บทที่ 92 ขายยาในหมู่บ้าน!
บทที่ 92 ขายยาในหมู่บ้าน!
“ตัวใหญ่ขนาดนี้ แกคงจะกินขุมทรัพย์สมุนไพรไปไม่น้อยเลยสินะ”
ฟางชิวมองดูเสือลายเมฆที่กำลังลุกขึ้นยืนแล้วจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มเห็นแล้วได้แต่ส่ายหัว “น่าเสียดายที่แกทำได้แค่กินขุมทรัพย์สมุนไพรเหล่านี้เพื่อบำรุงร่างกาย แต่ไม่ได้ดูดซับคุณประโยชน์ของสมุนไพรเลย”
ขณะที่ฟางชิวกำลังพูด จู่ ๆ ก็มีคำหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของฟางชิว
ปีศาจ!
ถ้าเสือลายเมฆตัวนี้สามารถดูดซับพลังปราณทั้งหมดจากขุมทรัพย์สมุนไพรที่มันกินเข้าไปจริง ๆ มันก็จะสามารถใช้พลังปราณภายในของมันเพื่อต่อสู้เหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์หรือเปล่า?
ถ้าเกิดทำได้จริง ๆ ละก็ มันจะถือว่าเป็นปีศาจไหม?
“โฮก…โฮก…” เสือลายเมฆโกรธเพราะฟางชิวทำเมินใส่มัน ทำให้มันร้องคำรามจนเสียงดังสั่นสะเทือนไปทั้งสวรรค์และโลก!
เดิมที มันได้มาถึงที่นี่นานแล้ว และแอบซ่อนตัวอยู่ไกล ๆ เพราะกลิ่นอายของฟางชิวทำให้มันกลัว มันจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ ๆ ชายหนุ่ม
เสือลายเมฆเลือกที่จะรอ รอให้ฟางชิวจากไป เพื่อที่มันจะกินพุทราวิญญาณแดงให้หมด
และที่น่าประหลาดใจก็คือ ฟางชิวกลับค้นพบพุทราวิญญาณแดงที่ซ่อนเป็นอย่างดีในพุ่มหญ้าเสียอย่างนั้น
มันเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกระโดดออกมา ทันทีที่มันออกมา มันก็ถูกฟางชิวยั่วโมโหจนควันออกจากหู
“ไม่ยอมเหรอ” ฟางชิวเอ่ยถามพร้อมกับเลิกคิ้วมองดูเสือลายเมฆที่กำลังโกรธจัด
เสือลายเมฆไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด มันเลยคำรามอีกครั้งแล้วกระโดดใส่ฟางชิวทันที
คราวนี้เสือลายเมฆไม่ได้กระโดดสูงมาก เพราะกลัวว่าจะถูกฟางชิวคว่ำอีก มันจึงมุ่งเป้าไปที่ส่วนล่างของฟางชิว และพยายามที่จะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ
“ถ้าฉันเลี้ยงแกไว้เป็นสัตว์เลี้ยงได้ก็ดีสิ” ฟางชิวถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย แต่เขาก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ว เสือลายเมฆก็อยู่ภายใต้การคุ้มครองของชาติ อย่าว่าแต่เสือโคร่งตัวมหึมาเลย เขาจะเป็นข่าวทั่วประเทศทันทีถ้าเอามันมาเป็นสัตว์เลี้ยง
ระหว่างที่คิด ฟางชิวก็เอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วและกดมือลงไปก่อนที่เสือลายเมฆจะเข้ามาถึงตัวเขาด้วยความแม่นยำและว่องไว
ฝ่ามือของฟางชิวอยู่บนหัวของเสือลายเมฆ แล้วเขาก็กดลงด้วยแรงมหาศาลจากแขนของเขา ในชั่วพริบตา ร่างกายที่แข็งแรงของเสือลายเมฆก็ถูกผลักลงไปที่พื้น แม้ว่าจะมีแรงต้านอยู่นิดหน่อยก็ตาม
เป็นกรามของมันอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้มันไม่ได้ถูกผลักแต่ถูกกระแทกกับพื้นแทน
“งื้ด ๆ…”
หัวของมันโดนฟางชิวกดไว้ จนต้องร้องครางออกมาด้วยความเจ็บแล้วพยายามเตะด้วยขาทั้งสี่เพื่อหนีจากเงื้อมมือของฟางชิว แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนมากแค่ไหน มือของฟางชิวก็ยังคงกดหัวมันแน่นอยู่
เสือลายเมฆหมดหนทาง มันพยายามข่วนไปที่ปลายแขนของฟางชิวด้วยกรงเล็บขาหน้า
ฟางชิวหนีกรงเล็บของเสือลายเมฆในเสี้ยววิ จากนั้นก็กดหัวของมันอีกครั้งอย่างแม่นยำและรวดเร็ว
เสือดาวลายเมฆเหวี่ยงกรงเล็บของมันต่อไป
ไม่ยอม!
ไม่ว่าอะไรก็ตาม!
ฟางชิวเลยทำได้เพียงแค่ปล่อยให้มันไป
พรึ่บ!
ทันทีที่หลุดจากมือของฟางชิว เสือลายเมฆก็กระโดดออกไปไกล
“งื้ด ๆ…” เสียงคำรามต่ำที่แฝงความโกรธอย่างรุนแรงดังออกมาจากลำคอของเสือลายเมฆตัวนี้
มันยืนห่างจากฟางชิวไปสามเมตร เมื่อมันจ้องไปที่ฟางชิว มันก็ไม่กล้าเข้าไป ทั้งสองเลยต้องเผชิญหน้ากันอยู่อย่างนั้น
ฟางชิวกลับไม่ได้สนใจเสือลายเมฆตั้งแต่แรกแล้ว เขานั่งลงและเอื้อมมือออกไปที่พุทราวิญญาณแดง
“โฮก!” เสือลายเมฆเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน คล้ายกับพร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ
“หึ!” ฟางชิวยิ้มให้กับเสือลายเมฆแล้วพูดว่า “ฉันไม่มีเวลาเล่นกับแกหรอกนะ”
สิ้นคำ เสียงลมกระโชกแรงพัดออกจากร่างกายของฟางชิวอย่างกะทันหันราวกับเกิดพายุกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง
ฟิ้ว!
เมื่อพลังปราณอันทรงพลังนี้ปรากฏขึ้นมา อารมณ์ของฟางชิวก็เปลี่ยนไปทันที
จากสุภาพบุรุษผู้ปราดเปรียวอ่อนโยนก็แปรเปลี่ยนเป็นดาบสังหาร
ยามที่เสือลายเมฆสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฟางชิว มันก็วิ่งหนีไปโดยไม่คิดลังเล แต่มันก็หันกลับมาหลังจากก้าวไปสองสามก้าวและหอนอีกครั้งเมื่อจ้องมองไปที่ฟางชิว
ฟางชิวหรี่ตาลงเล็กน้อย แสงวาบผ่านดวงตาของเขา
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว เสือลายเมฆก็เลยกระโดดเข้าไปในป่าด้วยความหวาดกลัวและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
หลังเสือลายเมฆจากไปแล้ว ฟางชิวก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เขาเริ่มขุดหาพุทราวิญญาณแดงด้วยวิธีการเก็บตามที่อธิบายไว้ในขุมทรัพย์สมุนไพร
ระหว่างที่ฟางชิวค่อย ๆ ขจัดคราบโคลนออกจากหลุม เขาก็พบกับผลไม้สีแดงระยิบระยับคล้ายกับอินทผลัมที่มีขนาดเท่ากับนิ้วโป้งอยู่ใต้กระวาน
ผลไม้ที่อยู่เชื่อมกับต้นกระวานที่อยู่ข้างบนนี้สวยมาก
“คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเครื่องประดับหยกได้เลยนะเนี่ย” ฟางชิวหัวเราะเบา ๆ กับพุทราวิญญาณแดง
เป้าหมายของการเดินทางอันยาวนานของเขาที่มายังภูเขาไท่ซานแห่งนี้ก็สำเร็จในที่สุด
ในการครอบครองพุทราวิญญาณแดงไว้ในมืออย่างนี้ ทำให้เขามีโอกาสที่จะล้างหนี้จำนวนสองหมื่นเจ็ดพันหยวนได้
“ก่อนอื่นเลย ต้องดูว่าพุทราวิญญาณแดงมีความพิเศษอะไร”
ฟางชิวลุกขึ้น ขณะสังเกตพุทราวิญญาณแดงภายใต้แสงแดด เขาก็ไม่พบอะไรเป็นพิเศษ จากนั้นเขาก็วางมันลงบนฝ่ามือแล้วเริ่มใช้สัมผัสสัมบูรณ์
ภายใต้การชักนำของพลังปราณของฟางชิว ทำให้เขาสามารถมองเห็นพลังปราณจากฟ้าดินได้อย่างชัดเจนว่ามีกลุ่มก้อนพลังปราณอยู่ในพุทราวิญญาณแดงนี้
เมื่อใช้สัมผัสสัมบูรณ์ รูปร่างที่แท้จริงของพุทราวิญญาณแดงก็แสดงออกมาต่อหน้าต่อตาฟางชิว
มันมีแสงสีแดงระยิบระยับ ให้ความรู้สึกเหมือนแสงเทียน แต่มันไม่สุกสว่างเท่าไรนัก
“มันต้องมีพลังปราณจากฟ้าดินอย่างแน่นอน!” หลังจากที่ตรวจสอบดูเสร็จแล้ว ฟางชิวก็พยักหน้าอย่างพอใจแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่เหนื่อยทั้งหมดนี้ก็เพื่อการรักษาความเจ็บป่วยของตาเฒ่าแท้ ๆ
ไม่อย่างนั้น เขาคงจะไม่เรียนแพทย์ และคงไม่ได้เจอกับสวีเมี่ยวหลิน แล้วก็คงจะไม่ได้มาที่ภูเขาไท่ซานเพื่อค้นหาขุมทรัพย์สมุนไพร
ในตอนนี้ พุทราวิญญาณแดงไม่สามารถรักษาโรคของตาเฒ่าได้ แต่มันสามารถช่วยฟางชิวให้ก้าวหน้าในการศึกษาทางการแพทย์ของเขาได้ และเขาก็จะสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการรักษาตาเฒ่าในอนาคต
“เวลาใกล้จะหมดแล้ว ฉันก็ควรจะไปได้แล้ว” หลังจากใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนในการฝึกฝนในถ้ำ ฟางชิวก็เหลือเวลาอีกสองวัน เขาอยากจะใช้เวลาแค่ครึ่งวันในการออกจากภูเขา จากนั้นเขาก็ต้องเดินทางกลับไปยังเมืองเจียงจิง รวมแล้วต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน
ฟางชิวไม่กล้าเสียเวลาอีก เขาเก็บพุทราวิญญาณแดงอย่างระมัดระวังและจากไปในทันที
ฟางชิวรีบวิ่งออกจากภูเขาไท่ซานตามแผนที่บนมือถือของเขา
“ต้องผ่านภูเขาอีกสองลูก”
ชายหนุ่มหยุดพักหลังจากปีนข้ามภูเขาหลายลูกเพื่อดูแผนที่ให้ดี หลังภูเขาสองลูกข้างหน้ามีหมู่บ้านอยู่แห่งหนึ่ง และนั่นก็เป็นจุดหมายปลายทางของฟางชิว
ท้ายที่สุดแล้ว เขาได้แอบเข้ามาในภูเขาไท่ซานและออกไปที่พื้นที่ท่องเที่ยวได้ แต่มันคงจะไม่ดีถ้ามีคนรู้ว่าเขาเข้าไปในภูเขาไท่ซานอย่างผิดกฎหมาย
เพราะฉะนั้น ฟางชิวจะต้องไปถึงหมู่บ้านแห่งนั้นก่อนแล้วค่อยนั่งรถจากที่นั่น
ในตอนนี้ เขาจึงแวะพักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินทางต่อ
ไม่นาน ฟางชิวก็มาถึงหมู่บ้านที่ทำเครื่องหมายเอาไว้บนแผนที่
หมู่บ้านนี้มีขนาดเล็กเพราะมีเพียงยี่สิบครอบครัวเท่านั้น แต่ก็ดูคึกคักและมีชีวิตชีวามากกว่าหมู่บ้านบนภูเขาลูกอื่น ๆ
เนื่องจากใกล้กับภูเขาไท่ซาน หมู่บ้านนี้ก็เลยมีแขกจากภายนอกมาเยี่ยมเยือนบ่อย ๆ พวกเขาคอยจัดทริปขึ้นภูเขาเฉพาะในพื้นที่ที่ใกล้เคียงและไม่ลึกจนเกินไป
นักท่องเที่ยวบางคนจะเลือกหินสองสามก้อนเพื่อนำกลับบ้านไปเป็นหินผู้พิทักษ์
หินจากภูเขาไท่ซานถือว่าเป็นหินที่ดีที่สุดสำหรับการปกป้องและคุ้มครองบ้าน
แล้วมันจะสมบูรณ์แบบถ้าสลักตัวอักษรว่า ‘หินไท่ซานที่กล้าหาญ’
เท่าที่ฟางชิวรู้ ภูเขาไท่ซานถูกห้ามทำเหมืองมานานแล้ว พวกนักท่องเที่ยวเลยไม่ได้หินมาง่าย ๆ
“ไม่รู้ว่าจะมีสถานีรถรึเปล่า” ฟางชิวพึมพำกับตัวเองแล้วส่ายหัวเบา ๆ
หมู่บ้านเล็ก ๆ แบบนี้ไม่น่าจะมีสถานีรถแน่นอน แต่อาจจะมีรถประจำทาง ไม่อย่างนั้นคนจะมาที่น้อย
จากท้ายหมู่บ้าน ฟางชิวก็มุ่งหน้าไปที่หน้าหมู่บ้านเพื่อมองหารถประจำทาง ทว่า เมื่อถึงกลางหมู่บ้านแล้ว เสียงผ่านลำโพงก็ดังลอยเข้ามาในหูของเขา
“รับซื้อผลิตภัณฑ์จากภูเขา รับซื้อผลิตภัณฑ์จากภูเขา ให้ราคาดี มีความยุติธรรม ไม่โกงคนแก่ไม่โกงเด็ก…”
หลังได้ยินเสียงโฆษณาชวนเชื่อนี้ ฟางชิวก็หยุดเดินทันทีแล้วเดินตามเสียงนั้นไป
แล้วก็ทำให้ฟางชิวเห็น ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมกางเกงลินินกับเสื้อกล้ามนั่งอยู่ที่ทางเข้าด้านหลังของรถตู้พร้อมกับตะโกนผ่านลำโพงไปด้วย
ตอนนี้ในตัวของฟางชิวมีเห็ดหลินจือกับโสมป่า เอาพวกมันมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินหน่อยก็แล้วกัน
“เห็ดหลินจือกับโสมป่า คุณสนใจไหมครับ?” ฟางชิวเข้าไปสอบถาม
“สนใจสิ! สนใจแน่นอน!” ดวงตาของชายหนุ่มคนนั้นเป็นประกายเพราะคำพูดของฟางชิว
ว่าแล้วเจ้าตัวก็กระโดดลงจากรถตู้แล้วก้าวไปหาฟางชิว “พี่ชายโชคดีจริง ๆ ที่มีโอกาสเจอเห็ดหลินจือกับโสมป่า! ไม่มีใครเจอพวกมันมาหลายปีแล้วนะเนี่ย”
“ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะโชคดีน่ะ” ฟางชิวตอบด้วยรอยยิ้ม
“เอาให้ผมดูหน่อย ถ้าจะขายจริง ๆ ผมรับประกันว่าให้ราคายุติธรรมแน่นอน ผมไม่โกงทั้งเด็กและผู้ใหญ่” พ่อค้าหนุ่มหัวเราะเสียงดัง
ฟางชิวจึงหยิบเห็ดหลินจือสามต้นกับโสมป่าสองต้นออกจากกระเป๋าเป้ของเขาโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
และทันทีที่ฟางชิวเอาของออกมา ดวงตาของพ่อค้าหนุ่มก็เป็นประกายระยิบระยับ
จากนั้น พ่อค้าหนุ่มก็เลิกคิ้ว เขามองดูสินค้าของฟางชิว โดยที่ไม่ได้ยื่นมือออกมาสัมผัสกับสินค้าเลย ไม่นานก็พูดขึ้นว่า “พี่ชาย ถึงพวกนี้จะเป็นเห็ดหลินจือกับโสมป่าจริง ๆ แต่คุณภาพยังไม่ค่อยดี ยังดูไม่ค่อยโตเลย”
“พูดมาตรง ๆ เลย คุณจะจ่ายให้เท่าไหร่?” ฟางชิวเอ่ยถามออกมาตรง ๆ
“สามพันหยวน สำหรับเห็ดหลินจือพวกนี้ สองพันหยวนสำหรับโสมป่า พี่ชายคิดว่าไง?” พ่อค้าหนุ่มมองฟางชิว และพูดอย่างเป็นกันเอง ราวกับว่าพ่อค้าหนุ่มไม่ได้สนใจในตัวสมุนไพรมากนัก
ฟางชิวหัวเราะและส่ายหัว
“ราคาต่ำเกินไป”
“ฉันเป็นนักศึกษาแพทย์ ฉันรู้ดีว่าคุณค่าของส่วนผสมยาเหล่านี้มีค่าเท่าไหร่ ราคาของคุณที่ให้มามันต่ำเกินไป”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น พ่อค้าหนุ่มก็เอ่ยแย้งด้วยรอยยิ้มว่า “แต่พวกมันดูไม่ค่อยมีคุณภาพและยังไม่แก่พอเลยนี่หน่า”
“เมื่อพูดถึงยา รูปลักษณ์ของมันไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญจริง ๆ ก็คือประสิทธิภาพของยาต่างหาก”
ฟางชิวเหลือบมองพ่อค้าหนุ่มและพูดต่อ “สมุนไพรเหล่านี้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ไม่ได้สูญเสียคุณค่าทางยาไปเลย แล้วพวกมันก็ไม่ได้แก่มาก แต่ก็ไม่ได้อ่อนไป แม้ว่าคุณจะรับซื้อของจากที่นี่ทั้งปีแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะได้เจอสุมนไพรพวกนี้บ่อย ๆ”
“พี่ชายเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ” พ่อค้าหนุ่มหัวเราะด้วยความเขินอาย “ก็ได้ ห้าพันหยวนต่อต้นเป็นไง?”
“หมื่นหยวนต่อต้น” ฟางชิวตอบด้วยความมุ่งมั่น
“หมื่นหยวนต่อต้นแพงเกินไป ผมจะขาดทุนน่ะสิ”
พ่อค้าหนุ่มส่ายหน้าและทำหน้าบูดบึ้งนิดหน่อย ทว่าหลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้ว พ่อค้าหนุ่มก็กล่าวเสริมว่า “แปดพันหยวนต่อต้น นั่นเป็นจำนวนเงินสูงสุดที่ผมจะจ่ายให้ได้แล้ว ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะขายไหม”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร” ฟางชิวตอบปฏิเสธ เขาหันหลังจากไปพลางเก็บสมุนไพรกลับเข้าไปในกระเป๋า
เมื่อฟางชิวทำท่าจะเดินออกไป พ่อค้าหนุ่มก็เริ่มร้อนรนทันที