บทที่ 99 ขายสมุนไพรได้เงินหนึ่งแสนหยวน!
บทที่ 99 ขายสมุนไพรได้เงินหนึ่งแสนหยวน!
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนจากพื้นด้วยความโกรธ เขาจ้องไปที่ฟางชิวด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความโมโหว่า “ฉันไปทำให้เธอรำคาญหรือไง ทำไมเธอถึงต้องเตะฉันด้วย? ถ้าเธอให้เหตุผลดี ๆ กับฉันไม่ได้ละก็ เชื่อไหมว่าฉันจัดการเธอให้หนัก ๆ เลย เอาให้แม้แต่แม่ของเธอก็จำเธอไม่ได้!”
เจ้าของร้านกับแพทย์แผนจีนอาวุโสรีบเข้าไปไกล่เกลี่ยสถานการณ์ แต่พอเหลือบตาไปมองฟางชิวแล้ว พวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ใครจะคิดว่า ชายหนุ่มคนนี้จะคลั่งเตะคนแปลกหน้าที่เพิ่งเดินเข้าร้าน?
ในสายตาของเจ้าของร้านกับแพทย์แผนจีนอาวุโสนั้น พวกเขาคิดว่ามีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ฟางชิวอาจจะโกรธที่พวกเขาไม่ยอมซื้อสมุนไพร ฟางชิวก็เลยตั้งใจจะทำลายร้านของพวกเขา
ในตอนนั้นเอง ฟางชิวก็มองไปที่ชายวัยกลางคนที่กำลังโกรธเคืองอยู่ จากนั้นเขาก็เอ่ยถามออกมาว่า “เอวของคุณยังเจ็บอยู่หรือเปล่าครับ?”
“อะไรนะ?” ชายวัยกลางคนไม่เข้าใจกับคำถามของฟางชิว
หลังจากได้ยินประโยคนั้น เขาก็นึกถึงเอวที่กำลังปวดของตน
“อะไรกัน?” เมื่อชายวัยกลางคนเอามือไปแตะที่เอว ความโกรธบนใบหน้าของเขาหายไปในทันทีและถูกแทนที่ด้วยความดีใจ
“ทำไมมันไม่ปวดแล้วล่ะ” ชายวัยกลางคนรู้สึกประหลาดใจ แล้วหันไปมองฟางชิวด้วยความสับสน
เจ้าของร้านกับแพทย์แผนจีนอาวุโสก็งุนงงเช่นกัน
ไม่ทะเลาะกันแล้วหรือ?
ทำไมถึงวกกลับมาที่เรื่องเอวได้ล่ะ?
“เกิดอะไรขึ้น?” แพทย์แผนจีนอาวุโสเอ่ยถามขึ้น
“แค่เตะครั้งเดียวก็หายปวดเมื่อยแล้วเหรอ?” เจ้าของร้านก็ไม่เข้าใจเรื่องราวตรงหน้าเช่นกัน
เมื่อฟางชิวมองไปที่ชายวัยกลางคน เขาก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “คุณกระดูกเคล็ด การเตะเมื่อกี้คือการจัดกระดูกให้เข้าที่ ตอนนี้กระดูกกลับเข้าที่แล้ว คุณจะไม่ปวดเอวแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของทั้งสามคนก็เปลี่ยนไปทันที แล้วสีหน้าของพวกเขาก็ฉายความตื่นเต้นสุดขีดออกมา
แค่เตะครั้งเดียวก็จัดกระดูกที่เคล็ดให้เข้าที่ได้แล้วเนี่ยนะ?
“เธอรู้ได้ยังไงว่ากระดูกเอวของเขาเคล็ด” แพทย์แผนจีนอาวุโสรีบถาม
“ใช่ เธอรู้ได้ยังไงว่ากระดูกเอวของฉันเคล็ด? เธอไม่ได้จับตัวฉันด้วยซ้ำ แต่เธอก็รู้อาการปวดของฉันแล้ว?” ชายวัยกลางคนไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เจ้าของร้านไม่ได้เอ่ยถาม แต่เขาก็คิดกับตัวเองว่า ‘ไอ้หนุ่มคนนี้อาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ? ไม่อย่างนั้นเขาจะวินิจฉัยผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วแล้วรักษาได้อย่างแม่นยำได้ยังไงกัน’
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมรู้ได้ยังไง ตราบใดที่ผลลัพธ์มันออกมาดีและเอวของคุณก็หายปวด แค่นี้มันก็ดีแล้ว” ฟางชิวตอบพร้อมกับส่ายหัว
“ก็จริง!” ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาดัง ๆ และพูดกับฟางชิวอย่างกล้าหาญว่า “ไอ้น้องชาย ที่ฉันเข้าใจเธอผิดไปก่อนหน้านี้ ฉันขอโทษด้วยนะ”
“ขอบคุณนะที่รักษาฉัน ปัญหาที่เอวรบกวนจิตใจฉันมานานมากแล้ว ไม่รู้จะรักษายังไง โดนเตะไปป้าบเดียวก็ดีขึ้นเยอะเลย”
“เรื่องเล็กน้อยครับ” ฟางชิวพยักหน้า
ชายวัยกลางคนกลอกตาแล้วหัวเราะ “ทำไมเธอไม่ลองตรวจดูล่ะ ว่าฉันมีอาการป่วยที่อื่นอีกหรือเปล่า ถ้ามีก็มาเตะฉันอีกรอบก็ได้”
ฟางชิวรู้สึกพูดไม่ออก เจ้าของร้านกับแพทย์แผนจีนอาวุโสก็เช่นกัน
โลกนี้ก็มีคนอยากโดนเตะด้วยหรือ?
“คุณไม่มีโรคอื่นแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” ฟางชิวพูดพลางเตรียมตัวจะออกจากร้านไป
แต่ทันใดนั้นเอง
“น้องชาย รอก่อน” หลังจากเงียบอยู่นาน เจ้าของร้านก็วิ่งไปขวางหน้าฟางชิวเอาไว้ จากนั้นลากฟางชิวให้นั่งลงที่หลังโต๊ะน้ำชาในร้านขายยา เสิร์ฟชาให้ฟางชิวอย่างสุภาพ แล้วถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “น้องชาย ไปเรียนมาจากไหนเหรอ?”
ฟางชิวขมวดคิ้วด้วยความฉงนใจ ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
“เรียนกับชาวบ้านนี่แหละครับ” ฟางชิวตอบ
“เธอเป็นแพทย์แผนจีนฝึกหัดเหรอ แล้วใครเป็นอาจารย์ของเธอล่ะ?” เจ้าของร้านรีบเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
“ขออภัย ตอนนี้ผมไม่มีเวลาแล้ว ผมต้องรีบไปร้านขายยาร้านอื่น จะได้ขายสมุนไพรสักที” ฟางชิวส่ายหัว และลุกขึ้นเตรียมจะจากไป
“อย่าเพิ่งไป!” เจ้าของร้านรั้งตัวฟางชิวไว้อีกครั้งแล้วพูดว่า “เธอช่วยเอาสมุนไพรของเธอมาให้ฉันดูอีกได้ไหม?”
พอทัศนคติของเจ้าของร้านที่มีต่อฟางชิวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ชายหนุ่มก็ชะงักทันทีที่ได้ยิน
การเคลื่อนไหวของฟางชิวก่อนหน้านี้น่าทึ่งเกินไป! ในฐานะเจ้าของร้านยาจีน เขาสามารถบอกได้ว่าฟางชิวต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงทำแบบนั้นไม่ได้แน่
สำหรับร้านยาที่มีอายุร้อยปีแบบนี้ การรู้จักกับผู้เชี่ยวชาญถือได้ว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ถ้าฟางชิวเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง สมุนไพรของเขาก็ต้องเป็นของจริง ไม่ใช่ของปลอมแน่นอน
อีกทั้งชายวัยกลางคนที่ปวดเอวเป็นประจำก็มักจะมาซื้อพลาสเตอร์ยาแก้ปวดที่นี่และเจ้าของร้านก็รู้จักเขาเป็นอย่างดี การรักษาเมื่อครู่นี้ ฟางชิวก็ไม่น่าจะจัดฉากขึ้นมา
นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าฟางชิวมีความสามารถจริง ๆ
ดังนั้น เรื่องแหล่งที่มาของสมุนไพรเขาไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย
“จะตรวจสอบสมุนไพรอีกครั้งเหรอครับ” ฟางชิวเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะเปิดกระเป๋าเป้เพื่อนำเห็ดหลินจือป่าสามต้นกับโสมป่าหนึ่งต้นออกมา
“ใช่ พวกเราอยากตรวจดูอีกรอบน่ะ” เจ้าของร้านพยักหน้า เขาส่งสัญญาณให้ฟางชิววางสมุนไพรลงบนโต๊ะน้ำชา จากนั้นเขาก็เรียกแพทย์แผนจีนอาวุโสมา ทั้งสองคนจึงเริ่มตรวจสอบสมุนไพรอย่างรอบคอบอีกครั้ง
ในระหว่างที่กำลังตรวจสอบ
“น้องชาย สูบบุหรี่ไหม” ชายวัยกลางคนที่เพิ่งหายปวดเอวยื่นบุหรี่ให้ฟางชิว
“ผมไม่สูบบุหรี่ครับ” ฟางชิวส่ายหน้าปฏิเสธ
“ขอบใจเธอมากนะ แต่ว่าเอวของฉันหายขาดแล้วจริง ๆ เหรอ? ฉันจะกลับไปปวดเอวอีกครั้งไหม” ชายวัยกลางคนถาม
“หายแล้วจริง ๆ ครับ แต่คุณต้องระวังอย่าใช้แรงเยอะ ถ้าใช้แรงมากเกินไป กระดูกเอวก็อาจจะเคลื่อนได้อีกครั้ง ทางที่ดี คุณควรจะหยุดพักสักสามถึงห้าเดือนก่อน แล้วค่อยออกกำลังกายเบา ๆ” ฟางชิวกล่าว
“ดี! ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว!” ชายวัยกลางคนยิ้มแล้วพยักหน้าทันที เขามีความสุขมากเมื่อได้ยินว่าตนได้รับการรักษาให้หายขาดแล้ว ก่อนจะจากไปจึงขอบคุณฟางชิวอีกครั้ง
ในร้านขายยาจีน
“เห็ดหลินจือป่ากับโสมป่าแก่มากเลยนะ” ไม่นานนัก แพทย์แผนจีนอาวุโสก็พูดขึ้นมาช้า ๆ
“น้องชาย ฉันขอถามเธอได้ไหมว่าเธอเจอสมุนไพรพวกนี้ที่ไหน แค่บอกสถานที่คร่าว ๆ ให้ฉันรู้ก็พอ ฉันจะได้ประเมินคุณสมบัติทางยาของสมุนไพรพวกนี้ได้ถูกต้อง” เจ้าของร้านเอ่ยถาม
“ภูเขาไท่ซาน” ฟางชิวตอบ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของเจ้าของร้านกับแพทย์แผนจีนอาวุโสก็เป็นประกายขึ้นในทันใด
เพราะเห็ดหลินจือป่าและโสมป่าที่จากภูเขาไท่ซานนั้นมีค่ามาก
“ฉันจะซื้อสมุนไพรพวกนี้” เจ้าของร้านตัดสินใจในทันที
“คุณจะให้ราคาเท่าไหร่เหรอครับ?” ฟางชิวเอ่ยถาม
“อืม สี่ต้น ฉันจะให้เธอทั้งหมดหนึ่งแสนหยวนก็แล้วกัน” เจ้าของร้านเอ่ยบอกฟางชิว
ชายหนุ่มก็ตกใจกับจำนวนเงินที่ได้ยินเช่นกัน เขาคาดไม่ถึงว่าพืชสมุนไพรเหล่านี้จะมีราคาแพงขนาดนี้
สี่ต้นมีค่าเท่ากับหนึ่งแสนหยวนเลยหรือ?
ก่อนออกจากภูเขาไท่ซาน เขาขายโสมป่าสองต้นกับเห็ดหลินจือป่าสามต้นในราคาแค่ห้าหมื่นหยวนเท่านั้น
ตอนนี้เขาขายโสมป่าแค่ต้นเดียว แต่ราคากลับเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
แล้วอย่างนี้จะไม่ทำให้ฟางชิวตกใจได้อย่างไร?
“น้องชาย ราคานี้มันดีมากแล้ว ไม่ว่าสมุนไพรเหล่านี้จะขายให้คนอื่นหรือแปรรูปเอง มันก็ไม่ทำเงินให้ฉันได้มากมายนักหรอก อย่างมากสุดก็ไม่เกินสองสามพันหยวน หรืออาจจะได้แค่ไม่กี่ร้อยหยวนด้วยซ้ำ” เมื่อเห็นฟางชิวเงียบไป เจ้าของร้านก็รีบอธิบายทันที
“ก็ได้ครับ หนึ่งแสนก็หนึ่งแสน” หลังได้สติกลับมาแล้ว ฟางชิวก็พยักหน้าตกลงอย่างรวดเร็ว
“ตกลง งั้นเอาหลายเลขบัญชีธนาคารของเธอให้ฉัน ฉันจะโอนเงินให้เธอ” เจ้าของร้านกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้า
ฟางชิวรีบให้ข้อมูลบัญชีธนาคารของเขาไป โอนเงินให้ฟางชิวเสร็จเจ้าของร้านก็รีบเก็บสมุนไพรไปทันที
“ยินดีที่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน!” เจ้าของร้านจับมือฟางชิว
“ครับ” ฟางชิวพยักหน้า ถึงจะไม่เคยชินกับการทำธุรกิจแบบนี้ แต่เขายังคงรักษามารยาทพื้นฐานไว้
“น้องชาย พวกเรามาแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกันดีไหม? ถ้าเธอเจอสมุนไพรอีกก็เอามาขายให้ฉันได้เลย” เจ้าของร้านกล่าว
“ได้ครับ” ฟางชิวพยักหน้า นี่เป็นเรื่องดีสำหรับเขาเลย
ตอนนี้ชายหนุ่มมีโสมป่ากับเห็ดหลินจือป่าสองต้นในกระเป๋าเป้ เขาวางแผนที่จะนำสมุนไพรทั้งสามต้นนี้ไปประมูลเพื่อขายให้กับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ถ้าเกิดไม่มีใครสนใจ เขาก็จะนำพวกมันกลับมาขายที่นี่
นอกจากนี้ เขาอาจจะต้องเดินทางเข้าไปในภูเขาอีกครั้งในอนาคตเพื่อหาวัตถุดิบทางการแพทย์ การที่มีสถานที่ที่รับซื้อของอยู่แล้วแบบนี้จะช่วยให้เขาไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมา
เมื่อฟางชิวบันทึกข้อมูลติดต่อของเจ้าของร้านแล้ว เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป
“ถึงยังเด็กอยู่แต่มีความสามารถมาก วีรบุรุษอยู่ในหมู่ของคนหนุ่มสาวจริง ๆ” เมื่อเห็นฟางชิวจากไปแล้ว เจ้าของร้านก็นึกถึงการเตะที่น่าประทับใจเมื่อครู่อีกครั้ง เขาก็เลยอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำออกมา
“อนาคตของเด็กหนุ่มคนนั้นต้องสดใสแน่นอน” แพทย์แผนจีนอาวุโสพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ลูกเตะของเขาในวันนี้ แม้แต่ในวงการแพทย์แผนจีนในปัจจุบันก็มีไม่กี่คนที่สามารถทำได้อย่างเขา ดูสิ ยังเด็กอยู่เลย ถ้าเขายังเลือกเดินบนเส้นทางแพทย์แผนจีนนี้ต่อ ในอนาคตเขาอาจจะทำให้ทั้งโลกตะลึงก็ได้”
“ประเมินเขาสูงขนาดนั้นเลย?” เจ้าของร้านมองดูแพทย์แผนจีนอาวุโสด้วยความสงสัย
“ไม่สูงไม่ได้” แพทย์แผนจีนอาวุโสส่ายหัวพลางพูดต่อ “ถ้าตอนที่ฉันอายุเท่าเขา มีพละกำลังเหมือนเขาสักครึ่งหนึ่ง ฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้ในตอนนี้หรอก”
“คุณก็มีวันของคุณ จะเปรียบเทียบตัวเองกับเด็กไปทำไม” เจ้าของร้านกลอกตา
“ฮ่า ๆ ไม่ใช่ว่าเปรียบเทียบไม่ได้ แต่ฉันเทียบไม่ติดเลยต่างหาก” แพทย์แผนจีนอาวุโสหัวเราะเสียงดังก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะที่ปรึกษาเพื่อเริ่มอ่านหนังสือทางการแพทย์ต่อ
อีกด้านหนึ่ง
หลังออกจากร้านขายยาแล้ว ฟางชิวก็ไปที่ตู้เอทีเอ็มที่ใกล้ที่สุด เพื่อดูยอดเงินในบัญชีของเขา และพบว่ามีเงินอยู่หนึ่งแสนหยวนในบัญชี เขาจึงนำเงินเจ็ดหมื่นห้าพันหยวนออกจากกระเป๋าเป้ของเขาแล้วฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารของเขาทันที
สองหมื่นเก้าพันหยวนจากโม่อี้ฉี และห้าหมื่นหยวนจากการขายสมุนไพรในหมู่บ้าน และเมื่อหักค่าตั๋วรถไฟห้าใบออกไปแล้ว ฟางชิวก็เหลือเงินอยู่เจ็ดหมื่นห้าพันหยวนที่เขาเพิ่งฝากไปเมื่อกี้
ทำให้ตอนนี้ฟางชิวมีเงินติดตัวเหลือแค่สองพันกว่าหยวนเท่านั้น
หลังจากฝากเงินแล้ว ฟางชิวก็บังเอิญไปเจอร้านค้าแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มจึงซื้อชุดออกกำลังกายให้ตัวเอง
มาคิด ๆ เขาใส่ชุดธรรมดาออกกำลังกายทุกวันคงดูแปลก
แน่นอนว่าเขาคงไม่ซื้อชุดออกกำลังกายราคาแพงหรอก ดังนั้นทั้งหมดจึงมีราคาเพียงสามร้อยหยวนเท่านั้น
หลังจากนั้นฟางชิวก็กลับไปมหาวิทยาลัยเพื่ออ่านหนังสือและกินข้าว
ไม่นาน ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง
หลังจากฝึกดูเหรียญทองแดงในหอพักครู่หนึ่ง ไฟในหอพักก็ดับลง ฟางชิวก็กระโดดลงจากเตียง เขารีบเปลี่ยนชุด และเร้นกายออกจากมหาวิทยาลัยท่ามกลางความมืดมิด
เขาเดินทางไปตามร่องรอยในความทรงจำอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า ฟางชิวก็มาถึงคฤหาสน์มั่งคั่งระหว่างทางไปสถานีรถไฟ
เขามาที่นี่เพื่อหาข้อมูล
ทันทีที่ฟางชิวมาถึง เขาก็เห็นชายหนุ่มสองคนกำลังเดินออกจากคฤหาสน์เพื่อไปขึ้นรถหรู พร้อมที่จะออกเดินทางไปข้างนอก
“งานแสดงสินค้าเริ่มแล้วเหรอ?” ฟางชิวรู้สึกสงสัย เพราะเขารู้ว่าชายหนุ่มสองคนนี้เป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองที่เขาเจอในวันนั้น
‘ต้องตามไป’ พอความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของฟางชิว เขาก็แอบสะกดรอยตามรถหรูของชายหนุ่มทั้งสองไป ในระหว่างเขาพยายามมองหารถแท็กซี่ไปด้วย
เมื่อมาถึงที่ถนน ฟางชิวก็โบกรถแท็กซี่ที่กำลังขับตรงมา ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วสั่งให้คนขับขับตามรถหรูของชายหนุ่มทั้งสองไป