คุรุการแพทย์ – บทที่ 124 ช่องว่างเริ่มใหญ่ขึ้น

คุรุการแพทย์

บทที่ 124 ช่องว่างเริ่มใหญ่ขึ้น…

บทที่ 124 ช่องว่างเริ่มใหญ่ขึ้น…

เหล่านักศึกษาตกใจมากตอนรู้ว่าใครเป็นคนเสนอเรื่องเกณฑ์ในการฝึกงาน พวกเขาจึงอยากรู้ว่าฟางชิวที่เป็นผู้เสนอจะผ่านการสัมภาษณ์หรือไม่

ถ้าคนเสนอไม่ผ่านการคัดเลือกก็คงเป็นเรื่องน่าขันไม่น้อย!

หลายคนตอบกลับทันที

[เขาผ่านการคัดเลือกไหม?]

[ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในฐานะที่เป็นคนยื่นข้อเสนอ ถ้าไม่ผ่านก็คงอายน่าดู]

[ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหน เขาจำเป็นต้องผ่านการสัมภาษณ์ด้วยเหรอ? จะผ่านหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความรู้และความสามารถที่มี อย่างฉันที่ไม่ถูกเลือกเพราะไม่มีความสามารถพอไง]

[ไปตายเหอะคอมเมนต์บน! แต่ถึงยังไงฟางชิวก็เป็นแค่นักศึกษาน้องใหม่ มีน้องใหม่แค่ไม่กี่คนที่ผ่านการสัมภาษณ์ไม่ใช่เหรอ?]

[ดูเหมือนว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋จะผ่านการสัมภาษณ์ แต่ฉันไม่เห็นฟางชิวเลยนะ]

[ผมอยู่ชั้นปีเดียวกับฟางชิว ผมเห็นเขาเดินอยู่ที่สนามกีฬา แต่เขาไม่ได้ต่อคิวเข้ารับการสัมภาษณ์]

[ไม่ได้ต่อคิว? ไม่สัมภาษณ์ เป็นไปได้ไหมว่าฟางชิวไม่ต้องการอาจารย์ที่ปรึกษา?]

[เป็นไปไม่ได้หรอก]

[ฉันก็ไม่เห็นฟางชิวเหมือนกัน]

หลายคนไม่พบเห็นฟางชิวในสนามสอบสัมภาษณ์ แต่หลายคนที่พบเขายืนยันว่าฟางชิวไม่ได้ต่อคิวเพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์กับอาจารย์คนไหนเลย

เมื่อทราบดังนั้น ผู้คนก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

ฟางชิวไม่ต้องการเรียนรู้จากอาจารย์เหล่านี้หรือ?

ขณะเดียวกัน หลี่ชิงสือก็กำลังอ่านข้อความในห้องแชต

ในฐานะประธานนักศึกษา แน่นอนว่าเขาผ่านการสัมภาษณ์เป็นที่เรียบร้อย เมื่อได้เห็นเพื่อนร่วมชั้นปีคร่ำครวญ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ

ความสามารถที่โดดเด่นท่ามกลางนักศึกษาจำนวนมากเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าเขายอดเยี่ยมมากเพียงใด!

ยิ่งเมื่อได้เห็นถึงความล้มเหลวของอีกฝ่าย หลี่ชิงสือก็ยิ่งมีความสุข

ฟางชิวไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าเขาเลย

แม้เขาจะเป็นผู้ยื่นข้อเสนอ แต่นั่นก็ไม่ต่างจากการตัดชุดแต่งงานให้คนอื่น*[1] จริงไหม?

