บทที่ 108 เร็วเกินไปแล้ว!
บทที่ 108 เร็วเกินไปแล้ว!
เมื่อได้ยินคำพูดของเกาเฟยแล้ว ฟางชิวก็ส่ายหน้าด้วยความรังเกียจ
การที่เขาไม่ยอมรับความจริงมันน่าอับอายกว่าเรื่องที่วิ่งแพ้เสียอีก!
“ไม่ต้องรีบร้อน ยังมีการแข่งขันครั้งต่อไป”
อาจารย์หม่าพูดปลอบเกาเฟยแล้วรีบประกาศว่า “การแข่งต่อไปจะเป็นการวิ่งสองร้อยเมตร”
อาจารย์หม่าเองก็อยากเห็นว่า ฟางชิวจะมีความสามารถมากแค่ไหน!
โดยไม่รอคำตอบจากฟางชิว เขาก็มองไปที่เกาเฟยแล้วถามว่า
“ฉันจะให้เวลาเธอ เธอต้องหยุดพักนานแค่ไหน?”
“ให้เวลาผมห้านาที” เกาเฟยจ้องไปที่ฟางชิวแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าได้พักแล้ว ผมทำเวลาได้ดีกว่าแน่นอน!” ถึงเขาจะไม่ยอมรับฟางชิว แต่เขาถือว่าชายหนุ่มเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!
เกาเฟยนึกไม่ถึงว่าไอ้เด็กคนนี้จะมีความสามารถจริง ๆ!
เขาวิ่งแซงฟางชิวไม่ได้อย่างที่คาดไว้ ตอนที่ฟางชิวแซงหน้าเขาไป มันรบกวนจิตใจกับจังหวะการวิ่งของเขาทันที
ผลลัพธ์จึงออกมาไม่ดีเหมือนที่หวัง ทั้งที่ตอนที่กำลังจะออกวิ่ง เขามั่นใจว่าตัวเองจะไม่แพ้ฟางชิวแน่ ๆ!
ในการแข่งขันครั้งต่อไป เขาจะตั้งใจวิ่งให้มากกว่านี้!
“ตกลง!” อาจารย์หม่าพยักหน้า
อาจารย์หม่าเองก็ไม่อยากเห็นลูกศิษย์ที่ได้รับการฝึกฝนจากเขา โดนนักศึกษาธรรมดา ๆ บดขยี้เช่นกัน เพราะนั่นจะหมายความได้ว่าการฝึกของเขาไม่ได้เรื่อง!
ห้านาทีผ่านไป ฟางชิวกับเกาเฟยก็มายืนอยู่บนจุดสตาร์ตอีกครั้ง
“ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมแพ้นายแน่!”
เกาเฟยหันหน้าไปพูดกับฟางชิวที่ยืนอยู่ห่างจากเขาไปสามช่อง พวกเขายืนห่างกันขนาดนี้เพราะคำขอของเกาเฟย
“หนวกหู!” ฟางชิวตอบกลับ
เกาเฟยสูดอากาศเข้าปอดด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วมองไปข้างหน้า การแสดงออกของเกาเฟยในตอนนี้ดูจริงจังและเคร่งขรึมมาก เขาจะแพ้การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
“วิ่งสองร้อยเมตร เริ่มได้!” เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ทั้งสองคนก็ออกตัววิ่งไปอีกครั้ง
การได้พักห้านาทีทำให้เกาเฟยวิ่งเร็วกว่าครั้งก่อน เขาวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต และคิดว่าตนจะเอาชนะฟางชิวได้แน่!
ทว่าร่างของฟางชิวก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอีกครั้ง และทิ้งเขาเอาไว้ข้างหลังได้ในเวลาสั้น ๆ
“แพ้ไม่ได้ ฉันจะแพ้ไม่ได้!” เกาเฟยกัดฟันแน่น กลัวว่าตนจะเสียสมาธิอีกครั้ง เขาจึงไม่ได้คิดอะไรอีก นอกจากการวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
แต่แล้วฟางชิวก็หยุดวิ่ง เป็นอันรู้ว่าการแข่งขันมันจบลงแล้ว
นักศึกษาที่จับเวลาให้ก้มมองดูนาฬิกาในมือด้วยความตกใจ จากนั้นก็ประกาศผลออกมาเสียงดัง
“เกาเฟย 20.57 วินาที”
“ฟางชิว 19.59 วินาที”
ผลลัพธ์นี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
เพราะเป็นการแข่งขันระยะทางสองร้อยเมตร พวกเขาจึงไม่แน่ใจว่าใครจะเข้าเส้นชัยก่อน ทุกคนจึงต่างรอการประกาศผล
ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เกิดเสียงเฮฮาในทันที
“ฟางชิวใช้เวลาน้อยกว่ายี่สิบวินาทีได้ยังไง”
“ร้ายกาจเกินไปแล้ว!”
“พลังระเบิดความเร็วของเขาสมบูรณ์แบบมาก”
“การวิ่งขึ้นอยู่กับพลังระเบิดความเร็ว นี่แปลว่าเขาต้องแข็งแกร่งมาก”
นักศึกษาเอกกีฬาทุกคนมองไปที่ฟางชิวด้วยความตกใจ
ผลลัพธ์ของเกาเฟย 20.57 วินาทีสำหรับการวิ่งสองร้อยเมตรนั้นก็ฟังดูน่ากลัวมากแล้ว
เพราะสถิติการแข่งขันสองร้อยเมตรในการแข่งขันกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัยระดับชาติคือ 20.47 วินาที!
แต่ฟางชิวใช้เวลาน้อยกว่ายี่สิบวินาที
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เป็นไปไม่ได้!
ทันทีที่เกาเฟยได้ยินผลการแข่งขัน ใบหน้าของเขาก็แสดงความขุ่นเคืองออกมา!
มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
ไอ้ฟางชิววิ่งเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร?
พวกเขาจับเวลาผิดหรือเปล่า?
20.57 วินาทีเป็นผลการแข่งขันสองร้อยเมตรที่ดีที่สุดของเขาแล้ว แต่ตอนนี้ฟางชิวกลับวิ่งเร็วกว่าเขา!
เป็นไปไม่ได้! เขายอมรับความจริงไม่ได้!
ไม่มีทาง! พวกเราต้องแข่งขันกันอีกครั้ง!
รอบหน้าเขาจะต้องชนะฟางชิวได้อย่างแน่นอน!
ส่วนอาจารย์หม่าที่อยู่ข้าง ๆ สนามตื่นเต้นมากกว่าใครอื่น
ไม่ใช่แค่การแข่งขันวิ่งหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น แต่นักศึกษาคนนี้ก็ยังสามารถทำเวลาได้ดีในการแข่งขันสองร้อยเมตรและความเร็วก็เร็วขึ้นด้วย
การวิ่งต้องอาศัยพลังระเบิดความเร็ว ผลลัพธ์ของการวิ่งหนึ่งร้อยเมตรไม่สามารถใช้วัดผลในการวิ่งสองร้อยเมตรได้ เนื่องจากการพลังระเบิดความเร็วของผู้เข้าแข่งขันเกิดขึ้นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
“ยังมีอีกหนึ่งการแข่งขัน!” ขณะที่ทุกคนยังคงตกใจกันอยู่ เกาเฟยก็กัดฟันพูดขึ้น ใบหน้ามืดครึ้มไปแล้วหลายส่วน “คราวนี้สี่ร้อยเมตร!”
“สี่ร้อยเมตร?” ทุกคนพากันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วมองไปที่เกาเฟย จากนั้นก็มองไปที่ฟางชิว
แม้ว่าสี่ร้อยเมตรจะดูเหมือนไม่นานเพราะเป็นการวิ่งเพียงรอบเดียว แต่ก่อนหน้านี้ ฟางชิวกับเกาเฟยก็ได้แข่งวิ่งหนึ่งร้อยเมตรกับสองร้อยเมตรไปแล้ว
พลังระเบิดความเร็วเป็นพลังที่มนุษย์สามารถระเบิดออกมาได้แค่ในช่วงเวลาสั้น ๆเท่านั้น และไม่สามารถระเบิดออกมาได้หลายครั้งติดต่อกัน
แม้ว่าในการวิ่งหนึ่งร้อยเมตร กับสองร้อยเมตร ผลลัพธ์ของฟางชิวจะออกมาดีเกินคาด แต่เขาจะสามารถแข่งวิ่งอีกสี่ร้อยเมตรได้หรือ?
เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ ผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ มักจะทนความเหนื่อยแบบนี้ไม่ได้ และในฐานะที่เกาเฟยเป็นนักกีฬากรีฑา ถ้าจะต้องแข่งวิ่งสี่ร้อยเมตรในตอนนี้ มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ฟางชิวล่ะ?
ฟางชิวเป็นเพียงนักศึกษาแพทย์แผนจีนธรรมดา แม้ว่าเขาจะออกกำลังกายทุกวันและสามารถเอาชนะเกาเฟยในการวิ่งหนึ่งร้อยเมตรกับวิ่งสองร้อยเมตรได้ แต่เขายังจะสามารถเอาชนะเกาเฟยในการแข่งขันสี่ร้อยเมตรนี้ได้หรือ?
ในครั้งนี้ ทุกคนไม่กล้าด่วนสรุปตัดสินใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในสามเกมนี้ก็คือ การแข่งขันสี่ร้อยเมตร
ครั้งนี้เดาได้ยากมากว่าใครจะชนะ ทุกคนแทบจะอดใจรอกันไม่ไหว
ถ้าฟางชิวเอาชนะเกาเฟยได้อีกครั้ง เขาก็จะกลายเป็นม้ามืดที่มาแรงทันที แต่ก็ไม่แน่ว่า เกาเฟยก็อาจจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนักศึกษาเอกกีฬาด้วยการเอาชนะฟางชิวในครั้งนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของเกาเฟยแล้ว อาจารย์หม่าก็อยากเข้าไปจูบลูกศิษย์ทันที นี่เกาเฟยรู้ได้อย่างไรว่าเขาต้องการเห็นความแข็งแกร่งของฟางชิวอีกครั้ง
ก่อนที่ฟางชิวจะได้พูดอะไรออกมา อาจารย์หม่าจึงรีบพูดออกมาว่า “พักสักสิบนาทีก็แล้วกัน หลังจากนั้นพวกเราจะเริ่มแข่งกันใหม่!”
ฟางชิวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมตกลง พวกเขาทั้งสองคนก็เลยไปนั่งพักผ่อน
สิบนาทีต่อมา
“เธอพร้อมไหม?” อาจารย์หม่าเหลือบมองฟางชิว
“พร้อมครับ” ฟางชิวพยักหน้าตอบ
ส่วนเกาเฟยนั้น เขาก็แทบจะรอไม่ไหว หลังจากการแข่งขันสองรายการก่อนหน้านี้ ในที่สุดเกาเฟยก็เข้าใจว่าทำไมพลังระเบิดความเร็วของฟางชิวนั้นแข็งแกร่งกว่าเขา
อย่างไรฟางชิวก็เพิ่งใช้งานร่างกายตนเองไป คราวนี้คงมีพลังพอ ๆ กัน เพราะก่อนแข่งขันเขาซ้อมวิ่งอยู่พักใหญ่ พลังระเบิดความเร็วของเขาเลยไม่เพียงพอ
ฟางชิววิ่งไปสองรอบแล้ว พลังระเบิดความเร็วของอีกฝ่ายก็น่าจะหมดลงแล้วเช่นกัน
พวกเขาอยู่ในระดับเดียวกันแล้วจริง ๆ!
กระนั้นฟางชิวก็ยังคงดูสงบ ไม่เหน็ดเหนื่อยเหมือนเดิม
“เข้าที่!” ภายใต้สายตาที่คาดหวังของทุกคน อาจารย์หม่าก็เดินไปที่ข้างสนามและยกมือขวาขึ้นสูง
ปี๊บ!
เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น มือขวาของอาจารย์หม่าก็เหวี่ยงลงทันที
ที่จุดสตาร์ต ฟางชิวกับเกาเฟยวิ่งออกมาในท่ามาตรฐานพร้อมกัน
เกาเฟยวิ่งเร็วมาก ไม่บ้าคลั่งเหมือนการแข่งรอบที่แล้ว เขาหันหน้ากลับมองฟางชิวที่อยู่ข้าง ๆ พบว่าความเร็วของฟางชิวไม่ได้ช้าลงเลย แถมยังเร็วกว่าเดิมอีกด้วย
ในชั่วพริบตา ฟางชิวก็แซงหน้าเกาเฟยไป
ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจในทันที แต่เขาไม่มีเวลามาสนใจความรู้สึกในใจขนาดนั้น เพราะตอนนี้ เขาต้องพุ่งไปข้างหน้าลูกเดียว!
เกาเฟยใช้พละกำลังทั้งหมดของเขากับทักษะการวิ่งไล่ตามฟางชิวไป
แต่ไม่ว่าเขาจะวิ่งไล่ตามฟางชิวอย่างไร ระยะห่างระหว่างเขากับฟางชิวก็ยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ อยู่ดี
ระยะห่างที่ห่างกันมากนี้ทำให้เกาเฟยรู้สึกหมดหวังทันที
ไม่ไกลจากสนามแข่ง นักศึกษาเอกกีฬาทุกคนกับอาจารย์หม่าก็ต่างตกตะลึง เพราะพวกเขาเห็นระดับความเร็วที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เกาเฟยวิ่งเร็วมาก เร็วจนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมออกมา
แต่ฟางชิววิ่งเร็วกว่า วิ่งเร็วมากจนทิ้งเกาเฟยไว้ข้างหลัง!
“นี่มันเร็วเกินไปแล้ว”
“เขายังเป็นคนอยู่หรือเปล่าเนี่ย? นั่นบินเหรอไง!”
“มายก้อด วิ่งเร็วกว่ากระต่ายอีก!”
“มันจบแล้ว เกาเฟยแพ้! แพ้ให้เด็กแพทย์แผนจีน! ชื่อเสียงเด็กเอกการกีฬาของพวกเราจบสิ้นแล้ว!”
“ฟางชิวเป็นน้องใหม่ไม่ใช่เหรอ? ความเร็วน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว เด็กคนนี้คงไม่ได้เป็นนักกีฬาสมัยเรียนม.ปลายหรอกนะ?”
พวกเขารู้สึกช็อก คำพูดจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ!
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่พวกเขาเห็นใครบางคนวิ่งได้เร็วมากขนาดนี้
อีกด้านหนึ่ง
อาจารย์หม่าจ้องมองไปที่ฟางชิวด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความตื่นเต้น
อัจฉริยะ นักศึกษาคนนี้ต้องเป็นอัจฉริยะด้านกีฬาแน่นอน!
ร่างกาย ฝีเท้า อวัยวะทุกส่วนสมบูรณ์แบบ!
เนื่องจากเป็นอาจารย์พละในมหาวิทยาลัย อาจารย์หม่าจึงมีความรู้เกี่ยวกับกลไกร่างกายของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง เขารู้ว่าต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนใดในการออกแรง และรู้ว่าต้องใช้ความร่วมมือทางกายภาพแบบใดเพื่อให้เกิดการประสานงานที่สมบูรณ์แบบ ร่างกายจะได้เข้าสู่สภาวะการวิ่งอย่างแท้จริง
หากสภาพร่างกายเข้าสู่สภาวะการวิ่งแล้ว ทุกความแข็งแกร่งของนักวิ่งก็จะไม่สูญเปล่า และผลการเคลื่อนไหวก็จะออกมาดีที่สุดด้วย นอกจากนี้ ความกดดันที่นักวิ่งรู้สึกสัมผัสได้ขณะวิ่งก็จะลดลงไปมาก
ทุกคนสามารถเข้าสู่สภาวะนั้นได้ แต่หลักการที่จำเป็นก็คือ ต้องมีการออกกำลังกายอย่างหนัก
ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ที่มีใจรักในการวิ่ง วิ่งไปห้ากิโลเมตรเขาก็จะรู้สึกผ่อนคลาย แต่พอเขาวิ่งไปห้าถึงสิบกิโลเมตร เขาก็จะเริ่มเหนื่อย และเมื่อเขาวิ่งไปยี่สิบกิโลเมตรเขาก็จะหมดแรงในที่สุด แต่ถ้าเขายังฝืนวิ่งต่อไปและวิ่งไปอีกสามสิบกิโลเมตร เขาก็จะพบว่าร่างกายของเขาดูเหมือนจะวิ่งต่อได้ด้วยกลไกบางอย่าง แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเองก็ตาม และถ้าเขายังคงวิ่งต่อไปอีกเรื่อย ๆ เขาจะพบว่าความอ่อนล้าทางร่างกายของเขาจะค่อย ๆ ลดลง จากนั้นเขาก็จะกลับมามีแรงอีกครั้ง
ยิ่งวิ่งนาน กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายก็จะค่อย ๆ ปรับตัว
ถ้าเคลื่อนไหวแบบเดิมซ้ำหลายครั้ง ร่างกายจะแบ่งแรงตามการเคลื่อนไหวนี้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้เขาเข้าสู่สภาวะการวิ่งที่สมบูรณ์แบบ
นี่เป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดที่ผู้คนมักพูดถึงกัน เมื่อใดก็ตามที่บุคคลนั้นได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตนไปแล้ว ความเร็วในการวิ่งก็จะเพิ่มขึ้น
ฟางชิวอยู่ในสภาวะนี้แล้ว
เขาไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับกระบวนการวิ่งเลย เพราะร่างกายของเขาสามารถเข้าสู่สภาวะการวิ่งได้ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว
คนที่มีความสามารถแบบนี้ในสนามกีฬา ในสนามแข่งขันจะได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะ
เพราะคนอื่นต้องใช้เวลาสองสามปี หรือแม้แต่หลายสิบปีในการควบคุมร่างกายของตัวเอง แต่ฟางชิวกลับเกิดมาพร้อมกับความสามารถนี้แล้ว
แล้วนี่มันไม่ใช่อัจฉริยะหรอกหรือ?
อาจารย์หม่ารู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขมาก เพราะเขาพบคนที่เขากำลังมองหา!
คนที่สามารถนำความรุ่งโรจน์มาให้เขาด้วยความเร็วที่เกินมนุษย์!
ในระหว่างที่การแข่งขันกำลังเข้าจุดไคลแมกซ์
ฟางชิวก็อยู่ห่างจากเส้นชัยเพียงสิบเมตร แทนที่เขาจะรีบวิ่งเข้าเส้นชัยเพื่อจบการแข่งขัน เขากลับหยุดอยู่กับที่ จากนั้นก็หันหน้าไปยิ้มให้เกาเฟยที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบเมตร
เป็นเหตุให้เกาเฟยรู้สึกเดือดมากขึ้นกว่าเดิม ใบหน้ากลายเป็นสีม่วงไม่น่าดู
เมื่อเกาเฟยอยู่ห่างจากเส้นชัยเพียงยี่สิบเมตร ฟางชิวที่กำลังยืนรอพร้อมกับรอยยิ้มก็วิ่งเข้าเส้นชัยไป ทำให้การแข่งขันจบลงทันที
กระทั่งฟางชิวกับเกาเฟยเดินกลับมาที่จุดสตาร์ตแล้ว ทุกคนก็ยังไม่หายจากอาการตกตะลึง
“น่ากลัวมาก นึกว่าฟางชิวจะไม่แข่งแล้ว”
“เมื่อกี้นี้เขากำลังรอเกาเฟยอยู่เหรอ?”
“พระเจ้า เสียหน้ามาก เกาเฟยฝีมือตกจนต้องให้ฟางชิวรอที่เส้นชัยเลยเหรอ?”
“เมื่อกี้นี้ฟางชิวน่าจะรอสองสามวิล่ะมั้ง?”
“สัตว์ประหลาดตัวนี้มาจากไหนกัน? ความเร็วของเขาน่ากลัวมาก”
เหล่านักศึกษาเอกกีฬาทุกคนต่างก็มองฟางชิวราวกับว่ากำลังดูสัตว์ประหลาดอยู่ และแล้วเสียงของอาจารย์หม่าก็ดังขึ้น
“แจ้งผลเวลามา”