บทที่ 168 ต้องพึ่งฟางชิวแล้ว!
บทที่ 168 ต้องพึ่งฟางชิวแล้ว!
นักศึกษาที่เฝ้าดูการแข่งขันอยู่ด้านล่างเวที ต่างพากันกระวนกระวาย
“รีบตอบคำถามนั้นเร็วเข้า!”
“ไม่มีเวลาแล้ว! รีบตอบมาเถอะ!”
“เหลือเวลาอีกแค่สิบสองวินาทีแล้ว!”
เสียงเหล่าผู้ชมตะโกนขึ้นมาจนดังไปทั่วสถานที่แข่งขัน
ทันใดนั้น ฟางชิวก็ยืนขึ้นและพูดว่า “B”
เหล่าตัวแทนตกตะลึงเพราะยังไม่ได้ตัดสินใจกันเลย แต่ฟางชิวก็ตอบไปก่อนแล้ว
“ถูกต้อง!” เสียงของพิธีกรดังขึ้น
ได้ยินดังนั้น ความประหลาดใจบนใบหน้าของทุกคนจางหายไปทันที พวกเขาต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอกแทน
ในที่สุดก็มาถึงคำถามที่เก้า
“ลำดับปัจจัยการเปรียบเทียบในการก่อให้เกิดโรคของยาต้มซานเจี๋ยฝู่ม่าย ยาต้มชิงฮ่าวเปี่ยเจี้ย ยาต้มต้าติงเฟิ่งจู และยาต้มหวงเหลียนเอ๋อเจียวเป็นอย่างไร”
“A. ยาต้มซานเจี๋ยฝู่ม่าย>ยาต้มชิงฮ่าวเปี่ยเจี้ย>ยาต้มต้าติงเฟิ่งจู>ยาต้มหวงเหลียนเอ๋อเจียว”
“B. ยาต้มหวงเหลียนเอ๋อเจียว>ยาต้มชิงฮ่าวเปี่ยเจี้ย>ยาต้มต้าติงเฟิ่งจู>ยาต้มซานเจี๋ยฝู่ม่าย”
“C. ยาต้มหวงเหลียนเอ๋อเจียว>ยาต้มชิงฮ่าวเปี่ยเจี้ย>ยาต้มซานเจี๋ยฝู่ม่าย>ยาต้มต้าติงเฟิ่งจู”
“D. ยาต้มหวงเหลียนเอ๋อเจียว>ยาต้มต้าติงเฟิ่งจู>ยาต้มชิงฮ่าวเปี่ยเจี้ย>ยาต้มซานเจี๋ยฝู่ม่าย”
เมื่อเห็นคำถามบนหน้าจอ
ไม่เพียงแต่น้องใหม่ที่อยู่ด้านล่างเวทีเท่านั้นที่ตกใจ อาจารย์ นักศึกษาที่เป็นรุ่นพี่ หรือแม้แต่เฉินอินเซิงกับฉีไคเหวิน และผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก็ยังตกใจเช่นกัน
โอ้โหแฮะ
ใครเป็นคนตั้งคำถามนี้กัน
คนตั้งคำถามไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยเรอะ?
คิดว่านี่เป็นคำถามสำหรับน้องใหม่รึไงกัน?
นักศึกษาปีหนึ่งควรเรียนแค่ทฤษฎีพื้นฐาน อย่างเช่นความสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะภายในทั้งห้ากับเส้นชีพจรสิบสองเส้น การแยกกลุ่มอาการของโรค การรักษา และทฤษฎีหยินหยางสิ
แต่คำถามนี้มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่นักศึกษาปีหนึ่งเรียนมาอย่างสิ้นเชิง
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าระดับยากที่สุดเป็นอย่างไร แต่ให้มันง่ายกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง!
เหล่าตัวแทนจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็ตกใจเหมือนกัน พวกเขาไม่เข้าใจคำถามเลยแม้แต่น้อย!
พวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับใบสั่งยาเหล่านี้ด้วยซ้ำ
เจียงเหมี่ยวอวี๋กับจ้าวเหยียนเฉิงก็รู้สึกมึนงงเช่นกัน ทั้งสองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคำถามนี้เลยจึงไม่รู้ว่าควรจะเลือกตอบข้อไหน
“ไม่มีเวลาแล้ว เลือกสุ่มมาสักข้อเถอะ?” จ้าวเหยียนเฉิงกล่าว
ทุกคนก็หันไปมองฟางชิวทันที
คำตอบที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่องของฟางชิวนั้น ทำให้ทุกคนมองว่าเขาเป็นหัวหน้าทีมที่แท้จริงอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ตอบ C” ในขณะที่เวลากำลังจะหมดลง ฟางชิวก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะพูดอะไรเพิ่มเติม เขาครุ่นคิดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนเพื่อตอบทันที
“ถูกต้อง!” พิธีกรที่กำลังกระวนกระวายกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วและพูดต่อว่า “คำถามข้อสุดท้าย โปรดตั้งใจฟังให้ดี!”
“คุณหยาง คนไข้เพศหญิง วัย 39 ปี มีอาการปวดท้องและเบื่ออาหารมานานกว่าหนึ่งเดือน เคยใช้ยาของแพทย์ตะวันตกมา แต่ก็ไม่ได้ผล”
“เธอบอกว่า เธอมีอาการปวดท้องเพราะโดนความเย็นเมื่อเดือนก่อน อาการจะรุนแรงในตอนกลางคืน ตามด้วยอาการคลื่นไส้ บางครั้งก็อ้วกออกมามีแต่น้ำลาย มีอาการท้องร้องโครกคราก และปวดบริเวณสะดืออย่างต่อเนื่อง”
“ผิวของเธอซีดเซียว หน้าท้องแบนราบและอ่อนนุ่ม ตับและม้ามเล็ก เธอชอบกดมันตอนที่รู้สึกปวด การเคลื่อนไหวของลำไส้เป็นปกติ ความยากอาหารลดลงเล็กน้อย ไม่มีอาการกรดไหลย้อนและสะอึก ลิ้นซีดและเป็นสีขาว ชีพจรเต้นก็ช้าแต่ถี่”
“ขอถามว่าควรจะรักษาแบบใดในกรณีนี้”
“A. ยาต้มอูโถวกุ่ยจือ B. ยาต้มฟู่จือจิงหมี่ C. ยาต้มต้าไฉ่หู D. ยาต้มต้าป้านเซี่ย”
เมื่อคำถามข้อสุดท้ายถูกประกาศออกมา ทุกคนก็อึ้งทันที แม้แต่ฟางชิวที่ตอบคำถามได้อย่างถูกต้องก็รู้สึกอึ้งกับคำถามข้อสุดท้ายเช่นกัน
นี่เป็นอาการที่ไม่ตายตัว ต้องถกเถียงถึงสาเหตุกันมากว่า เอามาทดสอบได้อย่างไร
คำถามนี้ยากเกินไป ไม่ใช่แค่น้องใหม่เท่านั้น แม้แต่รุ่นพี่ก็คงทำไม่ได้
ด้านล่างเวที
“คำถามยากมากเลยนะ พวกเขาจะตอบได้เหรอ” ฉีไคเหวินขมวดคิ้วแน่น
เฉินอินเซิงเองก็สีหน้าแข็งทื่อ เขาเอาแต่จ้องมองไปที่ฟางชิวโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ก่อนหน้านี้ฟางชิวทำให้เฉินอินเซิงประหลาดใจมาก เวลานี้เขาจึงคาดหวังว่าฟางชิวจะตอบคำถามข้อนี้ได้ถูกต้องเพื่อเพิ่มชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง!
“7… 6…” พิธีกรเริ่มเวลานับถอยหลัง
เหล่าตัวแทนทุกคนมองไปที่ฟางชิว พวกเขากำลังรอให้ฟางชิวยืนขึ้นและตอบคำถาม
ภายใต้ความคาดหวังของฝูงชน ฟางชิวก็ลุกขึ้น
“ตอบ B” เสียงตอบอันหนักแน่นเปล่งออกมา
ชายหนุ่มใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีในหัวเพื่อตอบคำถามนี้ เขาเข้าไปค้นหา ‘ตำราซางหานลุ่น’ และ ‘ตำราจินคุ่ยเอี้ยวเลี่ย’ ในห้วงความคิดไม่นานคำตอบก็ปรากฏ!
ฟางชิวเชื่อมั่นว่าคำตอบนี้ถูกต้องแน่นอน!
เวลานี้บรรยากาศในการแข่งขันเงียบมาก เพราะทุกสายตาจับจ้องไปที่พิธีกร เพื่อรอฟังผลลัพธ์ของข้อสุดท้าย
มันจะถูกหรือผิด?
บนหน้าจอ ตัวจับเวลาหยุดลงพอดี
พิธีกรกดเสียง ก่อนจะเปล่งคำตัดสินออกมาเสียงดัง “คำตอบคือ… ถูกต้อง!” จากนั้นเธอก็พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ใช้เวลาไปทั้งหมด 96 วินาที! อยู่ภายในเวลาที่กำหนดค่ะ! ขอแสดงความยินดีกับมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงด้วยนะคะ!”
แปะ ๆๆ!
ผู้ชมพากันปรบมือจนดังกึกก้องทันที ทุกคนตื่นเต้นจนพูดไม่ออก แต่ในใจล้วนสัมผัสได้ถึงความยินดี
ไม่มีใครออมแรงปรบมือเลย แม้แต่ผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยก็ยังปรบมือให้กับการตอบคำถามข้อสุดท้ายของฟางชิว
ฟางชิวเป็นผู้เดียวที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนในการแข่งขันทั้งสามรอบ
อาจกล่าวได้ว่า ฟางชิวใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อพลิกสถานการณ์ และทักษะของเขาก็ไม่ได้แค่ทำให้ฝูงชนตกตะลึงเท่านั้น แต่เขายังพามหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงไปสู่จุดสูงสุดอีกด้วย
ด้านล่างเวที
“ฟางชิว! ฟางชิว! ฟางชิว!” ซุนฮ่าวกับโจวเสี่ยวเทียนตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
เมื่อมีเสียงตะโกนดังขึ้น ทุกคนก็เข้าร่วมด้วย
เพียงไม่กี่วินาที ฝูงชนทั้งหมดก็ระเบิดอารมณ์ออกมา
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ บนเวทีต่างมองไปที่ฟางชิวด้วยความชื่นชม และทั้งหมดก็ทำเหมือนกับกับผู้ชมด้านล่างเวที นั่นคือการปรบมือให้ฟางชิวเช่นกัน
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยไม่พอใจฟางชิว แต่ตอนนี้พวกเขารู้สึกชื่นชมฟางชิวจริง ๆ เพราะชายหนุ่มสามารถตอบคำถามยาก ๆ ได้ทุกข้อ
ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นแค่น้องใหม่ แต่ฟางชิวกลับสามารถตอบคำถามที่ยากเช่นนี้ได้ แถมยังเป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้ แค่นี้ก็ทำให้พวกเขาประทับใจมาก ๆ แล้ว
ณ ที่นั่งของเหล่าผู้บริหาร
เฉินอินเซิงกับฉีไคเหวินเองก็โล่งใจอย่างมาก ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เพราะฟางชิวทำให้พวกเขาประหลาดใจได้หลายครั้งเหลือเกิน!
“เด็กคนนั้นน่าประทับใจจริง ๆ!”
“ใช่แล้ว ความรู้ของนักศึกษาคนนี้แน่นมาก”
“ดูจากความยากของคำถามแล้ว ถึงฟางชิวจะเป็นน้องใหม่ แต่ระดับการเรียนรู้ด้วยตนเองของเขาน่าจะเกินความคาดหมายของทุกคน”
ผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยปรบมือให้ฟางชิวด้วยความชื่นชม
ด้านบนเวที
เมื่อได้ยินเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ ฟางชิวก็ยิ้มเล็กน้อย เขามองเพื่อนร่วมทีม เมื่อประสานสายตาทุกคนก็เข้าใจความหมาย พวกเขาจึงลุกขึ้นโค้งคำนับให้ผู้ชม แล้วนั่งลงอีกครั้ง
จ้าวเหยียนเฉิงยอมรับในตัวฟางชิวเช่นกัน เขาจึงไม่ทะนงตัวอีกต่อไป
“มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง ตอบคำถามถูกทั้งหมดเก้าข้อในหมวดคำถามเกี่ยวกับใบสั่งยาดั้งเดิม และได้คะแนนรวมสี่สิบห้าคะแนน!” เสียงของพิธีกรดังขึ้น
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทุกคนก็ทั้งตื่นเต้นและประหลาดใจ
หลังจากผ่านไปสามรอบ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็ได้คะแนนสูงถึง 88 คะแนน ซึ่งนำหน้ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ และอยู่ในอันดับที่หนึ่ง
ก่อนเริ่มประลองความรู้ ใครจะไปคิดว่าผลจะออกมาแบบนี้?
เพราะไม่มีใครคาดถึง! แล้วจะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นและชื่นชมฟางชิวได้อย่างไร?
วันนี้พวกเขาต้องพึ่งพาฟางชิว ในระหว่างการแข่งขันถึงสามรอบ
เมื่อเหตุการณ์สงบลง พิธีกรก็ประกาศออกมาว่า “แต่การแข่งขันยังต้องดำเนินต่อไป!”
“ตามการจัดอันดับ ผู้ที่อยู่ในอันดับที่สองที่ได้รับสิทธิ์ในการเลือกคำถามคือ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ย”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยก็ได้ตัดสินใจแบบเดียวกับมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง โดยเลือกคำถามประเภท A ซึ่งเป็นคำถามที่ยากที่สุดเช่นกัน
จากสิบข้อ พวกเขาตอบผิดสองข้อ
ตามกฎของการเพิ่มคะแนนสำหรับคำตอบที่ถูกต้องและหักคะแนนสำหรับคำตอบที่ไม่ถูกต้อง มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยจึงได้รับคะแนนในรอบนี้สี่สิบคะแนน และได้อยู่อันดับที่สองหลังจากรวมคะแนนกับสองรอบก่อนหน้านี้แล้ว
ลำดับต่อมาคือ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจว พวกเขาเลือกคำถามประเภท A ที่ยากที่สุดเช่นกัน แต่พวกเขาตอบผิดไปสี่ในสิบข้อ จึงได้ศูนย์คะแนน
เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจวก็พูดไม่ออก
ในแง่ความแข็งแกร่ง พวกเขาพอจะเอาชนะมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนอื่น ๆ ในเมืองจงโจวได้ พวกเขาจึงหวังว่าจะพลิกสถานการณ์ได้ในรอบนี้ แต่แล้วก็ทำพลาดจนได้
เป็นเหตุให้สีหน้าของผู้บริหารมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจวดูไม่ดีทันที
ขายหน้ามาก!
เหล่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยทั้งหกแห่งมีสีหน้าไม่ดีสักเท่าไร
เนื่องจากมีการเลือกคำถามประเภท A ไปหมดแล้ว อีกหกมหาวิทยาลัยที่เหลือจึงเลือกได้เฉพาะคำถามประเภท B และ C เท่านั้น
ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ แม้ว่าพวกเขาจะตอบคำถามได้ถูกต้อง แต่พวกเขาก็ไล่ตามมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิงไม่ทันอยู่ดี
แต่พวกเขาไม่มีทางเลือก พวกเขาต้องตอบคำถามต่อไป
เป็นผลให้ทุกมหาวิทยาลัยมีคะแนนในรอบนี้ แต่ไม่มีมหาวิทยาลัยไหนได้ศูนย์คะแนนอีกเลย ยกเว้นมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจวที่ตกลงมาเป็นอันดับสุดท้ายหลังจากรอบนี้
“ต่อไปเป็นคำถามแบบปรนัยรอบที่สอง” พอรอบแรกจบลง พิธีกรก็มองไปที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดบนเวทีแล้วถามว่า “พวกเราจะเป่ายิ้งฉุบกันอีกไหมคะ?” เธอกลัวว่านักศึกษากลุ่มนี้จะโวยวายอีก เธอจึงชิงถามก่อน
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทุกคนก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
จากนั้น ทุกสายตาก็หันไปหาหวังจื้อซิ่ง เพราะเขาเป็นคนที่แนะนำให้เปลี่ยนกฎในตอนแรก ดังนั้นเขาควรจะเป็นคนแย้งอีกรอบ!
“มาจับฉลากกัน!” เมื่อเห็นทุกคนมองมาที่เขา หวังจื้อซิ่งก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “วิธีนี้ยุติธรรมที่สุดแล้ว!”
หวังจื้อซิ่งรู้ดีว่าถึงจะยุติธรรมกับทีมเขา แต่มันก็ไม่ยุติธรรมกับฟางชิว แต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีทางเลือก
ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างรู้สึกพูดไม่ออก บางคนอดไม่ได้ที่จะกลอกตา เพราะเห็นได้ชัดว่าหวังจื้อซิ่งเล็งเป้าไปที่ฟางชิวคนเดียว
แต่ก็เป็นการยอมรับว่าฟางชิวแข็งแกร่งจริง ๆ เพราะความเร็วและความโชคดีของฟางชิวไม่มีใครเทียบได้เลย
“ตกลง” พิธีกรพยักหน้าโดยไม่ถามอะไรต่อ เพราะเธอรู้ว่าการถามมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากเฉินอินเซิงเคยบอกว่าให้ทำตามความต้องการของผู้มาเยือน และฟางชิวก็โอเคกับทุกกฎ เธอจึงตัดสินใจเองในครั้งนี้
“ขอให้เจ้าหน้าที่เตรียมตัวให้พร้อมด้วยค่ะ” พิธีกรพูดกับเจ้าหน้าที่ด้านล่างเวที
ไม่นานเจ้าหน้าที่หลายคนก็ขึ้นไปบนเวที พวกเขาหยิบกล่องกระดาษขึ้นมาแล้วเขียนตัวเลขบนกระดาษเก้าแผ่น ก่อนจะโยนมันลงไปในกล่อง
ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว
“มาเริ่มกันเลย!” พิธีกรมองไปที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนแล้วถามว่า “ใครจะเป็นคนแรกคะ”
หลังได้ยินคำถามนี้ ทุกคนก็มองไปที่ฟางชิวทันที
พวกเขายังจำได้ชัดเจนว่าในการแข่งขันโดยใช้ปุ่มกดตอบรับ ฟางชิวมักจะอยู่ในลำดับสุดท้าย แม้ว่าฟางชิวจะไม่สามารถคว้าคำถามได้ แต่ทุกคนก็กลัวอยู่ดี
นอกจากนี้ ในกล่องมีลูกบอลกระดาษเก้าลูก ดังนั้นผู้ที่จับลูกบอลเป็นคนแรกจะมีโอกาสน้อยที่สุดที่จะได้หมายเลขหนึ่ง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครต้องการออกไปจับเป็นคนแรก
“ใครจะเป็นคนแรกคะ” พิธีกรถามอีกครั้ง
“ฉันเอง” เมื่อเห็นคนอื่นไม่ยอมเคลื่อนไหว ฟางชิวก็ได้แต่ยิ้มแล้วเดินออกไปข้างหน้า
ทว่าคราวนี้ลูกบอลกระดาษอยู่ในกล่อง ฟางชิวไม่อาจมองเห็นแต่อย่างใด
“จับได้เลข 1 อีกครั้งก็ดีสิ!” ฟางชิวเดินไปที่ตรงกลางของเวที แล้วหยุดอยู่หน้ากล่องกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะไม้แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นฟางชิวก็เอื้อมมือลงไป ส่ายมือสะเปะสะปะในกล่องกระดาษแข็งราว ๆ สองครั้งแล้วจับลูกบอลกระดาษขึ้นมา
