บทที่ 49 ได้สิบเก้าโหวต
บทที่ 49 ได้สิบเก้าโหวต
หลี่เจี้ยนจวินรู้สึกตื่นเต้นมากจนเกือบจะพูดไม่ออก
จะบอกว่าคนไข้ตื่นเต้นเกินก็ไม่ได้ เพราะว่าเจ้าตัวถูกทรมานด้วยโรคนี้เป็นระยะเวลานานมากแล้ว
ปกติเวลาขับรถจะแค่ปวดตึง ๆ แต่พอนั่งสักพักแล้วลุกขึ้นเดิน อาการปวดก็จะกำเริบขึ้นอีกครั้ง
ทำอะไรก็เจ็บไปหมด!
ปรึกษามาก็เยอะ พบแพทย์ก็พบมาหลายคนแล้ว ใช้ตัวช่วยอย่างไรก็ไม่ได้ผล เขาจะอดใจให้ไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร!
“มันเป็นหน้าที่ของผมครับ” ฟางชิวตอบยิ้ม ๆ “หลังจากนี้คุณลุงต้องให้ความสำคัญกับท่านั่ง เวลานั่งควรนั่งให้หลังตรง แล้วก็ให้ความสำคัญกับคอด้วยนะครับ อย่าก้มหน้าลงนานเกินไป ถ้าเป็นไปได้จริง ๆ ก็ควรเปลี่ยนสายงาน งานของคุณลุงตอนนี้ทำให้สุขภาพทรุดหนักลง”
หลี่เจี้ยนจวินไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่ฟางชิวพูดเกี่ยวกับการเปลี่ยนงานมากนัก แต่เขาจำสิ่งที่ฟางชิวพูดเกี่ยวกับท่านั่งของเขาได้
เขาจะทำอะไรได้บ้างนอกจากเป็นคนขับรถ?
เพราะไม่ได้ออกกำลังกาย เขาจึงมีสุขภาพที่ไม่ดี
เดี๋ยวนี้อาชีพขับรถแท็กซี่ถูกพวกแอปพลิเคชันเรียกรถเอาเปรียบในบางมุม
หลี่เจี้ยนจวินรอเป็นสักพักก็ไม่เห็นว่าฟางชิวจ่ายยาให้
ทั้งสองเลยสบตากันอยู่เนิ่นนาน
ในท้ายที่สุด หลี่เจี้ยนจวินก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “หมอฟาง ไม่สั่งจ่ายยาให้หน่อยหรือ?”
“อาการป่วยของคุณหายแล้ว ทำไมคุณถึงอยากกินยาล่ะครับ” ฟางชิวถามอย่างแปลกใจ
หลี่เจี้ยนจวินอธิบายให้แพทย์หนุ่มฟัง “ก็แบบว่าสั่งจ่ายยาบำรุงประสาทอะไรทำนองนี้ หมอคนอื่นเขาก็ทำแบบนี้กันนี่”
วันนี้หลี่เจี้ยนจวินเพิ่งพบแพทย์ที่ไม่ได้สั่งจ่ายยาให้เป็นครั้งแรก
ฟางชิวส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นครับ แค่คุณลุงให้ความสนใจกับการพักผ่อนและท่านั่งก็พอแล้วครับ”
หลี่เจี้ยนจวินเห็นว่าฟางชิวไม่ต้องการจ่ายยาจริง ๆ และไม่เอาค่ารักษาก็พลันน้ำตาซึม
หลังจากที่หาแพทย์มาหลายปี ในที่สุดก็เจอแพทย์ที่ดี!
แม้ว่าจะยังเด็ก แต่ก็เป็นคนดี ทักษะทางการแพทย์ก็สูง!
“หมอฟาง ขอบคุณนะ!” หลี่เจี้ยนจวินหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวชมอย่างจริงใจ
ฟางชิวยิ้มรับขอบคุณคำกล่าวชมนั้น
หลี่เจี้ยนจวินออกจากห้องตรวจไปอย่างรวดเร็ว เขาอยากจะเล่าให้ผองเพื่อนข้างนอกฟัง
เขาหายป่วยแล้ว!
หมอฟางเก่งมาก!
ทักษะทางการแพทย์ก็ดีเยี่ยม!
ประเด็นคือใช้เงินน้อยมากจริง ๆ!
