คุรุการแพทย์ – บทที่ 74 ค่าเรียนสามแสนหยวน!

คุรุการแพทย์

บทที่ 74 ค่าเรียนสามแสนหยวน!

บทที่ 74 ค่าเรียนสามแสนหยวน!

“อย่าคิดมาก เท่าที่ฉันรู้ ถ้าระดับหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคของเธอไม่ได้ คงต้องให้แพทย์ระดับเซียนรักษาแล้ว” สวีเมี่ยวหลินเหมือนจะเข้าใจความคิดของฟางชิว เขาจึงอธิบายออกมาก่อนที่จะนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง

“แต่ว่าแพทย์ระดับเซียนเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้นนี่ครับ”

“วงการแพทย์แผนจีนมีความซับซ้อนจริง ๆ เลยนะครับ” ฟางชิวยิ้มอย่างขมขื่น

“ฉันยังมีข้อมูลอื่นอีก” สวีเมี่ยวหลินยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ในเมื่อเธอสนใจขนาดนี้ ฉันจะบอกเธอก็ได้”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟางชิวก็ตั้งใจฟังต่อไป

“ปัจจุบันในประเทศมีผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีนที่ขึ้นทะเบียนแล้วห้าหมื่นคน แต่มีแพทย์ระดับพื้นฐานเพียง 1,253 คนที่ได้รับการรับรองจากสมาคมแพทย์แผนจีน มีแพทย์ระดับปรจารย์ที่ได้รับอนุมัติแล้ว 451 คน และมีแพทย์ระดับจักรพรรดิห้าสิบคน ส่วนระดับเซียนมีแค่สามคนเท่านั้น”

สวีเมี่ยวหลินอธิบายต่อด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นเพียงข้อมูลลำดับขั้นของแพทย์แผนจีน เพื่อที่จะรักษาโรคของเธอ นอกจากการเลื่อนระดับแล้ว เธอต้องมีความเชี่ยวชาญในการฝังเข็ม การรมยา การนวด การกัวซา*[1] การจัดกระดูก ชี่กง การบำบัดด้วยไฟ การอาบน้ำด้วยยา ใบสั่งยาจีนโบราณ หรือแม้แต่ปรัชญาและหลักจริยธรรมของเต๋าและพุทธศาสนา ฯลฯ!”

แน่นอนว่าฟางชิวรู้ว่าเขาต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่เขากลับสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง

“แล้วทำไมสมาคมแพทย์แผนจีนเป็นฝ่ายประเมินล่ะครับ?” ฟางชิววกกลับมาที่คำถามเดิมอีกครั้ง

ทำไมการรักษาโรคให้ตาเฒ่าต้องได้รับการยอมรับจากสมาคมแพทย์แผนจีนก่อนด้วย?

หลังจากพูดคุยกันเป็นเวลานาน สวีเมี่ยวหลินแค่อธิบายการแบ่งระดับของแพทย์แผนจีนให้เขาฟัง แต่ยังไม่ได้อธิบายถึงประเด็นนี้

“เหตุผลมันง่ายนิดเดียว” สวีเมี่ยวหลินก็เอ่ยถามว่า “ถ้าเธอไม่เข้าร่วมการประเมิน แล้วสมาคมแพทย์แผนจีนจะรู้จักเธอไหม?”

“ไม่รู้จักครับ” ฟางชิวตอบ

“ถ้าสมาคมแพทย์แผนจีนไม่รู้จักเธอ เธอก็จะไม่ได้รับหนังสือโบราณที่ไม่ได้มีเผยแพร่ทั่วไป และมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่ามีหนังสือโบราณพวกนี้อยู่บนโลก” สวีเมี่ยวหลินอธิบายต่อว่า “หนังสือโบราณแต่ละเล่มถือว่าเป็นแก่นแท้และเป็นสมบัติของสมาคมแพทย์แผนจีน เพราะคัมภีร์พวกนี้มีค่าเกินกว่าที่ทางสมาคมแพทย์แผนจีนจะเผยแพร่ให้คนนอกอ่าน พวกเขาจะเผยแพร่ให้เฉพาะคนที่ได้รับการยอมรับจากสมาคมแพทย์แผนจีนเท่านั้น”

“ระดับพื้นฐานก็จะมีหนังสือสำหรับระดับพื้นฐาน”

“ระดับปรมาจารย์ก็จะมีหนังสือสำหรับระดับปรมาจารย์”

“หนังสือโบราณของแต่ละระดับนั้นจะถูกเก็บรักษาเอาไว้ในสมาคมฯ และจะไม่มีการเผยแพร่จนกว่าเธอจะเรียนรู้ถึงระดับนั้น ๆ แต่ถึงเธอจะได้สำเนาของหนังสือโบราณมาจริง ๆ เธอก็อ่านไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะเธอยังเรียนไม่ถึงระดับนั้น อ่านไปก็รบกวนเวลาเรียนเปล่า ๆ”

ฟางชิวตกตะลึงจนคิ้วขมวด เขาถามออกมาว่า

“แล้วทำไมถึงไม่เผยแพร่ออกมาล่ะครับ”

“แม้ว่าบางคนจะได้สำเนาไปอ่าน แต่ก็อ่านไม่เข้าใจอยู่ดี ส่วนคนที่เข้าใจก็ใช่ว่าจะสอนกันได้ทุกคน ก็เท่ากับว่าสอนให้ไม่ได้ คิดว่าพวกเขาต้องเรียบเรียงเนื้อหาของหนังสือโบราณให้อ่านง่ายขึ้น เพื่อต้องการให้คนมาเรียนเยอะ ๆ เหรอ?”

“นั่นมันไม่สมควรเลย!” สวีเมี่ยวหลินส่ายหัวและกล่าวว่า “เพราะหนังสือโบราณหลายเล่มขัดกับทฤษฎีที่มีอยู่ของแพทย์แผนจีนโบราณ ถ้าสำเนาหนังสือโบราณถูกเผยแพร่ออกไป คนจำนวนมากก็อาจจะต่อต้านเนื้อหาของมันได้”

ฟังจบฟางชิวก็เข้าใจทันที

“หนังสือที่ฉันให้เธออ่านไปก่อนหน้านี้ ก็เป็นเล่มเดียวกันกับที่ฉันได้รับมา” แล้วเสียงของสวีเมี่ยวหลินก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เป็นสำเนาหนังสือโบราณเหรอครับ?” ฟางชิวรู้สึกช็อก!

สรุปแล้ว หนังสือเล่มนั้นเป็นสำเนาหนังสือโบราณ?

หนังสือโบราณเล่มนั้นมันสุดยอดมาก แล้วหนังสือโบราณเล่มอื่นจะมีการสอนทักษะพิเศษอีกไหมนะ?

บางที เขาไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญในเรื่องการรักษาทั่วไปก็ได้ เขาอาจจะสามารถรักษาโรคของตาเฒ่าได้ด้วยการเรียนรู้จากเนื้อหาบางส่วนของหนังสือโบราณ!

ยิ่งคิดมากเท่าไร ฟางชิวก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น

“คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการร่วมงานเลี้ยงกับผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นก็คือการผ่านประเมินว่าอยู่ในระดับปรมาจารย์” สวีเมี่ยวหลินเปิดเผยข้อมูลอันน่าทึ่งอีกเรื่องให้ฟางชิวรับรู้

ระดับปรมาจารย์?!

ฟางชิวตกตะลึง

แพทย์ที่มีความสามารถเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมงานได้ ซึ่งก็หมายความว่าเขาต้องเป็นแพทย์ระดับปรมาจารย์ภายในหนึ่งปีครึ่ง?

มันจะเป็นไปได้หรือ?

“อาจารย์สวี ไม่ทราบว่าอาจารย์อยู่ในระดับไหนแล้วครับ?” ฟางชิวมองไปที่สวีเมี่ยวหลินและรีบถามออกมา

“ฉันเหรอ?” สวีเมี่ยวหลินยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรออกมา เขากลับยกมือขึ้นแล้วชี้นิ้วไปกลางอากาศ

หากลองสังเกตให้ดี

ฟางชิวก็พบว่าสวีเมี่ยวหลินกำลังเขียนคำว่า ‘ปรมาจารย์’ กลางอากาศอยู่

ปรมาจารย์! ปรมาจารย์จริง ๆ ด้วย!

ฟางชิวรู้ว่าสวีเมี่ยวหลินนั้นเก่งกาจมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่าสวีเมี่ยวหลินจะเป็นแพทย์หนึ่งในห้าสิบคนที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ

หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับการแบ่งระดับของแพทย์แผนจีนและการประเมินแล้ว เขาก็รู้ว่าระดับปรมาจารย์หมายความว่าอะไร

หมายความว่า แพทย์คนนั้นต้องเก่งอย่างน้อยสามด้าน สุดยอด สุดยอดมากจริง ๆ!

