บทที่ 161 ความรู้สึกของมหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่ง!
บทที่ 161 ความรู้สึกของมหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่ง!
เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง มหาวิทยาลัยอีกแปดแห่งก็ให้ความสนใจกับผลการแข่งขันคัดเลือกรอบแรกเช่นกัน
ทันทีที่ผลการแข่งขันถูกประกาศออกมา มหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่งก็ได้รับข่าวทันที
จากนั้นความฮือฮาก็บังเกิด เมื่อทุกคนในมหาวิทยาลัยรับรู้ผลการแข่งขันที่ถูกประกาศออกมาแล้ว
ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ประหลาดใจมาก เมื่อเห็นผลการแข่งขันนั้น
“มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงได้ที่หนึ่งจริงเหรอ?”
“ได้ยินมาว่าครั้งนี้แบบทดสอบยากมาก จะได้คะแนนเต็มได้ไงกัน?”
“ฟางชิวคือ นักศึกษาที่เสนอโครงการฝึกงานใช่ไหม?”
“ไม่ธรรมดาเลยแฮะตาคนนี้!”
ไม่ใช่แค่ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเท่านั้น เหล่านักศึกษาก็ทราบผลการแข่งขันรอบแรกจากอินเทอร์เน็ตเช่นกัน จากนั้นพวกเขาก็คอมเมนต์ใต้โพสต์ทันที
[เป็นไปไม่ได้ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงอยู่อันดับสุดท้ายของการแข่งขันครั้งที่แล้วไม่ใช่เหรอ?]
[ได้คะแนนเต็มแบบนี้ มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว]
[นักศึกษาหัวกะทิของมหาวิทยาลัยแปดแห่งเริ่มสอบพร้อมกัน แต่มีแค่ฟางชิวคนเดียวเท่านั้นที่ได้คะแนนเต็ม เหลือเชื่อมากอะ!]
[มีนักศึกษาแพทย์ของพวกเราแค่คนเดียวที่ติดสิบอันดับแรก นี่มันไม่น่าขายหน้าเหรอ?]
นักศึกษาและผู้บริหารเกือบทุกคนไม่อยากจะเชื่อความจริงนี้ แต่ความจริงก็คือความจริง เพราะผลการแข่งขันที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา พวกเขาจึงทำได้แค่บ่นออกมาเท่านั้น
…
ณ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนฮุ่ยโจว เหล่านักศึกษาต่างพูดคุยกันอย่างออกรส
“แม้ว่าเถาอี้หรานกับหวังจื้อซิ่งจะอยู่ในห้าอันดับแรก และผลการแข่งขันของมหาวิทยาลัยพวกเราจะอยู่ในระดับบน แต่คนที่ได้อันดับหนึ่งนี่มันจะสุดยอดเกินไปไหม?”
“คำถามของการแข่งขันความรู้ไม่ง่ายเลย ฟางชิวได้คะแนนเต็มได้ไง?”
“เขาเล่นตุกติกหรือเปล่า?”
“มันเป็นไปไม่ได้”
“แบบทดสอบจัดทำโดยมหาวิทยาลัยอื่น และยังถูกเก็บเป็นความลับ ฉันได้ยินมาว่าแบบทดสอบถูกส่งไปยังมหาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงครึ่งชั่วโมงก่อนเริ่มการสอบ”
“ถ้างั้นฟางชิวก็เป็นอัจฉริยะเหรอ?”
…
ณ มหาวิทยาลัยการแพทย์ฮุ่ยโจว
“ไม่มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยของพวกเราติดสิบอันดับแรกเลยหรือ?”
“จบแล้ว มหาวิทยาลัยของพวกเรากำลังจะเสียหน้า!”
“พวกเราอยู่ในสามอันดับแรกในการแข่งขันครั้งที่แล้ว แต่ครั้งนี้อันดับของพวกเราลดฮวบเลย มหาวิทยาลัยนั้นส่งใครเข้าแข่งขันเนี่ย”
“ฟางชิวอีกแล้ว!”
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าฟางชิวคนนี้ชอบเป็นจุดสนใจนัก”
“ฉันเจอเขาทุกที่เลย พูดไม่ออกจริง ๆ”
“ถึงผลการแข่งขันของมหาวิทยาลัยพวกเราจะแย่มาก แต่พวกคุณก็โทษฟางชิวไม่ได้หรอก ทองคำน่ะ ยังไงก็เปล่งประกาย ถ้าฟางชิวมาอยู่ตรงหน้า นายจะกล้าอวดดีใส่ปะล่ะ?”
“เฮ้อ หวังว่าการแข่งขันครั้งต่อไปจะดีกว่านี้นะ”
…
ณ มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิงเป่ย
“ฮ่า ๆ หานอวี่เซวียนได้อันดับที่สอง ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยของพวกเราได้อันดับที่เจ็ด”
“แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาดี แต่พวกเราก็อย่าประมาท แล้วฉันก็คาดไม่ถึงว่ามหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจะได้ที่หนึ่ง การแข่งขันปีนี้คงดุเดือดน่าดู”
“อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่ามหาวิทยาลัยของพวกเราจะอยู่ในอันดับล่าง ๆ ฮ่า ๆ!”
“ใช่ แต่จากผลการแข่งขันรอบแรก นักศึกษาของพวกเราได้พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจริง ๆ”
“อันที่จริง จากผลการแข่งขัน มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงไม่ธรรมดาเลย”
“เราจะได้ที่หนึ่งหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่านักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันว่าจะสามารถเอาชนะฟางชิวในการแข่งขันครั้งต่อไปได้หรือไม่”
…
ณ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจว
“มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงแซงขึ้นมาอยู่ในอันดับสูง ๆ แล้ว ฉันไม่อยากเชื่อเลย!”
“จำได้ว่าครั้งที่แล้ว มหาวิทยาลัยนั้นมีเพียงคนเดียวที่ติดสิบอันดับแรกในการแข่งขันรอบแรกนะ”
“ได้อันดับหนึ่งแถมยังคะแนนเต็มแบบนี้ คนที่ชื่อฟางชิวนี่น่าทึ่งจริง ๆ!?”
“ทำไมฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ปีที่แล้วมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงยังอยู่ในอันดับท้าย ๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ พอปีนี้การแข่งขันความรู้จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยของพวกเขา พวกเขาก็ได้ที่หนึ่งทันที”
“โกงหรือเปล่า”
“การแข่งขันความรู้จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยทั้งเก้าแห่ง แม้ว่าจะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง แต่ก็ไม่น่าจะเล่นใต้โต๊ะได้นะ”
“ไม่ว่าจะมีการโกงหรือไม่ก็ตาม แต่นักศึกษาสองคนของมหาวิทยาลัยเราก็ติดห้าอันดับแรก และสามอันดับแรก ก็ถือว่าดีมากแล้ว ตราบใดที่พวกเขาพยายามอย่างหนักในรอบที่สองและสาม ได้ที่หนึ่งก็ไม่น่ายากใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ นักศึกษาและผู้บริหารของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจวถือว่ามีความใจกว้างมาก
มหาวิทยาลัยที่นักศึกษาไม่ติดอยู่ในสิบอันดับแรกนั้นเคร่งเครียดมาก เพราะผลการแข่งขันครั้งนี้ได้เหนือความคาดหมายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง มันทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจมาก
ในขณะที่ทุกมหาวิทยาลัยกำลังพูดถึงเรื่องนี้ กระดาษแบบทดสอบที่ใช้ในการแข่งขันก็ถูกส่งมาอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่กระดาษแบบทดสอบมาถึง นักศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยก็เริ่มลองทำกันทันที กระทั่งอาจารย์ก็เข้ามาลองทำด้วย
จากนั้นนักศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยก็ตกตะลึง
“แม่งเอ๊ย นี่มันยากฉิบ***เลย!”
“นี่คือแบบทดสอบของการแข่งขันครั้งนี้จริง ๆ เหรอ?”
“แบบทดสอบยาก ๆ แบบนี้ควรให้รุ่นพี่ปีสี่ปีห้าทำนะ”
“โจทย์น่ากลัวจริง ๆ ฉันสอบไม่ผ่านเลย แต่ทำไมฟางชิวคนนิสัยเสียคนนั้นถึงได้คะแนนเต็ม!”
“โจทย์หน้าแรก ๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้โจทย์สุดท้ายนี่สิ? ให้เขียนเนื้อหาในคัมภีร์เน่ยจิง? พวกเราทุกคนยุ่งอยู่กับการเรียน แค่เข้าใจตำราเรียนก็ถือว่าเก่งมากแล้ว พวกเราจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านคัมภีร์เน่ยจิง ถึงจะอ่าน แต่ใครมันจะไปจำได้หมด”
“ฉันเข้าใจแล้วนักศึกษาที่ติดสิบอันดับแรกต้องไม่ปกติแน่ ยากขนาดนี้ยังทำคะแนนสูงได้! สุดยอดกว่าปีที่แล้วจริง ๆ”
“โดยเฉพาะฟางชิว เขาคงไม่ได้เริ่มเรียนแพทย์แผนจีนตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ใช่ไหม? แถมยังไม่ได้ตอบผิดเลยแม้แต่คำถามเดียว แม่งสุดยอดเลยว่ะ!”
…
หลังจากได้ดูกระดาษแบบทดสอบ นักศึกษาแต่ละมหาวิทยาลัยก็ร้องอุทานออกมา
พวกเขาไม่เคยเห็นโจทย์ที่ยากเช่นนี้มาก่อน แม้แต่นักศึกษาที่ยอดเยี่ยมบางคนก็ยังทำไม่ได้ ส่วนนักศึกษาที่มีคะแนนไม่ดีก็ยิ่งแล้วใหญ่ พวกเขาไม่เข้าใจคำถามด้วยซ้ำ
สิ่งนี้ทำให้มหาวิทยาลัยตกตะลึง แต่การที่ฟางชิวได้ที่หนึ่งด้วยคะแนนเต็มพวกเขากลับตกตะลึงยิ่งกว่า
ณ ย่านที่อยู่อาศัยในเมืองเจียงจิง
เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ สวีเมี่ยวหลินจึงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เขานั่งอยู่บนโซฟาและอ่านหนังสือขณะที่ดื่มชาไปด้วย
น้ำในทะเลสาบตะวันตก น้ำตาของคุณ…
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของสวีเมี่ยวหลินก็ดังขึ้น จากนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเมื่อเห็นว่าใครโทรมา เขาจึงรับสายทันที
“รุ่นพี่ มีอะไรเหรอครับ?”
“[รุ่นน้อง นายอยู่ที่ไหน]” เสียงของฉีไคเหวินดังออกมาจากปลายสาย
“ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ ถ้ามีอะไรก็พูดมา แต่ถ้าไม่มีฉันจะวางสายแล้วนะ” สวีเมี่ยวหลินตอบกลับ
“[อย่าเพิ่ง!]” ฉีไคเหวินรีบหยุดสวีเมี่ยวหลิน จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “[ฉันจะบอกข่าวดีให้นายฟัง]”
“ว่ามาสิ”
“[ผลการประลองความรู้รอบแรกออกมาแล้ว มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเราสอบได้คะแนนเต็มด้วย แล้วเขาก็ได้อันดับหนึ่ง!!!]” ฉีไคเหวินกล่าวอย่างตื่นเต้น
“โอ้?” สวีเมี่ยวหลินถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย “เป็นนักศึกษาคนไหนล่ะ?”
“[นักศึกษาที่เสนอโครงการฝึกงานครั้งล่าสุดที่ชื่อฟางชิวไง]” ฉีไคเหวินกล่าว
“เป็นเขาเหรอ?” สวีเมี่ยวหลินตอบอย่างเฉยเมยและถามว่า “แล้วรุ่นพี่ มีอะไรอีกไหม”
“[นายจะดีใจกับรุ่นพี่บ้างไม่ได้เหรอ? คนที่รับผิดชอบการแข่งขันครั้งนี้คือรุ่นพี่ของนายนะ แล้วนายก็เป็นรุ่นน้องคนเดียวของฉันด้วย]” ฉีไคเหวินพูดอย่างหดหู่ว่า “[ฉันอุตส่าห์โทรหานายเพื่อบอกข่าวดีนี้ให้ฟังเลยนะ]”
“ฉันจะวางสายแล้ว” พูดจบ สวีเมี่ยวหลินก็ทำทีจะวางสายโทรศัพท์
ทว่าฉีไคเหวินกลับขัดเขาขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะราวกับคนบ้า “[ในเมื่อนายไม่ดีใจไปกับฉัน ถ้างั้นฉันก็จะดีใจคนเดียวก็ได้! ฮ่า ๆ!]”
หลังจากวางสายแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้านิ่งเฉยของสวีเมี่ยวหลิน
“ในเมื่อทำได้ดีในการทำแบบทดสอบแบบนี้ แสดงว่าเขาไม่ได้อ่านหนังสือโดยเปล่าประโยชน์สินะ” พูดจบสวีเมี่ยวหลินก็อ่านหนังสือต่อ
…
ท่ามกลางการถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนของผู้คนนับไม่ถ้วน เวลาก็มาถึงบ่ายสองโมง
ณ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง
หลังพักเที่ยงนักศึกษาจากเก้ามหาวิทยาลัยก็มารวมกันที่สถานที่แข่งขันสำหรับการแข่งขันรอบที่สอง
นั่นคือห้องประชุมใหญ่! นี่เป็นห้องประชุมที่หรูหราที่สุดของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงแล้ว
ห้องประชุมเป็นรูปครึ่งวงกลมและมีขนาดใหญ่มาก ด้านในสุดมีเวทีขนาดใหญ่อยู่
บนเวทีจะมีโต๊ะยาวเก้าตัว ซึ่งเรียงเป็นรูปตัวอักษรจีน ‘八’ ในแต่ละโต๊ะก็จะมีเก้าอี้เก้าตัวจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย และนี่ก็เป็นพื้นที่สำหรับผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากแต่ละมหาวิทยาลัย ส่วนที่อยู่ใต้เวทีก็จะมีที่นั่งแบบแถวบันได
แม้การแข่งขันรอบที่สองถูกกำหนดให้เริ่มในเวลา 14:30 น. แต่เวลานี้ในห้องประชุมก็มีเสียงดังมากเพราะเต็มไปด้วยนักศึกษาที่มาชมการแข่งขัน
หากมีการประชุมหรือกิจกรรมต่าง ๆ ทางมหาวิทยาลัยอาจจะต้องขอความร่วมมือจากนักศึกษาปีหนึ่งให้มาร่วมงาน หรือไม่อย่างนั้นก็บังคับให้พวกรุ่นพี่มาแทน แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจมา แต่ก็ต้องมา
เพราะหากไม่มาทางมหาวิทยาลัยก็จะหักคะแนน! ทางมหาลัยก็เลยไม่กลัวว่าพวกนักศึกษาจะไม่มา แต่วันนี้ทางมหาวิทยาลัยไม่จำเป็นต้องบังคับให้นักศึกษามาเพราะพวกเขาต่างก็แก่งแย่งที่จะมากันเอง
พวกเขาต่อสู้แย่งที่นั่งกันอย่างดุเดือด ถึงเจ้าหน้าที่จะเห็นเหตุการณ์ชุลมุนนี้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้
มหาวิทยาลัยปิดกั้นมุมหนึ่งของห้องประชุม แล้วอนุญาตให้คนจากมหาวิทยาลัยอื่นเข้ามาได้ เพราะมันเป็นพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับผู้มาชมความสนุกในช่วงสุดสัปดาห์
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึง 14:20 น.
ภายในห้องประชุมเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว
นักศึกษาที่ได้ที่นั่งก่อนหน้านี้ก็ถูกผลักอย่างแรงจนต้องยืนขึ้น ตอนนี้แม้แต่ทางเดินก็เต็มไปด้วยผู้คน
บริเวณที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้สำหรับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นก็เต็มไปด้วยผู้คนเช่นกัน คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าดาราจะมาจัดคอนเสิร์ตที่ห้องประชุม
เวลา 14:25 น.
ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยทั้งเก้าแห่งก็เข้ามาในห้องโถงจากประตูด้านข้าง บริเวณด้านหน้าเหลือที่นั่งให้พวกเขาอย่างเพียงพอ เพราะนักศึกษาไม่กล้าล้ำเส้นเข้ามานั่ง
เมื่อเห็นว่ามีนักศึกษาจำนวนมากมาดูการแข่งขัน ผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยก็ตกใจมาก แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็หวังว่านักศึกษาของพวกเขาจะทำผลงานได้ดีและได้รับการยอมรับจากทุกคน
เมื่อมีที่นั่งเพียงพอ ทำให้ที่นั่งสองแถวแรกที่ว่างในตอนแรกก็เต็มทันที
ในเวลานี้พิธีกรก็มาถึงเวที
ภายใต้การแนะนำอย่างกระตือรือร้นของพิธีกร นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั้งเก้าแห่งก็เดินเข้ามาในห้องโถงทีละคน
คนแรกคือมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยที่เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยอยู่ แล้วทันทีที่เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยปรากฏตัว เธอก็ได้รับเสียงเชียร์อย่างอบอุ่นทันที
ตามมาด้วยมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงจิง มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนฮุ่ยโจว มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจว และมหาวิทยาลัยการแพทย์ฮุ่ยโจว…
นอกจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยแล้ว เวลาที่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นเข้ามาในห้องโถง ผู้ชมในห้องประชุมต่างก็ปรบมือต้อนรับอย่างอบอุ่น
แต่พอนักศึกษาของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงเข้ามาในห้องโถง ก็เกิดความฮือฮาในห้องประชุมทันที!
นักศึกษาทุกคนของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงต่างโห่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
ในตอนแรกนั้น ฝูงชนจะตะโกนชื่อของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงออกมา แล้วตามด้วยชื่อของผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งเก้าคน แต่สุดท้ายก็เหลือเพียงสองชื่อเท่านั้น
“ฟางชิว!”
“เจียงเหมี่ยวอวี๋!”
พวกผู้ชายตะโกนชื่อของเจียงเหมี่ยวอวี๋ พวกผู้หญิงตะโกนชื่อของฟางชิว
ภาพนี้ทำให้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ มองหน้ากันด้วยความตกใจ
พวกเขาก็เป็นแค่นักศึกษาเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
โห่ร้องอย่างกับเจอดาราไปได้!