายชื่อของแพทย์ดีเด่นหลังเลิกงาน พวกเขาล้วนอยากรู้ว่าสัปดาห์นี้มีการจัดอันดับอย่างไรบ้าง

ที่จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่าคงเป็นรายชื่อเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ติดอันดับ

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน