บทที่ 158 อะไรนะ? ส่งกระดาษคำตอบแล้ว?
บทที่ 158 อะไรนะ? ส่งกระดาษคำตอบแล้ว?
ในห้องสอบ
หลังจากเห็นแบบทดสอบแล้ว กรรมการคุมสอบก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับนักศึกษาที่กำลังตอบคำถาม
กรรมการคุมสอบเองก็คิดว่าแบบทดสอบครั้งนี้ยากเกินไป
“นักศึกษาเหล่านี้จะทำเสร็จไหมนะ”
“นี่มันไม่ควรเป็นแบบทดสอบสำหรับน้องใหม่เลย!”
“ใครที่ทำได้ต้องเก่งมากแน่ ๆ”
“ใครเป็นคนตั้งโจทย์กัน น่ากลัวไปแล้ว”
กรรมการคุมสอบแต่ละห้องมองดูกระดาษคำถามเหล่านี้ด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออก เพราะแบบทดสอบที่ยากแบบนี้ มันไม่เหมือนใช้ทดสอบนักศึกษาเลย แต่เหมือนใช้ทดสอบพวกเขามากกว่า
ไม่ต้องพูดถึงนักศึกษาเลย กระทั่งพวกเขาก็ยังปวดหัวหลังจากที่เห็นแบบทดสอบแล้ว
แล้วก็เป็นไปตามที่กรรมการคุมสอบคาดการณ์ไว้ นักศึกษาหลายคนเริ่มเกาหัว เพราะทุกคนกำลังเจอปัญหา นั่นคือการตอบคำถามไม่ได้
ณ ห้องสอบหมายเลขหนึ่ง
ทุกคนพบว่ามีผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งกำลังเขียนคำตอบอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้หยุดเขียนเลยตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน และความเร็วในการตอบคำถามของเขาก็เร็วมากด้วย
คนคนนั้นก็คือฟางชิว
เมื่อเห็นฟางชิวตอบคำถามอย่างรวดเร็ว นักศึกษาในห้องสอบหมายเลขหนึ่งก็รู้สึกประหลาดใจมาก
พวกเขารู้ดีว่าแบบทดสอบนี้มันยากมากแค่ไหน ในสายตาของพวกเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนทำแบบทดสอบเสร็จได้อย่างราบรื่น
ทว่าฟางชิวก็ได้แสดงให้พวกเขาเห็นแล้วว่า เขาสามารถทำแบบทดสอบเสร็จได้อย่างราบรื่นเพียงใด
ด้วยความประหลาดใจนี้เอง ทุกคนจึงแอบกระซิบกันเบา ๆ
“ผู้ชายคนนั้นเขียนเร็วมากเลย แต่คงข้ามคำถามข้อยาก ๆ แล้วไปตอบคำถามข้อง่าย ๆ แทนใช่ไหม?”
ทุกคนรู้จักฟางชิว แล้วก็ยังรู้อีกว่าเขาเป็นนักศึกษาที่เก่งที่สุดของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง แถมยังได้คะแนนเต็มในทำแบบทดสอบครั้งก่อนอีกด้วย
ทว่าแบบทดสอบครั้งนี้ไม่เหมือนกับแบบทดสอบครั้งก่อน เพราะความยากของคำถามสูงขึ้นหลายเท่า แม้ว่าความฉลาดของฟางชิวจะเฉียบแหลมมากแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะตอบคำถามได้รวดเร็วแบบนี้
นักศึกษาในห้องสอบหมายเลขหนึ่งต่างกระซิบคุยกันด้วยความสงสัย
จูเปิ่นเจิ้งและเพื่อนร่วมชั้นอีกคนที่อยู่ในห้องสอบเดียวกับฟางชิวก็ประหลาดใจเช่นกัน
ในห้องควบคุมการแข่งขัน
ผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยกำลังนั่งดูการแข่งขันของนักศึกษาผ่านกล้องวงจรปิด
“ความเร็วตกลงแล้ว” เจียงไห่กล่าวว่า “พวกนักศึกษาน่าจะทำคำถามง่าย ๆ เกือบหมดแล้ว แต่คำถามต่อไปน่าจะยากมาก”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ” จางกั๋วต้งพยักหน้าเบา ๆ และกล่าวเสริมว่า “เพราะนักศึกษาทั้ง 81 คนเป็นนักศึกษาหัวกะทิที่ได้รับคัดเลือกจากเก้ามหาวิทยาลัย แม้ว่าพวกเขาจะเป็นน้องใหม่ แต่พวกเขาก็มีพรสวรรค์กันทุกคน ถึงจะอย่างนั้นคำถามบางคำถามก็ยากเกินความรู้ของพวกเขาอยู่ดี”
“พวกเราต้องเชื่อใจพวกเขา” เฉินอินเซิงกล่าว “พวกเขาเป็นความหวังในอนาคตของวงการแพทย์แผนจีน ถึงคำถามจะยาก แต่คำถามพวกนี้จะทำให้พวกเขาพัฒนาความรู้ของตนเอง”
“นั่นอะไรน่ะ?” ทันใดนั้นก็มีเสียงประหลาดใจดังขึ้น
อธิการบดีของมหาวิทยาลัยหนึ่งชี้ไปยังกล้องวงจรปิดตัวที่สอง ซึ่งกำลังฉายให้เห็นนักศึกษาคนหนึ่งกำลังตอบคำถามอย่างรวดเร็ว นักศึกษาคนนั้นไม่ได้สนใจนักศึกษาคนอื่นที่เอาแต่นั่งเกาหัวอยู่เลยแม้แต่น้อย อธิการบดีคนนั้นจึงพูดว่า “นักศึกษาคนนี้ดูจะเก่งมากเลยนะ”
เขาหันมามองเฉินอินเซิงด้วยสายตาซับซ้อนแล้วพูดขึ้นมาว่า “นักศึกษาคนนี้ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษาที่ชื่อฟางชิวจากมหาวิทยาลัยของคุณนะครับ”
เมื่อเฉินอินเซิงแน่ใจว่าเป็นฟางชิวจริง เขาก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มทันที
ในเวลานี้ เหล่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยที่เหลือก็สังเกตเห็นฟางชิวเช่นกัน
“นักศึกษาคนนี้ร้ายกาจมาก พวกคุณเห็นไหมว่าขณะที่คนอื่นกำลังงุนงงกับคำถาม แต่เขาไม่หยุดเขียนคำตอบเลย ทำเหมือนตอบคำถามได้ทั้งหมดอย่างนั้นแหละ” ระหว่างที่เจียงไห่กำลังพูด เจ้าตัวก็กล่าวชื่นชมเฉินอินเซิงว่า “เหล่าเฉิน ลูกศิษย์ของคุณยอดเยี่ยมมาก!”
ซ่งเหวินหัวมองไปยังหน้าจอนั้นด้วยความประหลาดใจ “ฉันไม่นึกเลยว่านักศึกษาคนนี้จะมีความรู้รอบด้านขนาดนี้ เขาไม่ได้มีแค่ไอเดียดี ๆ แต่เขายังทำแบบทดสอบได้ดีด้วยสินะ”
“ฉันเฝ้าดูเขาตั้งแต่แรกแล้ว” อธิการบดีของมหาวิทยาลัยคนหนึ่งกล่าว “เด็กคนนี้ไม่ได้หยุดมือเลยตั้งแต่เริ่มสอบ ดูเหมือนเขาไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดด้วยซ้ำ คงจะได้เต็มแน่ ถ้าทำคะแนนได้ถึงแปดสิบคะแนนก็เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลยล่ะ”
ท่ามกลางเสียงชื่นชมยินดีของทุกคน เฉินอินเซิงก็หัวเราะออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “ความเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนของเขาค่อนข้างจะสูงน่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าใบหน้าของเหล่าผู้บริหารแต่ละมหาวิทยาลัยจะยิ้มออกมา แต่ภายในใจของพวกเขาก็รู้สึกเป็นกังวลมากทีเดียว
ถ้าฟางชิวทำแบบทดสอบเร็วแบบนี้ ก็แสดงว่าเขารู้คำตอบของคำถามทั้งหมดแบบทดสอบ แล้วมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็จะชนะ
แต่นี่ก็เป็นแค่การคาดเดาและการชื่นชมเท่านั้น
ถ้าเกิดว่าเด็กคนนี้ทำแบบทดสอบออกมาได้ไม่ดีล่ะ? เพราะเป็นไปได้ว่ายิ่งฟางชิวเร็วเท่าไร เขาก็จะยิ่งทำผิดพลาดมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเห็นความเร็วของฟางชิวแล้ว เหล่าผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยก็หวังว่านักศึกษาของพวกเขาจะค่อย ๆ เขียนคำตอบแต่ละข้ออย่างระมัดระวัง เพราะจะได้ไม่ทำผิดพลาดในสิ่งที่ไม่น่าจะพลาด
ณ ห้องสอบหมายเลขหนึ่ง
ฟางชิวตอบคำถามอย่างรวดเร็วโดยไม่ข้ามข้อไหนไปเลย เขาใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการคำถามอัตนัยข้อสุดท้าย
“หืม?” เมื่อเห็นคำถามอัตนัยข้อสุดท้าย ฟางชิวก็ผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ ยิ้มออกมา
คำถามนี้มันเกี่ยวกับบทที่สองของ ‘คัมภีร์เน่ยจิง’ ที่กล่าวถึงความสำคัญเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในแต่ละฤดูกาล
“อย่างนี้นี่เอง” เมื่อเห็นคำถามนี้ ฟางชิวก็เข้าใจทันทีว่าทำไมถึงต้องขยายเวลาทำแบบทดสอบเป็นหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
เพราะมันไม่ได้เสียเวลาแค่ในการเขียนเท่านั้น แต่ยังเสียเวลาในการเขียนตัวหนังสือโบราณด้วย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้
แม้ว่าจะมีใครบางคนจำได้ แต่พวกเขาก็ต้องคิดอย่างรอบคอบแล้วถึงจะเขียนลงไปทีละคำ
สำหรับฟางชิวแล้ว นี่เป็นคำถามที่จะทำให้เขาได้คะแนนเต็ม เขาไม่ได้อ่าน ‘คัมภีร์เน่ยจิง’ หนึ่งร้อยครั้งแล้วไม่ได้อะไรกลับมาเลยหรอกนะ!
ฟางชิวจะเขียน ‘คัมภีร์เน่ยจิง’ ทั้งเล่มก็ยังได้
จากนั้นชายหนุ่มก็เริ่มเขียนคำตอบลงไปทันที
‘ฤดูใบไม้ผลิในเดือนมีนาคมคือการเกิดของสรรพสิ่ง แล้วทุกสรรพสิ่งก็มีแต่ความรุ่งโรจน์…’
บทความทั้งหมดมีเกือบแปดร้อยคำ ฟางชิวใช้เวลาเขียนครึ่งชั่วโมง เพราะเขาค่อย ๆ เขียนทีละคำ
เหตุผลที่ฟางชิวค่อย ๆ เขียนทีละคำนั้น เป็นเพราะเขากลัวว่าตนเองจะเขียนได้ไม่เรียบร้อย กลัวคนตรวจจะอ่านไม่ออกแล้วคิดไปว่าเขาเขียนคำตอบผิด ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังอย่างมาก
หลังจากตรวจสอบกระดาษคำตอบทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วนและแน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ฟางชิวก็ลุกขึ้นยืนทันที
“อาจารย์ครับ ผมขอส่งกระดาษคำตอบครับ”
“ว่าไงนะ?” คำพูดของฟางชิวทำให้นักศึกษาคนอื่น ๆ ในห้องสอบตกตะลึง
แม่งเอ๊ย!
เพิ่งจะชั่วโมงเดียวเอง
เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงก่อนจะหมดเวลาทำแบบทดสอบ นี่เขาจะส่งกระดาษคำตอบแล้วเรอะ!?
ตอนแรกพวกเขาเห็นฟางชิวตอบคำถามโดยไม่หยุดพัก นึกว่าฟางชิวจะยอมแพ้แล้วเขียนคำตอบลงไปตามอำเภอใจซะอีก
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะส่งกระดาษคำตอบเร็วแบบนี้!
ผู้ชายคนนี้ทำแบบทดสอบเสร็จ โดยที่ไม่ยอมแพ้จริง ๆ หรือ?
ทุกคนเริ่มอารมณ์เสียทันที
‘ไอ้คนประหลาดนี่!’
จูเปิ่นเจิ้งที่นั่งอยู่ไกลจากฟางชิวเงยหน้าขึ้นมองเจ้าห้าประจำห้องพักแล้วสบถในใจ จากนั้นก็เร่งความเร็วในการตอบคำถาม
แต่นักศึกษาอีกคนของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงที่ทำแบบทดสอบอยู่ในห้องเดียวกันกับฟางชิวกลับรู้สึกมีความสุขมาก
การที่ฟางชิวทำเช่นนี้ แรงกดดันของนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้น หากมีแรงกดดันมากก็ย่อมมีโอกาสผิดพลาดสูง แล้วมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็จะได้เปรียบทันที
ส่งกระดาษคำตอบ?
หลังจากที่กรรมการคุมสอบทั้งเก้าคนได้ยินคำพูดนั้นแล้ว พวกเขาก็หันไปมองฟางชิว เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยืนขึ้นและต้องการส่งกระดาษคำตอบจริง ๆ กรรมการคุมสอบทั้งเก้าคนก็อ้าปากค้างด้วยความอึ้ง
ตลอดการคุมสอบเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง พวกเขาได้ลองอ่านคำถามในกระดาษทดสอบทุกข้อแล้ว ทำให้พวกเขารู้ดีว่าแบบทดสอบนี้มันยากแค่ไหน
ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงไม่คิดว่าจะมีใครทำเสร็จเร็วอย่างนี้
ฟางชิวใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงในการทำแบบทดสอบ? มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
นี่มันเป็นไปไม่ได้!
บรรดากรรมการคุมสอบที่มาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงเตือนฟางชิวว่า “นักศึกษา เธอไม่ตรวจสอบกระดาษคำตอบก่อนส่งจริง ๆ เหรอ”
“ผมตรวจสอบแล้วครับ” ฟางชิวตอบ
“ถ้าอย่างนั้น… ก็โอเค” เหล่ากรรมการคุมสอบแอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ
ในห้องควบคุมการแข่งขัน
อาจเป็นเพราะเวลาในการสอบจัดไว้นานเกินไป บวกกับไม่มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนไหนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ทำให้ความสนใจของผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยถูกเบี่ยงเบนไปจากกล้องวงจรปิด พวกเขาหัวเราะและพูดคุยกันโดยไม่สนใจสถานการณ์ในห้องสอบเลย
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่ยังไม่ทันหุบยิ้มคนหนึ่งยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ระหว่างนั้นก็เหลือบมองจอมอนิเตอร์ระหว่างการสนทนา เมื่อเห็นภาพบนจอมอนิเตอร์ ผู้นำคนนั้นก็ตกใจ เขาโน้มตัวไปข้างหน้า กลืนชาลงคอ จากนั้นก็อุทานขึ้นมา
“หืม? มีคนส่งกระดาษคำตอบแล้ว!”
เมื่อเห็นภาพบนจอมอนิเตอร์ ผู้บริหารคนนั้นก็ตกใจ เขาโน้มตัวไปข้างหน้า กลืนชาลงคอ จากนั้นก็อุทานขึ้นมา
หลังจากได้ยินดังนั้นแล้ว ผู้บริหารคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน
ผู้บริหารสองคนที่กำลังดื่มชาอยู่ก็ตกใจจนพ่นน้ำชาออกมา
อะไรนะ?
มีคนส่งกระดาษคำตอบแล้วหรือ?
ผู้บริหารทุกคนจึงรีบดูที่หน้าจอมอนิเตอร์ ทำให้พวกเขาเห็นตอนที่ฟางชิวกำลังถือกระดาษคำตอบเดินไปที่โพเดียมพอดิบพอดี
เป็นฟางชิวจริง ๆ ด้วย!
ตอนที่พวกเขาได้ยินว่ามีคนส่งกระดาษคำตอบแล้ว คนแรกที่พวกเขาคิดคือฟางชิว
หลังจากที่เห็นว่าชายหนุ่มส่งกระดาษคำตอบแล้ว พวกเขาก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ทำได้แค่มองหน้ากันไปมา
การที่ฟางชิวเขียนคำตอบได้อย่างรวดเร็วทำให้พวกเขาประหลาดใจก็จริง แต่ทุกคนก็คิดว่าความยากของแบบทดสอบนี้สูงมาก แม้ว่าฟางชิวจะเร็วแค่ไหน แต่เขาก็ไม่น่าจะส่งกระดาษคำตอบก่อนหมดเวลาได้ แน่นอนว่าก็ต้องมีบางคำถามที่เจ้าตัวทำไม่ได้
ทว่าฟางชิวก็ได้ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง เพราะเขากำลังส่งกระดาษคำตอบจริง ๆ!
เป็นเหตุให้ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งห้อง ผู้บริหารทุกคนก็เงียบไปเช่นกัน
“แค่ชั่วโมงเดียวเองเหรอ?” เจียงไห่ถามขึ้นมา
ทุกคนจึงมองดูเวลา แล้วพบว่ามันเป็นหนึ่งชั่วโมงพอดี คราวนี้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ฟางชิวใช้เวลาในการทำแบบทดสอบสุดหินแค่หนึ่งชั่วโมง!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ นอกเหนือจากคำถามอัตนัยข้อสุดท้ายที่ฟางชิวใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ฟางชิวก็ใช้เวลาแค่เพียงครึ่งชั่วโมงในตอบคำถามที่เหลือ?
ความเร็วนี้ราวกับจรวดเลย!
ผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยหันไปมองที่เฉินอินเซิงด้วยความตกใจจนพูดไม่ออก
“เหล่าเฉิน ลูกศิษย์ของคุณเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” จางกั๋วต้งมองไปที่เฉินอินเซิงด้วยความสงสัยและพูดว่า “คุณคงไม่ได้เอาคนอื่นมาสวมรอยแข่งแทนใช่ไหม”
“ใช่แล้ว น้องใหม่จะร้ายกาจขนาดนั้นได้ยังไง” ซ่งเหวินหัวถาม
“จะเป็นไปได้ยังไง” เมื่อฟื้นจากความตกใจแล้ว เฉินอินเซิงก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธแล้วพูดว่า “ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน ทำไมฟางชิวถึงส่งกระดาษคำตอบเร็วขนาดนี้? เหล่าฉี มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ในฐานะคณบดีคณะแพทยศาสตร์จีน ฉีไคเหวินย่อมเฝ้าดูสถานการณ์ในห้องสอบอยู่ในห้องควบคุมเช่นกัน
“ฮ่า ๆ” เมื่อได้ยินคำถามของเฉินอินเซิง ฉีไคเหวินก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ฟางชิวเป็นนักศึกษาปีหนึ่งแน่นอน ถ้าต้องการตรวจสอบ พวกคุณก็สามารถตรวจสอบประวัติของเขาอย่างละเอียดตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมหาวิทยาลัยได้”
“ผมจะบอกประวัติเขาสักหน่อยก็แล้วกัน” ฉีไคเหวินพยายามทำให้พวกเขาสงสัย
“ประวัติอะไร”
“มันคืออะไรครับคณบดี?”
“ฟางชิวคนนี้เคยเรียนแพทย์แผนจีนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ก็โตมาในตระกูลแพทย์แผนจีนใช่ไหม?”
ทุกคนต่างถามคำถามออกมาไม่หยุด