คุรุการแพทย์ – บทที่ 89 หัตถ์ทำลายล้าง!

คุรุการแพทย์

บทที่ 89 หัตถ์ทำลายล้าง!

บทที่ 89 หัตถ์ทำลายล้าง!

“การรักษาโรคกระเพาะอาหารทำได้ง่ายมาก”

ชายชรากล่าวว่า “ใช้ลำไยหนึ่งเม็ด พริกไทยเจ็ดเม็ดและโกฐ*[1] ตากแห้งบดละเอียด ตำส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ตอนเธอจะเข้านอนตอนกลางคืน ให้เลือกก้อนที่มีขนาดเท่าเล็บมือมาใส่ที่สะดือ”

เมื่อเห็นการแสดงออกที่งงงวยของฟางชิว ชายชราจึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม

“อย่าประมาทสะดือของเรา เพราะสะดือสามารถดูดซับสสารได้”

“ในสมัยก่อน คนสูบฝิ่นบางคนถูกจับขังคุก พวกเขาจึงไม่กล้าสูบอีก ทว่าพวกเขาก็ได้แอบเอาผงฝิ่นมาใส่ที่สะดือ ผลก็คือ เหมือนกับว่าพวกเขาได้สูบฝิ่นจริง ๆ”

“มีรูในสะดือของเรา เพราะอาหารและการหายใจในครรภ์มารดาก็ขึ้นอยู่กับสะดือนี้ เราจึงสามารถใส่ยานี้ที่สะดือได้ แล้วปิดด้วยเทปก่อนเข้านอน ถ้าเธอต้องการใช้ยา สะดือก็จะซึมซับยาอัตโนมัติ แต่ถ้าเธอไม่ต้องการใช้ยา สะดือก็จะไม่ซึมซับตัวยา”

“ด้วยวิธีนี้ลำไส้ก็จะดูดซับยาได้ หลังจากนั้นสองสามวัน ปัญหาทางเดินอาหารก็จะหมดไป แต่ถ้าเป็นอาการท้องเฟ้อก็จะใช้วิธีนี้ไม่ได้”

“แต่เธอต้องจำไว้ว่านี่เป็นสูตรลับ เอาไปใช้ช่วยรักษาคนได้ แต่อย่าใช้สูตรลับนี้เพื่อทำเงินเด็ดขาด คนเราควรจะทำความดีเอาไว้ให้มากหน่อย” ชายชราตักเตือนออกมา

“ผมจะจำไว้ครับ ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมาก” ฟางชิวยืนขึ้นและโค้งคำนับขอบคุณ

“ไปเถอะ ฉันรู้ว่าเธอมีธุระต้องทำ ฉันจะไม่รั้งเธอแล้ว” ชายชรามองไปที่ฟางชิว แล้วโบกมือด้วยรอยยิ้ม

“ผู้อาวุโส ที่นี่มีแหล่งน้ำไหมครับ?” ฟางชิวไม่ได้จากไปแต่เอ่ยถามขึ้นมาแทน

“มี อยู่ในหุบเขาข้างหน้าสองร้อยเมตรนี่เอง”

“ครับ!” ฟางชิวกล่าวด้วยความเคารพ “ผมเห็นว่ามีน้ำเหลืออยู่แค่ครึ่งโอ่งแล้ว ก่อนที่ผมจะจากไป ผมจะเติมน้ำให้ก่อนนะครับ”

“ไม่จำเป็น” ชายชรายิ้มและส่ายหัวปฏิเสธ แม้ว่าชายชราจะปฏิเสธ แต่ฟางชิวก็ยังยืนยันที่จะทำ

ความเมตตาควรจะได้รับการตอบแทน นี่คือหลักการของเขา!

ชายชราสอนอะไรมากมาย ฟางชิวเลยได้เรียนรู้อะไรมากมาย เขาจึงอยากตอบแทนชายชรา

“ผู้อาวุโสไม่เพียงช่วยแก้ข้อสงสัยของผมและให้น้ำผมดื่ม แต่ยังส่งต่อสูตรลับให้ผมอีก ฉะนั้น ถ้าผมไม่ได้ตอบแทน ผมก็จะรู้สึกแย่มาก”

โดยไม่รอให้ชายชราปฏิเสธ ฟางชิวก็เข้าไปในกระท่อม และหยิบถังไม้ที่หน้าโอ่งเก็บน้ำ ก่อนจะรีบวิ่งออกไป

ชายชรามองตามแผ่นหลังของฟางชิว และทำได้แค่คลี่ยิ้มออกมา

สามนาทีต่อมา

ฟางชิวก็ช่วยชายชราเติมน้ำในโอ่งจนเต็ม แต่ก็ยังไม่จากไป

เขาวิ่งตรงไปที่หลังบ้าน หยิบขวานไปผ่าฟืนที่กองอยู่หลังบ้านให้เป็นท่อน ๆ

เมื่อชายชราเห็นฟางชิวผ่าฟืนได้อย่างง่ายดายเหมือนกับการหั่นผัก ชายชราจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ ด้วย”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟางชิวก็หัวเราะออกมาแล้วไม่พูดอะไร เขายังคงผ่าฟืนต่อไป

“แต่ดูไปดูมา เธอก็เป็นเหมือนคนธรรมดาเลยนะ” ทันใดนั้น ชายชราก็พูดคำคลุมเครือออกมา เป็นเหตุให้ฟางชิวตะลึงไปชั่วขณะ

เขาเงยหน้ามองชายชราด้วยความมึนงง ชายชราหัวเราะออกมา ทว่าไม่ได้พูดอะไรต่อ

ฟางชิวทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ และแล้วหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ผ่าฟืนเสร็จ

ชายหนุ่มยืดตัวยืนขึ้น จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าหญ้าบนหลังคากระท่อมเน่าเปื่อยแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า “ผู้อาวุโส ผมจะช่วยท่านซ่อมแซมกระท่อมนะครับ”

“ไม่ต้องหรอก” ชายชรายืนขึ้น ส่ายหัวแล้วพูดว่า “แค่ของนอกกายจะทำให้มันวุ่นวายไปทำไม วิธีการดำเนินชีวิตที่สงบ มันก็ควรจะเรียบง่ายอย่างนี้แหละ ดีแค่ไหนแล้วที่มีกระท่อมมุงใบจาก ฉันมีท้องฟ้าเป็นผ้าห่ม มีผืนดินเป็นเตียง แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ว!”

“แต่ว่าผมก็ยังกังวลอยู่ดี” ฟางชิวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เขาลุกออกไปหาใบจากโดยไม่สนใจคำพูดของชายชรา ไม่นานเขาก็กลับมาที่กระท่อมอีกครั้งเพื่อเริ่มซ่อมแซม

เห็นแบบนั้นแล้ว ชายชราก็หัวเราะออกมา

นี่เป็นครั้งที่สามที่ตนพยายามหยุดฟางชิว ครั้งแรกคือการตักน้ำ ครั้งที่สองการผ่าฟืน และครั้งนี้ก็คือการซ่อมแซมกระท่อม

แต่ฟางชิวก็ไม่สนใจจะฟังเลย

หลังจากสังเกตดูโครงสร้างของกระท่อมอย่างรอบคอบแล้ว ฟางชิวก็วิ่งเข้าไปในป่า แล้วก็เจอกับเถาวัลย์ที่ดูแข็งแรงกับท่อนไม้อีกสองสามท่อน จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปบนหลังคา ชายหนุ่มเริ่มสร้างหลังคาอย่างเรียบง่าย โดยมัดให้แน่นหนาเสร็จแล้ว เขาก็ไปเสริมความแข็งแรงของผนังหินต่อ

“ผู้อาวุโส” หลังจากซ่อมแซมบ้านแล้ว ฟางชิวก็มองไปที่ชายชราที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูทันที

“ไปเถอะ” ชายชราโบกมือของตัวเอง

“ครับ” ฟางชิวหัวเราะแล้ววิ่งเข้าไปในป่าพร้อมกับขวานในมือ

“ไอ้เด็กคนนี้นี่ ทำไมถึงไม่ยอมไปอีก” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะคำว่า ‘ไปเถอะ’ ของเขาเมื่อกี้ หมายความว่า ให้ฟางชิวจากไปได้แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่า เด็กคนนี้จะเดินจากไปพร้อมกับขวานในมือ

จะเข้าไปในป่าเพื่อตัดฟืนมาให้ชัด ๆ

เป็นเด็กดีจริง ๆ ที่ตอบแทนบุญคุณด้วยความกตัญญูอย่างนี้!

สิบนาทีต่อมา ฟางชิวก็กลับมาพร้อมฟืนกองใหญ่ที่มัดด้วยเถาวัลย์ จากนั้นเขาก็ผ่ามันให้ชายชรา และวางมันไว้อย่างเรียบร้อยที่บนชั้นที่หลังกระท่อม ก่อนที่เขาจะกลับไปที่หน้ากระท่อมอีกครั้ง

“ยอมให้เธอทำเพื่อฉันทุกอย่างอย่างนี้ คนแก่อย่างฉันก็กลายเป็นคนขี้เกียจแล้ว” ชายชรามองไปที่ฟางชิวก่อนที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง

“นี่คือสิ่งที่ผมควรทำ” ฟางชิวพยักหน้า เขาหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมา และโค้งคำนับให้ชายชราอย่างสุดซึ้งแล้วกล่าวว่า “ผมจะไปแล้ว ผู้อาวุโสดูแลตัวเองด้วย” เมื่อชายชราได้ยินแล้ว ชายชราก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ

ชายชราโบกมือให้ฟางชิว

ฟางชิวโค้งคำนับอีกครั้งและจากไป

ชายชรามองแผ่นหลังของฟางชิวแล้วก็คลี่ยิ้มออกมา เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วหันหลังกลับเข้าไปในกระท่อม

หลังออกจากกระท่อมมา ฟางชิวก็ไปปลุกหมาป่าและไล่มันไป เจ้าหมาป่าโง่เง่าตัวนี้พยายามวิ่งหนีไปทางทิศตะวันออก ฟางชิวจึงทำได้เพียงวิ่งไล่ตามมันไป

“สี่สิบแปดกิโลเมตร” ตลอดการเดินทาง ฟางชิวก็สงสัยว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้มีกระดูกของสัตว์ดุร้ายปรากฏในที่แห่งนั้นบ่อย ๆ?

และสิ่งที่เขาต้องการเจอก็คือสัตว์วิญญาณผู้พิทักษ์ เพื่อตามหาขุมทรัพย์สมุนไพรให้เจอ แค่เพียงเท่านี้ก็จะบรรลุวัตถุประสงค์ของการเดินทางมายังภูเขาไท่ซานแล้ว!

เพราะเร่งความเร็วตลอดทาง ในไม่ช้าก็เดินทางไปแล้วสามสิบสองกิโลเมตร

ฉับพลัน หมาป่าก็หยุดกะทันหัน มันร้องคำรามใส่กับสถานที่ข้างหน้า แล้วหันมามองฟางชิวอย่างยั่วยุ

เหมือนจะถามว่า แกกล้าไปที่นั่นไหมล่ะ?

ฟางชิวจึงอดหัวเราะไม่ได้ หมาป่าตัวนี้ฉลาดจริง ๆ

เมื่อฟางชิวเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็พบว่าสถานที่ตรงหน้าคือถ้ำ

“ถ้ำ?”

จากนั้น ฟางชิวก็ตระหนักได้ว่า ในส่วนที่ลึกที่สุดของป่าข้างหน้า ยังมียอดเขาอีกแห่งอยู่ ตรงนั้นมีถ้ำสูงสองเมตรและกว้างหนึ่งเมตรอยู่เช่นกัน

เนื่องจากระยะทางที่ไกลเกินไป จึงทำให้ฟางชิวมองไม่เห็นอะไรในถ้ำเลย

“ในถ้ำนั่นคงจะมีอะไรอยู่สินะ” ฟางชิวหันไปมองหมาป่าที่ยั่วยุเขาเมื่อครู่นี้

ทันใดนั้น ฟางชิวก็คิดว่าในถ้ำน่าจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้หมาป่ากลัว สงสัยเขาคงต้องทำให้มันสลบอีกรอบแล้วล่ะมั้ง?

หึ ๆ…

ฟางชิวหัวเราะแล้วเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หมาป่าไม่ทันได้ตอบสนอง เขาก็ไปอยู่ตรงหน้ามันแล้ว

จากนั้น ชายหนุ่มก็ใช้สันมือทุบไปที่หัวของหมาป่าด้วยน้ำหนักที่ไม่หนักหรือเบาเกินไป

ก่อนที่เสียงคำรามอันตื่นตระหนกหมาป่าจะดังออกมา มันก็ล้มหัวทิ่มพื้นไปเสียก่อน

นอนต่ออีกหน่อยนะเจ้าหมาป่า!

แล้วจากนั้น ฟางชิวก็เดินเข้าไปในถ้ำโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

เขาไม่กลัวว่าข้างหน้าจะมีอันตราย และเขาจะไม่ยอมพลาดสถานที่ที่ใดก็ตามที่อาจจะมีขุมทรัพย์สมุนไพรอยู่!

ที่ด้านหน้าถ้ำ ฟางชิวกำลังยืนอยู่อย่างสงสัย เขาไม่ได้กลิ่นอายอะไรเลย

แล้วหมาป่าจะกลัวอะไรล่ะ?

เมื่อหันไปดูหมาป่าที่หมดสติด้วยความงุนงงแล้ว ฟางชิวก็เดินเข้าไปในถ้ำทันที

ขณะที่เขาก้าวเข้าไปในถ้ำ ความกดดันที่รุนแรงก็พุ่งเข้ามาหาเขาในทันใด

ไม่เพียงแค่นั้น ดูเหมือนจะมีเสียงปีศาจนับพันกรีดร้องอยู่ในหูของเขาด้วย!

ดวงตาของฟางชิวเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขารวบรวมพลังปราณในร่างกายทั้งหมด ทว่า จู่ ๆ ก็มีเสียงโจมตีดังออกมา

ปึง!

เมื่อพลังปราณได้ปะทะกัน ถ้ำก็เกิดแรงสั่นสะเทือน

หลังความกดดันนั้นหายไปแล้ว เสียงฟู่ในหูของฟางชิวก็หายไปด้วย

ฟางชิวถอนหายใจเบา ๆ

ความกดดันนี้ไม่ได้น่ากลัวเลย แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเสียงกรีดร้องที่เหมือนปีศาจต่างหาก

ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพจิตใจของเขาแข็งแกร่ง ก็อาจเป็นไปได้ที่จะถูกปีศาจสิงอย่างแน่นอน

ช่างเป็นการป้องกันที่ร้ายกาจมาก!

ฟางชิวแค่นยิ้มออกมาหนึ่งที เริ่มสงสัยเกี่ยวกับถ้ำขึ้นมา

สรุปแล้วข้างในมันมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่ถึงได้ป้องกันแน่นหนาขนาดนี้!

ไม่สนแล้ว เข้าไปเลยก็แล้วกัน!

ภายในถ้ำนั้นไม่ได้ลึกมาก หลังจากเดินมาได้สามสี่เมตร ดวงตาของฟางชิวก็เบิกกว้างทันที

มีห้องแคบ ๆ ที่เป็นเหมือนบ้านทั่วไป ด้านบนมีแสงแดดส่องลงมาจากรูขนาดเท่าหัวคน นอกจากนี้ยังมีแอ่งน้ำที่มีขนาดกว้างเท่าฝ่ามือ ดูแล้วน่าจะได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี

ด้านในสุดมีเตียงด้วย เตียงนี้ไม่ธรรมดา มันทำจากหวาย รูปทรงคล้ายดักแด้ นี่มันน่าสนใจมาก

นอกจากเตียงหวายแล้ว ฟางชิวยังพบว่ามีหินแบนหลายก้อนซ้อนกันอยู่ที่ด้านหน้าของผนังถ้ำทางด้านขวา

หินเหล่านั้นถูกให้หันหน้าไปทางซ้าย

“หืม?” เมื่อมองดูผนัง ฟางชิวก็ตกใจขึ้นมา ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่าภายใต้แสงแดดนั้น หินจะสะท้อนแสงจาง ๆ บนผนัง

“มีตัวอักษรด้วยเหรอ” หัวใจฟางชิวสั่นไหว ก่อนที่เขาจะรีบก้าวไปตรวจสอบที่ผนังทันที

เมื่อมาถึงที่ผนังแล้ว ก็เป็นอย่างที่ฟางชิวคาดเอาไว้ มีอักษรมากมายอยู่บนผนัง

‘เต๋าไร้รูปกำเนิดฟ้าดิน เต๋าไร้จิตขับเคลื่อนสุริยันจันทรา เต๋าไร้นามหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง ข้าไม่รู้จะเรียกสิ่งใด จึงขนานนามว่าเต๋า!’

‘เมื่อมีพร้อมทุกอย่างแล้ว ให้สะท้อนความรู้สึกก้นบึ้งออกมา แล้วจะได้สัมผัสกับความสุขที่ยิ่งใหญ่!’

นี่เป็นสองประโยคแรกที่บนผนัง

“นี่ไม่ใช่ ‘คัมภีร์วิสุทธิ์สูตร’ กับ ‘ปรัชญาเม่งจื๊อ’ หรอกเหรอ?” ฟางชิวพึมพำเบา ๆ

เขารู้ว่าประโยคแรกมาจาก ‘คัมภีร์วิสุทธิ์สูตร’ และประโยคหลังมาจาก ‘ปรัชญาเม่งจื๊อ’ เพราะผู้บำเพ็ญเพียรทุกคนย่อมเคยเรียนพื้นฐานพวกนี้มาก่อน

“ทำไมมีคนเขียนสองประโยคนี้ในถ้ำล่ะ”

ด้วยความสงสัย ฟางชิวจึงก้มมองลงไปอ่านต่อ ทำให้เขาช็อกจนขนลุก!

‘ความสามารถของเต๋าอยู่ที่พลังปราณ ความสามารถของมนุษย์อยู่ที่จิตวิญญาณ’

‘เต๋าเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้และไม่มีจิตวิญญาณ ส่วนคนมีเนื้อหนังและจิตวิญญาณ’

‘เต๋าคือฟ้าดิน มีพลังปราณไร้สิ้นสุด แต่มนุษย์มีกายา ทำให้พลังปราณมีจำกัด’

‘รวบรวมพลังปราณจากฟ้าดิน แล้วควบคุมมันเอาไว้ในฝ่ามือ เพื่อใช้กระบวนท่าหัตถ์ทำลายล้าง!’

เมื่ออ่านจบ สีหน้าของฟางชิวก็เปลี่ยนไป

ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ทั่วไปอาจไม่เข้าใจคำเหล่านี้

แต่เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์! ย่อมรู้ความหมายที่ยิ่งใหญ่ของคำเหล่านี้โดยอัตโนมัติ!

พูดง่าย ๆ ก็คือ เพราะพลังปราณจากฟ้าดินนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้และไม่มีที่สิ้นสุด มนุษย์จึงสามารถดูดซับพลังปราณจากฟ้าดิน แล้วรวบรวมไว้ในตันเถียน หากสะสมพลังปราณจากฟ้าและดินเอาไว้ใช้เอง ยิ่งดูดซับมากก็ยิ่งมีพละกำลัง แต่เพราะร่างกายของมนุษย์มีขีดจำกัด จึงไม่สามารถใช้พลังปราณจากฟ้าและดินได้โดยตรง

ในส่วนของประโยคสุดท้ายนั้นสำคัญมาก

รวบรวมพลังปราณจากฟ้าดิน แล้วควบคุมมันไว้ในฝ่ามือ!

เห็นได้ชัดว่าความหมายของประโยคนี้เป็นเทคนิคที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถใช้พลังปราณจากฟ้าดินได้โดยตรง

และกระบวนท่านี้ก็เรียกว่า ‘หัตถ์ทำลายล้าง’!

มันจะน่ากลัวแค่ไหน ถ้าสามารถรวบรวมพลังปราณจากฟ้าดินมาใช้ประโยชน์ได้เอง?

สมัยก่อน ฟางชิวไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ

ผู้ฝึกยุทธ์สามารถรวบรวมพลังปราณของฟ้าดินไว้ในตันเถียน บรรจุพลังนั้นไว้ในกาย แต่ร่างกายมนุษย์นั้นไม่ได้แข็งแกร่งพอ ดังนั้นแล้วมนุษย์จะสามารถรวบรวมพลังปราณได้มากสักแค่ไหนกันเชียว?

พลังปราณปกติก็รุนแรงมากพอแล้ว

แต่ถ้ามนุษย์สามารถผ่านขีดจำกัดของร่างกายได้ อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันจะรุนแรงขนาดไหน!

[1] โกฐ หมายถึง กลุ่มของสมุนไพรจำพวกหนึ่ง จัดเป็นกลุ่มต่าง ๆ เช่น โกฐทั้งห้า โกฐทั้งเจ็ด โกฐทั้งเก้า สรรพคุณโดยรวมคือแก้ไข้ แก้หืดหอบไอ แก้ไข้จับสั่น แก้พิษร้อน แก้ลมเสียดแทงชายโครง กระจายลมใน กองริดสีดวง แก้ลมในกองเสมหะ แก้สะอึก แก้ไข้ ในกองอติสาร แก้โรคในปาก กระจายหนอง ฆ่าพยาธิ แก้ไส้ด้วนไส้ลาม

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน