บทที่ 175 ฉันไม่ยอมรับ!
บทที่ 175 ฉันไม่ยอมรับ!
หลังจากตอบคำถามสุดท้ายแล้ว ฟางชิวก็เกือบจะเสียการทรงตัว เขารีบเอื้อมมือไปจับโต๊ะเพื่อพยุงร่างกายที่อ่อนแอ จากนั้นก็หมุนเวียนพลังปราณเพื่อควบคุมพิษในร่างกาย
“ฟู่…” ฟางชิวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ชนะแล้ว! ใครก็ตามที่วางยาพิษเขา หลังจากวันนี้เป็นต้นไปก็รอเขาแก้แค้นได้เลย!
เบื้องหน้าของฟางชิวนั้นคือหานอวี่เซวียนที่เคยหยิ่งจองหอง เจ้าตัวกำลังตกตะลึงอยู่ สีหน้าคล้ำมืดลงหลายส่วน
แพ้? เขาจะแพ้ได้อย่างไร?
หานอวี่เซวียนคิด
“เอาล่ะ ดิฉันจะขอประกาศล่ะนะคะ” ในขณะที่ทุกคนกำลังโห่ร้องอย่างกระตือรือร้น พิธีกรก็ประกาศอย่างตื่นเต้นว่า “แชมป์ของการแข่งขันตอบคำถามประเภทเดี่ยวของน้องใหม่ประจำปีนี้คือ ฟางชิวค่ะ!”
ทุกคนลุกขึ้นยืนเพื่อปรบมืออย่างกึกก้อง
เจียงเหมี่ยวอวี๋ จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนปรบมือด้วยความตื่นเต้น แม้แต่จ้าวเหยียนเฉิงที่มีความเย่อหยิ่งมากก็ปรบมือเช่นกัน
ถึงจริง ๆ เขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามทุกคนก็เถอะ
“หลังจากการแข่งขันทั้งสามรอบ อันดับหนึ่งของคะแนนรวมคือ มหาวิทยาลัย…”
ก่อนที่พิธีกรจะพูดจบ จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
“เดี๋ยวก่อน!” พิธีกรถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกน ทุกคนจึงหันไปหาต้นตอของเสียงทันที
เป็นหานอวี่เซวียนที่กำลังพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด
“ฉันไม่ยอมรับ!” หลังจากพูดจบ เขาก็จ้องไปที่ฟางชิวอย่างแน่วแน่
ไม่ยอมรับ?
ทุกคนตกตะลึง
ไม่เพียงแต่นักศึกษาและพิธีกรเท่านั้น แม้แต่ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ตกใจเช่นกัน
การแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว หานอวี่เซวียนจะทำอะไรอีก
ทำไมไม่ยอมรับผลการแข่งขัน ในเมื่อการแข่งขันจัดขึ้นต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่มีอะไรที่ไม่ยุติธรรมเลย แล้วเขาเอาอะไรมาบอกว่าไม่ยอมรับ
ผู้ชมเงียบลงทันที
หานอวี่เซวียนชี้นิ้วไปที่ฟางชิว และพูดด้วยความไม่พอใจว่า “ที่ฟางชิวชนะเพราะเขาเร็ว ฉันมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันตอบคำถาม ไม่ใช่การแข่งขันความเร็ว ฉันสามารถตอบคำถามทุกข้อที่เขาตอบได้ ฉันมีความรู้แบบที่เขามี ทำไมแค่เพราะมือไวถึงเรียกว่าชนะ? ฉันไม่ยอมรับหรอกนะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนก็แตกตื่น พวกเขามองไปที่หานอวี่เซวียนด้วยความดูถูก บางคนก็ดูถูกเขาจริง ๆ แต่พูดตามตรงสิ่งที่หานอวี่เซวียนพูดนั้นก็ไม่ได้ผิดเสียทีเดียว
ทุกคนรู้ว่าเขาพูดถูก แต่นี่เป็นกฎและกฎก็เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน
ถ้าหานอวี่เซวียนไม่ยอมรับกฎนี้ ทำไมถึงไม่พูดอะไรตั้งแต่แรกและเลือกวิธีที่ยุติธรรมกว่านี้ล่ะ? ทำไมเขาถึงต้องเสนอหน้าออกมาตอนนี้หลังจากที่แพ้การแข่งขันไปแล้ว?
“หานอวี่เซวียน คุณต้องเข้าใจว่ากฎเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน และในการแข่งขันนี้ก็ปัจจัยภายนอกอื่นใด อีกทั้งกฎที่ใช้ในการแข่งขันความรู้ก็เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ดิฉันให้โอกาสคุณเปลี่ยนแปลงกฎไปแล้ว แต่คุณก็นิ่งเงียบ ในเมื่อไม่ได้คัดค้าน การทวงถามความยุติธรรมหลังจากพ่ายแพ้ไปแล้ว มันดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะ ว่าไหมคะ?” พิธีกรถามอย่างหัวเสีย
ทำไมเวลาที่เธอจัดการแข่งขันถึงชอบมีปัญหาอยู่เสมอนะ
หานอวี่เซวียนกัดฟัน ยังคงพูดกับตัวเองว่า “ฉันไม่ยอมรับ!”
เขาไม่อาจหักล้างคำพูดของเธอได้ แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะพ่ายแพ้ให้กับฟางชิว
“นายจะเอายังไง?” ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ ฟางชิวก็หายใจเข้าลึก ๆ เขายังคงใช้มือกุมท้องและถามออกไป
“หึ!” หานอวี่เซวียนแค่นเสียงตอบกลับอย่างเย็นชา “ความรู้พื้นฐานของการแพทย์แผนจีนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ส่วนที่ยากคือการนำไปปฏิบัติ ฉันได้ยินมาว่านายเป็นหมอจัดกระดูก ฉันก็บังเอิญเป็นหมอจัดกระดูกเหมือนกัน ฉันขอท้าประลองฝีมือกับนาย กล้ารับคำท้าไหม!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ตะลึงพรึงเพริด! หานอวี่เซวียนกล้าท้าทายหลังจากที่แพ้จริง ๆ หรือนี่?
เขาต้องการที่จะแข่งขันในการจัดกระดูกจริงหรือ?
ฟางชิวจัดกระดูกเป็นไหม?
ผู้ที่ไม่รู้จักฟางชิวต่างรู้สึกสับสน เพราะฟังดูแล้วชายหนุ่มไม่น่าจะสามารถจัดกระดูกได้ แล้วเขาจะกล้ารับคำท้าหรือไม่?
ครู่หนึ่ง ทุกคนก็มองไปที่ฟางชิวกับหานอวี่เซวียนเป็นสายตาเดียว
ในโซนวีไอพีสำหรับผู้บริหาร เฉินอินเซิงกับฉีไคเหวินหันไปหาเจียงไห่ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยด้วยความโกรธทันที
“รองอธิการบดีเจียง คุณควรจะไปห้ามปรามนักศึกษาของคุณไม่ใช่เหรอ อย่าแพ้แล้วพาลสิ!” เฉินอินเซิงเอ่ยเสียงแข็ง
“ห้ามทำไม?” เจียงไห่หัวเราะและพูดต่อว่า “ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ของมหาวิทยาลัย แล้วพวกเราก็ได้อันดับสองในการแข่งขันนี้ การแข่งขันความรู้น้องใหม่จบลงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ย มันเป็นเพียงการแข่งขันการกระชับมิตรระหว่างนักศึกษาสองคนเท่านั้น ถ้านักศึกษาต้องการจะแข่งขันเพื่อพัฒนาไปด้วยกัน มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่”
คำพูดเหล่านี้ทำให้รู้ว่าเจียงไห่กำลังจะดูความตื่นเต้น เขามองไปที่หานอวี่เซวียนบนเวทีด้วยรอยยิ้มมั่นใจ
“หึ!” เฉินอินเซิงแค่นเสียงอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไรอีก
ณ จุดนี้ หากเขายังเข้าไปยุ่งอีก มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงคงจะดูไม่ดีนัก ในตอนนี้ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับฟางชิวแล้ว
ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคำตอบของฟางชิว เจียงเหมี่ยวอวี๋ที่นั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชมก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีและจับแขนของฟางชิวเอาไว้
ผู้ชมรู้สึกอึ้งอีกครั้ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เจียงเหมี่ยวอวี๋มองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของฟางชิวด้วยความทุกข์ใจ จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองหานอวี่เซวียนด้วยความโกรธ “นายไม่เห็นเหรอว่าเขาไม่สบายอยู่น่ะ จะเอาอะไรอีก”
“เขาทุกข์ทรมานมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แถมยังฝืนตัวเองจนจบการแข่งขัน เหตุผลที่เมื่อวานนี้ตอบได้ดีมาก แต่วันนี้พลาดไปหนึ่งข้อ และถูกนายฉกไปก็เป็นเพราะว่าเขาถูกวางยา!”
“สุดท้ายเขาก็ชนะ ส่วนนายแพ้ …จะไม่ยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ยังไง”
“ตอนที่นายแพ้ ทุกคนก็เห็นแล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมถึงมาสร้างปัญหาเอาตอนนี้ นายต้องการใช้ประโยชน์จากความเจ็บป่วยของฟางชิวใช่ไหม”
ทันทีที่เธอพูดจบ ทั้งห้องประชุมก็แตกตื่น
“อาหารเป็นพิษ?”
“ฟางชิวอาหารเป็นพิษจริง ๆ ให้ตายเถอะ! ฉันว่าแล้วทำไมวันนี้ถึงทำตัวแปลก ๆ? อาหารเป็นพิษนี่เอง!”
“มหาวิทยาลัยปล่อยให้ฟางชิวโดนวางยาได้ไง?”
“เขาคว้าแชมป์ได้แม้ว่าจะอาหารเป็นพิษ ฟางชิวน่าทึ่งจริง ๆ!”
“แบบนี้นี่เอง ฟางชิวต้องกัดฟันสู้กับอาการป่วย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ความเร็วในการตอบคำถามของเขาจะช้าลง”
“หานอวี่เซวียนไร้ยางอายเกินไปหน่อยมั้ง เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาป่วยหนัก แต่ยังกล้าท้าฟางชิว ไร้ยางอายจริง ๆ!”
“เจียงเหมี่ยวอวี๋พูดถูก ชายคนนี้พยายามใช้ประโยชน์จากคนป่วย”
ฟางชิวมองไปที่เจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยความอบอุ่นใจ เขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องเขาในตอนนี้
ทันใดนั้น เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวที เธอออกไปยืนข้างฟางชิว จากนั้นก็จ้องมองหานอวี่เซวียนอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “การแข่งขันมีทั้งชนะทั้งแพ้นั่นแหละ อย่าให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้เลย”
การปรากฏตัวของเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยทำให้ทุกคนตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ย พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงช่วยฟางชิว
ใบหน้าของเจียงไห่บิดเบี้ยวเสียจนน่าเกลียด
ฟางชิวยิ้มให้เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยเพื่อแสดงความขอบคุณ เธอพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่หานอวี่เซวียนอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นผู้ชมทุกคนก็เลือดลมเดือดพล่าน
ดูนั่นสิ! ขนาดคนของคุณยังทนไม่ได้ แล้วจะมีหน้ามาท้าแข่งต่ออีกทำไม? ฟางชิวถูกวางยาพิษแล้วคิดจะฉวยโอกาสนี้เหรอ?
เมื่อต้องเผชิญกับการต่อต้านของผู้คน แต่หานอวี่เซวียนหาได้สนใจ เขามุ่งมั่นที่จะแข่งขันกับฟางชิวให้ได้
เขาจ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มและเค้นเสียงพูด “ต้องทนแข่งเพราะอาหารเป็นพิษ แต่ก็แข่งชนะจนได้ที่หนึ่ง? มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“ฉันเคยหลงผิดคิดเชื่อนาย แต่ตอนนี้นายกำลังหลอกพวกเราอยู่ต่างหาก!”
“ขอถามอีกครั้ง นายกล้าแข่งขันกับฉันไหม”
คำถามของหานอวี่เซวียนนั้นเฉียบคมดั่งมีด บรรยากาศบนเวทีเริ่มมาคุขึ้นมา ดูเหมือนว่ากระแสความโกรธกำลังจะปะทุ
ก่อนที่เจียงเหมี่ยวอวี๋กับเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยจะได้ทันพูดอะไร ฟางชิวก็กัดฟันข่มความเจ็บปวด ก่อนจะแสยะยิ้มให้คู่กรณี “ในเมื่อนายกล้าท้า ฉันก็กล้ารับ แล้วต้องการจะแข่งขันแบบไหนล่ะ”
ไม่ว่าในเวลาใดก็ตาม ฟางชิวก็เป็นคนที่แข็งแกร่งเสมอ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะพบกับปัญหาใด เขาก็จะไม่มีวันถอย!
เพราะนี่คือวิถีของผู้ฝึกยุทธ์ และยังเป็นวิถีของลูกผู้ชาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอ้หมาลอบกัดที่มาวางยาเขา ฟางชิวต้องการให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาคนนี้สามารถก้าวหน้าไปได้ไกลแค่ไหน!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็หันไปมองชายหนุ่มด้วยความกังวล
ฟางชิวรับคำท้าได้อย่างไรกัน? เขายังป่วยอยู่เลย!
“เจ้าห้านี่ก็จริง ๆ เลย!” จูเปิ่นเจิ้งถอนหายใจออกมายาว ๆ
เขาจำได้ว่าตอนที่ฟางชิวเผชิญหน้ากับหลี่ชิงสือที่สนามกีฬาต่อหน้าคนทั้งมหาวิทยาลัย มันก็คล้ายกันมากในเวลานี้
เจ้าห้าไม่เคยถอยแม้เพียงก้าวเดียว!
“สมกับเป็นลูกผู้ชายจริง ๆ” หานอวี่เซวียนเย้ยหยัน “การจัดกระดูกนั้นต้องใช้เทคนิคและพละกำลัง การตัดสินด้วยเทคนิคนั้นยากเกินไป ฉะนั้นเรามาประลองพละกำลังกันเถอะ”
“หมอจัดกระดูกจะต้องเชี่ยวชาญในด้านพละกำลัง เพราะหากใส่แรงมากเกินไปจะทำให้กระดูกผิดรูป แต่ถ้าออกแรงน้อยเกินไป ก็จะไม่สามารถทำให้กระดูกกลับเข้าที่เดิมได้”
“นายกล้าประลองด้านพละกำลังกับฉันไหม” หานอวี่เซวียนท้าทายอีกครั้ง
“ได้ตามที่ขอ” ฟางชิวตอบกลับ
พละกำลัง? หากถามว่าเขากลัวอีกฝ่ายหรือไม่? เขาก็คงตอบว่า ไม่แน่นอน!
เมื่อได้ยินคำตอบของฟางชิว หานอวี่เซวียนก็ก้าวลงไปหยิบอุปกรณ์วัดแรงออกมาจากกระเป๋า
“นี่คือเครื่องวัดแรงที่ฉันนำมา ใหม่เอี่ยมเลยล่ะ ฉันเองยังไม่เคยใช้มันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ”
หลังจากที่กลับมาบนเวที หานอวี่เซวียนก็กล่าวต่อ “เครื่องวัดแรงนี้สามารถบันทึกพละกำลังที่หนักที่สุดได้”
ในตอนแรกหานอวี่เซวียนต้องการฝึกควบคุมพละกำลัง เขาจึงนำเครื่องวัดแรงนี้มาด้วย
เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงเป็นครั้งแรก เขาก็ได้ยินว่าฟางชิวได้รับคัดเลือกเป็นผู้ช่วยแพทย์ในโรงพยาบาลและกลายเป็นแพทย์จัดกระดูก ต่อมาในการแข่งขันรอบแรก แม้จะเป็นโจทย์ที่ยากอย่างเหลือเชื่อ ฟางชิวก็ส่งกระดาษคำตอบเป็นคนแรกและได้ที่หนึ่งด้วยคะแนนเต็ม
หานอวี่เซวียนปฏิเสธที่จะยอมรับความสามารถของฟางชิว เขาเป็นลูกศิษย์ของหมอเว่ยฉีผู้มีทักษะการจัดกระดูกในระดับสูง การแข่งขันนี้ควรจะเป็นบันไดไต่ไปสู่ความสำเร็จของเขา
เพราะมันถึงเวลาที่จะแสดงความสามารถแล้ว แต่สุดท้าย เกียรติยศที่ควรจะเป็นของเขาก็ถูกฟางชิวขโมยไป
สิ่งนี้ทำให้เขาไม่พอใจมาก ดังนั้นจึงเตรียมที่จะต่อสู้กับฟางชิวตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วแผนทั้งหมดนี้ถูกเตรียมไว้นานแล้ว เขาเฝ้ารอโอกาสมาเนิ่นนาน ในที่สุดเจ้าฟางชิวก็ตกหลุมพรางเสียที
“เพื่อความยุติธรรม นายทดสอบเครื่องวัดแรงนี้ก่อนได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ยุติธรรม เพราะฉันก็จะทำเหมือนกัน” หานอวี่เซวียนเดินเข้าไปหาฟางชิวแล้วส่งเครื่องวัดแรงให้
ฟางชิวรับมันมาอย่างไม่ลังเล แล้วเริ่มวัดพละกำลังด้วยวิธีต่าง ๆ เพราะต้องการดูว่าตัวเลขใดจะแสดงบนเครื่องวัดในเวลาหากใช้พละกำลังที่แตกต่างกัน