คุรุการแพทย์ – บทที่ 83 ไม่มีตั๋วไปภูเขาไท่ซาน

คุรุการแพทย์

บทที่ 83 ไม่มีตั๋วไปภูเขาไท่ซาน…

บทที่ 83 ไม่มีตั๋วไปภูเขาไท่ซาน…

ที่ด้านหน้าของจอแสดงผลอันดับแพทย์ดีเด่น

“เสี่ยวเสิ่น คนที่ชื่อฟางชิว เป็นผู้ช่วยแพทย์คนใหม่ที่คุณหามาใช่ไหม?” แพทย์วัยกลางคนอายุราว ๆ ห้าสิบหน้าตาดูอารมณ์ดีเอ่ยถามเสิ่นชุน

“ใช่ครับ” เสิ่นชุนพยักหน้าตอบ

“ชื่อของเขาติดอันดับสองสัปดาห์ติดต่อกันเลยใช่ไหม” แพทย์วัยกลางคนมองดูชื่อฟางชิวบนหน้าจอแสดงผลด้วยสายตาเหลือเชื่อเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็ถามด้วยความสงสัยว่า “เขาตรวจโรคแค่ครึ่งวันจริง ๆ เหรอ?”

“อืม เขาจะมาทำงานทุกบ่ายวันอาทิตย์” เสิ่นชุนอดใจไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

คำพูดแบบนี้ใครจะเชื่อลง?

นี่ถ้าเขาไม่รู้ความจริงว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร เขาก็เชื่อไม่ลงเหมือนกัน!

“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” จู่ ๆ ก็มีเสียงคนพูดแทรกขึ้นมา

เสิ่นชุนจึงหันหน้าไปมอง แล้วพบว่าเขากำลังถูกรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลที่เพิ่งเลิกงาน แต่ละคนต่างจ้องมองไปที่หน้าจอแสดงผลอันดับของแพทย์ดีเด่นด้วยความตกตะลึง

“จะเป็นไปได้ยังไงที่หมอฟางชิวจะติดอันดับถึงสองสัปดาห์ติดต่อกัน เขามาตรวจโรคแค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้นเอง! แล้วเขาจะขึ้นไปติดอันดับรายชื่อแพทย์ดีเด่นได้ยังไงกัน!”

เนื่องจากทุกคนในที่นี้เป็นแพทย์ พวกเขาก็มักจะรักษาภาพลักษณ์ที่ดีอยู่เสมอ

แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์ได้อีกต่อไป

พวกเขาเลิกสนใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน แล้วถามคำถามออกไปตรง ๆ!

“นี่มันเกินจริงไปหรือเปล่าเนี่ย?”

“แค่ตลอดบ่ายนี้ก็ได้ยี่สิบสี่คะแนนโหวตแล้วเหรอ?”

“เป็นไปไม่ได้เลย ปกติแล้วช่วงบ่ายจะตรวจโรคให้คนไข้ได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ว่าอัตราการลงคะแนนจะสูงแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ถึงยี่สิบสี่คะแนนโหวต! เขาเพิ่งเข้ามาเอง!” ข้อสงสัยมากมายถูกวิพากย์วิจารณ์ในสถานที่แห่งนี้

หลายคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นนั้น

แม้กระทั่งแพทย์วัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเสิ่นชุนก็ยังอดสงสัยในเรื่องนี้ไม่ได้

เป็นแค่นักศึกษาธรรมดาคนหนึ่ง จะได้คะแนนโหวตตั้งยี่สิบสี่คะแนนได้อย่างไรกัน?

แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงละก็ บรรดาแพทย์สูงวัยทั้งหลายคงจะไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดี

และไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แต่แพทย์ทั้งโรงพยาบาลอาจจะต้องเสียหน้าด้วย!

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฟางชิวเป็นเด็กที่เสิ่นชุนแนะนำมา และยังได้รับการอนุมัติจากผู้อำนวยการแล้ว นี่จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ถ้าอย่างนั้น ผลแสดงอันดับรายชื่อแพทย์ดีเด่นที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นเรื่องจริงหรือ?

แพทย์วัยกลางคนตกใจกับข้อสรุปของเขาเอง เป็นเหตุให้รอยยิ้มที่ขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที

จากนั้นแพทย์วัยกลางก็พูดออกมาว่า “ถ้ามันเป็นเรื่องจริง นี่ก็คงจะเป็นคลื่นลูกใหม่ซัดคลื่นลูกเก่า*[1] แล้ว! คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าวงการแพทย์แผนจีนที่เก่าแก่และมีค่าอย่างนี้จะได้ใช้ประโยคนี้ด้วย คนคนนี้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย สุดยอดมากจริง ๆ!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น มุมมองและความคิดของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีนหลายคนในวัยเดียวกับเขาก็เปลี่ยนไป

หลังจากทำงานในโรงพยาบาลมาหลายปี พวกเขาย่อมรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนที่จะหาต้นกล้าดี ๆ เจอสักต้น และที่ยากไปกว่านั้นก็คือการหาอัจฉริยะแบบฟางชิว ผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านแพทย์แผนจีนสูงและคนไข้ทุกคนยอมรับในทักษะการแพทย์

“ฉันไม่เชื่อ!” ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจกับความสามารถของฟางชิวอยู่นั้น จู่ ๆ แพทย์หนุ่มคนหนึ่งก็พูดโพล่งขึ้นมา

“เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่นอน!”

“ถ้าพูดให้ดูดี เขาก็เป็นเหมือนหมอฝึกหัดคนหนึ่ง แต่ถ้าพูดให้ดูแย่ เขาก็เป็นแค่หมอเถื่อน กล้ามาทำงานในโรงพยาบาลทั้งที่ยังเรียนไม่จบ แค่ช่วงบ่ายวันเดียวก็รักษาคนไข้ไปมากมาย แล้วยังได้โหวตสูงอีก เขาก็รักษาคนไข้ยี่สิบสี่คนโดยใช้เวลาในการรักษาคนไข้หนึ่งคนไม่ถึงเก้านาทีด้วยซ้ำ นี่มันจะไวเกินไปแล้ว!”

“ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคะแนนโหวตเขาก็ยังได้เต็มอีกด้วย นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”

“ยังไงซะฉันก็ไม่เชื่อ เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่ ๆ!” ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา แพทย์แผนจีนวัยกลางคนก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

เพราะคำพูดของเพื่อนร่วมงานค่อนข้างแรงเกินไป แล้วยิ่งพูดในที่สาธารณะอย่างนี้ด้วย

มีความฉลาดทางอารมณ์ต่ำจริง ๆ!

อย่างไรก็ตาม เมื่อเหล่าแพทย์หนุ่มได้ยินแบบนั้น พวกเขาหลายคนก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ฉันก็ไม่เชื่อ ไม่ว่าฟางชิวจะเก่งขนาดไหน แต่เขาก็ไม่น่าจะเก่งขนาดนั้น!” มีแพทย์หนุ่มคนหนึ่งรีบพูดสนับสนุน

“ส่วนคนไข้พวกนี้ ไม่ใช่ว่าหมอฟางชิวเป็นคนเรียกให้มาโหวตคะแนนหรอกเหรอ”

“การรักษาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น รักษาเร็วแบบนี้คิดว่าคนไข้เข้าคิวรอซื้ออาหารอยู่รึไง”

“คิดยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อ เขาโกงหรือเปล่า แบบนี้การจัดอันดับแพทย์ดีเด่นเสียหายหมด!” แพทย์รุ่นเยาว์หลายคนยังคงตั้งคำถามต่อไป

แล้วความสงสัยเริ่มแผ่กระจายไปทั่ว จากมุมมองของพวกแพทย์ นี่มันผิดปกติแล้ว!

ใครจะไปถึงระดับนี้ได้อีก?

เมื่อได้ยินคำถามมากมายดังเข้ามาในหูของตัวเอง เสิ่นชุนก็ขมวดคิ้วแน่น เขาอยากจะพูดอะไรสักสองสามคำ แต่สุดท้ายกลับส่ายหัวและคลี่ยิ้ม จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

เดี๋ยวความจริงก็จะพิสูจน์ทุกอย่างเอง

เขาเชื่อใจฟางชิว!

จากนั้นแพทย์แผนจีนวัยกลางคนหลายท่านก็จากไปพร้อมรอยยิ้ม และไม่มีใครสนใจแพทย์รุ่นใหม่กลุ่มนั้นอีกเลย

คนพวกนี้มีมุมมองตื้นเขินเกินไป! ร้อนรนอยากจะเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมให้ได้สิน่า

อีกด้านหนึ่ง

ระหว่างที่แพทย์และพยาบาลหลายคนตกใจที่เห็นฟางชิวติดอันดับแพทย์ดีเด่นอีกครั้ง ฟางชิวก็ได้ออกจากโรงพยาบาลที่ทางประตูหลังตั้งแต่รักษาคนไข้รายสุดท้ายเสร็จ

เมื่อออกจากโรงพยาบาลมาแล้ว ฟางชิวก็ใช้โทรศัพท์มือถือตัวเองจองตั๋วขณะเดินไปที่หอพักของมหาวิทยาลัย

“หมดแล้ว?” หลังเข้าสู่เว็บไซต์การจองตั๋ว ฟางชิวก็พบว่าตั๋วรถไฟจากเมืองเจียงจิงไปยังเมืองไท่อันหมดแล้ว

ที่จริงแล้ว ตอนที่ซุนฮ่าวจองตั๋ว เขาก็คิดว่าตนเองจะจองตั๋วได้ทันไหม แต่พอมาคิดอีกที เขาจะออกเดินทางในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่สองของวันหยุดวันชาติ ที่นั่งบนรถไฟก็ไม่น่าจะแน่นขนาดนั้น เขาเลยไม่ได้รีบจองตั๋ว แต่ตอนนี้แค่เข้าเว็บไซต์แปปเดียว เขาก็อดตะลึงไม่ได้

ประเทศจีนนี่คนเยอะจริง ๆ!

ฟางชิวได้แต่ถอนหายใจออกมา

หลังจากไถหน้าจอเป็นเวลานาน เขาก็พบว่ามีตั๋วที่ไปถึงครึ่งทางของที่หมายเท่านั้น และไม่ได้ผ่านเมืองไท่อันด้วย ดังนั้นหลังจากที่ขึ้นรถแล้ว เขาจะไม่สามารถจองตั๋วไปเมืองไท่อันได้

ฟางชิวจึงได้โทรเข้าไปที่สถานีขนส่งแทน

สุดท้ายตั๋วรถที่สถานีขนส่งก็หมดเช่นกัน แม้กระทั่งตั๋วของวันพรุ่งนี้ก็ยังขายหมดแล้ว…

“นี่มันยุ่งยากแล้ว…” ฟางชิวกล่าวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้ว่าจะไม่มีตั๋ว เขาจะจองตั๋วรถไฟของวันนี้ล่วงหน้าตั้งแต่เนิ่น ๆ เลย

นี่ถ้ารู้เร็วกว่านี้นะ เขาคงจะไม่ต้องเสียใจอย่างนี้หรอก!

“คงต้องซื้อตั๋วรถไฟไปถึงแค่ครึ่งทางก่อน จากนั้นค่อยหาวิธีไปเมืองไท่อันทีหลัง”

“พอถึงแล้วก็ต้องลองมองดูว่ามีรถบัสไปเขาไท่ซานไหม”

“ถึงแม้มันจะลำบากนิดหน่อย แต่สำหรับตอนนี้ นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำได้” ฟางชิวถอนหายใจ และไม่ลังเลที่จะรีบคว้าตั๋วเอาไว้

หลังจากได้ตั๋วแล้ว เขาก็กลับไปถึงหอพักพอดีแล้วเริ่มเก็บของ พอตกกลางคืน ฟางชิวก็ขึ้นรถไฟพร้อมกับกระเป๋าบนหลัง

ในกระเป๋าใบนี้มีน้ำและขนมปังมากมาย รวมถึงเสื้อผ้าและรองเท้าด้วย มีกระทั่งพลั่วพับอันเล็ก ๆ ที่เขาแอบซื้อทางออนไลน์

ฟางชิวพร้อมนั่งเบาะนั่งแข็ง ๆ ไปหลายชั่วโมงแล้ว

ระหว่างทางก็มีคนมาพูดคุยกับฟางชิวเป็นครั้งคราว เขาทำตัวเป็นมิตรกับทุกคน และไม่ได้นอนตลอดทาง

ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากนอน แต่เนื่องจากตั๋วใบนี้พาเขาไปถึงแค่สถานีถงอู่ แล้วรถไฟจะไปถึงสถานีถงอู่ตอนตีสาม

ฟางชิวจึงทำได้แค่พักสายตาเท่านั้น

เวลาตีสาม รถไฟก็จอดที่สถานีถงอู่อย่างตรงเวลา

หลังจากที่ฟางชิวกล่าวอำลากับผู้โดยสารที่นั่งข้าง ๆ เขาก็หยิบกระเป๋าเป้สะพายหลังขึ้นแล้วลงจากรถไฟไป

เมื่อออกจากสถานีรถไฟถงอู่ ดวงจันทร์ที่สว่างไสวก็ลอยขึ้นสูง

ฟางชิวเหม่อมองไปรอบ ๆ คืนนี้ช่างยาวนาน แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา

“นี่ก็ดึกมากแล้ว พอถึงที่นั่นแล้วคงต้องรีบหารถบัส”

แม้ว่าท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยดวงดาวสวยงาม แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะดูมันเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มทำได้เพียงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแผนที่ เพื่อดูเส้นทาง จากนั้นเริ่มมองหาถนนทางหลวงจากจุดที่เขายืนอยู่เพื่อไปยังภูเขาไท่ซาน ฟางชิวกะจะเดินเลียบทางด่วนเพื่อดูว่าเขาจะหารถนั่งได้ไหม

แม้ว่าจะมีความหวังแค่เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ดีกว่าไม่มีหวังเลย

ถ้ามันไม่เวิร์กจริง ๆ ก็ค่อยหารถบัสไปเมืองไท่อันในตอนกลางวัน

คิดได้ดังนั้นแล้ว ฟางชิวก็กระโดดหายตัวไปในความมืด

ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ริมถนนเลยสักคนเดียว

พอฟางชิวรวบรวมพลังปราณไว้เพียงพอ เขาก็พุ่งไปที่ทางด่วนอย่างไว

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง

ห่างจากจุดที่ฟางชิวยืนอยู่ไปสามร้อยเมตรก็จะมีประตูเก็บค่าผ่านทางด่วนที่จะไปเมืองไท่อัน เขาเหยียดมือขวาออกไปแล้วยกนิ้วโป้งขึ้น จากนั้นก็รอ

แถวชานเมืองที่ทุรกันดารอย่างนี้มักจะมีลมหนาวพัดไปมาอยู่เสมอ

ฟางชิวยืนอย่างโดดเดี่ยวและอ้างว้าง

ต่อให้ยากลำบากแค่ไหนก็ตาม ฟางชิวก็ยังมุมานะ เขาหยุดยืนอยู่ริมถนน หลับตาลงแล้วเริ่มฝึกฝน

ไม่นานก็มีแสงระยิบระยับค่อย ๆ เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ฟางชิวลืมตาขึ้นทันที ชายหนุ่มยื่นมือออกไปแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นเพื่อขอติดรถไปด้วย

ฟ้าวววว!

ไม่มีวี่แววว่ารถจะชะลอให้เลย แต่ละคันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนมีลมกระโชกแรงพัดผ่านเขาไปตรง ๆ โดยที่ไม่สนใจเขาเลย

ท่ามกลางสายลมพวกนั้น ฟางชิวค่อย ๆ เก็บนิ้วหัวแม่มือ

ทว่าจู่ ๆ ก็มีรถขับมาอีกคัน ฟางชิวยกนิ้วโป้งขึ้นอีกครั้ง

ฟ้าวววว!

แล้วก็ขับผ่านเลยไปอีกคัน โดยที่ไม่มีการเบรกเลย…

บนทางหลวงมีรถหลายคัน แต่ก็ขับผ่านเขาไปทุกคัน

รอยยิ้มชายหนุ่มขมขื่นอย่างยิ่ง ไม่มีใครจอดถามเขาเลยสักคัน

ฟ้าวววว!

แล้วรถอีกคันก็ผ่านไป และดูเหมือนว่าจะยิ่งเพิ่มความเร็วมากขึ้นกว่าเดิมตอนที่ขับผ่านเขาไป

คงไม่ได้คิดว่าเขาเป็นผีกันหรอกนะ?

คิดได้ดังนั้น ฟางชิวก็ก้มมองเสื้อผ้าของเขา

เสื้อยืดสีขาว กางเกงสีดำ

แม่งเอ๊ย!

ในคืนมืดมิดอย่างนี้ เมื่อแสงส่องลงมา คนอื่นอาจจะคิดว่าเขาเป็นผีที่ไม่มีขา มีแค่ร่างกายส่วนบนเท่านั้น!

จบแล้ว!

มันจบแล้ว!

ขอติดรถไปด้วยในช่วงเวลาตีสามกว่า ๆ ถ้าไม่ใช่คนบ้าก็เป็นผีแล้ว

“เฮ้อ…” ฟางชิวถอนหายใจแล้วพลางส่ายหัว

ตอนออกมาข้างนอกครั้งหน้า เขาต้องตั้งใจเลือกเสื้อผ้าดี ๆ หน่อยแล้ว!

ทันใดนั้นเอง ไม่ไกลออกไป เขาก็เห็นรถอีกคันวิ่งมา

“ถ้าบังเอิญมีรถที่จะไปเมืองไท่อันมาเสียตรงนี้ แล้วยอมให้ฉันติดรถไปด้วย แต่พอฉันขึ้นรถแล้วรถก็หายพัง แบบนี้แสดงว่ามันต้องเป็นโชคชะตาแล้ว!”

ไม่ทันขาดคำ

รถที่วิ่งมาแต่ไกลก็เบรกกะทันหัน

เสียงดังเอี๊ยดทำให้เกิดเป็นรอยยางสีดำเป็นทางยาว จากนั้นเสียงคำรามของเครื่องยนต์ก็ดับไป

รถหยุดอยู่ตรงหน้าฟางชิวพอดิบพอดี

ฟางชิวตกตะลึง

รถเสีย?

เฮ้ย!

แบบนี้ก็ได้เหรอ?

หัวใจฟางชิวเต้นแรง

เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเดินไปที่รถ SUV ขนาดเล็ก

ทันทีที่รถหยุด วัยรุ่นชายหญิงสองคนก็ลงจากรถ

เมื่อเห็นฟางชิว ทั้งสองคนก็ตกใจทันที

ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มีคนโผล่ออกมาตอนกลางคืนล่ะ?

ทั้งสองคนเริ่มระวังตัว

“สวัสดี” ฟางชิวเดินเข้าไปใกล้แล้วทักทายด้วยความสุภาพ และไม่ลืมส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

“มีอะไร?” ชายที่สวมชุดลำลองจ้องมองฟางชิวอย่างระมัดระวัง

“ขอถามหน่อยว่า คุณจะไปที่ภูเขาไท่ซานหรือเปล่า”

ชายคนนั้นไม่ตอบ เขาเตรียมกำหมัดแน่น ขณะจ้องมองฟางชิวอย่างไม่วางตา

ฟางชิวดีใจมากเมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มผู้นี้เป็นแบบนั้น

แสดงว่าพวกเขาต้องไปภูเขาไท่ซานแน่นอน ไม่อย่างนั้นตนคงถูกปฏิเสธไปนานแล้ว

“พวกคุณไม่ต้องระแวงขนาดนั้นก็ได้”

ฟางชิวรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ฉันเป็นนักศึกษา แล้วก็กำลังจะไปภูเขาไท่ซานเหมือนกัน แต่ฉันจองตั๋วไม่ทันเพราะตรงกับวันหยุดชาติ ฉันก็เลยมาโผล่ที่นี่และหารถต่อไปที่นั่น”

“นักศึกษางั้นเหรอ?” ชายคนนั้นมองฟางชิวจากบนลงล่างด้วยความประหลาดใจ

เมื่อเห็นว่า ฟางชิวดูเป็นคนดีและเหมือนนักศึกษาจริง ๆ ความระแวดระวังก็ลดลงไปมาก

“ฉันยืนอยู่ตรงนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ไม่มีรถคันไหนหยุดให้เลย โชคดีที่ฉันได้เจอพวกเธอ ขอนั่งรถไปด้วยได้ไหม” ฟางชิวถาม

“ได้สิ แต่รถของพวกเราเสีย ไม่รู้ว่าจะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่” ชายเจ้าของรถไม่ได้ปฏิเสธ

ขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นพูด ผู้หญิงข้าง ๆ เขาก็ดึงแขนเสื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเธอไม่ต้องการให้ฟางชิวเข้าไปในรถ เพราะกลัวว่าฟางชิวจะเป็นคนไม่ดี

ผู้ชายคนนั้นจึงลูบมือของเธอเพื่อส่งสัญญาณให้เธอรู้สึกสบายใจ

อันที่จริงก็พูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะเขาไม่รู้ว่ารถจะซ่อมเมื่อไร ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถซ่อมแซมได้ก่อนรุ่งสางด้วยซ้ำ

“เธอไปรอตรงนั้นก่อน เดี๋ยวฉันจะไปซ่อมรถ” ชายหนุ่มขอให้แฟนสาวกลับไปที่รถก่อน เธอจึงตอบกลับมาว่า

“ก็ได้”

ฟางชิวยืนข้างชายเจ้าของรถ และชวนเขาคุยขณะที่รอช่างซ่อม จึงได้รู้ว่าสองคนนี้กำลังขับรถไปเที่ยวช่วงวันหยุด

แต่คิดไม่ถึงว่ารถจะมาพังลงที่นี่

“หวังว่ารถจะซ่อมเสร็จไว ๆ”

ฟางชิวพูดพึมพำเบา ๆ หลังจากพูดจบ

ในตอนนั้นชายเจ้าของรถก็พยายามสตาร์ตรถอีกครั้ง ปรากฏว่ารถสตาร์ตได้ปกติ…

[1] คลื่นลูกใหม่ซัดคลื่นลูกเก่า หมายถึง คนรุ่นใหม่ที่ความสามารถมากกว่าเข้ามาแทนที่คนรุ่นเก่า

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท