บทที่ 104 ล้านห้า!
บทที่ 104 ล้านห้า!
“คุณกำลังล้อเล่นอะไรอยู่! อยากจะสู้กับฉันใช่ไหม” ผู้อาวุโสอี้จ้องมองชายวัยกลางคนด้วยความโกรธแล้วตะโกนออกไปทันที “แปดแสนห้า!”
“ฉันไม่ได้อยากสู้ แต่ฉันต้องการขุมทรัพย์สมุนไพรนี้จริง ๆ มันหายากมากเลยนี่!” ชายวัยกลางคนหัวเราะ จากนั้นยกมือขึ้นอีกครั้งแล้วตะโกนว่า “เก้าแสน!”
ไม่นานหลังจากที่ชายวัยกลางตะโกนออกมาก็มีเสียงอันทรงพลังดังขึ้น
“หนึ่งล้าน!”
ฝูงชนต่างตื่นตกใจจึงหันหลังไปดู แล้วก็เห็นชายหนุ่มสองคนก้าวขาออกมาจากฝูงชน พวกเขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองทั้งสองคนนั่นเอง
“หนึ่งล้านห้าหมื่น” เมื่อสิ้นเสียงของทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองแล้วก็มีเสียงอื่นดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน
เมื่อหันไปดูต้นเสียงแล้ว ก็พบว่าผู้ประมูลเป็นชายหนุ่มในชุดสูทอายุประมาณ สามสิบปี สวมแว่นตากรอบสีทอง ดูแล้วน่าจะเป็นเศรษฐีแน่นอน
“หนึ่งล้านหนึ่งแสน!” ทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองคนหนึ่งกัดฟันตะโกนออกมา
“หนึ่งล้านหนึ่งแสนห้าหมื่น!” ชายในชุดสูทยิ้ม เสนอราคาเพิ่ม
ผู้อาวุโสอี้กับชายวัยกลางคนตกตะลึง ไอ้สองคนนี้มาจากไหน?
เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว ทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองทั้งสองคนก็สบสายตากันก่อนจะส่ายหัวพ่ายแพ้พร้อมกับรอยยิ้มขมขื่น
พวกเขาไม่เสนอราคาเพิ่ม!
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีเงิน พวกเขาก็อยากได้ขุมทรัพย์สมุนไพรนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้พวกเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ และคนที่อยากได้ขุมทรัพย์สมุนไพรนี้ก็เป็นผู้อาวุโสทั้งนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถเสนอราคาเพิ่มได้อีก
ประการแรก เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่อยากได้มัน ถ้ามีคนแย่งชิงมันไป
พวกเขาอาจจะไม่สามารถเอากลับคืนมาได้
ประการที่สอง พวกเขาไม่ได้ต้องการสร้างความขุ่นเคืองให้กับผู้อาวุโสที่งานแสดงสินค้าเล็ก ๆ นี้ ไม่เช่นนั้น ในอนาคตพวกเขาอาจจะอยู่ยากขึ้น
การเพิ่มราคาก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทดสอบ และตอนนี้ก็มีคนต้องการจะคว้ามันไปแล้ว หลังจากทบทวนอยู่นาน ทั้งสองคนก็คิดว่าไม่ควรซื้อมันมา จึงยอมแพ้ในการประมูลครั้งนี้
พอราคาของขุมทรัพย์สมุนไพรเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวนแล้ว ฝูงชนก็ต่างพากันหวาดหวั่น
มีคนไม่มากที่มีเงินเยอะขนาดนั้น
แต่ผู้อาวุโสอี้ไม่ใช่คนไม่มีเงิน เขาได้สาบานต่อหน้าทุกคนในใจแล้วว่า เขาจะเอาขุมทรัพย์สมุนไพรนี้มาให้ได้
“หนึ่งล้านสองแสน!” เป็นไปตามคาด ผู้อาวุโสอี้ตะโกนขึ้นมาอย่างสุดเสียง เงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา ขุมทรัพย์สมุนไพรต่างหากที่สำคัญ ตราบใดที่ราคาของมันไม่สูงไปกว่าที่เขาคาดไว้ เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะซื้อ
“พี่อี้” ชายในชุดสูทหันไปหาผู้อาวุโสอี้และถามด้วยความเคารพว่า “ฉันอยากได้ขุมทรัพย์สมุนไพรชิ้นนี้จริง ๆ พี่ยกให้ฉันได้ไหม”
“ไม่มีทาง!” ผู้อาวุโสอี้ส่ายหัวทันทีและตอบว่า “วันนี้ฉันจะเอาขุมทรัพย์สมุนไพรชิ้นนี้ไปให้ได้ ฉันก็ต้องการมันเหมือนกัน”
“งั้นก็ต้องประมูลต่อสินะ” ชายในชุดสูทยิ้มแล้วตะโกนว่า “หนึ่งล้านสี่แสน!”
เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที
ราคานี้ทำให้ฝูงชนพากันตกใจเป็นอย่างมาก
ตอนแรกราคาห่างกันแค่หลักหมื่น เพิ่มเป็นห้าหมื่น ตอนนี้กลายเป็นว่าเพิ่มขึ้นครั้งหนึ่งทีละสองแสนแล้ว
แบบนี้ฝูงชนจะใจเย็นได้อย่างไร?
ชายวัยกลางคนหยุดประมูลไปแล้ว แค่ขุมทรัพย์สมุนไพรแค่ต้นเดียวเขาจ่ายไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“หนึ่งล้านห้าแสน!” ผู้อาวุโสอี้กัดฟันตะโกนออกมา
ฝูงชนได้ยินแล้วต่างตะลึง
จากห้าแสนไปหนึ่งล้านห้าแสน สูงกว่าเดิมสามเท่าเข้าไปแล้ว
“มีเพียงผู้อาวุโสอี้เท่านั้นที่กล้าได้กล้าเสียขนาดนี้!”
“เฮ้อ… ถ้าฉันรู้ว่ามีขุมทรัพย์สมุนไพรอยู่จริง ๆ นะ ฉันคงจะตั้งใจหาเงินให้มากกว่านี้!”
“ใช่แล้ว คนในงานแสดงสินค้าส่วนใหญ่จะแลกเปลี่ยนสินค้าจากชิ้นหนึ่งไปอีกชิ้นหนึ่ง ใครจะรู้ว่าที่นี่จะมีขุมทรัพย์สมุนไพรขายด้วย”
ฝูงชนพูดคุยกันอย่างออกรส
“พี่อี้ มันเป็นของพี่แล้ว!” ชายในชุดสูทหัวเราะอย่างขมขื่น ก่อนจะพูดต่อว่า “แสนสี่เป็นราคาสูงที่สุดเท่าที่ฉันจะให้ได้แล้ว”
แม้ว่าชายในชุดสูทจะมีเงินมากกว่านั้น แต่เขารู้สึกว่ามันก็ไม่คุ้มที่จะเสนอราคาเพิ่มไปมากกว่านี้
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสอี้ก็คลี่ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็ชำเลืองมองฝูงชน แล้วเอ่ยถามว่า “มีใครต้องการเสนอราคาเพิ่มอีกไหม?”
ฝูงชนส่ายหัวพร้อมกัน
“เอาขุมทรัพย์สมุนไพรมาให้ฉันเถอะ” ผู้อาวุโสอี้หันไปหาฟางชิวพร้อมกับรอยยิ้ม
ไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มแล้ว
หนึ่งล้านห้าแสนหยวนสินะ…
ฟางชิวพยักหน้า แล้วตอบพร้อมกับยิ้ม “คนที่เสนอราคาสูงสุดเป็นผู้ชนะ ขุมทรัพย์สมุนไพรชิ้นนี้เป็นของคุณแล้วครับ แต่ว่าผมก็มีเงื่อนไขอยู่นิดหน่อย”
“เงื่อนไขอะไร” ผู้อาวุโสอี้ถาม
“ผมต้องการเป็นเงินสด” ฟางชิวตอบ
“เงินสด?” ผู้อาวุโสอี้รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเขาก็พูดว่า “งั้นก็รอก่อน ฉันจะโทรเรียกให้คนเอาเงินมาให้”
“ครับ” ฟางชิวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่เขาก็ยังไม่ได้มอบพุทราวิญญาณแดงให้กับผู้อาวุโสอี้
หลังจากที่ผู้อาวุโสอี้คุยโทรศัพท์แล้ว ฝูงชนก็เริ่มแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสอี้ทันที
“ในที่สุด ขุมทรัพย์สมุนไพรชิ้นนี้ก็อยู่ในมือของคุณแล้ว”
“ผู้อาวุโสอี้เป็นคนใจกว้างจริง ๆ”
ท่ามกลางการแสดงความยินดีของทุกคน จู่ ๆ ก็มีคนหนึ่งอ้าปากถามขึ้นมา
“ผู้อาวุโสอี้ ในความคิดของคุณ คุณคิดว่ามันควรจะมีราคาเท่าไหร่?”
“ฮ่า ๆ” ผู้อาวุโสอี้หัวเราะเสียงดัง “ฉันเสนอราคาไปแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย ยังไงซะในความคิดของฉัน ขุมทรัพย์สมุนไพรชิ้นนี้ก็มีมูลค่าถึงล้านห้าหยวนนั่นแหละ ถ้ามีคนเสนอราคาอีก ฉันก็สู้ แต่คงให้ไม่เกินสามล้าน”
ฝูงชนพยักหน้าอย่างเข้าใจ สำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้แล้ว เงินเป็นเพียงสิ่งภายนอก แต่เงินจำนวนมากขนาดนี้ก็ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ
ฟางชิวเองก็เห็นด้วย พุทราวิญญาณแดงน่าจะมีราคาประมาณนี้แหละ
อย่างไรก็ตาม พุทราวิญญาณแดงก็เป็นเพียงขุมทรัพย์สมุนไพรที่อยู่ในอับดับล่าง ๆ ถึงแม้ว่าขุมทรัพย์สมุนไพรจะเป็นที่ต้องการอย่างมากในงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่กว่าที่นี่ แต่สุดท้ายราคาของมันก็ไม่เคยเกินสองล้านหยวน
ถึงขุมทรัพย์สมุนไพรจะมีค่ามาก แต่พวกมันก็ถูกแบ่งออกเป็นอันดับต่าง ๆ
ในวันนี้ ถ้าพุทราวิญญาณแดงถูกแทนที่ด้วยขุมทรัพย์สมุนไพรที่อยู่ในอันดับกลาง ๆ หรืออันดับต้น ๆ สถานการณ์จะต้องต่างจากนี้แน่
ขุมทรัพย์สมุนไพรที่อยู่ในอันดับกลาง ๆ จะมีราคามากกว่าขุมทรัพย์สมุนไพรที่อยู่ในอันดับล่างหนึ่งเท่า
ขุมทรัพย์สมุนไพรที่มีอันดับสูงมาก หรือว่าอยู่ในสิบอันดับแรก พวกมันก็จะไม่มาอยู่ในตลาดอย่างนี้เลย ไม่ว่าใครจะเสนอราคาสูงแค่ไหนก็ไม่อาจซื้อพวกมันได้
นี่จึงเหตุผลที่ขุมทรัพย์สมุนไพรถูกเรียกว่าขุมทรัพย์สมุนไพร เพราะว่ามันมีค่ามากนั่นเอง
สิบห้านาทีต่อมา
มีชายคนหนึ่งถือกระเป๋าเดินทางที่ป้องกันด้วยรหัสผ่านเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขายื่นกระเป๋าเดินทางใบนั้นให้ผู้อาวุโสอี้
“นี่เงินล้านห้า ตรวจสอบอย่างระมัดระวังด้วย!” ผู้อาวุโสอี้ส่งกระเป๋าเดินทางที่ป้องกันด้วยรหัสผ่านให้ฟางชิว
ฟางชิวรับกระเป๋ามาแบบไม่ลังเล เขาเปิดกระเป๋าเดินทาง นับเงินทั้งหมดด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเงินในกระเป๋าเดินทางเป็นของจริงและจำนวนเงินถูกต้อง
“ยินดีที่ได้ทำธุรกิจกับคุณนะครับ!” หลังจากตั้งรหัสผ่านใหม่สำหรับกระเป๋าเดินทางและล็อกมันแล้ว ฟางชิวก็มอบพุทราวิญญาณแดงให้กับผู้อาวุโสอี้ทันที
ผู้อาวุโสอี้หัวเราะออกมาด้วยความตื่นเต้นที่ได้ขุมทรัพย์สมุนไพรมาครอบครอง
ส่วนฟางชิวที่ถือกระเป๋าเดินทางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เขาก็ได้เงินมาแล้ว!
ในที่สุด ความกังวลเรื่องเงินก็ได้สิ้นสุดลงเสียที!
ฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสเสมอ!
ทันใดนั้นเอง
“พี่ชาย ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้แล้วถามเสียงเบาว่า “คุณไปเอาขุมทรัพย์สมุนไพรนี้มาจากไหนเหรอ?”
แม้เสียงของเขาจะเบามาก แต่ผู้คนก็ยังได้ยินอยู่ดี
“ใช่แล้ว! คุณหามันเจอที่ไหน?”
“ขุมทรัพย์สมุนไพรต้นนี้เล็กมาก สังเกตเห็นมันได้ยังไง”
“มีอะไรเฝ้าขุมทรัพย์สมุนไพรอยู่ไหม”
“บอกให้พวกเรารู้บ้างสิ! ให้โอกาสพวกเราบ้าง!”
“ใช่ บอกพวกเรามาหน่อยเถอะ! คุณหามันเจอที่ไหน? แล้วพบได้ยังไง?”
ฝูงชนขยับเข้าไปใกล้ และโยนคำถามใส่ฟางชิวไม่หยุด ท่ามกลางคำถามมากมาย ฟางชิวก็ทิ้งท้ายเอาไว้ประโยคหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากถ้ำพร้อมกับกระเป๋าเงิน
“ไม่อาจบอกได้”
ไม่อาจบอกได้?
คนที่ถามคำถามยังยอมแพ้ เมื่อฟางชิวจากไป ผู้คนในงานแสดงสินค้าก็เดินตามออกไปด้วย
แล้วกลุ่มคนก็ได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการไล่ตามฟางชิวที่ออกจากสวนอันเงียบสงบแห่งนี้ไปแล้ว
ฟางชิวรู้สึกหมดทางเลือก คนกลุ่มนี้ไล่ตามเขามาไม่ยอมหยุด ในขณะชายหนุ่มกำลังจะเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของเขา เพื่อจะได้หนีไป…
บรื้น! บรื้น!
จู่ ๆ เสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ภาพที่ฟางชิวเห็นคือ มีรถคันหนึ่งขับมาอย่างรวดเร็วบนถนนที่อยู่ตรงหน้า
ไฟหน้ารถสว่างมากจนทำให้ตาพร่าไปหมด แต่ก็ต้องขอบคุณไฟหน้าที่สว่างไสวนี้ พวกเขาจึงได้เห็นว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่กลางถนน
“กรี๊ด!” หลังเห็นว่ารถกำลังมาด้วยความเร็ว หญิงสาวก็รู้ได้ทันทีว่าเธอหนีไม่พ้นแน่นอน เธอหลับตาแล้วกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว
“ระวัง!”
“วิ่งออกไปเร็วเข้า!”
“ระวัง…” ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ต่างตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็สายเกินไป รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วได้พุ่งเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นแล้ว
“โธ่เว้ย!” ฟางชิวหรี่ตาลง แล้วรีบวิ่งออกไปทันที
ฟางชิวอยู่ห่างจากหญิงสาวสิบเมตร ในขณะที่รถอยู่ห่างจากตัวเธอไม่ถึงสองเมตร เขาช่วยเธอไม่ทันแน่ ๆ
ในชั่วพริบตา ฟางชิวก็เบิกตากว้าง เขาเอื้อมมือออกไปโดยไม่รู้ตัว
‘หัตถ์ทำลายล้าง!’
ฟางชิวร้องตะโกนในใจ
ในตอนนั้นพลังปราณรอบ ๆ ก็เกิดความแปรปรวน ก่อนจะพุ่งพรวดลงมารวมตัวกันที่ฝ่ามือขวาของฟางชิวอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้รถอยู่ห่างจากหญิงสาวเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น ฟางชิวรีบวิ่งไปข้างหน้า จากนั้นยื่นมือขวาของเขาออกไปพร้อมกับปล่อยพลังปราณมหาศาล
ตู้ม!
เสียงดังครึกโครมดังขึ้น
หลังจากที่เสียงดังขึ้น มือขวาของฟางชิวก็ได้ผลักรถออกไปด้วยแรงอันมหาศาล ทำให้รถส่ายไปส่ายมาแล้วหยุดลง
ที่กลางถนน หญิงสาวยังคงกรีดร้องออกมาทั้งที่หลับตาอยู่
“ไม่เป็นไรแล้ว” ฟางชิวถอนหายใจออกมาอย่างช้า ๆ แล้วพูดกับหญิงสาวคนนั้นหนึ่งคำ ก่อนที่จะจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อหญิงสาวลืมตาขึ้น เธอก็พบว่ารถได้หายไปแล้ว และตอนนี้ก็มีแค่เธอคนเดียวที่ยืนอยู่บนถนน หนึ่งวินาทีต่อมา เธอจึงรีบข้ามถนนแล้วจากไปด้วยความตื่นตระหนก
แต่อีกด้านหนึ่ง
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงแล้ว เหล่าผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกคนที่กำลังไล่ตามฟางชิวอยู่ก็พากันตกตะลึง
พวกเขาได้แต่อ้าปากค้าง และไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งเห็น
เฮ้ย!
มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย?
เขาผลักรถออกไปด้วยฝ่ามือเดียว?
นี่…
นี่กำลังถ่ายหนังกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่ก็รู้สึกว่ามันยากที่จะเชื่อได้ลง
ขณะที่คนกลุ่มนั้นกำลังอึ้ง ฟางชิวก็จากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเดินทางผ่านถนนในความมืดมาแล้ว ชายหนุ่มก็หยุดกะทันหัน เขาถอนหายใจด้วยความรำคาญ ก่อนจะหันไปที่มุมมืดแล้วพูดว่า “ออกมาเถอะ”
สิ้นเสียงของฟางชิว ร่างสองร่างก็พุ่งออกมาจากมุมมืดทันที
เมื่อมองดูใกล้ ๆ แล้ว ฟางชิวก็พบว่าสองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาเป็นทายาทเศรษฐีที่ตนสะกดรอยตามไปนั่นเอง
“ปรมาจารย์!” หนึ่งในทายาทเศรษฐีโค้งคำนับด้วยความเคารพทันที “พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้าย พวกเราแค่มีข้อเสนอให้คุณ”
“พูดมาสิ” ฟางชิวกล่าว
“เพราะคุณเพิ่งขายขุมทรัพย์สมุนไพรไปเมื่อกี้ ผมเลยเดาว่าคุณคงร้อนเงิน” ทายาทเศรษฐีเหลือบมองฟางชิวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดต่อว่า “คุณช่วยพวกเราเอาชนะคนคนหนึ่งได้ไหม พวกเราจะจ่ายให้สองแสนหยวน”
หลังจากที่พวกเขาเห็นกระบวนท่าอันทรงพลังก่อนหน้านี้ของฟางชิวแล้ว พวกเขาก็เชื่อมั่นในทักษะการต่อสู้ของฟางชิวทันที
ปรมาจารย์!
ฟางชิวต้องเป็นปรมาจารย์แน่นอน!