พอนึกภาพฟางชิวกำลังร้องห่มร้องด้วยความผิดหวังเพราะไม่มีอาจารย์ที่ปรึกษาและไม่ผ่านการคัดเลือก หลี่ชิงสือก็รู้สึกสบายใจสุดจะพรรณนา

ส่วนฟางชิวที่กำลังถูกพูดถึงอย่างเผ็ดร้อนยังคงอ่านหนังสือโดยไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อยามราตรีมาเยือน ห้องพักก็เงียบสงบจนน่าประหลาดใจ ทั้งสี่คนกำลังขะมักเขม้นในการอ่านหนังสือ ไร้ซึ่งการสนทนาใด ๆ เล็ดลอดออกมา

“อะไรกัน ตีหนึ่งแล้วเหรอนี่?”

หลังจากอ่าน ‘คัมภีร์เน่ยจิง’ มาสักพัก ฟางชิวก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ เจียงเหมี่ยวอวี๋วนเวียนเข้ามาในหัวเขาตลอดเวลา

เขาอยากรู้ว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋ผ่านการสัมภาษณ์หรือไม่

คำถามนี้ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยจนไม่สามารถอ่านหนังสือต่อไปได้

ฟางชิวครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพร้อมกดโทรหาเจียงเหมี่ยวอวี๋

ตู๊ด…

เสียงรอสายดังคลอ ผ่านไปไม่นาน เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็รับโทรศัพท์

“[ฮัลโหล?]”

“เหมี่ยวอวี๋ ฉันเอง ฟางชิว” ฟางชิวกล่าว

“[อืม ฉันรู้]”

เสียงของเจียงเหมี่ยวอวี๋คราวนี้สุขุมและสงบอย่างยิ่ง

ฟางชิวผุดรอยยิ้มบนใบหน้า “เท้าของเธอเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง?”

“[ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ]”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เขาไม่คุ้นเคยนัก

“ดีแล้ว”

ฟางชิวพยักหน้าแผ่วเบาพลางเอ่ยถาม “การสัมภาษณ์วันนี้เป็นยังไงบ้าง?”

“[ก็ไม่ได้แย่]” เจียงเหมี่ยวอวี๋ตอบกลับ

“ได้อาจารย์แล้วใช่ไหม?”

เขาถามด้วยความรู้สึกสุขใจอย่างไม่อาจพรรณนา ทว่าน้ำเสียงของเจียงเหมี่ยวอวี๋กลับยังคงไร้ซึ่งความผันผวนทางอารมณ์

แม้ในความเป็นจริงเธอจะนอนกัดริมฝีปากแน่นอยู่บนเตียงก็ตาม คิ้วหญิงสาวขมวดเล็กน้อย อารมณ์ปริศนาที่ไม่อาจอธิบายได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่งดงามนั้น

“[อืม ได้แล้ว]”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ปล่อยริมฝีปากพลางกล่าว “[ฉันได้รับคัดเลือกจากอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มน่ะ เขาเป็นอาจารย์ที่รักษาเพื่อนร่วมชั้นของฉันที่ป่วยเป็นโรคลมแดด ชื่ออาจารย์เจิ้งกั๋วชิ่ง]”

“เขานั่นเอง” ฟางชิวพยักหน้าพลางกล่าวต่อ “ฉันได้ยินมาว่าเขาเก่งมาก ฝีมือทัดเทียมอาจารย์หลี่เหม่ยเยี่ยนที่เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มเหมือนกัน เขาได้รางวัลเกียรติยศมากมาย ได้ยินมาว่าเขาใจดีและก็สอนเก่ง”

“[อืม]”

เจียงเหมี่ยวอวี๋พยักหน้า

“ทำไมเธอถึงไม่เลือกอาจารย์หลี่เหม่ยเยี่ยนล่ะ?”

ฟางชิวถามด้วยความสงสัย “สาว ๆ ส่วนใหญ่ชอบเรียนกับอาจารย์ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”

“[แล้วทำไมฉันต้องเลือกอาจารย์ผู้หญิงเหมือนสาว ๆ คนอื่นล่ะ?]”

เจียงเหมี่ยวอวี๋เอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ “[ผู้หญิงแต่ละคนมีบุคลิกต่างกัน นายคงไม่เข้าใจถึงบุคลิกของฉันสินะ ทำไมนายถึงคิดว่าฉันควรเลือกอาจารย์หลี่เหม่ยเยี่ยน? ฉันเลือกอาจารย์คนอื่นไม่ได้เหรอ?]”

ฟางชิวแทบจะสำลักเมื่อได้ยิน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่พูดถึงเรื่องฝึกงาน แต่เป็นเรื่องอื่นซะมากกว่า

“ฉันแค่เดาว่าเธออาจอยากได้อาจารย์ผู้หญิงเฉย ๆ” ฟางชิวกล่าว

เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็กัดริมฝีปากหมายจะพูดบางสิ่ง แต่ทันทีที่เปิดปาก เธอกลับเปลี่ยนหัวข้อ “[แล้วนายล่ะ เลือกอาจารย์คนไหน?]”

“ไม่มี”

ฟางชิวตอบ

“[ทำไมล่ะ?]”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามด้วยความสงสัย เพราะในความคิดเห็นของเธอ ฟางชิวจะต้องเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าอาจารย์อย่างแน่นอน

ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ฟางชิวสามารถจัดกระดูกเธอ ทั้งยังได้รับคัดเลือกให้ประจำการในโรงพยาบาลในฐานะแพทย์ ด้วยความสามารถของเขา ฟางชิวไม่ควรถูกปฏิเสธสิ

“ฉันขอสังเกตการณ์ก่อน ปีหน้าไว้ว่ากันใหม่” ฟางชิวกล่าวคำโกหก

“[ทำไมถึงคิดแบบนั้น?]” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามอีกครั้ง

“ฉันมีเหตุผลที่คิดแบบนั้น วันหนึ่งเธอจะเข้าเบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้เอง…” ฟางชิวตอบกลับ

“[ไม่หรอก]”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ตอบกลับ

ความเงียบงันระหว่างทั้งสองพลันบังเกิด

ดูเหมือนมีเรื่องราวมากมายในใจที่ทั้งสองปรารถนาจะกล่าว แต่ก็ไม่มีใครพูดออกมา

เจียงเหมี่ยวอวี๋พูดไม่ออก เธอเพียงเอนกายลงบนเตียงพลางกัดริมฝีปาก โดยปกติแล้วเมื่อไม่มีอะไรจะพูด เธอมักจะคิดหาเหตุผลที่จะวางสาย แต่คราวนี้หญิงสาวยังคงแนบโทรศัพท์ไว้กับหู ลังเลที่จะวางสายราวกับกำลังรอบางสิ่ง

ฟางชิวเองก็นิ่งเงียบไป เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อเพราะตนได้ทราบในสิ่งที่อยากรู้ไปเมื่อครู่ ชายหนุ่มรู้ว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋สัมภาษณ์ผ่านก็มีความสุขแล้ว

เวลาบนโทรศัพท์มือถือยังคงเดินต่อไป ทั้งคู่ต่างเงียบงัน ไม่มีใครกล่าวสิ่งใด แต่ก็ไม่มีใครวางสาย

หลังผ่านไปนาน ฟางชิวก็สูดลมหายใจพลางกล่าว “ยังไงก็ยินดีด้วยนะ ฉันแค่โทรมาถาม ไม่มีอะไรแล้ว”

“[ขอบคุณนะ]”

เจียวเหมี่ยวอวี๋กระซิบด้วยความผิดหวังเล็กน้อยในใจ

ทั้งสองดึงโทรศัพท์ที่แนบกับหูมาเป็นเวลานานออกพลางเหลือบมองก่อนจะวางสายไปพร้อมกัน

หลังวางสาย ทั้งคู่ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ชั่วครู่ พวกเขาต่างก็มีความรู้สึกเดียวกัน แต่กลับรู้สึกราวกับว่ามีช่องว่างปรากฏขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง

ความรู้สึกเหมือนตอนที่ร้องเพลงร่วมกันในพิธีเปิดงาน แต่ความรู้สึกครั้งนี้ลึกซึ้งยิ่งกว่า ความรู้สึกนี้ทำให้ทั้งสองคุ้นเคยได้ยาก

พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดเจน ช่องว่างระหว่างพวกเขาปรากฏขึ้นนับตั้งแต่คืนนั้น

ในคืนวันนั้นฟางชิวไม่ได้เดินทางกลับไปยังมหาวิทยาลัย แต่อยู่ในโรงแรมกับเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย

ถึงกระนั้น ฟางชิวก็ไม่อาจอธิบายเรื่องนี้ได้ เขาไม่อาจหาเหตุผลมาแก้ต่างได้เลยสักข้อ

ยิ่งไปกว่านั้น คำอธิบายของเขาอาจไม่ต่างจากการแก้ตัว ดูอย่างไรเขาก็ไม่มีทางอธิบายได้เลยจึงทำได้เพียงปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปเช่นนี้

หลังวางสาย ฟางชิวก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจ้องมองเพดานด้วยความงุนงง

ทันใดนั้น

กริ๊ง!

เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ฟางชิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นดู พบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย

“ฮัลโหล?”

“[ฟางชิว ยินดีด้วยนะที่ได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่น ตอนนี้นายกลายเป็นคนดังของมหาวิทยาลัยเราแล้ว เพื่อนรอบตัวฉันพูดถึงนายกันทั้งนั้น!]”

ฟางชิวตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน ความสับสนพลันบังเกิดในดวงตา

“[ทำไมเงียบไปล่ะ?]”

เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยกล่าวต่อด้วยเสียงเริงร่า “[ฉันเพิ่งรู้ว่านายเป็นคนเสนอโครงการฝึกงาน ที่แท้ก็เพื่อนเก่าของฉันเอง ประทับใจจริง ๆ นะเนี่ย!]”

ฟางชิวระบายยิ้ม ตอบกลับไปว่า “ก็แค่ข้อเสนอน่ะ”

“[ถ่อมตัวจริงเชียว!]”

เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยพึมพำก่อนจะกล่าวต่อ “[ทำไมนายเอาแต่ถ่อมตัวอยู่ตลอดเวลาล่ะ? บางครั้งฉันก็รู้สึกนะว่านายน่ะถ่อมตัวเกินไป!]”

ฟางชิวหัวเราะเสียงแผ่วเบา

“[เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะ]”

เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“อืม”

ฟางชิวไม่รู้จะตอบอะไรจึงทำได้เพียงส่งเสียงตอบรับ

“[บาย]”

เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะวางสายไป ฟางชิวได้แต่จ้องมอง โทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

หลังวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ เขาก็หยิบหนังสือคัมภีร์เน่ยจิงขึ้นก่อนจะเริ่มอ่านอย่างขะมักเขม้น

เวลาดำเนินไปวันแล้ววันเล่า ฟางชิวใช้เวลาตลอดทั้งสัปดาห์เพื่ออ่านหนังสือด้วยความรวดเร็ว รวดเร็วราวกับไม่ใช่การอ่านหนังสือ แต่เป็นการพลิกหน้ากระดาษไปมาโดยไม่ได้ใจความ

ยิ่งนานเท่าไร ความรวดเร็วในการเปิดหน้าหนังสือของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น!

หลังอ่าน ‘คัมภีร์เน่ยจิง’ จบครบหนึ่งร้อยครั้ง เขาก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกหกเล่มจากทั้งหมดสิบเก้าเล่มเป็นจำนวนยี่สิบครั้ง

สำหรับฟางชิวแล้ว นี่เป็นสัปดาห์ที่ยอดเยี่ยม ทุกครั้งที่อ่านหนังสือ เขาจะได้รับสิ่งใหม่มาเสมอ

หลังอ่านหนังสือติดต่อกันมาเป็นเวลานาน ในที่สุดฟางชิวก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมสวีเมี่ยวหลินจึงขอให้เขาอ่านหนังสือเหล่านี้

เพราะต้องเข้าใจหนังสือทีละเล่มอย่างถ่องแท้เท่านั้นถึงจะสามารถช่วยให้เขาเชี่ยวชาญในความรู้แขนงนั้นได้

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา อาจารย์ทั้งห้าสิบคนที่เข้าร่วมการฝึกงานครั้งนี้ก็เริ่มฝึกฝนลูกศิษย์

เสิ่นชุนนำลูกศิษย์ของเขามายังโรงพยาบาลเพื่อศึกษาวิธีการรักษาพร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมทุกวัน อีกทั้งยังให้โอกาสนักศึกษาเหล่านั้นได้ลงมือทำเป็นครั้งคราว

อาจารย์ผู้มีชื่อเสียงบางคนถึงกับตั้งเป้าหมายโดยตรงกับลูกศิษย์ของพวกเขา แน่นอนว่าเป้าหมายนั้นไม่ใช่การได้รับคะแนนสูงสุด แต่เป็นการได้ศึกษาและเข้าใจในความรู้ที่จำเป็นของการแพทย์แผนจีนอย่างถ่องแท้

สำหรับอาจารย์ประจำการและอาจารย์เก่าที่เกษียณอายุไปแล้ว พวกเขาเริ่มบรรยายในที่สาธารณะ นักเรียนจำนวนมากที่ไม่ได้ฝึกงานต่างไปที่นั่นเพื่อรับฟัง

ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ บรรยากาศการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยก็เข้มข้นขึ้นอย่างมาก

เพราะมหาวิทยาลัยได้ประชาสัมพันธ์เรื่องการฝึกงานผ่านสื่อมากมาย มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนแห่งอื่นจึงเดินทางมาเพื่อสังเกตการณ์ อีกทั้งผู้มีตำแหน่งสูงจากกระทรวงศึกษาธิการก็เดินทางมาตรวจสอบด้วย

เมื่อเห็นบรรยากาศการเรียนการสอนที่เข้มข้นในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนแห่งนี้ ผู้มีตำแหน่งสูงจากกระทรวงศึกษาธิการก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

พวกผู้บริหารของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนแห่งนี้จึงรู้สึกปลาบปลื้มใจเช่นเดียวกัน

อีกแปดมหาวิทยาลัยก็กำลังดำเนินการสัมภาษณ์เช่นหัน

วันอาทิตย์ต่อมา

ณ มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง

มหาวิทยาลัยที่อยู่ในละแวกเดียวกับมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็ได้ยินถึงรูปแบบการฝึกงานและรูปแบบการสัมภาษณ์โดยทั่วกัน

เหล่านักศึกษาต่างรอคอยที่จะได้สัมผัสประสบการณ์เหล่านั้นบ้าง ยิ่งเมื่อได้ใกล้ชิดกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกริษยา

เมื่อมีการนำการฝึกงานมาใช้อย่างเป็นทางการในมหาวิทยาลัยของพวกเขา พวกนักศึกษาเลยให้ความสนใจกันอย่างคึกคัก

การดำเนินการของมหาวิทยาลัยอื่นก็เป็นเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง มีการสัมภาษณ์ที่สนามกีฬา และอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสี่สิบคนก็ได้เข้าร่วมในการสัมภาษณ์ครั้งนี้

นักศึกษามากมายเข้าแถวเพื่อรอรับการสัมภาษณ์อย่างใจจดใจจ่อ

[1] ตัดชุดแต่งงานให้คนอื่น หมายถึง เหน็ดเหนื่อยเพื่อกระทำบางสิ่ง โดยที่ตนเองไม่ได้รับผลประโยชน์หรือผลดีใดเลย และบางทีผลประโยชน์ที่คาดหวังจะได้กลับกลายเป็นของผู้อื่น

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท