บทที่ 121 อึ้ง อึ้งสุด ๆ!
บทที่ 121 อึ้ง อึ้งสุด ๆ!
“ทำไมล่ะ ฉันไม่ได้อยู่ในรายชื่ออาจารย์แล้วมาดูไม่ได้รึไง?” สวีเมี่ยวหลินถามยิ้ม ๆ
“ได้แน่นอนครับ” ฟางชิวยิ้มกลับ
สวีเมี่ยวหลินหันมองโดยรอบก่อนจะกล่าว “ไปเถอะ เดินไปด้วยกัน”
“ครับ” ฟางชิวพยักหน้า
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันพลางจ้องมองนักศึกษามากมายที่แน่นขนัดในสนาม
ส่วนเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็เพิ่งสัมภาษณ์กับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มเสร็จ เธอกำลังจะไปเข้าแถวเพื่อรับการสัมภาษณ์จากอาจารย์ท่านอื่น ทันใดนั้นก็เห็นฟางชิวและสวีเมี่ยวหลินพอดี
“ทำไมนายไม่เข้าแถว แต่เดินอยู่กับบรรณารักษ์หอสมุดล่ะ?”
เจียงเหมี่ยวอวี่ถามด้วยความสงสัย เธอเอ่ยถามโดยไม่ได้เดินเข้าใกล้ ทำเพียงพยักหน้าให้ฟางชิวด้วยรอยยิ้มจากระยะไกลเท่านั้น
ฟางชิวก็ยิ้มให้เธอเช่นกัน
นักศึกษามากมายในสนามยังคงวุ่นวายกับการเข้าแถวรับการสัมภาษณ์ แต่ฟางชิวเดินไปมาทั่ว สีหน้าของเขาไม่แปรเปลี่ยนไปสักนิด
อีกด้าน หลี่ชิงสือที่ถูกเลือกให้เข้าอบรมกับอาจารย์หลี่เหม่ยเยี่ยนพลันสังเกตเห็นฟางชิวอย่างรวดเร็ว
เขามีปฏิกิริยาแตกต่างจากเจียงเหมี่ยวอวี๋ เมื่อเห็นฟางชิวและสวีเมี่ยวหลินเดินเคียงข้างกัน สีหน้าดูถูกเหยียดหยามก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่ชิงสือ
“หึ! นี่แหละความแตกต่างระหว่างฉันกับนาย!”
หลี่ชิงสือเป็นประธานสมาคมนักศึกษา เขาย่อมได้รับคัดเลือกให้เป็นเด็กฝึกงาน แต่เหตุผลที่เขายังคงเข้าแถวรับการสัมภาษณ์ ก็เพื่อให้ได้รับการคัดเลือกจากอาจารย์อีกสองสามคน เขาจะได้มีสิทธิ์เลือกอาจารย์ตามที่สนใจจริง ๆ ตรงกันข้ามกับนักเรียนคนอื่น หลี่ชิงสือหมายจะเลือกอาจารย์ด้วยตัวเอง
ในสายตาของเขาไม่มีสิ่งใดอธิบายตัวตนของฟางชิวได้ดีกว่าคำสี่พยางค์นี้ นั่นคือ ‘ไร้แรงจูงใจ’
ดูเหมือนหมอนี่จะมาที่นี่เพื่อเที่ยวเล่น
เขาไม่มองหาที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญด้านใดเลยด้วยซ้ำ แต่กลับยังคงเดินเตร่ไปมาพร้อมกับบรรณารักษ์ คงไม่ใช่เพราะเขาอยากเสียสละสิทธิ์ให้คนอื่นหรอกใช่ไหม?
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลี่ชิงสือก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
“ตลกดี ถ้ามันจะกล้าสัมภาษณ์ด้วยความรู้ในสมองอันน้อยนิด!”
หลี่ชิงสือคิดในใจพลางหันศีรษะไปที่แถวตามเดิม
ส่วนฟางชิวก็ไม่ได้สนใจหลี่ชิงสือเลย
“นายน่ะ!”
หลังเดินวนหลายรอบ สวีเมี่ยวหลินก็หันไปพินิจฟางชิวพลางกล่าว “ครั้งนี้ทำได้ดีมาก เทียบกันแล้วนายเก่งกว่าฉันเสียอีก”
“อาจารย์ก็พูดเกินไปครับ ผมแค่เสนอแนะ ทุกอย่างตรงหน้าผมต้องยกให้เป็นความดีความชอบของประธานสมาคมนักศึกษาครับ”
ฟางชิวไม่ได้ฉวยเอาความดีความชอบให้กับตัวเองแม้เพียงนิด
“รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนน่ะดีแล้ว”
สวีเมี่ยวหลินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจพลางกล่าว “ฉันควรไปแล้ว คนไข้รออยู่ นายอยากไปดูหน่อยไหมว่าฉันเก่งแค่ไหน?”
ฟางชิว “…”
“หึ!”
สวีเมี่ยวหลินพ่นลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะจากไป
ฟางชิวหันกลับมาอีกครั้ง เมื่อเห็นรูมเมตทั้งสามคนกำลังพยายามอย่างหนักหน่วงเพื่อต่อคิวเข้ารับการสัมภาษณ์ เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ
จากนั้นฟางชิวก็หันหลังเดินจากไป อย่างไรทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสนามกีฬาก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ชายหนุ่มหวังว่าอาจารย์ทุกคนจะได้พบลูกศิษย์ที่เหมาะสม และนักศึกษาทุกคนจะได้พบกับอาจารย์ที่ใฝ่ฝัน
ขณะนี้เป็นเวลาบ่ายสอง ฟางชิวเดินทางมาถึงโรงพยาบาลตรงเวลา เขาขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นเจ็ด และเดินตรงไปยังแผนกกระดูกและข้อ
ฟางชิวตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เบื้องหน้าเขามีคนไข้จำนวนไม่มากนัก แต่มีแพทย์กลุ่มใหญ่รายล้อมอยู่
แพทย์กลุ่มใหญ่นี้รวมตัวกันที่ทางเดินหน้าลิฟต์ราวกับกำลังรอคอยใครบางคน
มีผู้ป่วยวิกฤตที่จำเป็นต้องใช้แพทย์จำนวนมากหรือ?
ความสงสัยพลันบังเกิด
หลังจากนั้นฟางชิวก็เดินไปยังห้องให้คำปรึกษาตามปกติ ทันทีที่เข้าไป ดวงตาของพวกพยาบาลเป็นประกาย พวกเธอชี้มายังฟางชิวพลางพูดคุยกับแพทย์กลุ่มใหญ่ที่รวมตัวกันอยู่ “นี่คือคุณหมอฟางที่ทุกท่านกำลังรอคอยค่ะ คุณหมอแผนกกระดูกและข้อของเรา!”
เมื่อได้ยินดังนั้น
ควับ!
แพทย์กลุ่มใหญ่ต่างก็หันมองฟางชิวทันที พวกเขาจ้องมองฟางชิวตั้งแต่หัวจรดเท้า
ลักษณะท่าทางแบบนี้…
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นฟางชิว
เด็กมาก!
ยังหนุ่มยังแน่นเลยนี่!
“เขาคือหมอฟางเหรอ?”
ทุกคนต่างจ้องมองอย่างเหลือเชื่อ
“ไม่มีทาง ทำไมเด็กขนาดนี้?”
“ดูเหมือนเขาจะเป็นแค่นักศึกษา ไม่ใช่เหรอ?”
“ได้เข้าประจำคลินิกตั้งแต่อายุยังน้อยก็ดีอยู่หรอก แต่เขาเด็กเกินไป แม้แต่แพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่มานานหลายปียังยากที่จะอยู่ในรายชื่อเลย แล้วเขาจะอยู่ในรายชื่อได้ยังไง เขาวินิฉัยเป็นหรือเปล่า?”
แพทย์มากมายต่างแสดงความคิดเห็นกันอย่างประหลาดใจ
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟางชิวก็ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
คนพวกนี้กำลังรอเขาอยู่สินะ…
ชายหนุ่มกวาดสายตาอย่างรวดเร็ว
แพทย์กลุ่มนี้ดูอายุยังน้อย ราวกับเพิ่งเข้าประจำในโรงพยาบาลได้ไม่นาน
แน่นอนว่าฟางชิวคิดไม่ผิด พวกเขาเป็นแพทย์ที่เพิ่งเข้าประจำการในโรงพยาบาลแห่งนี้จริง ๆ
พวกเขามารวมตัวกันที่นี่เพราะได้ยินมาว่ามีชายคนหนึ่งในโรงพยาบาลติดอันดับรายชื่อ แต่ชายคนนั้นเข้าเวรเพียงหนึ่งวันต่อสัปดาห์ ทั้งยังเป็นช่วงบ่ายเท่านั้น แต่อันดับในรายชื่อกลับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเขาจึงมาที่แผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อเพื่อดูว่าหมอคนนั้นคือใคร
ทว่าเมื่อได้เห็นฟางชิว พวกเขาก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
ไม่คิดว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กหนุ่ม!
เขาเป็นหมอตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้เลยหรือ?
เขาอยู่ในบัญชีรายชื่อสองสัปดาห์ติดต่อกันได้อย่างไร ล้อกันเล่นหรือเปล่า?
ฟางชิวเข้าใจความตั้งใจของแพทย์เหล่านี้ เขาจึงไม่ได้ยินดีเท่าไร ชายหนุ่มจึงไม่พูดอะไรอีก
เขาเพียงเดินผ่านแพทย์เหล่านั้นไปอย่างเฉยเมยและตรงไปยังห้องให้คำปรึกษาของตัวเอง
ทันทีที่เข้าไปในห้องให้คำปรึกษา กลุ่มแพทย์ที่อยู่ด้านนอกต่างก็กระซิบกระซาบกัน บรรยากาศพลันปั่นป่วน
“เขาคือหมอฟางจริง ๆ ใช่ไหม?”
“อายุแค่นี้เองจะเป็นหมอได้ยังไง? ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็เหมือนกัน ทำไมถึงรับนักศึกษามาเป็นหมอประจำในโรงพยาบาล?”
“เด็กคนนี้คงไม่ได้เข้าประจำที่โรงพยาบาลเพราะเส้นสายหรอกใช่ไหม?”
“สำหรับผม ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะอยู่ในรายชื่อนานถึงสองสัปดาห์ได้ยังไง ดูจากผลโหวตในรายชื่อแล้ว ต้องมีคนขอให้เขามาทำงานที่นี่แน่”
ในเมื่อทุกคนก็เป็นแพทย์ แล้วใครจะต้องการความช่วยเหลือจากเขา?
เดิมทีพวกเขาคิดว่าหมอฟางคือแพทย์แผนจีนโบราณมีอายุ ดังนั้นพวกเขาจึงมารวมตัวกันที่นี่เพื่อหมายจะทักทาย ชื่นชม และแสดงความเคารพ
ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กหนุ่ม ความชื่นชมจึงเปลี่ยนเป็นสงสัย
“เขาคือหมอฟางจริง ๆ เหรอ?”
แพทย์หนุ่มคนหนึ่งเดินไปหาพยาบาลพลางเอ่ยถาม “ผมได้ยินมาว่าทักษะทางการแพทย์ของหมอเสี่ยวฟางนั้นยอดเยี่ยม แต่ดูแล้วเขายังอายุน้อย จะมีประสบการณ์ทางการแพทย์มากขนาดนั้นได้ยังไง เขาจะเก่งขนาดนั้นได้ยังไงครับ?”
“คุณไม่เชื่อเหรอคะ? ฉันเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน”
พยาบาลสาวผายมืออย่างช่วยไม่ได้พร้อมกล่าว “แต่นี่คือความจริง”
“ยังไงผมก็ไม่เชื่อ”
แพทย์หนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นพลางกล่าว “ถ้านักเรียนเก่งขนาดนี้ได้ บัณฑิตอย่างพวกเราก็ต้องถูกเรียกว่าเป็นยอดฝีมือระดับเทพแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ พวกคุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าในโลกนี้ไม่มีใครไว้ใจแพทย์แผนจีนอายุน้อย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาอายุน้อยกว่าเรา ไม่ว่ายังไงคนไข้ก็ต้องเลือกเชื่อเรามากกว่าอยู่ดี”
“ทุกวันนี้คนไข้ย่อมเลือกที่จะเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเวลาต้องเข้าโรงพยาบาล พวกเขาไม่มีทางไว้ใจแพทย์แพทย์ที่ยังอายุน้อยหรอก แล้วหมอฟางจะได้รับคะแนนโหวตสูงสุดได้ยังไง? มีคนไข้คนไหนกล้าเข้ารับการรักษากับเขาด้วยเหรอ ถึงมีก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะโหวตให้เขา จริงไหม?”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ทุกคนก็เห็นว่าจากรายชื่อแพทย์ดีเด่นประจำสัปดาห์ ทุกคนล้วนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งนั้น พวกเขาประจำการในโรงพยาบาลมานานหลายปี และค่อย ๆ สั่งสมความชื่นชอบจากคนไข้เพื่อให้ได้อยู่ในรายชื่อ แต่หมอฟางที่ประจำการในโรงพยาบาลเพียงหนึ่งวันต่อสัปดาห์กลับได้ขึ้นอยู่อันดับยาวนานถึงสองสัปดาห์ น่าเหลือเชื่อเกินไป”
แพทย์หนุ่มกล่าวอย่างเหลือเชื่อ
หลายคนเริ่มแสดงความคิดเห็น พวกเขาต่างคิดว่าฟางชิวเด็กเกินไป ทั้งยังเรียนไม่จบ แม้แต่แพทย์ประจำโรงพยาบาลก็ไม่ควรได้เป็น นับประสาอะไรกับการอยู่ในรายชื่อ
เมื่อได้ยินการสนทนาของแพทย์เหล่านี้ พยาบาลสาวก็รู้สึกหมดหนทาง
เดิมทีคิดจะพาเฉาเจ๋อที่เป็นศิษย์ของหมอเสิ่นชุนมาเพื่อเป็นพยานอยู่หรอก แต่นึกขึ้นได้ว่าทั้งสองยังคงวุ่นวายกับการสัมภาษณ์นักเรียน ณ สนามกีฬาของมหาวิทยาลัย
เธอจึงหมดหนทางและยอมแพ้ไป
ขณะที่แพทย์เหล่านี้กำลังพูดคุยกันอย่างดุเดือด เสียงอันคมชัดก็ดังขึ้น
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์ที่ปิดสนิทมานานพลันเปิดออก
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
คนกลุ่มใหญ่ต่างเดินออกจากลิฟต์
ขณะกำลังตรงไปยังห้องให้คำปรึกษาของฟางชิว ผู้นำของคนกลุ่มนี้ก็หยุดลงกะทันหันพลางจ้องมองไปยังกลุ่มแพทย์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“หมอเสี่ยวฟางอยู่ไหน?”
“หมอเสี่ยวฟางคือใคร?”
พวกเขาเอ่ยถามทีละคน แววตาเปี่ยมด้วยความน่าเกรงขาม
หรือว่า… เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อหาเรื่องหมอฟาง?
ทุกคนส่ายศีรษะโดยไม่พูดอะไร
“อยู่กันเยอะแยะทำไมไม่ตอบสักคน?”
หลังรอคอยอยู่นานแต่ไม่ได้รับคำตอบ เสียงแห่งความไม่พอใจพลันดังขึ้น
พยาบาลสาวดูกระวนกระวายใจอย่างมาก เธอกัดฟันอย่างแรงพลางจ้องมองกลุ่มแพทย์ด้วยสายตาแข็งกร้าว จากนั้นก็กล่าวอย่างห้าวหาญ “นี่คือโรงพยาบาล เป็นสถานที่สำหรับการรักษา กรุณาอย่าส่งเสียงดัง!”
ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจนจึงปิดปากเงียบ
เมื่อพยาบาลสาวเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา เธอจึงถามต่อ
“พวกคุณมาพบหมอฟางใช่ไหมคะ?”
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”
“เรามาหาหมอฟาง เรามาที่นี่เพื่อพบหมอเสี่ยวฟาง” หลายคนพลันเอ่ยขึ้น
มาพบหมอฟาง?
ขณะนี้
กลุ่มแพทย์หนุ่มต่างตกตะลึงโดยไม่ได้พูดอะไร
อะไรกัน!
ต้องจับกลุ่มพบแพทย์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
ในเมื่อมีคนไข้มากมายจับกลุ่มกันเพื่อเดินทางมาหาหมอฟาง เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะมีความสามารถโดดเด่นจริง ๆ?
ถ้าคนกลุ่มนี้ไม่ไว้ใจเขา จะมาหาเขาถึงที่นี่ทำไม?
“ขอฉันดูตารางนัดคุณหมอสักครู่นะคะ!”
พยาบาลสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงหันไปกล่าวกับคนกลุ่มนั้นต่อด้วยรัศมีที่น่าเกรงขาม “โรงพยาบาลเป็นสถานที่สำหรับคนไข้ในการพักผ่อนและรักษาตัว หากพวกคุณตะโกนแบบนั้นอาจรบกวนคนไข้ได้นะคะ”
“ครับ ครับ ครับ พวกเรารีบมาหาคุณหมอฟางจนไม่ทันระวัง เผลอแสดงกิริยาไร้มารยาทออกไปซะแล้ว ขอโทษด้วยนะครับ”
ผู้นำของคนกลุ่มนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มเขินอาย
“คราวหน้าอย่าส่งเสียงดังอีกนะคะ”
พยาบาลสาวพยักหน้า
“ครับ เราจะไม่ส่งเสียงดังอีก!”
ผู้นำพยักหน้ารับพลางกล่าวต่อ “อันที่จริงเราได้ยินมาว่าคุณหมอฟางสามารถตรวจวินิจฉัยโรคของคนขับแท็กซี่หลายคนได้แม่นยำและถูกต้อง ดังนั้นเราจึงมาหาคุณหมอที่นี่ แต่เราไม่รู้ว่าคุณหมอฟางคือใคร”
เขากล่าวพลางหันมองโดยรอบ เมื่อเขากวาดสายตาไปยังกลุ่มแพทย์ แพทย์กลุ่มนั้นก็หลบตาทีละคน
เหล่าแพทย์ตรงนั้นตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
เป็นไปได้ไหมว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง?
หมอฟางรักษาคนได้มากมายขนาดนั้นจริง ๆ หรือ?
ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของเขาจะแพร่หลายท่ามกลางคนเหล่านี้ได้อย่างไร?
อึ้ง อึ้งสุด ๆ!
การมาถึงของคนกลุ่มนี้ลบล้างความสงสัยของเหล่าแพทย์ไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าฟางชิวจะมีความสามารถถึงขนาดนั้นได้อย่างไร พวกเขาต่างวิจารณ์และคิดว่าชายหนุ่มไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นแพทย์ประจำและอยู่ในลำดับรายชื่อได้
แต่การปรากฏตัวของคนกลุ่มนี้ทำลายอคติที่มีต่อฟางชิวไปโดยสิ้นเชิง