บทที่ 71 วิ่งตบหน้าวนไป!
บทที่ 71 วิ่งตบหน้าวนไป!
ฟางชิวหันไปยิ้มให้เกาเฟยที่กำลังอึ้ง แล้วตอนที่กำลังจะวิ่งผ่านเกาเฟยไป เขาก็ได้ทิ้งคำพูดเอาไว้
“ขยะ!” จากนั้นฟางชิวก็วิ่งแซงหน้าเกาเฟยจนหายลับสายตาไป
ชายหนุ่มแค่จะเอาคืนเกาเฟยด้วยวิธีที่มันใช้ นี่แหละวิธีที่จะตบหน้ามัน!
แก้มของเกาเฟยแดงก่ำขึ้นมาทันที ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวจนผิดรูป
ไอ้เด็กนี่เลวจริง ๆ!
ตอนนี้เขากำลังสงสัยว่าฟางชิวจะแอบซ่อนตัวข้างหลังแล้วค่อยวิ่งตามมา!
ผู้ชายคนนี้ชั่วมาก!
เกาเฟยพ่นเสียงโกรธอย่างไม่พอใจออกมาแล้ววิ่งไล่ตามฟางชิวไปอย่างรวดเร็ว เขาจะอยากรู้ว่ามันจะวิ่งได้ไวแค่ไหนกันเชียว
แต่ก่อนที่เกาเฟยจะเริ่มเร่งฝีเท้า จู่ ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากข้างหลังของเขา
“ฮ่า ๆๆๆ~”
เมื่อเกาเฟยหันกลับไปมอง เขาก็เห็นว่าเป็นว่ารูมเมตทั้งสามคนของฟางชิว
เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่
ใบหน้าของเกาเฟยจึงดูน่าเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม เขาเหลือบมองทั้งสามคนด้วยความโกรธ จากนั้นก็นำทีมกรีฑาวิ่งไล่ตามฟางชิวไป
เมื่อเห็นท่าทางโกรธของเกาเฟยแล้ว
รูมเมตทั้งสามคนก็รู้สึกสะใจมาก
สาแก่ใจยิ่งนัก!
หลังจากหัวเราะกันแล้ว ทั้งสามคนก็มองหน้ากันไปมา นายมองฉัน ฉันมองนาย
“เมื่อกี้ เจ้าห้าคงไม่ได้หาที่ซ่อนแล้วค่อยวิ่งออกมาหรอกใช่ไหม?” ซุนฮ่าวถามอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่ใช่หรอกมั้ง?” จูเปิ่นเจิ้งก็ตอบแบบไม่แน่ใจเหมือนกัน
“เจ้าห้าต้องวิ่งวนรอบที่สองแล้วแน่ ๆ ดูขายาว ๆ ทั้งสองข้างนั่นสิ ก้าวทีหนึ่งยาวจะตาย!” โจวเสี่ยวเทียนพูดอย่างมั่นใจ
สิ้นเสียง ทั้งสามคนก็มองหน้าสบตากันอีกครั้ง แล้วก็เข้าใจกันทันที
เจ้าห้าแอบซุกความเก่งเอาไว้อีกแล้ว…
คิดได้ดังนั้น ทุกคนก็รู้สึกหดหู่
เจ้าห้ายังซ่อนความสามารถเอาไว้อีกหรือ?
ความสามารถพิเศษของฟางชิวที่พวกเขาเคยเห็นนั้นก็คงมีเรื่องร้องเพลงกับการวิ่งที่ไวโคตร ๆ!
ใช่แล้ว ฟางชิวยังมีใบรับรองทักษะการแพทย์อีกด้วย
นี่เรียกว่าเก่งทุกทักษะแล้ว ทั้งด้านสติปัญญา พละกำลัง และศิลปะดนตรี!
คน ๆ นี้เปรียบเทียบด้วยไม่ได้เลยจริง ๆ
จากนั้นทั้งสามคนก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง
เจ็ดนาทีต่อมา เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ทั้งสามคนหันหน้าไปมองแล้วก็พบว่าเป็นฟางชิว
เฮ้ย!