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าเขาต้องการได้สำเนาหนังสือโบราณที่กล่าวถึงทฤษฏีการจัดกระดูกอีก เขาต้องเป็นแพทย์ระดับปรมาจารย์

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ฟางชิวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

แพทย์ระดับปรมาจารย์กลายเป็นอุปสรรคที่เขาผ่านไปไม่ได้

“งั้น…” ก่อนที่ฟางชิวจะได้ถาม ทว่าสวีเมี่ยวหลินก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “อย่าถามถึงเรื่องสถานที่จัดงานเลย ฉันบอกเธอไม่ได้ ไม่มีใครสามารถบอกเธอได้หรอก ถ้าเธออยากเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้จริง ๆ เธอต้องเป็นแพทย์ระดับปรมาจารย์ภายในหนึ่งปีครึ่งให้ได้!”

ฟางชิวถอนหายใจอย่างแรง

วิธีการนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลย

เขามองไปที่สวีเมี่ยวหลินอย่างจริงจัง จากนั้นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจว่า

“อาจารย์สวี!”

“เด็กรุ่นใหม่สามารถเรียนแพทย์แผนจีนจากอาจารย์ได้ไหม? ในเมื่อทางมหาวิทยาลัยมีโครงการฝึกงาน งั้นผมขอเป็นลูกศิษย์อาจารย์ได้ไหมครับ” พูดจบ เขาก็จ้องไปที่สวีเมี่ยวหลินอย่างคาดหวัง

สวีเมี่ยวหลินเหลือบฟางชิว ส่ายหน้าพลางพูดว่า

“ไม่จำเป็นหรอก”

“แพทย์แผนจีนนั้นต้องเดินทางหลายพันลี้เพื่อรักษาให้ได้อย่างน้อยหมื่นคน อาจจะไปเยี่ยมคณะอาจารย์บ้าง และถึงฉันจะเก่งทุกวิชาก็จริง ทว่าวิชาเหล่านั้นก็ซับซ้อนเกินไป ถ้าเป็นเนื้อหาพื้นฐานละก็ ฉันสอนให้เธอได้ ส่วนการจะสอนให้เธอเป็นปรมาจารย์นั้น ฉันเกรงว่ามันจะทำให้เธอเสียเวลาเปล่า”

ฟางชิวตกตะลึง

ไม่คาดคิดว่าสวีเมี่ยวหลินจะปฏิเสธตรง ๆ อย่างนี้

เขาอยากขอร้องอีกฝ่ายอีกครั้ง!

สวีเมี่ยวหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “อย่างไรก็ตาม เพราะเธอมีความเชื่อมั่นในการเรียนแพทย์แผนจีน ฉันสามารถแนะนำและสอนบางอย่างให้เธอได้ ฉันจะดูแลเธอเหมือนอาจารย์ปกติทั่วไป ส่วนการประเมิน ฉันก็พาเธอไปประเมินได้เหมือนกัน”

ฟางชิวดีใจมากที่ได้ยินแบบนี้ อย่างน้อยนี่ถือเป็นการรับปากแล้ว

“แต่ยังไงก็ต้องเข้ารับการประเมิน” ทันใดนั้น สวีเมี่ยวหลินก็พูดขึ้นมาอีกว่า “นอกจากนี้ พวกเราต้องการเงิน!”

“เท่าไหร่ครับ?” ฟางชิวรีบถาม

แม้ว่าเขาจะไม่มีเงิน แต่เขาต้องไม่พลาดโอกาสนี้

มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่สามารถหาอาจารย์แบบสวีเมี่ยวหลินได้อีกแล้ว

หากเขาต้องการเรียนทุกวิชา แม้แต่ในสมาคมแพทย์แผนจีนก็ไม่อาจหาผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสมอย่างสวีเมี่ยวหลินได้!

“สามแสนหยวน!” สวีเมี่ยวหลินคลี่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว

สามแสน…

ได้ยินแบบนั้น ฟางชิวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา

เขายังเป็นหนี้ชาวบ้านอยู่หนึ่งพันหยวน ตอนนี้ต้องมาเป็นหนี้อีกสามแสนหยวนอีก?

แต่ว่า!

อย่างไรซะ เงินจำนวนนี้เขาก็ต้องจ่าย!

ถึงเขาจะไม่มีเงิน เขาก็ต้องหาเงินมาให้ได้!

จะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

ถ้าพลาดไปแล้ว ก็ยากที่จะหาอาจารย์ที่เก่งกาจอย่างนี้

“เงินนี้จ่ายไปแล้ว” สวีเมี่ยวหลินเหลือบตามองฟางชิวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “ยิ่งเป็นคนเก่งก็ยิ่งหยิ่งผยอง ฉันต้องแสดงความกตัญญูกับอาจารย์ของฉันเป็นสามปี เขาถึงยอมสั่งสอนฉัน ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องแสดงกตัญญูกับฉันขนาดนั้นก็ได้!”

“ดังคำกล่าวที่ว่า ความมั่งคั่งเป็นแรงกระตุ้นหัวใจคน เธอต้องใช้ใจในการเรียน เธอจะเรียนแพทย์แผนจีนได้ดีก็เมื่อเธอมีความพยายาม”

“ของบางอย่างยิ่งได้มาง่ายก็ยิ่งสูญเสียง่าย ส่วนของล้ำค่าจริง ๆ นั้นหาจากที่ไหนไม่ได้แล้ว ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยที่ของล้ำค่าจะถูกหวงแหน”

พูดมาถึงจุดนี้สวีเมี่ยวหลินก็เปลี่ยนท่าทีไป เขาหัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดว่า “นอกจากนี้ อาจารย์ก็ต้องใช้งานเด็กฝึกงาน ไม่งั้นจะรับเด็กฝึกงานทำไม ในอนาคตถ้าเธอเก่งแล้ว ฉันคืนเงินให้เธอดีไหม”

“ดีครับ! แล้วอาจารย์ต้องการเวลานานแค่ไหน!” ฟางชิวตอบตกลงไม่คิดมาก เขาเงยหน้าขึ้นและถามด้วยความอยากรู้

“เธอตัดสินใจเร็วไปหรือเปล่า?” สวีเมี่ยวหลินถามด้วยรอยยิ้มว่า “สามแสนไม่ใช่เงินน้อย ๆ นะ ทำไมเธอไม่ลองพิจารณาดูก่อนล่ะว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเรียนรู้จนได้เงินคืน?”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟางชิวก็ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วพูดว่า “ผมแค่ต้องการเรียน ผมไม่ได้ต้องการเงิน!”

“ดี!” สวีเมี่ยวหลินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

แค่ต้องการเรียน ไม่ได้ต้องการเงิน พูดประโยคนี้ออกมาก็ถือว่าใช้ได้เลย

ในสมัยนี้มีคนจำนวนไม่มากที่มีความคิดแบบนี้

ปัจจุบันนักศึกษาแพทย์แผนจีนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีนักศึกษาที่เลิกเรียนกลางคันไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน เพราะบางคนไม่ได้เลือกแพทย์แผนจีนเป็นช่องทางในหางานที่ดีในอนาคต

ไม่อยากทำเงินกับยาจีน?

จะมีกี่คนที่เรียนแพทย์แผนจีนกล้าพูดแบบนี้?

“สำหรับเงินสามแสนนั้น ฉันให้เวลาเธอหนึ่งเดือน” สวีเมี่ยวหลินกล่าวว่า “ถ้าเธอมาที่นี่ในบ่ายวันพรุ่งนี้ ฉันจะประเมินเธอในเวลานั้น”

“ครับ!” ฟางชิวพยักหน้าตกลง

หนึ่งเดือนสำหรับสามแสนหยวน แม้ว่ามันจะยากสำหรับเขาในฐานะนักศึกษา เขาก็ต้องทำให้ได้

ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เพียงเพื่อตอบแทนน้ำใจของตาเฒ่า!

เมื่อเห็นว่าฟางชิวออกไปแล้ว สวีเมี่ยวหลินก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันอยากรู้ว่าเธอจะสามารถดึงศักยภาพออกมาได้มากแค่ไหนกันเชียว เลื่อนขั้นเป็นแพทย์ระดับปรมาจารย์ภายในหนึ่งปีครึ่งนั้น ไม่เคยมีใครเคยทำได้มาก่อน”

“ป่วยระยะสุดท้ายแล้วยังยืมเงินเรียน บางทีนี่อาจทำให้กำเนิดอัจฉริยะขึ้นมา!”

“ฉันจะตั้งตารอดูเลย!”

หลังจากออกจากห้องสมุดแล้ว ฟางชิวก็เดินไปที่โรงอาหาร เมื่อกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว เขาก็มุ่งหน้ากลับไปที่หอพัก

เนื่องจากไม่มีเรียนตอนเย็น ฟางชิวจึงหนังสืออ่านหนังสือในหอพัก แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถทำใจให้สงบนิ่งได้

“ฉันควรทำอย่างไรดี?” ฟางชิวคิดหนักระหว่างที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง

เงินสามแสนมันไม่ใช่เงินน้อย ๆ สำหรับเขาเลย และก็ไม่น้อยสำหรับนักศึกษาคนไหนเลย

เขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะหาเงินสามแสนหยวนให้ได้ในหนึ่งเดือน

แต่จะหาเงินอย่างไรดี?

เขารู้สึกลำบากใจอย่างยิ่ง

มีวิธีไหนหาเงินได้บ้างนะ?

หลังจากคิดเรื่องนี้มานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ฟางชิวก็คิดหาวิธีต่าง ๆ ที่สมเหตุสมผลและถูกกฎหมายไม่ออกเลย

ฟางชิวกำลังรู้สึกเครียดมาก โชคดีที่ซุนฮ่าว โจวเสี่ยวเทียนและจูเปิ่นเจิ้งกลับมาพอดี

“เจ้าสาม พวกเราต้องรีบแล้ว ถ้าช้ากว่านี้พวกเราก็จองตั๋วไม่ได้แล้วนะ” ทันทีที่เข้าห้องมา จูเปิ่นเจิ้งก็พูดขึ้น

“สบายใจได้” ทันทีที่ซุนฮ่าวนั่งลงที่หน้าโต๊ะ เขาก็เปิดโน้ตบุ๊กด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ฉันเป็นนักฉกตั๋วที่มีชื่อเสียงนะโว้ย ไม่มีตั๋วใบไหนที่ฉันคว้าไม่ทัน แม้ว่าวันนี้จะต้องใช้เวลาทั้งคืนก็ตาม ฉันก็จะฉกตั๋วพวกนั้นมาให้ได้” พูดจบ เขาก็เริ่มลงมือฉกตั๋วทันที

“พวกนายจะเตรียมตัวไปไหนกัน?” เมื่อได้ยินการสนทนาของทั้งสามคนแล้ว ฟางชิวจึงเลิกกังวลแล้วถามเพื่อนด้วยความสงสัยแทน

“อะไรนะ?” ซุนฮ่าวเงยหน้าขึ้นมองฟางชิว “เจ้าห้า นายอยากไปกับพวกเราไหม?”

“ไม่ไป” ฟางชิวส่ายหัวทันทีก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “ฉันจนมากตอนนี้ แล้วยังต้องไปทำงานที่โรงพยาบาลในวันอาทิตย์อีกต่างหาก”

“วันหยุดอย่างนี้ยังต้องทำงานอีกเหรอ?” โจวเสี่ยวเทียนหันหน้าไปถามด้วยความสงสัย

“ก็ช่วยไม่ได้ ประชาชนต้องการฉัน!” ฟางชิวตอบด้วยท่าทางห่วงใยประเทศและประชาชน

“ถุย!” เมื่อฟางชิวตอบอย่างนั้นแล้ว คำถากถางของโจวเสี่ยวเทียนก่อนหน้านี้ก็ดูแย่ขึ้นมาทันที

“พวกเราจะไปภูเขาไท่ซาน นายไม่อยากไปกับพวกเราจริงเหรอ?” ซุนฮ่าวถามขณะพิมพ์รหัสผ่านสำหรับเว็บไซต์ตั๋วรถไฟ

“ไม่” แล้วฟางชิวก็พยักหน้าเป็นคำตอบ

แต่แล้ว จู่ ๆ ฟางชิวก็ชะงัก

ไท่ซาน?

หลังจากได้ยินซุนฮ่าวบอกอย่างนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก

ชายหนุ่มจำได้ว่าตาเฒ่าเคยเจอสมุนไพรที่ภูเขาไท่ซาน แล้วยังบอกอีกว่ามันหนึ่งในสมบัติล้ำค่า

ในตอนแรก ฟางชิวคิดว่ามันเป็นสมุนไพรทั่วไป แต่เมื่อรู้คุณประโยชน์ของมันแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าจุดประสงค์ในการหาสมุนไพรของตาเฒ่าก็เพื่อระงับอาการบาดเจ็บของตนเอง

แล้วตอนนั้น ฟางชิวก็ได้เรียนรู้จากตาเฒ่าว่าขุมทรัพย์สมุนไพรไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่าที่เล่ากันปากต่อปากเท่านั้น แต่ขุมทรัพย์สมุนไพรมีอยู่จริง ๆ บนโลกใบนี้

[1] การกัวซา เป็นเทคนิคการรักษาโรคตามฉบับแพทย์แผนจีน โดยใช้อุปกรณ์เฉพาะที่มีลักษณะโค้งมนมากดและขูดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยล้างพิษในร่างกาย เพิ่มพลังชีวิต ต้านการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดหลายชนิด เช่น ปวดคอ ปวดหลัง

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน