คุรุการแพทย์ – บทที่ 86 รวยแล้ว!

คุรุการแพทย์

บทที่ 86 รวยแล้ว!

บทที่ 86 รวยแล้ว!

ลึกเข้าไปในภูเขาไท่ซาน

สวบ!

มีร่างหนึ่งกำลังเดินอยู่ในป่าด้วยความว่องไว

ทุกครั้งที่เดินไปได้ระยะหนึ่ง เขาก็จะหยุดแล้วมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง คนคนนั้นก็คือ ฟางชิว

ฟางชิวแบกกระเป๋าปีนขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาไท่ซาน

“แปลกมาก!” ฟางชิวที่อยู่ในป่าอันเขียวชอุ่มพูดกับตัวเองว่า “ที่นี่อยู่ใกล้กับส่วนที่ลึกที่สุดของภูเขาไท่ซานแล้ว แต่ทำไมถึงไม่มีร่องรอยของสัตว์วิญญาณปรากฏขึ้นมาเลยล่ะ”

ในความคิดของเขานั้น เหล่าสัตว์วิญญาณผู้พิทักษ์ที่ปกป้องสมบัติของขุมทรัพย์สมุนไพรมักจะซ่อนอยู่ในภูเขาลึกและอยู่ในที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ และเขาก็เข้ามาในป่าลึกขนาดนี้แล้ว มันก็น่าจะเจอร่องรอยของสัตว์วิญญาณบ้าง

อย่างไรก็ตาม ระหว่างทาง เขาก็ได้พบกับสัตว์ทั่วไปมากมาย ทั้งหมูป่า กวางซิก้า สุนัขจิ้งจอก แต่ก็ไม่มีวี่แววของสัตว์วิญญาณเลย

“ไม่รู้ว่าจะเจอเมื่อไหร่” ฟางชิวแอบถอนหายใจออกมา

แต่ทันทีที่เขาเดินไปได้ไม่กี่เมตร เขาก็หยุดฝีเท้าลง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาและเริ่มจะเน่าเปื่อยเพราะความชื้นในป่า

หากลองมองให้ละเอียดยิ่งขึ้น

ที่โคนของต้นไม้เน่าเปื่อยนั่น จะมีพืชสีแดงเข้มที่มีความมันวาวเหมือนกับว่าถูกทาสีไว้

“เห็ดหลินจือป่า?” ฟางชิวตกตะลึง เขารีบก้าวไปข้างหน้าแล้วย่อตัวลงตรงหน้าเห็ดหลินจือต้นนั้นทันที

“เป็นคู่เหรอ?” เมื่อย่อตัวลงแล้ว ฟางชิวก็พบว่ามีเห็ดหลินจือต้นเล็ก ๆ อยู่ด้านข้างเห็ดหลินจือที่เขาเจอ

มันเป็นเห็ดหลินจือตัวผู้และตัวเมีย

ใช่ เห็ดหลินจือยังแบ่งประเภทด้วย

ตามบันทึกโบราณ เห็ดหลินจือนั้นก็ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ หลินจงหลิงกับฉงเจิ้น*[1] แล้วต้นที่ขึ้นข้าง ๆ เห็ดหลินจือที่เขาเจอก็อยู่ในวงศ์ตระกูล Polyporaceae หรือเชื้อรา

เห็ดหลินจือป่าเป็นเห็ดหลินจือที่เติบโตตามธรรมชาติ เห็ดหลินจือมีมากกว่าสามร้อยชนิดในโลก แต่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ ‘เห็ดหลินจือป่า’ เห็ดหลินจือป่าชนิดนี้เติบโตในป่าภูเขาลึก มีคุณค่าทางยามาก

เห็ดหลินจือป่าที่เติบโตตามธรรมชาติอาจจะขึ้นเป็นคู่ โดยมีต้นใหญ่หนึ่งต้น ต้นเล็กหนึ่งต้น ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า เห็ดหลินจือป่าตัวผู้ตัวเมีย

แน่นอนว่าสิ่งที่เรียกว่าผู้และเมียไม่ได้หมายถึงเพศของเห็ดหลินจือ แต่หมายถึงใบของเห็ดหลินจือต่างหาก

ต้นใหญ่เป็นตัวผู้ ต้นเล็กเป็นตัวเมีย

เห็ดหลินจือป่าตัวผู้ตัวเมียมีรูปร่างคล้ายกัน แต่ก็มีกลิ่นและฤทธิ์ยาจะดีกว่าเห็ดหลินทั่วไป

หลังสังเกตดูรอบ ๆ แล้ว ฟางชิวก็หยิบพลั่วเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าเป้ของเขาแล้วเริ่มเก็บเกี่ยวทันที

เนื่องจากเขาเรียนแพทย์ ดังนั้นฟางชิวจึงรู้วิธีการเก็บเห็ดหลินจือ

เขาจับโคนเห็ดหลินจือในมือข้างหนึ่ง ใช้มืออีกข้างหนึ่งถือพลั่ว และขุดลึกลงไปสามเซนติเมตรใต้โคนของเห็ดหลินจือ แค่นี้เขาก็เก็บเห็ดหลินจือได้อย่างง่ายดาย

เหตุผลที่เขาไม่ได้ขุดเห็ดหลินจือตรง ๆ ก็เพราะวิธีนี้จะทำให้เหลือไมคอร์ไรซาไว้ และเห็ดหลินจือจะได้เติบโตอีกครั้ง

นอกจากนี้ หลังเก็บเห็ดหลินจือแล้ว ห้ามใช้มือจับที่ดอกเห็ดเพื่อหลีกเลี่ยงผงสปอร์ที่ติดอยู่ที่ด้านบนดอกเห็ด เพราะมันจะส่งผลให้เห็ดหลินจือมีสีไม่สม่ำเสมอ และทำให้ให้คุณภาพของเห็ดหลินจือลดลงด้วย

ฟางชิวใส่เห็ดหลินจือลงในกระเป๋าเป้แล้วออกเดินทางต่อ

“ถึงจะไม่มีร่องรอยของสัตว์วิญญาณ แต่ก็น่าจะมีขุมทรัพย์สมุนไพรมากมายที่นี่” ระหว่างที่ฟางชิวเดินเข้าไปในส่วนลึกของภูเขา เขาก็สังเกตสภาพแวดล้อมไปด้วย

เวลาผ่านไปไม่นาน

“โสมป่า!” ฟางชิวมองไปที่พืชธรรมดา ๆ ต้นหนึ่งที่อยู่บนพื้นด้วยความประหลาดใจ

ตอนนี้โสมป่าหายาก และโสมส่วนใหญ่มักจะมาจากการปลูกแบบเทียม

เขาคิดไม่ถึงว่าจะเจอโสมป่าที่นี่

โชคดีชะมัดเรา!

เนื่องจากโสมจะช่วยบำรุงอวัยวะภายในทั้งห้า ช่วยทำให้จิตใจสงบ ขจัดสารพิษในร่างกาย บำรุงสายตา หากกินโสมเป็นเวลานานก็จะเป็นยาอายุวัฒณะ

ประสิทธิภาพของโสมป่านั้นดีที่สุด

น่าจะขายได้เงินเยอะแน่นอน ฟางชิวรีบเดินเข้าไปเก็บโสมป่าอย่างรวดเร็ว

ก็เหมือนเมื่อครู่นี้ โสมป่าถูกฟางชิวใช้พลั่วเก็บอย่างระมัดระวัง รากของมันจึงไม่มีความเสียหาย

หลังจากเก็บขึ้นมาแล้ว เขาก็หยิบถุงพลาสติกออกมาจากกระเป๋า จากนั้นห่อโสมป่าด้วยความระมัดระวัง แล้วค่อยใส่ต้นโสมลงในกระเป๋า

“ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูเก็บเกี่ยวโสมบนภูเขาไท่ซานจริง ๆ” ฟางชิวยิ้มออกมาอย่างมีความสุข จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีสมุนไพรอื่นอยู่แถวนั้นอีกแล้ว เขาก็ออกเดินทางต่อ

ทว่า ไม่ไกลจากจุดที่ฟางชิวเจอโสมป่า เขาก็เจอโสมอีกต้น อีกทั้งต้นนี้ยังใหญ่กว่าต้นก่อนหน้าเสียอีก

ฟางชิวอดคิดไม่ได้ว่าตัวเขาช่างโชคดีมาก

ไม่มีใครโชคดีเท่าเขาอีกแล้ว!

มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ!

รวยแล้วเว้ย!

โสมต้นนี้มีขนาดใหญ่กว่าต้นแรก และยังเป็นโสมป่าด้วย!

โสมป่าบนภูเขาไท่ซานนั้น เป็นยาสมุนไพรที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ ตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าจะเจอมากมายขนาดนี้

“ถ้าหาสมุนไพรต้นต่อไปเจอไว ๆ แบบนี้อีกก็คงจ่ายค่าเรียนสามแสนหยวนโดยไม่ต้องพึ่งขุมทรัพย์สมุนไพรแล้ว!” ฟางชิวเก็บโสมป่านี้ด้วยรอยยิ้มแล้วเดินทางต่อไป

หลังจากเดินไปได้สักพัก เขาก็ไม่พบสมุนไพรต้นอื่น ๆ อีกเลย เขาจึงเร่งเดินทางเข้าไปในป่าให้ลึกขึ้นมากกว่าเดิม

แม้ว่าฟางชิวจะเดินทางด้วยความเร็ว แต่เขาก็ยังคงสังเกตสภาพแวดล้อมไปด้วย

ทำให้ระหว่างทางข้ามภูเขา เขาก็เจอเห็ดหลินจือเพิ่มอีกสามต้น

เมื่อนับแล้ว ที่ตัวฟางชิวตอนนี้มีเห็ดหลินจือป่าสามต้น และโสมป่าสองต้น สมุนไพรพวกนี้เป็นสมุนไพรที่มีคุณภาพดีเลยทีเดียว

แต่ฟางชิวก็ยังไม่เจอร่องรอยของสัตว์วิญญาณเลยแม้แต่น้อย นี่จึงทำให้ฟางชิวรู้สึกหดหู่

“ขุมทรัพย์สมุนไพรหาได้ไม่ง่ายเลย” ด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง ฟางชิวก็ยังคงเดินหน้าต่อไป

หลังเดินต่อไปอีกแปดกิโลเมตรกว่า ๆ

“ฮือ ๆ…” ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องดังขึ้นมา

เสียงร้องไห้หรือ?

ฟางชิวหยุดเดินแล้วมองไปด้านหน้า และพบว่าเสียงมันดังมาจากเชิงเขาสูงชัน ซึ่งเต็มไปด้วยหินที่ชื้นและแฉะแต่ก็ดูขรุขระลาดเอียงไปด้านข้าง

มีหญ้าขึ้นอยู่รอบหินไม่กี่หย่อม และต้นไม้แถวนั้นก็เบาบางมาก

บนพื้นราบของหิน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนอยู่ คนพวกนั้นล้วนสวมเสื้อผ้ากันลมและอุปกรณ์ป้องกันแบบครบชุด เหมือนว่าเป็นนักเดินป่า

ในกลุ่มนั้นมีคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเปลหามที่ทำจากไม้และหวาย ดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส

ถ้าตั้งใจสังเกต ใบหน้าของคนพวกนั้นตื่นตระหนกผิดปกติ ผู้หญิงหลายคนปิดหน้าแล้วร้องไห้ด้วยเสียงสะอื้น ไม่กล้าหันไปมองข้างหน้าแต่อย่างใด

ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้ากลุ่มกำลังจ้องมองอะไรบางอย่างด้วยความตกใจ

ที่ด้านหน้าของพวกเขานั้นมีหมาป่ายืนจังก้าอยู่!

หมาป่ายืนอยู่บนพื้นหิน มันเอนตัวไปหลังเล็กน้อยพร้อมกับดันขาเตรียมกระโจน สายตาจ้องมองไปที่กลุ่มนักเดินป่า ราวกับจะออกล่าได้ทุกเมื่อ

ใบหน้าของคนในกลุ่มเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เนื่องจากมีคนในกลุ่มได้รับบาดเจ็บ พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะผลีผลาม ถ้าหมาป่าเกิดไม่พอใจขึ้นมา มันก็จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงมากกว่าเดิม

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังสามารถวิ่งได้หากต้องการจริง ๆ

ไม่ต้องพูดถึงคนเจ็บเลย ต่อให้วิ่งเร็วแค่ไหนก็ตาม ใครล่ะจะวิ่งแซงหมาป่าได้?

ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีผู้หญิงอยู่ในกลุ่มอีกด้วย

คนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ร่างกายของพวกเขาก็เกิดอาการแข็งทื่อเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมาป่า

“บรู้วว…”

ทว่าหมาป่ากลับหันหลังอย่างกะทันหัน

ราวกับว่ามันสัมผัสได้ถึงอันตราย มันมองเข้าไปในป่าใกล้ ๆ แล้วย่อตัวลง ก่อนที่จะร้องเสียงคำรามต่ำออกมาด้วยความหวาดกลัว

เป็นเหตุให้สีหน้าของกลุ่มนักเดินป่าเปลี่ยนไป พวกเขาก็หันหน้าไปมองในป่า ซึ่งก็เป็นทิศทางเดียวกับที่หมาป่ากำลังมองอยู่

เมื่อกลุ่มนักเดินป่าหันไปมองดูก็พบว่ามีร่างหนึ่งค่อย ๆ เดินออกมาจากป่ามา

และร่างนั้นก็คือ ฟางชิว

หลังเห็นเครื่องแต่งกายของฟางชิวแล้ว กลุ่มนักเดินป่าก็ต่างตกตะลึง

ทำไมจู่ ๆ ถึงมีคนอยู่บนภูเขาลูกนี้ได้ล่ะ?

อีกทั้งยังเป็นแค่เด็กขี้เหงาคนหนึ่ง!

ที่สำคัญที่สุดก็คือ แค่ลำพังกลุ่มพวกเขาก็ลำบากพอแรงอยู่แล้ว แล้วเด็กคนนี้จะโดดเข้ามาร่วมวงด้วยทำไม?

เด็กคนนี้ก็จริง ๆ เลยนะ

ถ้าเขาเห็นสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ไปซ่อนตัวอยู่ไกล ๆ แล้วใช้ก้อนหินหรืออะไรก็ได้เพื่อข่มขู่ให้หมาป่าออกไป แต่เขากลับเดินหน้าเข้าไปหาหมาป่าแทนเสียนี่?

เด็กคนนี้ดูไม่มีสมองเลย!

กลุ่มของนักเดินป่ามองฟางชิวด้วยสายตาเศร้าระคนสงสาร

แต่วินาทีถัดมา พวกเขาทั้งหมดก็ต้องตกตะลึง

เพราะพวกเขาพบว่าหลังจากที่เด็กชายออกมาจากป่าแล้ว ทุกครั้งที่เด็กชายก้าวไปข้างหน้า หมาป่าที่ดูดุร้ายก็ไม่อาจหยุดคำรามได้ มันร้อง “บรู้วว” แล้วถอยไปข้างหลังอย่างระแวดระวัง

หมาป่าทำราวกับว่าเด็กคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวมาก

กลุ่มนักเดินป่าจึงมองฟางชิวด้วยความประหลาดใจ

เพราะดูจากร่างของชายหนุ่มแล้ว ถึงจะไม่ผอมมากแต่ก็ดูไม่ค่อยแข็งแรงเช่นกัน

และดูจากรูปลักษณ์แล้ว ชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่ใช่คนดุร้าย ไม่น่าจะสามารถฆ่าหมาป่าด้วยรูปลักษณ์แบบนั้น

เมื่อสังเกตจากอายุและการแต่งกายแล้ว เห็นได้ชัดว่าคงยังเรียนอยู่

หมาป่าตัวนี้จะกลัวได้อย่างไร?

กลุ่มของนักเดินป่าไม่สามารถอธิบายภาพตรงหน้าได้

ผู้หญิงสองสามคนที่ร้องไห้ตลอดเวลา เมื่อเห็นฉากนี้ก็หยุดร้องไห้ทันที พวกเธอขยี้ตาจนแดงก่ำ สายตาฉายแววความหวังออกมาเล็กน้อย

หวังว่าตัวเองจะมีชีวิตรอด!

กรอบแกรบ…

ฟางชิวจ้องไปที่หมาป่าอย่างเย็นชาแล้วก้าวเดินไปข้างหน้า หนึ่งก้าว สองก้าว เป็นการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงมาก

หมาป่าล่าก็ถอยหลังไปเรื่อย ๆ จากนั้นมันก็พลิกตกลงไปที่พื้นหินข้างล่าง และก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว มันสะบัดเท้าแล้ววิ่งออกไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย

เหมือนกับว่ามันเจอสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น!

เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว ฟางชิวก็เดินไปที่ด้านข้างกลุ่มนักเดินป่า ความเย็นชาบนใบหน้าของเขาหายไป รอยยิ้มผุดขึ้นแทนที่

“พวกคุณโอเคกันไหมครับ?”

“คุณ… คุณ…” หัวหน้ากลุ่มจ้องมองฟางชิวด้วยท่าทางตกใจ จากนั้นก็ยื่นมือออกมาและชี้ไปที่ตำแหน่งที่หมาป่าเคยอยู่ก่อนหน้านี้ ราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็พูดไม่ออก

“คุณเป็นใคร แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” คนหนึ่งในกลุ่มสามารถบังคับตัวเองให้ถามออกมาอย่างใจเย็นได้

“ใช่ ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองอย่างน้อยสิบกิโลเมตรเลยนะ คุณเข้ามาได้ไงโดยที่ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย มีแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวเท่านั้น” ผู้หญิงคนหนึ่งเรียกความกล้าของตัวเองออกมาแล้วเอ่ยถามอย่างเสียงดัง

ทุกคนมองฟางชิวแบบไม่วางตา ในแววตาของพวกเขาก็มีความกลัวปรากฏเป็นระลอก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกลัว เพราะพวกเขาเห็นว่ามีคนที่ทำให้หมาป่าตกใจกลัวจนต้องวิ่งหนีไป แล้วใครจะไม่กลัวบ้างล่ะ!

และรูปลักษณ์ของเด็กคนนี้ก็แปลกจริง ๆ

พอเด็กคนนี้เดินมา หมาป่าก็หนีไป ทำได้อย่างไรกัน?

เมื่อมองดูความหวาดกลัวของหมาป่าแล้ว เหมือนกับว่ามันเห็นศัตรู พวกเขาไม่เคยได้ยินว่าหมาป่าที่ดุร้ายจะขี้ขลาดขนาดนี้มาก่อนเลย!

หมาป่าไปแล้ว แต่เด็กคนนี้ยังอยู่!

ฟางชิวทำให้หมาป่ากลัวได้ แล้วพวกเขาจะไม่กลัวได้อย่างไร?

นอกจากนี้ ในหุบเขาลึกและป่าทึบอย่างนี้แล้ว ถ้าเด็กคนนี้ทำอะไรพวกเขาขึ้นมาจริง ๆ พวกเขาจะสามารถทำอะไรได้?

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของกลุ่มนักเดินป่า ฟางชิวแค่ยิ้มและไม่ตอบอะไรออกไปเพราะเขาไม่สามารถตอบได้

ฟางชิวจึงหันไปมองชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเปลหาม ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะถามว่า “เขาเป็นอะไรเหรอครับ?”

“ตอนเดินผ่านหน้าผาแล้วเท้าลื่น ขาเขาก็เลยหัก” ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มตอบด้วยสีหน้ากล้าหาญ

“ให้ผมดูหน่อย” ฟางชิวไม่รอคำตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าทันที

มีคนพยายามจะหยุดฟางชิว แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ขยับตัว ฟางชิวก็เดินไปถึงตัวคนที่นอนอยู่บนเปลหามแล้ว

[1] ฉงเจิ้น แปลว่าสมบัติ

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน