บทที่ 94 เจียงเหมี่ยวอวี๋ได้รับบาดเจ็บ!
บทที่ 94 เจียงเหมี่ยวอวี๋ได้รับบาดเจ็บ!
“หึ…” ฟางชิวแค่นเสียงออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นก็คว้าไหล่ของพ่อค้าหนุ่มในเสี้ยววินาที
“ไปให้พ้น!” พ่อค้าหนุ่มตะโกนด้วยท่าทางตื่นตระหนกแล้วหันหน้าไปทางฟางชิว ก่อนที่จะเหวี่ยงแขนขวาใส่ฟางชิวพร้อมกับแสงวาบขึ้น
มันคือมีดพก
ฟางชิวเบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อหลบวิถีมีด จากนั้นกดแขนขวาของพ่อค้าหนุ่มลงกับพื้นแล้วใช้ขาขวากระทืบลงอย่างแรง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกหักดังไปทั่วบริเวณ แรงกระทืบนี้ทำให้หน้าแข้งขวาของพ่อค้าหนุ่มหัก
“อา…” พ่อค้าหนุ่มทำได้แค่นอนอยู่บนพื้น สองแขนกอดขาทั้งสองข้างตัวเองด้วยความเจ็บปวด
ฟางชิวโน้มตัวไปข้างหน้า ดึงมือของพ่อค้าหนุ่มออกก่อนที่จะจัดกระดูกที่ขาให้พ่อค้าหนุ่ม ทำให้เกิดเป็นเสียงคลิกสองครั้ง
“อย่าขยับมั่วซั่ว!” ฟางชิวดุพ่อค้าหนุ่มที่พยายามจะเคลื่อนไหวอย่างเย็นชา เป็นเหตุให้พ่อค้าหนุ่มตัวแข็งทื่อเพราะความกลัวทันที
จากนั้น ฟางชิวก็ไปดูอาการคนอื่นต่อและเริ่มจัดกระดูกที่หักทีละชิ้นให้ ฟางชิวไม่วายชำเลืองมองผู้คนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา
“ฉันจัดกระดูกให้พวกแกทุกคนแล้ว พวกแกจะไม่พิการ และนี่คือบทเรียนของพวกแก จงจำความเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เอาไว้ให้ดี!”
“ถ้าฉันรู้ว่าพวกแกยังกล้าทำความชั่วอีก ครั้งหน้าพวกแกจะไม่ได้เสียแค่ขาข้างเดียวแน่นอน!”
“ได้ยินรึเปล่าที่พูด?”
“ได้ยินแล้วครับ!” ผู้คนบนพื้นส่งเสียงครวญครางพร้อมกับเอ่ยตอบด้วยความเจ็บปวด
“ดังกว่านี้หน่อย!”
“ได้ยินแล้วครับ!” พวกเขากัดฟันตะโกนออกมาจนสุดเสียง
ฟางชิวได้กลายเป็นฝันร้ายที่จะตามหลอกหลอนพวกเขาไปตลอดชีวิต แม้ว่าจะใบหน้าไร้เดียงสา แต่วิธีการนั้นโหดเหี้ยมมาก
พวกเขาตั้งใจแน่วแน่ว่าครั้งต่อไปจะไม่กลั่นแกล้งผู้ชายที่หน้าตาดีและดูไร้เดียงสาอีก ถ้าเจอลักษณะแบบนี้อีก พวกเขาทุกคนจะหนีไปให้ไกล ๆ เพราะผู้ชายที่ดูอ่อนโยนตรงหน้านี้แม่งโคตรน่ากลัวเลย
ฟางชิวจ้องมองพ่อค้าหนุ่มกับพวกอย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินไปที่รถ เปิดประตูรถเพื่อเริ่มค้นหาของ ไม่นานเขาก็พบเงินสดกับสมุนไพรที่เขาเพิ่งขายไป
เมื่อหยิบเงินกับสมุนไพรทั้งหมดออกมาแล้ว เขาก็นั่งลง จากนั้นหยิบมือถือออกจากกระเป๋าพ่อค้าหนุ่มเพื่อกดโทร 120
“รถพยาบาลจะมาถึงในไม่ช้านี้ เป็นเด็กดีแล้วรออยู่ที่นี่ซะ ถ้าไม่อยากขาหักไปตลอดชีวิตก็อย่าขยับมั่วซั่ว” หลังจากนั้น ฟางชิวก็เดินทางกลับไปที่หมู่บ้านพร้อมกับเงินและสมุนไพร
เมื่อกลับมาถึงที่หมู่บ้าน เขาก็แจกจ่ายสมุนไพรให้คนชรา เด็กกำพร้า แม่ม่าย และคนยากจน ส่วนสมุนไพรที่เขาเจอ เขาก็จะเก็บไว้ใช้เอง รวมเงินทั้งห้าหมื่นหยวนด้วย ชายหนุ่มไม่ได้แจกมันออกไป ถึงแม้ว่าเงินจำนวนนี้จะถือได้ว่าผิดกฎหมาย แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น
เขาต้องการเงินอย่างเร่งด่วน ถ้างั้นก็เอามาใช้ก่อนก็แล้วกัน รอให้เขามีเงินมากกว่า สามแสนหยวนก่อนเถอะ เขาจะบริจาคให้เป็นสองเท่าของจำนวนเงินที่ได้รับมาเลย
หลังจากแจกเงินให้ชาวบ้านแล้ว ฟางชิวก็ขึ้นรถกับนักท่องเที่ยวและมุ่งหน้ากลับไปที่เมืองไท่อัน
เมื่อถึงย่านใจกลางเมืองแล้ว แทนที่จะอยู่ต่อ ฟางชิวก็ตรงไปที่สถานีรถไฟ เขาซื้อตั๋วขึ้นรถไฟกลับไปที่เมืองเจียงจิงทันที
บนรถไฟ
มีคนในขบวนไม่มาก เนื่องจากวันหยุดวันชาติยังมีอีกหลายวัน ฟางชิวจึงพักผ่อนได้อย่างสบายใจ
เดินทางไปได้ครึ่งชั่วโมง จู่ ๆ มือถือของฟางชิวก็ดังขึ้น
ฟางชิวลืมตาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วพบว่าเป็นสายจากโจวเสี่ยวเทียน เขาเลยกดรับสายทันที
ฟางชิวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “คราวนี้นายอยากจะอวดอะไรอีกล่ะ?”
“[เจ้าห้า!]” โจวเสี่ยวเทียนตะโกนเรียกชื่อฟางชิวอย่างร้อนรน “[เจียงเหมี่ยวอวี๋ได้รับบาดเจ็บ!]”
“อะไรนะ?” ฟางชิวขยับมานั่งหลังตรงทันที
“[ขาของเธอที่แพลงครั้งก่อน มันแพลงอีกแล้ว! ตอนนี้เธอลุกขึ้นยืนไม่ได้ด้วยซ้ำ หน้าตาก็ซีดไปหมดแล้ว นายบอกฉันทีว่าต้องทำยังไง ขอด่วน ๆ เลย!]” เมื่อได้ยินเช่นนั้นฟางชิวก็ขมวดคิ้วทันที
เขารู้ดีว่าการเพิ่มอาการบาดเจ็บใหม่ให้กับแผลเก่าที่ยังไม่หายดีนั้นเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก และเมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ฟางชิวก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้
“[เจ้าห้า นายรีบบอกมาสิ ฉันควรทำไงดี? ตอนนี้พวกเราทุกคนไม่กล้าทำอะไรเลย แต่นายมีประสบการณ์แล้วก็รีบบอกพวกเราสิว่าต้องรักษายังไง!]” โจวเสี่ยวเทียนถามอย่างร้อนใจ
เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว ฟางชิวก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดว่า “ฉันอยู่ที่ภูเขาไท่ซาน!”
“เดี๋ยวฉันรีบไปหา ส่งตำแหน่งของนายมาให้ฉันทางวีแชต!”
หมอนี่ก็อยู่ที่ภูเขาไท่ซานหรือ โจวเสี่ยวเทียนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ไม่ต้องพูดแล้ว ส่งตำแหน่งของนายมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” พูดจบฟางชิวก็วางสายทันที
เขามองไปที่คนไม่กี่คนในรถไฟแล้วเกิดความลังเลเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่สามารถลังเลได้อีกต่อไป
ทันใดนั้น ฟางชิวก็ดึงหน้าต่างลงด้วยมือขวา! แล้วกระโดดลงจากรถไฟอย่างรวดเร็ว!
ทำให้ผู้คนบนรถไฟต่างพากันตกใจกับสิ่งที่เห็น
โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากฟางชิวมากนัก เธอลุกขึ้นมองออกไปที่นอกหน้าต่างทันที แล้วใบหน้าของเธอก็ซีดขาวด้วยความกลัว คนอื่นเองก็รีบวิ่งเข้ามาดู พวกเขาทั้งหมดตกใจกลัวมาก
พระเจ้าช่วย!
นี่คือรถไฟนะ!
แม้ว่าระยะห่างระหว่างหน้าต่างกับพื้นจะไม่สูงมาก แต่เขาก็กระโดดลงไปตายได้ด้วยความเร็วสูงนี้!
ทว่า เมื่อผู้โดยสารที่ตื่นตระหนกยื่นหัวออกไปนอกหน้าต่าง พวกเขาก็มองหาฟางชิวไม่เจอ ราวกับว่าฟางชิวหายตัวไปในอากาศอย่างไรอย่างนั้น
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากกระโดดลงจากรถไฟแล้ว ฟางชิวก็รีบไปที่เมืองพร้อมกับดูตำแหน่งที่โจวเสี่ยวเทียนส่งมาให้บนโทรศัพท์
“ลำธารหินหลากสี!” ตำแหน่งของโจวเสี่ยวเทียนอยู่ที่ลำธารหินหลากสีในภูเขาไท่ซาน
หลังซูมเข้าเพื่อดูตำแหน่งแล้ว ฟางชิวก็ขยับตัวแล้วมุ่งหน้าไปที่ลำธารหินหลากสีทันที
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงที่ลำธารหินหลากสีแล้ว ฟางชิวก็เห็นโจวเสี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ ในระยะไกล
เพราะมีนักท่องเที่ยวมากเกินไป ฟางชิวจึงต้องค่อย ๆ เดินก่อนที่จะวิ่งไปหาเพื่อน
“ตรงนี้!” โจวเสี่ยวเทียนมองเห็นฟางชิวจากไกล ๆ เขาตะโกนเรียกชายหนุ่มพร้อมกับโบกมือให้
เมื่อเห็นฟางชิวมาถึงแล้ว กลุ่มนักศึกษาที่กำลังวิตกกังวลอยู่ก็พอจะผ่อนคลายลง
“เป็นไงบ้าง” หลังวิ่งเข้ามาในกลุ่ม ฟางชิวก็นั่งยอง ๆ ที่ด้านหน้าของเจียงเหมี่ยวอวี๋แล้วเอ่ยถามอาการทันที
“ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ขณะที่กำลังมองหน้าของฟางชิว เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็สูดหายใจเข้าเบา ๆ แม้ว่าดวงตาของเธอจะแดงอย่างเห็นได้ชัด
เธอไม่ต้องการให้ฟางชิวเป็นห่วงตน
“ไม่เป็นไรเหรอ?” ฟางชิวเอื้อมมือไปจับที่ข้อเท้าของเจียงเหมี่ยวอวี๋
สัมผัสสัมบูรณ์เริ่มทำงาน!
ฟางชิวตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกโล่งใจ
โชคดีที่อาการไม่ได้รุนแรงเกินไป และเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ไม่ได้เสี่ยงต่อการกำเริบของโรค
“เหมือนครั้งที่แล้ว กระดูกข้อเท้าเคล็ดและเส้นเอ็นตึงนิดหน่อย” ฟางชิวอธิบายสั้น ๆ แล้วพูดต่อ “ฉันจะจัดกระดูกให้เธอก่อน”
ก่อนที่เจียงเหมี่ยวอวี๋จะทันตอบได้ มือของฟางชิวก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
คลิก!
กระดูกข้อเท้าถูกจัดให้เข้าที่แล้ว
“กระดูกข้อเท้าเข้าที่เแล้ว” ฟางชิวพูดและยังคงจับเท้าของเจียงเหมี่ยวอวี๋ต่อไป
“ฉัน… ไม่เจ็บแล้ว” เจียงเหมี่ยวอวี๋พูดออกมา
“ฉันรู้” ฟางชิวพยักหน้าแต่ก็ยังไม่ปล่อยเท้าของเธอไป
ใบหน้าซีดเผือดของเจียงเหมี่ยวอวี๋ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดก่อนนี้แดงก่ำขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะพูดอะไรออกไปดี
“โว้ว!” โจวเสี่ยวเทียนกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกสองหน่อเริ่มส่งเสียงดังทันที
ฟางชิวไม่สนใจ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ปล่อยมือแล้ววางเท้าของเจียงเหมี่ยวอวี๋ลง
แท้จริงแล้ว หลังจากการจัดกระดูกให้เจียงเหมี่ยวอวี๋ ฟางชิวเริ่มเคลื่อนพลังชี่อย่างลับ ๆ เพื่อปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตของเธอให้เดินตามปกติ
แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะเหมือนกับครั้งที่แล้ว แต่การบาดเจ็บครั้งที่สองนี้เกิดจากการพลิกข้อเท้าอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดการบวมของเลือดบริเวณข้อเท้าของเจียงเหมี่ยวอวี๋
และที่ฟางชิวจับเท้าของเจียงเหมี่ยวอวี๋แบบไม่ปล่อย ก็เพื่อต้องการให้พลังชี่ภายในของเขาช่วยให้เลือดไหลเวียนได้เป็นปกติและบาดแผลของเธอก็จะไม่รุนแรงมากไปกว่านี้
“หายแล้ว” ฟางชิวกล่าวขณะที่วางเท้าของเจียงเหมี่ยวอวี๋ลง
“อืม… ขอบคุณนะ!” เจียงเหมี่ยวอวี๋พยักหน้าเล็กน้อยด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น
เธอรู้สึกปวดมากตอนที่ฟางชิวจับเท้าของเธอ แต่ทันทีที่ฟางชิวปล่อยมือ เท้าของเธอก็รู้สึกดีขึ้น ความเจ็บปวดก็จางลงไปมาก นอกจากนี้รอบข้อเท้ายังอุ่นขึ้นอีกด้วย
“เป็นยังไงบ้าง?” หยวนเป้ยก้าวไปข้างหน้าแล้วนั่งยอง ๆ ข้างกายเจียงเหมี่ยวอวี๋ เธอเอ่ยถามในขณะที่เหลือบมองฟางชิวไปด้วย
“หายดีแล้วจริง ๆ เหรอ?”
“กระดูกถูกจัดเข้าที่เดิมแล้ว แต่เส้นเอ็นตึงรุนแรงกว่าครั้งที่แล้ว เธอจะเคลื่อนไหวไม่ได้สักพัก” ฟางชิวตอบ
“อา… ยังขยับไม่ได้อีกเหรอ งั้นฉันจะทำไม้ค้ำยันให้เธอ หรือไม่ก็หารถเข็นไหม?”
“ไม่ต้องหรอก” เจียงเหมี่ยวอวี๋กัดริมฝีปากและส่ายหน้าเบา ๆ จากนั้นเธอก็พูดขอโทษคนอื่น ๆ ว่า “ขอโทษที่สร้างปัญหาให้กับทุกคนนะ!”
“ฉันอยู่ที่นี่จะเป็นภาระของทุกคนไปเปล่า ๆ แล้วฉันก็ได้ดูทุกอย่างที่ควรดู เล่นทุกอย่างที่ควรเล่นแล้ว ฉะนั้น ฉันควรกลับมหาวิทยาลัยก่อน”
“กีดีเหมือนกัน” ฟางชิวกล่าวพร้อมพยักหน้า “ฉันก็กำลังจะกลับมหาวิทยาลัยเหมือนกัน ฉันจะพาเธอเอง”
โจวเสี่ยวเทียนกับซุนฮ่าวที่เฝ้าดูการกระทำของฟางชิวแล้วก็หัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะของพวกเขาแลดูคลุมเครือมาก
จะกลับก็กลับสิ แต่นายพูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบทำไมกัน?
ไม่ใช่โจวเสี่ยวเทียนกับซุนฮ่าวเท่านั้นที่หัวเราะ หยวนเป้ย หวังอวี๋ หวงหมานหม่าน และเพื่อนร่วมชั้นของเจียงเหมี่ยวอวี๋ ต่างก็พากันหัวเราะออกมา
ท่ามกลางฝูงชนตรงนั้น สีหน้าของโจวเจิ้นกลับคล้ำลง
“เหมี่ยวอวี๋ ฉันจะกลับไปเป็นเพื่อนเธอเอง” โจวเจิ้นก้าวไปหาเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยความหึงหวง “เจ็บตั้งขนาดนี้ ฉันไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่”
“เอาแบบนี้ดีไหม” หยวนเป้ยยืนขึ้นแล้วพูดว่า “หวังอวี๋ หวงหมานหม่านกับฉันจะกลับไปมหาวิทยาลัยพร้อมกับเหมี่ยวอวี๋ เพราะไม่มีใครดูแลเธอในมหาลัย เดี๋ยวจะมีปัญหาเรื่องหาของกิน” ฝูงชนพยักหน้าเห็นด้วยความเห็นนี้
“มีพวกเราดูแลแล้ว โจวเจิ้น นายก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว เพราะสุดท้ายหลังนายกลับถึงมหาวิทยาลัยแล้วก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ทำไมไม่ใช้เวลากับพวกเพื่อน ๆ อีกสักสองสามวันล่ะ” หยวนเป้ยกล่าวต่อ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น โจวเจิ้นก็แย้งอีกครั้ง มีคำพูดมากมายในหัวของเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรออกไปดี เขาเลยทำได้แค่เพียงเงียบไปเท่านั้น
“งั้นฉันจะจองตั๋วแล้วนะ” เมื่อตัดสินใจกันได้แล้ว ฟางชิวก็ขอหมายเลขประจำตัวของคนที่จะกลับมหาลัยแล้วเริ่มจองตั๋วบนมือถือของเขาทันที
เวลานี้ฟางชิวไม่ได้คิดถึงเรื่องการประหยัดเงิน
กลับมหาวิทยาลัยยิ่งเร็วก็ยิ่งดี
เมื่อจองตั๋วแล้ว กลุ่มเพื่อร่วมชั้นก็พากันไปส่งคนเจ็บที่สถานีรถไฟความเร็วสูง
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงห้องโถงของสถานีรถไฟความเร็วสูง
“เจ้าห้า?” ด้านหน้าสุด ซุนฮ่าวที่เดินเคียงข้างกับฟางชิวก็เอ่ยถามเสียงต่ำว่า “นายมันแย่มาก มาถึงภูเขาไท่ซานแล้วทำไมไม่บอกพวกเราสักคำ”
“ก็ฉันไม่มีอะไรต้องทำหลังเลิกงาน ก็เลยมา”
ฟางชิวกำลังพูดโกหกหน้าตาย “ความจริง ฉันอยากจะมาที่นี่เพื่อเซอร์ไพรส์พวกนาย แต่เพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้น ฉันเลยต้องกลับไปก่อน”
“ไร้สาระ” โจวเสี่ยวเทียนกระโดดไปข้างหน้าและมองไปที่ฟางชิวด้วยรอยยิ้มซุกซน แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า “เท่าที่ฉันเห็น เจ้าห้ามาที่นี่เพื่อรักษาสาวสวยนะ จากนั้นเขาก็จะพาสาวสวยกลับมหาลัย! แล้วเขาก็จะอาศัยช่วงเวลานี้แหละสร้างโอกาสให้ตัวเอง จิ๊จิ๊… พวกเราทุกคนควรเรียนรู้จากเจ้าห้าเอาไว้บ้างนะ!”
ฟางชิวยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาทำทีไม่สนใจรูมเมตทั้งสาม และปล่อยให้ทั้งสามจินตนาการที่เหลือกันเอาเอง