ในเวลาเดียวกันนั้น
ที่ห้องโถงก็มีการเรียกชื่อเข้าไปรักษา
“หวังเว่ยหมิน”
พยาบาลตะโกนขึ้นหลังเห็นว่าจำนวนคนไข้ในห้องตรวจลดลงแล้ว
“อยู่นี่!” ชายที่แต่งตัวเรียบร้อยลุกขึ้นยืน
เหล่าเจี่ยลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพูดกับนางพยาบาลว่า “นี่เป็นคนไข้ของหมอฟาง”
หมอฟางอีกแล้วเหรอ?
“เอาล่ะ เอาประวัติไปด้วยนะคะ คนต่อไป หม่าเจียนกั๋ว”
“มาแล้วครับ!”
เหล่าเจี่ยเหลือบมองชายที่ยืนขึ้นแล้วพูดกับนางพยาบาลอีกครั้ง “นี่ก็เป็นคนไข้ของหมอฟาง”
นี่ก็ด้วย?
นางพยาบาลมองเหล่าเจี่ยด้วยความประหลาดใจ
ในขณะเดียวกันก็ยิ่งทวีความสงสัย
ทักษะทางการแพทย์ของหมอฟางคนนี้ดีแค่ไหนกัน เพียงแค่มาตรวจโรคในวันแรก เขาก็สามารถทำให้คนไข้รายเก่าพาคนไข้รายใหม่สามคนมารักษากับตนเองได้
“เอาล่ะ เอาอันนี้ไปด้วย คนต่อไปค่ะ จ้าวผิง”
“คนนี้ก็เหมือนกัน” เหล่าเจี่ยเอ่ยอย่างเขิน ๆ
พยาบาลเริ่มอยากรู้อยากเห็นเลยถามว่า “ในกลุ่มพวกคุณยังมีใครที่มาให้หมอฟางตรวจโรคอีกบ้างคะ”
เหล่าเจี่ยยื่นมือออกไปชี้ที่ฝูงชนแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี่เลย”
พยาบาลทำหน้างง
เพราะมีอย่างน้อยสิบกว่าคนเลยทีเดียว
ทั้งหมดจะเป็นคนไข้ของหมอฟางเหรอเนี่ย?
แถมวันนี้เป็นวันแรกที่รับตรวจโรคอีกด้วย!
วันแรกเลยนะ!
ก่อนหน้านี้แพทย์มาใหม่ทุกคนต้องตรวจโรคไปสักพัก คำชมถึงค่อยกระจายจากปากต่อปาก กว่าคนไข้รายเก่าจะแนะนำคนไข้รายใหม่นั้นต้องใช้เวลานาน
ตอนนี้หมอฟางมีคนไข้รายเก่าแนะนำคนไข้รายใหม่ให้ตั้งแต่วันแรก!
เมื่อนึกถึงใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของหมอฟาง เธอก็รู้สึกว่าโลกนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
กลายเป็นโลกที่แปลกประหลาด!
โรงพยาบาลนี้ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน!
กลายเป็นโรงพยาบาลที่เธอไม่รู้จักซะแล้ว
คนไข้ก็เปลี่ยนไป!
จะว่าไปก็พูดคุยกันง่ายขึ้นอย่างไรไม่รู้!
“งั้นคุณลุงช่วยดูหน่อยว่ามีใครอีกบ้างในเวชระเบียน คุณลุงเลือกออกมาแล้วไปหาหมอฟางทีละคนได้เลยค่ะ”
พยาบาลวางใบประวัติในมือไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะเอ่ยถามกับเหล่าเจี่ย
“งั้นก็ดีเลย!” เหล่าเจี่ยหัวเราะพร้อมกับหยิบเอาใบประวัติของเพื่อนเขาออกมา
กองใบประวัตินั้นหายไปครึ่งหนึ่งทันที
ในเวลานี้ หลี่เจี้ยนจวินก็เดินออกมาจากห้องตรวจพอดี
เมื่อพบว่าหลี่เจี้ยนจวินเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย เหล่าเจี่ยจึงรีบถามว่า “เจี้ยนจวินเป็นอย่างไรบ้าง”
พยาบาลคนเดิมก็เงี่ยหูฟังทันที
รวมถึงหวังเว่ยหมินที่เพิ่งถูกเรียกชื่อด้วย
“โอเคมาก! ฉันไม่เป็นไรแล้ว! หมอฟางเป็นหมออัจฉริยะจริง ๆ!” หลี่เจี้ยนจวินตอบอย่างมีความสุข เขามองไปที่เหล่าเจี่ยอย่างซาบซึ้ง
“เหล่าเจีย ขอบคุณมากนะ เมื่อกี้ฉันเกือบสงสัยว่าจะผันตัวมาเป็นนักต้มตุ๋นแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าจะได้เจอหมออัจฉริยะจริง ๆ!”
“ไอ้เวร! แกสงสัยฉันเรอะ!” เหล่าเจี่ยแสร้งทำเป็นโกรธ แต่ก็โล่งใจและดีใจที่เพื่อนหายดีแล้ว
“ไม่ ไม่ แค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้น ถึงฉันจะสงสัย แต่ฉันก็มาที่นี่แล้วไง!” หลี่เจี้ยนจวินตอบอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหล่าเจี่ยก็เลิกกังวลใจ
ในดวงตาของพยาบาลกับหวังเว่ยหมินที่ยืนอยู่ด้านข้างเต็มก็ไปด้วยความพิศวงงงงวย
พยาบาลรู้สึกประหลาดใจที่ทักษะทางการแพทย์ของหมอฟาง
หวังเว่ยหมินเองก็รู้สึกอึ้งมากกว่าเดิม
ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะมาถูกทางแล้วจริง ๆ!
“ไม่มีใครอยู่ในห้องตรวจแล้ว รีบเข้าไปเถอะค่ะ!” พยาบาลเตือนเหล่าเจีย
เหล่าเจี่ยจึงรีบพาหวังเว่ยหมินเข้าไปข้างในก่อน ส่วนหม่าเจียนกั๋วนั้นเขาให้รอด้านนอก
ทำงานครบหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ฟางชิวก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากตรวจโรคให้คนไข้ที่เหล่าเจี่ยพามาหมดแล้ว
แม้ว่ามันจะยากนิดหน่อย แต่เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าระดับการจัดกระดูกของเขาได้พัฒนาเป็นอย่างมาก
หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ เขาเชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถเข้าถึงขั้นที่สอง ‘ขั้นเข้าใจ’ ได้
ฟางชิวแหงนมองนาฬิกาที่ผนัง ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงสี่สิบนาที ถึงเวลาที่เขาจะต้องเลิกงานแล้ว
หลังจากเก็บหนังสือและคืนหนังสือให้เฉาเจ๋อแล้ว ฟางชิวก็ออกจากโรงพยาบาลไปทันที
ไม่นาน ในห้องตรวจสำหรับผู้เชี่ยวชาญ เสิ่นชุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะในที่สุดเขาก็ตรวจโรคเสร็จ
ด้วยคนไข้จำนวนมากที่มาหาเขาทุกวัน เขาทั้งเครียดและเหนื่อยในเวลาเดียวกัน
“เสี่ยวเฉา วันนี้ฟางชิวเป็นอย่างไรบ้าง เขาคุ้นเคยกับโรงพยาบาลรึยัง วันแรกของการทำงาน เขาน่าจะได้ตรวจโรคให้คนไข้สองสามคนใช่ไหม” เสิ่นชุนถือถ้วยน้ำชาพลางเอ่ยถามเฉาเจ๋อที่กำลังจัดของตัวเองอยู่
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฉาเจ๋อก็หยุดเคลื่อนไหวแล้วเผยรอยยิ้มขมขื่นทันที
“สรุปแล้ว?”
เสิ่นชุนเริ่มสงสัยเมื่อเขาเห็นการแสดงออกของเฉาเจ๋อ
“อาจารย์ คุณคงคาดไม่ถึงว่าตลอดบ่ายของวันนี้ ฟางชิวตรวจโรคให้คนไข้ไปแล้วยี่สิบเอ็ดคน!” เฉาเจ๋อกล่าว
“เยอะขนาดนั้นเลย!” เสิ่นชุนประหลาดใจจนลืมดื่มชา เขาถามต่อพลางขมวดคิ้ว “มีคนไข้ในแผนกเยอะไหมวันนี้?”
ตรวจโรคคนไข้ถึงยี่สิบเอ็ดคนได้แปลว่าในแผนกมีคนไข้จำนวนมาก
“ก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ”
รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวของเฉาเจ๋อเผยอกว้างขึ้น แพทย์หนุ่มอธิบายเพิ่มว่า “ที่ฟางชิวมีคนไข้เยอะก็เป็นเพราะว่า หลังจากตรวจโรคให้คนไข้รายแรกในตอนบ่ายแล้ว คนไข้คนนั้นก็พาคนไข้รายใหม่มาอีกสิบห้าราย!”
“อะไรนะ?!” เสิ่นชุนตกใจมากจนวางถ้วยน้ำชาลง เขาดีดตัวตรงแล้วถามว่า “คนไข้รายเก่าเป็นคนพาคนไข้รายใหม่มาจริงหรือ?”
วันแรกที่มาตรวจโรค คนไข้รายแรกก็กลายเป็นคนไข้รายเก่าไปเสียแล้ว และยังพาคนไข้รายใหม่มาอีกสิบห้ารายอีก?
นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นชุนเคยเห็นคนแบบฟางชิวในโรงพยาบาลนี้!
“ครับ ผมเห็นกับตาตัวเองแล้ว” แม้ว่าเฉาเจ๋อไม่ต้องการยอมรับความจริง แต่เขาก็พูดความจริงออกไปตรง ๆ
“น่าทึ่ง! ฉันไม่ได้คาดหวังว่าฟางชิวจะพิชิตใจคนไข้รายแรกได้ น่าทึ่งมากจริง ๆ!” เสิ่นชุนชมอย่างมีความสุข
เขาไม่ได้คาดหวังว่าฟางชิวเก่งกาจขนาดนี้
ทำให้คนไข้รายแรกเชื่อมั่นในความสามารถไม่พอ ยังทำให้คนไข้รายแรกแนะนำคนไข้รายใหม่มามากกว่าหนึ่งโหลอีก สุดยอดมาก!
อย่างนี้ผู้อำนวยการจะกล้าพูดอะไรอีก คนอื่น ๆ คงจะบอกว่าการคัดเลือกผู้ช่วยแพทย์นี้ไม่เป็นไปตามกฎไม่ได้แล้ว เพราะความเก่งได้อธิบายทุกอย่างแล้ว!
หลังจากเลิกงาน เสิ่นชุนก็ได้เดินผ่านห้องลงทะเบียน เขาเหลือบมองอันดับ ‘แพทย์ดีเด่น’ ทุกสุดสัปดาห์ตามปกติ และเมื่อเห็นตัวเองอยู่ในอันดับที่สิบห้า เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
แต่เมื่อมองลงต่ำกว่านั้น เขาก็ตกตะลึง
ฟางชิว!
รายชื่อของแพทย์ดีเด่นทั้งหมดมีเพียงสามสิบรายชื่อเท่านั้น
และฟางชิวก็อยู่ในรายชื่อ หลังจากตรวจโรคในบ่ายวันหนึ่งเท่านั้น
เสิ่นชุนขยี้ตา สงสัยว่าตัวเองจะตาลายเกินไปหลังตรวจโรคเสร็จ
เขาลืมตาขึ้นแล้วเพ่งมองอีกครั้ง
ชื่อฟางชิวชัดเจนแจ่มแจ้ง!
ถึงไม่มีรูปถ่าย แต่ด้านหลังของชื่อก็แสดงให้เห็นว่าอยู่ในแผนกกระดูกและข้อ
นามสกุลฟางในแผนกกระดูกและข้อมีแต่ฟางชิวคนเดียวเท่านั้น!
เสิ่นชุนจ้องเขม็งไปที่ชื่อของฟางชิวที่อยู่ด้านล่างด้วยอาการตกใจเกินคำบรรยาย
มีแพทย์ทั้งโรงพยาบาลอยู่ห้าร้อยคน มีเพียงสามสิบคนเท่านั้นที่จะมาอยู่ในอันดับได้
เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และคนไข้ในปัจจุบัน เข้าใจได้ว่าไม่น่าจะมีใครยกย่องแพทย์ได้ขนาดนี้
คุณเรียกค่ารักษาสูง คนไข้ก็ด่าคุณ
คุณไม่ได้จ่ายยาให้เขามาก คนไข้ก็จะด่าคุณ
คุณมีทัศนคติที่ไม่ดี คนไข้ก็ด่าคุณ
และต่อให้คุณมีทัศนคติที่ดีแต่คนไข้รู้สึกว่ายังดีไม่พอ เขาก็ยังด่าคุณเหมือนเดิม
หากคุณเรียกคนไข้ว่าคุณลุง พวกเขาก็จะยิ่งด่าคุณมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามคนทั่วไปล้วนมีทัศนคติต่อแพทย์ไม่ดีเท่าไรนัก
เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้ โรงพยาบาลจึงตัดสินใจเริ่มต้นที่แพทย์ อย่างน้อยก็ต้องยิ้มให้คนไข้ ทางโรงพยาบาลกล่าวว่ารอยยิ้มจะช่วยให้คนไข้รู้สึกถึงลมของฤดูใบไม้ผลิ
ดังนั้นจึงมีการจัดอันดับ ‘แพทย์ดีเด่น’ ขึ้นมา
โดยการจัดอันดับจะเป็นการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง กำหนดตารางใหม่ทุกวันจันทร์
วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้แพทย์ดูแลคนไข้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ติดอันดับ
ไม่ต้องพูดถึงกระแสตอบรับเลย เพราะมันดีมาก เนื่องจากไม่ง่ายเลยที่จะมีรายชื่ออยู่ในอันดับได้!
การมีชื่ออยู่ในอันดับนั้น หมายถึงเกียรติยศและมีหน้ามีตาต่อเพื่อนร่วมงาน!
ในเวลาเดียวกัน การมีชื่ออยู่ในอันดับบ่งบอกว่าได้รักษาคนไข้จำนวนมาก เพราะรายการจัดอันดับจะอยู่ในห้องทะเบียน และคนไข้ที่มาพบแพทย์ก็สามารถมองเห็นได้
ถ้าคนไข้ไม่รู้ว่าตนเองเป็นคนไข้ของแพทย์คนไหน นั่นก็บอกถึงคุณภาพของทักษะทางการแพทย์ของแพทย์คนนั้นได้แล้ว
เมื่อดูอันดับของแพทย์ดีเด่นแล้วจะรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ได้หมายถึงความพอใจของคนไข้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าคุณตรวจโรคไม่ดี แล้วความพอใจของคนไข้จะมาจากไหนล่ะ
คนไข้ได้รับสิทธิ์โหวตคะแนนเพื่อจัดอันดับให้แพทย์เต็มที่
ยิ่งมีคนไข้มาก รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
แพทย์ที่ได้เป็นแพทย์ดีเด่นในโรงพยาบาลจะมีทั้งรายได้ สวัสดิการ เกียรติยศ และทุกอย่าง!
แพทย์ทุกคนพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้อยู่ในรายชื่อ ดังนั้นพวกเขาจึงปรับปรุงความสัมพันธ์กับคนไข้ โดยหวังว่าคนไข้จะให้คะแนนแสดงความพึงใจสูง ๆ หลังการรักษา
แต่แพทย์ไม่สามารถบอกคนไข้ตรง ๆ ได้ว่าช่วยให้คะแนนความพึงพอใจดี ๆ หน่อย ถ้าแพทย์พูดแบบนั้นจริงก็เท่ากับว่าเห็นคนไข้เป็นคนโง่ และถ้าคนไข้คิดแบบนั้นก็แย่แน่ พวกเขาอาจจะกล่าวหาว่าแพทย์ไม่ซื่อสัตย์ พยายามบิดเบือนข้อบกพร่องของตน ประเด็นคือคุณได้เตือนคนไข้เกี่ยวกับคะแนนความพึงพอใจหรือไม่ ถ้าไม่ก็โชคดีไป แต่ถ้าคุณเผลอไปเตือนคนไข้ ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือไม่ก็ตาม คนไข้อาจจะให้คะแนนแย่ ๆ กับคุณได้!
ดังนั้นด้วยทัศนคติที่จริงใจเท่านั้นที่จะทำให้คนไข้เลือกลงคะแนนเอง
คนไข้ที่มาหาแพทย์ที่โรงพยาบาล ส่วนมากจะไม่ได้ลงคะแนนให้แพทย์คนไหน เพราะทุกคนมาตรวจโรคไม่ได้มาเพื่อลงคะแนน ก็เลยไม่ค่อยมีคะแนนโหวตดี ๆ ให้แพทย์แต่ละคนเท่าไรนัก
แพทย์บางคนมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี มีทัศนคติที่ดีและมีคนไข้จำนวนมาก ดังนั้นการโหวตในเชิงบวกจึงสูงตามไปด้วย
แพทย์ที่อยู่ในรายชื่อจะค่อย ๆ ได้รับการอัปเดต
แต่ที่สูงสุดตอนนี้คือเจ็ดสิบห้าโหวต
ส่วนฟางชิวได้สิบเจ็ดโหวตในสัปดาห์เดียวเองนะ!
อันดับแพทย์ดีเด่นจะมีการจัดอันดับใหม่สัปดาห์ละครั้ง
เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีแพทย์หนุ่ม ๆ ติดอันดับรายชื่อ
ฟางชิวที่จะอยู่ในรายชื่อด้วยคะแนนโหวตสิบเจ็ดคะแนนในบ่ายวันนี้เป็นเรื่องผิดปกติอย่างแน่นอน!
ในเวลานี้ แพทย์จำนวนมากก็เดินผ่านอันดับรายชื่อของแพทย์ดีเด่นหลังเลิกงาน พวกเขาล้วนอยากรู้ว่าสัปดาห์นี้มีการจัดอันดับอย่างไรบ้าง
ที่จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่าคงเป็นรายชื่อเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ติดอันดับ