นี่เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเนี่ย ทำไมเจ้าห้าวิ่งครบหนึ่งรอบอีกแล้วล่ะ!
ฟางชิวยิ้ม รักษาความเร็วให้คงที่ในขณะที่เขากำลังวิ่งนำรูมเมตทั้งสามคนไป
“เจ้าห้า สู้ ๆ นะโว้ย!”
ทั้งสามคนตะโกนเชียร์ฟางชิว
เมื่อได้ยินเสียงเชียร์จากทั้งสามคนแล้ว ฟางชิวก็คลี่ยิ้มแล้วยกนิ้วให้เพื่อน ๆ
เมื่อโจวเสี่ยวเทียนมองไปที่แผ่นหลังของฟางชิว เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียใจแล้วพูดว่า “น่าเสียดาย”
“เสียดายอะไร?” ซุนฮ่าวกับจูเปิ่นเจิ้งมองหน้าโจวเสี่ยวเทียนด้วยความมึนงง
“ก็เสียดายที่แถวนี้ไม่มีผู้หญิงเลยน่ะสิ นี่เป็นโอกาสดีที่เจ้าห้าจะได้เล่นงานคนโชว์สาวนะ เจ้าห้าเรียกสาวได้แน่ แต่ตรงนี้ไม่มีสาว ๆ คราวนี้ก็เลยไม่มีใครตกถึงมือฉันสักคน น่าเสียดายจะตาย!” โจวเสี่ยวเทียนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วถอนหายใจออกมา
จูเปิ่นเจิ้งกับซุนฮ่าวหันมองหน้ากัน ก่อนที่จะยกนิ้วกลางให้โจวเสี่ยวเทียนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ต่อมา ฟางชิวยังคงวิ่งพุ่งไปข้างหน้า
เกาเฟยพบว่าจูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนยังคงวิ่งเหยาะ ๆ เหมือนเดิม ทั้งสามคนไม่แม้แต่จะชายตามองมาที่เขา
เกาเฟยรู้สึกประหลาดใจเมื่อไม่เห็นฟางชิว
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดก็คือ ไม่ว่าเขาจะวิ่งไล่ตามฟางชิวอย่างไรก็วิ่งตามไม่ทันสักที
ทำไมอีกฝ่ายถึงวิ่งเร็วขนาดนี้?
มันทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อ ในมหาวิทยาลัยนี้ ไม่มีใครวิ่งแข่งระยะไกลได้เร็วกว่าเขาเลย ไม่มีเลยสักคน!
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับฟางชิวกัน?
ชายหนุ่มรู้สึกสับสนกับเรื่องตรงหน้า เขาสงสัยว่าฟางชิวต้องแอบดักรอที่ไหนสักที่ในตอนนี้
เกาเฟยวิ่งไปข้างหน้า โดยไม่ลืมสังเกตสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ไปด้วย
ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง เป็นเสียงฝีเท้าที่แตกต่างจากสมาชิกทีมกรีฑาโดยสิ้นเชิง
เกาเฟยหันกลับไปมอง ทันใดนั้นเขาก็อึ้งกับสิ่งที่เห็น
เป็นฟางชิว!
“ขยะ!”
ฟางชิวหัวเราะเยาะออกมาระหว่างที่ด่า ไม่วายฉีกยิ้มจนเผยให้เห็นฟันขาวซี่ใหญ่สองซี่ข้างหน้าให้เกาเฟยดู
จากนั้นฟางชิวก็วิ่งต่อไปโดยทิ้งทีมของเกาเฟยไว้ข้างหลัง
สีหน้าของเกาเฟยซีดเผือดทันควัน เขาตกใจกับภาพที่เห็นมาก
ชายหนุ่มจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พบกับฟางชิว เขาเพิ่งวิ่งได้เพียงรอบครึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้ฟางชิวกลับวิ่งแซงหน้าเขาไปอีกครั้งแล้ว
เกาเฟยพูดไม่ออกเลย
ฟางชิววิ่งไปสองรอบครึ่งแล้ว วิ่งไวกว่าเขาตั้งรอบหนึ่ง!
เป็นไปได้อย่างไรกัน
เขารีบมองไปรอบ ๆ ก็พบว่ามีแค่ทะเลสาบอยู่ตรงกลาง และไม่มีสถานที่ที่ให้ฟางชิวใช้เป็นทางลัดได้เลย
หรือว่ามันจะแอบไปดักรอที่อื่น
แต่พอเกาเฟยคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ไม่พบร่องรอยการซ่อนตัวของฟางชิวเลย
ฟางชิววิ่งจนครบรอบแล้วจริง ๆ หรือ?
ไม่มีทาง!
มันเป็นไปไม่ได้!
เกาเฟยรีบปัดความคิดนั้นทิ้งทันที
ถ้าฟางชิววิ่งไวขนาดนั้นจริง ๆ ประเทศชาติคงไม่ต้องกังวลตำแหน่งแชมป์โลกแล้ว
แล้วตำแหน่งแชมป์โลกก็อาจพ่ายแพ้ให้มันด้วย!
สรุปแล้วเรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่?
เกาเฟยเป็นนักกีฬากรีฑา สมาชิกในทีมก็เป็นนักกีฬากรีฑากันหมดทุกคน เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะวิ่งแพ้ฟางชิว!
เมื่อชายหนุ่มไม่สามารถจัดการปัญหากวนใจนี้ได้ เขาจึงพุ่งไปหาฟางชิวด้วยความโกรธ
เขาอยากจะดูว่าฟางชิววิ่งได้ไวสักแค่ไหน!
ไม่นาน เกาเฟยก็โดนความจริงอันโหดเหี้ยมกระแทกใส่หน้าเข้าอย่างจัง
เขาวิ่งมาอย่างสุดชีวิต แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของฟางชิว!
ทันใดนั้นเอง
“ขยะ!” เสียงที่คุ้นเคยก็ดังลอยเข้ามาในหูเกาเฟยอีกครั้ง
เขารีบหันกลับไปก่อนที่จะพูดโต้ตอบด้วยซ้ำ
ฟางชิววิ่งเร็วจนเหมือนสายลมที่พัดผ่านตัวเขาไป กว่าจะรู้สึกตัว ฟางชิวก็วิ่งนำไปไกลแล้ว!
“โว้ย!!!” เกาเฟยเริ่มสติแตกที่จุดแข็งของตนต้องมาแพ้ให้กับคนอื่น
ที่สำคัญก็คือ ไอ้ฟางชิวมันใช้วิธีการที่เขาเคยใช้มาเล่นงานเขากลับ!
ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!
ใบหน้าของเกาเฟยมีเส้นเลือดปูดโปนจนน่ากลัว เขากัดฟันแล้ววิ่งไล่ตามฟางชิวอย่างเลือดร้อน
แต่ก็ยังตามไม่ทันอยู่ดี
ระยะห่างเริ่มทิ้งช่วงไกลขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ มันเป็นไปได้ยังไง!” เกาเฟยพูดออกมาด้วยความตกใจ
เขาเป็นนักกีฬากรีฑาที่มีชื่อเสียง แต่วิ่งตามเด็กที่ชื่อฟางชิวไม่ทันอย่างนั้นหรือ?
เป็นไปได้อย่างไร!
ไม่ได้การแล้ว!
ไม่ใช่แค่เกาเฟยเท่านั้นที่ตกใจ สมาชิกคนอื่น ๆ ของทีมกรีฑาก็ค้นพบความจริงที่น่าตกใจนี้เหมือนกัน
มีคนวิ่งเร็วกว่าพวกเขา!
“ทำไมเด็กคนนั้นวิ่งเร็วจังวะ”
“เร็วเกินไปแล้ว!”
“เขาเป็นสมาชิกทีมกรีฑารึเปล่า?” สมาชิกของทีมกรีฑาต่างพากันกระซิบถาม
เมื่อเกาเฟยได้ยินคำชมพวกนี้ เขาก็เหมือนโดนตบหน้า ชายหนุ่มทำได้แค่กัดฟันกรอด แล้วสาปแช่งฟางชิวในใจเป็นหมื่นครั้ง!
ฟางชิวยังคงก้มหน้าก้มตาวิ่งต่อไป หากตั้งใจสังเกตดี ๆ จะพบว่าความเร็วของฟางชิวนั้นคงที่เสมอ
ทุกย่างก้าวก็เท่ากันสม่ำเสมอไม่แตกต่างกันมากนัก
ถ้าเกิดมีใครมาสังเกตเห็นความจริงข้อนี้ คงจะคิดว่าโดนผีหลอกแน่ ๆ
เมื่อฟางชิววิ่งมาได้ครึ่งทาง เขาก็ต้องผ่านทางเข้าทะเลสาบอีกครั้ง อาจารย์หม่าที่เฝ้ายืนดูการวิ่งของสมาชิกทีมกรีฑาอยู่ก็สังเกตเห็นฟางชิวในที่สุด
ตอนที่เจอกันสองครั้งแรก อาจารย์หม่าไม่ได้สังเกตฟางชิวอย่างตั้งใจ
แต่เมื่อมีคนปรากฏตัวต่อหน้าถึงสามครั้งติดต่อกัน เขาก็อดที่จะสนใจไม่ได้
ที่น่าแปลกใจคือ ก่อนที่สมาชิกในทีมกรีฑาจะเริ่มวิ่งอีกรอบ นักศึกษาคนนี้ก็วิ่งผ่านพวกเขาไปอีกครั้งแล้ว
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่านักศึกษาคนนี้วิ่งเร็วมากอย่างไรล่ะ
เร็วกว่านักกีฬากรีฑาของเขาซะอีก!
ไม่น่าเป็นไปได้เลยจริง ๆ
อาจารย์หม่าแปลกใจกับข้อสรุปนี้มาก แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะคิดว่าตนคงแค่ตาฝาดไป
อีกด้านหนึ่ง ฟางชิวก็กระซิบด่าเกาเฟยเป็นครั้งที่สามแล้ว
“ขยะ!”
ถึงแม้ว่าจะเป็นคำด่าแค่คำเดียว แต่มันก็เป็นครั้งที่สามแล้ว ทำให้เกาเฟยเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจในความสามารถตัวเองขึ้นมาทันที
แม่มันเถอะ!
หลายครั้งแล้วนะ!
ไม่ยอมจบใช่ไหม ได้!
เกาเฟยเหยียดขาออกมาด้านข้างโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเพื่อพยายามที่จะขัดขาของฟางชิว
ทว่าน่าเสียดาย ขณะที่เกาเฟยกำลังเหยียดขาออกไป ฟางชิวก็ทิ้งระยะห่างจากเขาไปอย่างรวดเร็ว
“ขยะ!” แล้วฟางชิวก็ฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวซี่ใหญ่ของเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะวิ่งจากไป
เกาเฟยโกรธจัด
เขาโกรธของจริงแล้ว!
โกรธจนแทบคลั่ง!
ไม่เพียงแต่เล่ห์เหลี่ยมของเกาเฟยจะล้มเหลว แต่เขายังถูกฟางชิวดูถูกเหยียดหยามครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วอย่างนี้เขาจะทนได้อย่างไร!
“อ๊าก…” เกาเฟยกำหมัดแน่นแล้วคำรามด้วยความโกรธออกมา เขาวิ่งไล่ตามฟางชิวเหมือนคนบ้า
“อ๊ากกกก!” เกาเฟยรีดเค้นจนสุดพลัง
แต่ก็ยังตามไม่ทัน…
เกาเฟยทำได้แค่มองฟางชิวจากข้างหลังอย่างโกรธแค้น ไฟในอกมันสุมจนทำให้เขาเกือบจะบ้าตายให้ได้
แต่ไม่เป็นไร เขารอได้! เขาจะรอมันเป็นครั้งที่สี่!
และแล้วฟางชิวก็ไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มรอนาน เจ้าตัววิ่งตามหลังเกาเฟยมาติด ๆ จริง ๆ
แม่ง!
ครั้งที่สี่แล้ว ฟางชิวก็ยังวิ่งมาอีก! เขาอุตส่าห์ให้โอกาสมันแล้วนะ แต่มันไม่เอาเอง!
เกาเฟยเห็นฟางชิววิ่งมาจากระยะไกล หัวใจของเขาก็เต้นเหมือนม้าคึก โชคดีที่เขาไม่ได้วิ่งหนีไปไหน และรอการมาถึงของฟางชิวด้วยความโกรธสุดขีด
สมาชิกทีมกรีฑาเองก็หยุดชมความสนุกนี้เหมือนกัน
ฟางชิวยังคงรักษาความเร็วเท่าเดิม ขณะวิ่งไปเฉียดเกาเฟยแล้วเอ่ยว่า
“ขยะ!” สองคำนี้ออกจากปากเขาเป็นครั้งที่สี่แล้ว
ชายหนุ่มยังคงฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวอย่างประชดประชันเหมือนเดิม
ดวงตาของเกาเฟยเกิดประกายดุร้ายขึ้นมาทันที
เมื่อทั้งสองคนอยู่บนเส้นขนานเดียวกัน เกาเฟยก็เหยียดมือออกแล้วผลักไปที่ฟางชิวอย่างแรง
เขาต้องการผลักฟางชิวให้ตกลงไปในทะเลสาบ!
เป็นลูกหมาตกน้ำไปซะ!
ขอให้แกแช่น้ำจนหนาวตาย!
ในสายตาของคนอื่น เกาเฟยลงมือได้ไวมาก แต่ในสายตาของฟางชิวมันกลับช้าอย่างยิ่ง
ประกายแสงวาบขึ้นในดวงตาของฟางชิว
ฟางชิวเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้างอย่างว่องไว เกาเฟยจึงเสียหลัก เพราะรวบรวมพละกำลังทั้งหมดของร่างกายมาใช้ เขาจึงไม่สามารถหยุดร่างกายของตนได้
“อ๊าก!” เกาเฟยกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ
ตู้ม!
เสียงคนตกน้ำดังขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน
สมาชิกทีมกรีฑาต่างตกตะลึง
นี่มัน… แปลกไปใหญ่แล้ว
แต่เกาเฟยนั้น ถือว่าทำชั่วกับคนอื่น สุดท้ายความชั่วคืนสนองกลับมาทำร้ายตัวเอง
…
ฟางชิวเดินไปที่ริมทะเลสาบ ขณะทอดมองดูเกาเฟยที่ดิ้นไปดิ้นมาเหมือนลูกหมาตกน้ำ เจ้าตัวพยายามปีนขึ้นที่ริมฝั่ง
“ขยะ!” ฟางชิวกระซิบด่าเบา ๆ แล้วยิ้มโชว์ฟันขาวขนาดใหญ่อีกครั้ง
จากนั้นเขาก็กลับไปวิ่งเหมือนเดิม
“ฟางชิว!!!” เกาเฟยตะโกนไล่หลังของฟางชิวไป
เสียงตะโกนนั้นก้องกังวานไปทั่วทั้งทะเลสาบ
อับอายขายขี้หน้าที่สุด!
ระหว่างที่ตะโกน เกาเฟยก็เอื้อมมือไปกำโคลนในทะเลสาบขึ้นมา แล้วปาใส่ฟางชิวด้วยความโมโห
แต่โคลนไม่ได้โดนฟางชิว เพราะจู่ ๆ เกาเฟยก็ลื่นล้มลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง
ตู้ม!
สมาชิกทีมกรีฑาก็กลั้นขำแทบตาย แต่ต่อให้อยากขำก็ขำไม่ได้ จากนั้นพวกเขาก็ยื่นมือออกไปช่วยดึงเกาเฟยขึ้นฝั่ง
เมื่อฟางชิววิ่งมาถึงทางเข้าของทะเลสาบ การวิ่งในตอนเช้าของเขาเสร็จสิ้นลง
รูมเมตทั้งสามคนกำลังรอเขาอยู่ ส่วนอาจารย์หม่ามองฟางชิวอย่างสนใจ แต่ก็ไม่ได้เดินเข้ามาหา
“เป็นยังไงบ้าง?” โจวเสี่ยวเทียนถามระหว่างที่กำลังเข้าไปหาฟางชิว
จูเปิ่นเจิ้งกับซุนฮ่าวเองก็มองไปที่ฟางชิวด้วยสายตาที่เป็นประกายสดใสราวกับเด็กทารกที่อยากรู้อยากเห็นตลอดเวลา
“ตกน้ำไปแล้ว” ฟางชิวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หา!” ทั้งสามคนตะลึงงัน
ไม่เคยคิดว่าเกาเฟยจะห่วยได้ขนาดนี้!
“ใช้ได้นี่นา! เจ้าห้า ฉันไม่ได้มองนายผิดไปจริง ๆ นายเป็นคนที่โหดร้ายที่สุดในกลุ่มแล้ว นายเป็นคนผลักเกาเฟยตกน้ำใช่ไหม ไม่ต้องมาแก้ตัวนะ! ฉันไม่ฟัง! เพราะนายดูเป็นแบบนั้นจริง ๆ!” โจวเสี่ยวเทียนพูดราวกับว่าเขารู้จักฟางชิวมานาน
จูเปิ่นเจิ้งกับซุนฮ่าวมองไปที่ฟางชิว สีหน้าท่าทางแสดงออกว่าเห็นด้วยกับคำพูดของโจวเสี่ยวเทียน
ฟางชิว “…”
เขาก็โหดร้ายจริง ๆ นั่นแหละ!
ไม่ต้องพูดเล่นลิ้นให้เสียเวลาหรอก
ฉะนั้น อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ!
ไม่นานหลังจากนั้น ทีมกรีฑาก็กลับมาถึงทางเข้าของทะเลสาบ อาจารย์หม่ามองไปยังเกาเฟยที่กำลังอายด้วยความประหลาดใจ เขาจึงเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เกาเฟยตอบอย่างอับอายว่า “ผมไม่ทันระวังเลยตกลงไปในทะเลสาบครับ”
“จริง ๆ ครับ!” สมาชิกในทีมที่อยู่ข้าง ๆ ต่างช่วยเป็นพยาน
แม้เกาเฟยจะรู้สึกขายหน้าจนยิ้มไม่ออก แต่ภายนอกของเขาก็ยังคงแสดงสีหน้าปกติ
“คราวหน้าระวังกันด้วยล่ะ นี่ก็ใกล้จะถึงงานกีฬาของจังหวัดแล้ว อย่ามาได้รับบาดเจ็บตอนนี้” อาจารย์หม่าพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
เกาเฟยสาบานต่อฟ้าดินในใจว่าเขาจะเอาชนะฟางชิวให้ได้ เพราะเขาเกลียดมันจนอยากให้มันตาย
วันนี้เขาแพ้จนขายหน้าต่อหน้าเพื่อน ๆ ความแค้นนี้ต้องได้ชำระคืน!
ตอนที่ทีมกรีฑาเดินทางกลับไปแล้ว ฟางชิวกับเพื่อนทั้งสามคนก็พูดคุยกันแล้วหัวเราะเยาะกันไประหว่างที่ซักเสื้อผ้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นพวกเขาก็ไปที่โรงอาหารเพื่อกินมื้อเช้าด้วยกัน จากนั้นมุ่งหน้าไปที่อาคารเรียนเพื่อเริ่มเรียนวิชาแรกในตอนเช้า
แม้ว่าฟางชิวจะเรียนด้วยตัวเองไปแล้ว แต่เขาก็ยังตั้งใจฟังอาจารย์สอน เขาจดทุกอย่างได้ค่อนข้างเป็นระเบียบเลยทีเดียว
เมื่อโจวเสี่ยวเทียนเห็นสมุดโน้ตของฟางชิวแล้วก็อยากจะเก็บเอาไว้อ่านเอง และยื่นสมุดโน้ตผีของตัวเองไปให้ฟางชิวแทน
เลิกเรียนช่วงเช้าตอนสิบเอ็ดโมงสี่สิบนาที
ขณะที่พวกเขากำลังกินมื้อกลางวันในโรงอาหารอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีข่าวที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้น
“ได้ยินข่าวที่โม่อี้ฉีหายป่วยจากโรคมะเร็งแล้วรึยัง ตอนนี้เธอพร้อมที่จะกลับมาเรียนแล้วนะ!”