บทที่ 59 ฟางชิวไม่อยู่ในรายชื่อ?!
บทที่ 59 ฟางชิวไม่อยู่ในรายชื่อ?!
[คัดไปคัดมาก็เหลือแค่นี้ ฉันลงรายชื่อผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไว้แล้ว เหลืออีกห้าสิบห้าคน รายชื่อที่ถูกทำเครื่องหมายด้วยสีแดงต้องเฝ้าดูกันต่อไป เรามารอชายลึกลับปรากฏตัวอีกครั้ง แล้วฉันจะทำให้เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเอง!]
ในท้ายที่สุดแล้วก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าชายลึกลับคนนั้นเป็นใคร
ยังเหลืออีกห้าสิบห้ารายชื่อ
ทุกคนเชื่อว่าตราบใดที่ชายลึกลับยังคงปรากฏตัวอยู่ สุดท้ายพวกเขาก็จะสามารถค้นหาได้ว่าใครคือชายลึกลับ!
ทุกคนจึงแสดงความขอบคุณต่อเจ้าของโพสต์
[สนับสนุนเจ้าของโพสต์!]
[ขอบคุณสำหรับการอัปเดต ฉันชื่อติงอี้ ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่ใช่ชายลึกลับ แต่พวกนายก็ไม่เชื่อฉัน!]
[ขอบคุณเจ้าของโพสต์! มีคนไม่อยากกลายเป็นชายลึกลับด้วยแฮะ ถ้าฉันเป็นชายลึกลับ ฉันจะป่าวประกาศออกไปแน่นอน!]
[ฉันเป็นชายลึกลับ! ชายลึกลับคือฉัน! มาบูชาฉันสิ! คุณเจ้าของโพสต์ เธอด้วยนะ!]
…
เจียงเหมี่ยวอวี๋กำลังอ่านโพสต์บนเว็บบอร์ดอยู่ในหอพัก
ในที่สุดเธอก็จัดการกับรูมเมตที่ตื่นเต้น และเอาแต่ถามถึงสถานการณ์ในตอนนั้นได้สำเร็จ
หญิงสาวปล่อยให้รูมเมตจินตนาการไปว่าจะได้พบกับชายลึกลับตอนไหนบ้าง ส่วนตนเองมาอ่านโพสต์ ‘ระยะการค้นหาแคบลง ชายลึกลับอยู่ท่ามกลางคนพวกนั้น’ ในเว็บบอร์ด
นอกจากนี้ เพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อ ‘โจวเจิ้น’ ก็อยู่ในรายชื่อเช่นกัน
เขายังอยู่ในกลุ่มคนที่เหลืออีกห้าสิบห้าคนอีกด้วย
แล้วช่วงนี้โจวเจิ้นก็ได้ไล่ตามจีบเธออีก
ผู้คนพากันเดาว่าโจวเจิ้นอาจจะเป็นชายลึกลับ และเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไป เหมือนเขาจงใจทำให้คนอื่นเข้าใจผิด
ในตอนแรก เธอสงสัยก็ว่าโจวเจิ้นเป็นชายลึกลับ
แต่หลังจากที่ได้เกิดเหตุการณ์วันนี้ ความเป็นไปได้ที่โจวเจิ้นจะเป็นชายลึกลับก็ถูกปัดทิ้งไปโดยปริยาย
แม้ความสูงและรูปร่างจะคล้ายกันมาก แต่โจวเจิ้นนั้นขาดความเท่โดยสิ้นเชิง!
แม้แต่ในหมู่คนที่เธอรู้จักก็ไม่มีเหมือนชายลึกลับคนนั้น
เพราะชายลึกลับเหมือนน้ำในทะเลสาบที่เย็นยะเยือก แต่ดูดี ๆ ก็เร่าร้อนมาก!
ดวงตาคู่นั้น เธอไม่มีวันลืมหรอก
ใครคือชายลึกลับกันแน่?
เธออยากรู้จริง ๆ
ในเวลาเดียวกัน
“ชายลึกลับทำได้ดีมาก! ในที่สุดเขาก็ช่วยฉันระบายความโกรธ!”
ถังเฮิงนั่งอยู่ในหอพัก ขณะอ่านข่าวในเว็บบอร์ด จากนั้นก็ตบขาตัวเองอย่างแรงแล้วหัวเราะออกมาอย่างพออกพอใจ
ดูเหมือนว่าพ่อเขาคงไม่จำเป็นต้องส่งผู้คุ้มกันมาแล้ว
ถังเฮิงไม่สงสัยว่าฟางชิวจะเกี่ยวข้องกับชายลึกลับเลย
ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิงรู้สึกทึ่งกับชายลึกลับคนนี้ ชายลึกลับยังไปปลุกบริษัทผลิตชุดที่เขาใส่อีกต่างหาก
มีเพียงฟางชิวเท่านั้นที่กลับไปที่หอพักเพื่ออ่านหนังสือต่อ
“ชายลึกลับคนนั้นมีชุดเหมือนกัน ใครอยากได้บ้าง?” หลังจากที่ซุนฮ่าวคลิกดูเว็บบอร์ดแล้ว เขาก็เอ่ยถามเสียงดัง
“ฉัน! ฉัน!” จูเปิ่นเจิ้งกับโจวเสี่ยวเทียนรีบตอบทันที
“แล้วเจ้าห้าล่ะ?” ซุนฮ่าวมองไปที่ฟางชิวแล้วพูดว่า “พวกเรานัดกันไว้แล้ว จะไปยิมด้วยกันไหม”
“ฉันไม่อยากไปหรอก ไปยิมกับคนขี้เกียจอย่างพวกนายงั้นเหรอ? คงจะต้องรอไปถึงแปดชาติ!” ฟางชิวเยาะเย้ยพวกเขาทั้งสามคน
“เจ้าห้า นายกล้าดียังไงมาหัวเราะเยาะพวกเรา พวกเราแค่จะแสดงให้คนอื่นเห็นว่ากล้ามท้องแปดแพ็กนี้มันขึ้นมาได้ยังไง!”
ซุนฮ่าวพ่นลมหายใจออกมาแล้วหันหลังกลับไปเริ่มซื้อเสื้อผ้า
ฟางชิวไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าแบบเดียวกับชายลึกลับ นั่นเป็นเพราะเงินเขาหมดแล้ว
ตอนนี้ปัญหาของเขาอยู่ที่เงิน
มิฉะนั้น เขาต้องอดอาหารในสัปดาห์หน้า
แล้วเขาจะหาเงินอย่างไรดี
ฟางชิวจมอยู่กับความคิดตัวเองอีกครั้ง
คิดอยู่นานก็ยังเจอไม่มีวี่แววในการหาเงิน เขาเลยเลือกที่จะอ่านหนังสือต่อไป
คืนนั้นเงียบสงบไปตลอดทั้งคืน ไม่นานเช้าวันรุ่งขึ้นก็มาถึง
ฟางชิวก็ไปเรียนพร้อมกับรูมเมตของเขา
ในขณะเดียวกัน เฉียวมู่ที่เพิ่งกลับมาที่สำนักงานก็เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อดาวน์โหลดรายชื่อที่ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นจำนวนสามสิบคน นี่เป็นรายชื่อตัวแทนประกวดความรู้ทางการแพทย์แผนจีนของนักศึกษาใหม่ เขาคิดจะปรินต์ไปให้ฟางชิวในช่วงพักเที่ยง จะได้แนะนำให้ชายหนุ่มทบทวนความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนและให้กำลังใจให้ฟางชิวติดหนึ่งในเก้าอันดับแรกในสองสัปดาห์
แน่นอนว่าเฉียวมู่มั่นใจในตัวฟางชิวมาก
หลังจากสอนมานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอนักศึกษาดีเด่นเช่นนี้
พอเปิดไฟล์และเครื่องพิมพ์ เฉียวมู่ก็กำลังจะกดปรินต์รายชื่อ เขาเผลอมองดูชื่อในเอกสารโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงัก
ใบหน้าของเขาแสดงความประหลาดใจ
ไม่มีชื่อของฟางชิวในรายชื่อนี้?
เรื่องนี้เป็นได้ไปได้อย่างไร?
เมื่อวานเขาอ่านรายชื่ออย่างชัดเจนแล้ว และได้รับการอนุมัติจากท่านคณบดีแล้วด้วย ทำไมวันนี้ถึงไม่มีชื่อฟางชิวในรายชื่อ!
ต้องเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่แน่นอน
ฉะนั้น นี่จะต้องได้รับการแก้ไขทันที
เขาพิมพ์สำเนาอย่างรวดเร็วและตรงไปที่สำนักงานคณบดีพร้อมกับใบรายชื่อ
“คณบดีครับ! มีบางอย่างผิดปกติกับรายชื่อครับ!” เฉียวมู่ผลักประตูแล้วเข้าไปทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาพบว่ารองคณบดีจางซินหมิงก็นั่งอยู่บนโซฟาด้วย เขาถึงหุบปากแล้วกล่าวสวัสดีอย่างรวดเร็ว “สวัสดีครับ ท่านรองคณบดีจาง”
จางซินหมิงพยักหน้าให้เฉียวมู่ จากนั้นก็เหลือบมองรายชื่อในมือของเฉียวมู่แล้วถามว่า “มีอะไรผิดปกติกับรายชื่อพวกนี้เหรอ?”
ฉีไคเหวินก็มองไปที่เฉียวมู่เช่นกัน
“ไม่มีชื่อของฟางชิวในรายชื่อครับ”
เฉียวมู่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วยื่นใบรายชื่อให้ฉีไคเหวินดู
“ผมเพิ่งดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย แล้วก็พบว่าชื่อของฟางชิวไม่ได้อยู่ในรายชื่อพวกนั้น” เฉียวมู่พูดอีกครั้งเพราะกลัวว่าคณบดีจะไม่เข้าใจ
“ไม่มีชื่อของฟางชิว?” คณบดีดูรายชื่ออย่างระมัดระวังและพบว่าไม่มีจริง ๆ เขาจึงหันไปทางจางซินหมิงที่เป็นรองคณบดี
เพราะเขาจำได้ว่าเขายื่นใบรายชื่อนี้ให้จางซินหมิงไปเมื่อวาน
รายชื่อนี้ยังได้รับการตรวจสอบจากจางซินหมิงโดยตรง และอีกฝ่ายก็ได้มอบหมายให้คนของเขาจัดการเรื่องนี้ต่อแล้วด้วย
การที่ไม่มีฟางชิวอยู่ในรายชื่อ ปัญหานี้อาจจะมาจากจางซินหมิง
“ใครคือฟางชิว?” จางซินหมิงถามด้วยรอยยิ้ม
“นักศึกษาห้องสามของแพทย์แผนจีนที่ทดสอบได้คะแนนเต็มครับ” เฉียวมู่กล่าวอย่างรวดเร็ว
“โอ้ ฉันจำได้แล้ว”
จางซินหมิงพูดขึ้นมาว่า “ฉันดูคะแนนของเขาเมื่อวานนี้แล้ว ได้คะแนนเต็มร้อยเลย แปลกมากจริง ๆ นักศึกษาปีหนึ่งจะได้คะแนนเต็มในการทดสอบได้อย่างไร อันดับสองได้แค่แปดสิบสามคะแนนเท่านั้นเอง”
“ฉันเลยถามถึงสถานภาพทางครอบครัวของนักศึกษาคนนี้ ครอบครัวของเด็กคนนี้ไม่ใช่แพทย์แผนจีน และไม่มีใครในครอบครัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพทย์แผนจีนเลย ดูยังไงก็ไม่เข้าใจจริง ๆ”
“ฉันเลยลบชื่อนี้ออกไป เพื่อเป็นเกียรติแก่มหาวิทยาลัย จะได้ไม่มีใครฉวยโอกาสในทางที่ผิดอีก!” จางซินหมิงอธิบายประหนึ่งเป็นคนรักความยุติธรรม
เขาไม่สนใจว่าฟางชิวจะมีความสามารถจริง ๆ หรือไม่
เพราะอย่างไรก็ต้องเอาชื่อนี้ออกจากรายชื่อตัวแทนเบื้องต้นของมหาวิทยาลัยให้ได้
ถ้ายังเสนอชื่อฟางชิวอีก ก็รอให้มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนทำตัวเองขายหน้าในการแข่งขันครั้งนี้ได้เลย เวลานั้นฉีไคเหวินจะต้องถูกตำหนิ!
บางทีเขาอาจจะมีโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง
ถึงจางซินหมิงจะไม่มีความสามารถ แต่เขาจะได้รับตำแหน่งต่อจากฉีไคเหวินแน่ ๆ!
จางซินหมิงบังเอิญได้ยินว่าฟางชิวคนนี้ขัดแย้งกับหลานชายของเขาทั้งที่ตนเองเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่งแท้ ๆ
“รองคณบดี คุณทำแบบนี้ได้ยังไง รายชื่อพวกนี้ได้รับการอนุมัติจากคณบดีแล้ว แบบทดสอบก็ได้รับการยืนยันจากท่านคณบดีโดยตรง คุณจะ…” พูดได้เท่านั้น เฉียวมู่ก็หยุดลง
เขาเหลือบมองไปทางคณบดี จากนั้นจึงหันมองไปที่รองคณบดี แล้วหยุดพูดทันที
โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนทั้งโรงพยาบาลรู้ว่ามีความขัดแย้งระหว่างคณบดีฉีไคเหวินกับรองคณบดีจางซินหมิง
ตอนที่ลงสมัครรับตำแหน่งคณบดี จางซินหมิงซึ่งมีโอกาสชนะมากกว่า กลับถูกคนรายงานว่าไปดื่มเหล้าและเข้าออกจากโรงแรมเป็นประจำ
เวลานั้น เป็นเวลาที่คนทั้งประเทศมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในการต่อต้านการทุจริตและรักษาคุณธรรม ทำให้รายงานนั้นถือเป็นข่าวที่เสื่อมเสียมาก
ไม่ว่าจางซินหมิงจะมีปัญหาจริงหรือไม่ แต่เขาก็ไม่สามารถรับตำแหน่งคณบดีได้แล้ว
รายงานฉบับนั้นยังไม่ได้รับการตรวจสอบว่าใครเป็นคนยื่น
ถึงจะเฉียวมู่จะร้อนใจแค่ไหน แต่ก็ไม่โง่เขลาพอจะดูความขัดแย้งระหว่างคณบดีกับรองคณบดีไม่ออก ถ้าไม่ระวังให้ดี เขาก็อาจจะจบไม่สวย
เมื่อครู่เขาเผลอพูดผิดไปจริง ๆ
เฉียวมู่พลาดไปแล้ว แต่คณบดีฉีไคเหวินไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อได้รับรู้ปัญหาแล้ว มีแต่ต้องรับเรื่องเท่านั้น ไม่เช่นนั้นฉีไคเหวินคงไม่มีเกียรติในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนอีกต่อไปในอนาคต
“รองคณบดีจาง ฉันได้ดูกระดาษทดสอบของนักศึกษาฟางชิวแล้ว และเกรดของเขาก็ดีจริง ๆ เพิ่มเขาเข้าไปในรายชื่อเถอะ”
ฉีไคเหวินพูดกับจางซินหมิงด้วยรอยยิ้ม
“ถ้างั้นก็เป็นสามสิบเอ็ดรายชื่อน่ะสิ” จางซินหมิงมองตรงเข้าไปในดวงตาของฉีไคเหวินแล้วเอ่ยว่า “นี่ไม่ยุติธรรมกับคนทั้งสามสิบคนที่พวกเราเจรจาไว้ก่อนหน้านี้เลย แค่เอาชื่อออกไปคนเดียวก็มีปัญหาแล้วเหรอครับ รายชื่อก็ได้รับการประกาศไปแล้วด้วย แล้วคนที่ถูกลบชื่อทีหลังจะคิดยังไง”
แม้ว่าทั้งสองคนจะยิ้มให้กัน แต่เฉียวมู่รู้สึกได้ทันทีว่าบรรยากาศทั่วทั้งสำนักงานนั้นตึงเครียดมาก
ฉีไคเหวินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองไปที่เฉียวมู่ “อาจารย์เฉียว คิดว่าเรื่องนี้ควรทำยังไงดี?”
เฉียวมู่เข้าใจในทันทีว่าเขาถูกคณบดีผลักออกไปตรงปากเหว
ถ้าไม่ตอบ ในอนาคตหนทางของเขาคงจะเล็กลง แต่ถ้าเลือกที่จะตอบคำถาม หลังจากนี้คงพึ่งพาได้แค่คณบดี เพราะตนจะถูกรองคณบดีเกลียดชังทันที
หากเขาไม่พูด ก็อาจทำให้สองคนนี้ขุ่นเคืองได้
แต่หากเขาเลือกที่จะตอบ ก็เท่ากับว่าทำให้ฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ
เฉียวมู่นั้นกำลังชั่งใจ ทำไมเขาถึงวิ่งมาที่นี่กัน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เขาทำได้แค่ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก็เท่านั้น
ทันใดนั้น เขาก็ยืดหน้าอกของเขาแล้วเดินออกไปก่อนที่พูดกับจางซินหมิงว่า “รองคณบดี ผมคิดว่าที่คุณพูดนั้นไม่ถูกต้องนะครับ คุณคิดแค่ว่านักศึกษาที่ถูกฟางชิวแย่งตำแหน่งจะรู้สึกอย่างไร แล้วทำไมคุณไม่คิดถึงความรู้สึกของฟางชิวบ้าง ฟางชิวจะรู้สึกยังไงถ้าเขารู้ว่าคุณเอาชื่อของเขาออก”
“ทุกคนเป็นนักศึกษาเหมือนกัน คุณไม่สามารถสนใจแค่คนใดคนหนึ่งได้ คุณต้องปฏิบัติกับนักศึกษาอย่างเท่าเทียม! นอกจากนี้ ฟางชิวกำลังถูกคนอื่นแย่งตำแหน่งไป ดังนั้นจึงเหมาะสมแล้ว ที่เขาจะมาแทนที่คนที่แย่งตำแหน่งเขา!”
“ถ้าคุณไม่ทำรายชื่อใหม่ ฟางชิวก็จะเจ็บปวดอีกรอบ ไม่ยุติธรรมเลยครับ!”
คำพูดของเฉียวมู่นั้นมีน้ำหนักและให้เหตุผลที่ดี ไม่ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่งเกินไป
ฉีไคเหวินลอบปรบมือให้กับเฉียวมู่ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากว้างขึ้น
ดูเหมือนว่าอาจารย์เฉียวจะยังคงมีไหวพริบ แม้อยู่ในช่วงเวลาวิกฤต ใช้ได้จริง ๆ!
จางซินหมิงมองไปที่เฉียวมู่ด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่คลาย แต่ดวงตาของเขากลับเย็นชาอย่างยิ่ง
สองต่อหนึ่ง ตอนนี้สถานการณ์แย่มาก!
“อาจารย์เฉียวพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกต้อง คุณเชื่อว่านักศึกษาที่เรียนทฤษฎีพื้นฐานเพียงไม่กี่วันจะได้คะแนนเต็มงั้นสินะ ฉันไม่เชื่อ และไม่มีใครเชื่อด้วย ฉันเกรงว่า…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เฉียวมู่ก็ขัดจังหวะแล้วพูดแทรกว่า “ในเมื่อคุณไม่เชื่อ งั้นก็ให้ฟางชิวทำแบบทดสอบอีกครั้งสิครับ ท่านรองคณบดีคิดว่ายังไงครับ”
จางซินหมิงไม่ได้คาดคิดว่า เฉียวมู่จะพูดขัดขวางตัวเองเมื่อครู่ แต่เขาจำเป็นต้องตอบอะไรออกไป
อันที่จริงเขาไม่ได้อยากให้เรื่องราวมันออกมาเป็นแบบนี้
คงเป็นเพราะจางซินหมิงชอบทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอนและพูดแบบอ้อม ๆ มากเกินไป สิ่งที่เขาต้องการจะพูดจริง ๆ ในตอนท้ายก็คือ “อาจารย์เฉียว คุณเสนออะไรออกมา”
จุดประสงค์คือการผลักไสให้เฉียวมู่ลำบากใจ
ไม่มีทางที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจได้ ไม่ว่าเฉียวมู่จะพูดวิธีใด ๆ ออกมาก็ตาม หากมีช่องโหว่ จางซินหมิงจะใช้ช่องโหว่นั้นมาเป็นประโยชน์ในทันที
ใครจะคิดว่าเขาจะโดนเฉียวมู่ทำลายแผนการ
จางซินหมิงมองเฉียวมู่ด้วยนัยน์ตาล้ำลึก พูดออกไปว่า “เพื่อคนคนเดียว นี่มันไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่นะ”
ฉีไคเหวินเปิดปากพูดว่า “อย่าทำให้ยุ่งยากเลย รายชื่อจะเป็นสามสิบเอ็ดคนก็ตามนั้นเถอะ ยังไงอีกสามสัปดาห์ก็ต้องทดสอบคัดคนอีกรอบอยู่ดี”
คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะทำให้จางซินหมิงยอมอ่อนข้อลง แต่ในความเป็นจริง ฉีไคเหวินกำลังซ่อนความต้องการเอาไว้อยู่
หลังจากยอมในครั้งนี้ เขาก็ต้องยอมรับว่าเขาจะเสียหน้า แต่ได้ผลักดันให้ฟางชิวได้ผงาดขึ้นอีกครั้ง
แต่ถ้าไม่ยอมลงละก็ ฟางชิวจะต้องทำการทดสอบอีกครั้ง!
เหลือแค่ว่าจางซินหมิงจะตอบว่าอย่างไรแล้ว
“ฮ่า ๆ แต่ฉันพูดไปแล้วสามสิบคนก็ต้องเป็นสามสิบคน ฉันอยากจะเห็นจริง ๆ ว่านักศึกษาที่ชื่อฟางชิว จะเก่งขนาดไหนเชียว!”
จางซินหมิงยังกล่าวด้วยรอยยิ้มอีกว่า “ตอนนี้ฉันมีแบบทดสอบเกี่ยวกับการตรวจโรคของแพทย์แผนจีนขั้นพื้นฐานอยู่หนึ่งฉบับ คงต้องให้นักศึกษาที่ชื่อฟางชิวลองทำดูสักหน่อยแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเฉียวมู่กับฉีไคเหวินก็มองหน้าจางซินหมิงอย่างประหลาดใจ
มีแบบทดสอบอยู่ในมืออย่างนั้นหรือ ไม่น่าเชื่อ
“โอเค อาจารย์เฉียว คุณไปหาฟางชิวที่ชั้นเรียน ถ้าเขากำลังเรียนอยู่ก็ให้เขามาที่นี่ตอนเที่ยง”
ฉีไคเหวินไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไปหลังจางซินหมิงพูดเงื่อนไขกับเฉียวมู่แล้ว
ส่วนเฉียวมู่ หลังได้ยินแล้วเขาก็พยักหน้าแล้วออกไปทันที