คุรุการแพทย์ – บทที่ 186 คุณแก่เกินไปที่จะเลื่อนระดับขั้น!

คุรุการแพทย์

บทที่ 186 คุณแก่เกินไปที่จะเลื่อนระดับขั้น!

บทที่ 186 คุณแก่เกินไปที่จะเลื่อนระดับขั้น!

บนสนามประลอง

“ผู้อาวุโส ระวังด้วย” ผู้อาวุโสอี้เคลื่อนมือที่ผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งกับความนุ่มนวล ซึ่งมีลักษณะเหมือนท่าไทเก็ก แต่ก็แค่เหมือนเท่านั้น

“เอ๋?” ดวงตาของฟางชิวเป็นประกายทันทีแล้วคิดในใจ ‘กระบวนท่านี้ไม่ใช่ไทเก็ก แต่ก็คล้ายคลึงกันมาก เป็นทั้งแนวรุกและแนวรับ อีกทั้งยังล้ำลึกกว่ากระบวนท่าที่คนอื่นใช้’

เห็นได้ชัดว่าฟางชิวกำลังสนใจกระบวนท่าของผู้อาวุโสอี้

เวลานี้ ผู้อาวุโสอี้แตกต่างจากฟางชิว ตรงที่เขาระมัดระวังอย่างมาก สายตาคมกริบจับจ้องไปที่ชายหนุ่มตลอดเวลา แล้วเขาก็ขยับเท้า ๆ ไปมาราวกับพวกมันเป็นเหมือนสายลม ทว่าให้ความรู้สึกคมเหมือนใบมีด

ฟิ้ว!

ขณะที่ผู้อาวุโสอี้กำลังขยับเท้าอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็พุ่งเข้าไปหาฟางชิวทันทีราวกับตนเองเป็นดาบพุ่งออกจากฝัก

เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ชายหนุ่มก็แอบชอบใจ จากนั้นเขาจึงรีบเขย่งปลายเท้าขึ้น

ในเวลาเดียวกันเมื่อผู้อาวุโสอี้พุ่งเข้ามาข้างหน้า ฟางชิวก็ทะยานร่างกายขึ้นไปในอากาศพร้อมกับกางแขนออก

“ย่าห์!” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มหลบหลีกการโจมตีได้ ผู้อาวุโสอี้จึงหยุดเท้าลงทันที และระหว่างที่ตะโกนเขาก็กระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรง ทำให้พื้นหินแตกกระจายเป็นวงกว้าง จากนั้นร่างของเขาก็ลอยสูงขึ้นไปกลางอากาศ ด้วยการเคลื่อนไหวแบบมังกรดำแหวกว่ายเพื่อโจมตีใส่ฟางชิวอย่างรุนแรง

“ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งจริง ๆ!” ฟางชิวคลี่ยิ้มบางตรงมุมปากในขณะที่จ้องมอง จากนั้นเขาก็หมุนกายทันที ก่อนจะชกไปยังผู้อาวุโสอี้ที่กำลังพุ่งเข้ามาหา

ปัง! เกิดเสียงปะทะกันอย่างรุนแรง

จะเห็นได้ว่าในการปะทะร่างของผู้อาวุโสอี้ที่ยืนตระหง่านเหมือนยักษ์ได้ถูกฟางชิวชกสวนกลับ เป็นเหตุให้ร่างของผู้อาวุโสอี้กระเด็นออกไปด้วยความเร็วสูงจนกระแทกเข้าที่ขอบสนามอย่างแรง

ครืด ครืด… ภายใต้แรงปะทะอันรุนแรง ผู้อาวุโสอี้ก็ค่อย ๆ แตะปลายเท้าลงพื้นเพื่อตั้งตัว ด้วยการสั่นสะเทือนนี้เองทำให้สนามประลองเกิดรอยแยกระแหงไปทั่ว

เวลานี้ที่ใต้ฝ่าเท้าของผู้อาวุโสอี้ จู่ ๆ ก็มีรอยแตกคล้ายใยแมงมุมสองเส้นที่มีรัศมีหนึ่งเมตรปรากฏขึ้น

“เป็นพลังที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!” ผู้อาวุโสอี้รู้สึกประหลาดใจ

ในขณะที่ผู้อาวุโสอี้กำจัดผลกระทบจากกำปั้นของฟางชิวอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาก็ก้าวขาออกไปจากจุดนั้นทันที

ฟางชิวเขย่งเท้าเล็กน้อย พุ่งออกไปกลางอากาศ จากนั้นเขาก็ไล่ตามผู้อาวุโสอี้ได้ทัน ในตอนนี้มือของเขาเคลื่อนไหวดั่งมังกรผงาดและโบกสะบัดประหนึ่งเป็นภาพลวงตา

เมื่อเห็นแบบนั้น ผู้อาวุโสอี้ก็รู้สึกหวาดกลัวจับใจ แต่ก็ไม่สามารถถอยหนีได้จึงขยับมือ และออกแรงทั้งหมดเพื่อรับการโจมตีของฟางชิว

ปัง! ปัง! ปัง!

การปะทะที่รุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านล่างสนามประลอง

ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ฟางชิวกับผู้อาวุโสอี้ เพื่อชมการประลองที่ยอดเยี่ยม จนไม่กล้าละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว

แต่ในสนามประลอง การปะทะยังคงยิ่งรุนแรงขึ้นทุกขณะ

หลังจากต่อสู้มาหลายกระบวนท่า ในที่สุดฟางชิวก็ลอยลงมาที่พื้น เพื่อต่อสู้กับผู้อาวุโสอี้บนสนามประลอง

ชายหนุ่มใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้กระบวนท่าต่อสู้จากผู้อาวุโสอี้ ดังนั้นเขาจึงชะลอการโจมตีลงและค่อย ๆ เปลี่ยนมาตั้งรับแทน

ผู้อาวุโสอี้ดูเหมือนจะดูท่าทีของฟางชิวออก ผู้อาวุโสอี้จึงระเบิดพละกำลังทั้งหมดที่มีออกมา แม้ว่าจะเคยโดนฟางชิวโจมตีไปแล้วก็ตาม

“ย่าห์” ขณะที่เหล่าอี้กำลังจะโจมตีชายหนุ่มอย่างดุเดือด ทว่าแขนขวากลับสั่นสะท้านขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพลังปราณภายในกำลังพลุ่งพล่าน จากนั้นเขาจึงใช้แขนขวาชกไปที่ท้องของฟางชิวอย่างไร้ความปรานี

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มจะยื่นมือขวาออกไปจับที่ง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของผู้อาวุโสอี้ แล้วกดลงอย่างแรง

ตู้ม!

เกิดเสียงโครมครามดังตามมา

ภายใต้แรงกดของฟางชิว ทำให้ฝ่ามือของผู้อาวุโสอี้กระแทกลงกับพื้นอย่างแรง และเกิดเป็นหลุมลึก ไม่นานหินที่อยู่รอบ ๆ ก็แตกออกทีละนิดทีละน้อย

“พลังปราณภายในของคุณแข็งแกร่งไม่เบาเลย” ฟางชิวยกยิ้ม และถอยหลังกลับไประหว่างที่ยื่นมือออกมาด้วย เพื่อปล่อยให้ผู้อาวุโสอี้โจมตีเขาอีกครั้ง

หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายดังขึ้น

ฟางชิวสามารถหลบการโจมตีของผู้อาวุโสอี้ได้เกือบทุกครั้ง

แต่อีกฝ่ายกลับหลบการโจมตีของฟางชิวด้วยความยากลำบาก หากชายหนุ่มไม่หันเหการโจมตีในช่วงเวลาที่สำคัญ เกรงว่าผู้อาวุโสอี้คงจะถูกทุบจนกระอักเลือดไปแล้ว!

เนื่องจากบนสนามประลองกำลังต่อสู้กันอยู่ จึงทำให้เกิดหลุมบ่อจากการโจมตีขึ้นมากมาย

ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างสนามประลองก็รู้สึกตกใจมาก

แม้จะรู้ว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่ง แต่ไม่คาดคิดว่าจะสามารถทุบหินสีน้ำเงินได้

เพราะการทุบหินด้วยฝ่ามือนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวมากจริง ๆ

“นี่คือพลังของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งเหรอ?”

“น่ากลัวมาก!”

“ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสอี้จะสามารถทุบหินสีน้ำเงินได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อเทียบกับชายลึกลับแล้ว ผู้อาวุโสอี้กลับดูด้อยกว่ามาก”

“ใช่แล้ว เพราะผู้อาวุโสอี้ก็ทำได้แค่ทุบหินสีน้ำเงิน แต่ทุกครั้งที่ชายลึกลับเคลื่อนไหว หินสีน้ำเงินก็แทบจะแตก นี่เป็นเพียงพลังของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งงั้นเหรอ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่า ถ้าชายลึกลับออกแรงทั้งหมดออกมา มันจะเป็นยังไง?”

“ฉันไม่กล้าเดาผลลัพธ์เลย ให้ตายสิ!”

“หากชายนิรนามออกแรงทั้งหมด สนามประลองคงจะแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วมั้ง”

“ให้ตายเถอะ ฉันเคยสงสัยว่าชายลึกลับไม่ใช่ปรมาจารย์ แต่ด้วยความแข็งแกร่งในการต่อสู้ตอนนี้ เขาสามารถต่อยฉันให้เหมือนขยะได้ด้วยหมัดเดียว ฉันมันสมควรตายจริง ๆ”

“แบบนี้สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”

ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ชม

การต่อสู้ระหว่างฟางชิวกับผู้อาวุโสอี้ก็ใกล้จะจบลงแล้ว

ทันใดนั้น

“ผู้อาวุโส ผมขออภัยด้วย!” ผู้อาวุโสอี้ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว พร้อมกับกางมือออก เป็นเหตุให้พลังปราณที่แข็งแกร่งพุ่งออกมาจากร่างอย่างฉับพลัน และเกิดเป็นพายุหมุนขนาดเล็ก

“หืม?” ฟางชิวหรี่ตาลง แล้วจับตาดูการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสอี้อย่างตั้งใจ

วินาทีต่อไป

ขณะที่ผู้อาวุโสอี้กำลังจะยื่นมือออกมา ฟางชิวก็เคลื่อนไหวร่างกายทันที โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ก่อนจะพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว

ปัง!

จากนั้นก็เกิดเสียงการปะทะดังขึ้นมา

บนลานประลอง ภายใต้ผลกระทบของพลังปราณจากพวกเขาสองคน ทำให้เกิดเป็นฝุ่นควันจำนวนมากลอยขึ้นจากรอยแตกบนพื้น

และท่ามกลางฝุ่นควันก็มีร่างหนึ่งกำลังก้าวถอยหลังออกมา

และเมื่อตั้งใจมองดี ๆ แล้วจะพบว่าคนผู้นั้นคือ ผู้อาวุโสอี้ อีกทั้งเมื่อมองไปที่อีกด้านจะเห็นว่าฟางชิวยืนอยู่กับที่โดยไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย!

ณ ด้านล่างของสนามประลอง

“โคตรเจ๋ง!”

“วิเศษ วิเศษจริง ๆ!”

“ฉันไม่ได้มาชุมนุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การต่อสู้โดยเปล่าประโยชน์จริง ๆ ส่วนครั้งก่อน ๆ เทียบไม่ติดกับครั้งนี้เลยล่ะ ฮ่า ๆ!”

“จริงด้วย ช่างเป็นทักษะที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้ และเป็นความแข็งแกร่งที่ทรงพลังมาก การประลองครั้งนี้มันน่าตื่นเต้นจริง ๆ!”

“ชายลึกลับสมควรเป็นผู้อาวุโสจริง ๆ!”

“นี่มันน่าสนุกมาก หากมีการแข่งขันแบบนี้ทุกวันละก็ ไม่อยากจะคิด… ฉันคงมานอนกินที่นี่เลยล่ะ”

ความตกตะลึงในแววตาของทุกคนยังไม่จางหายไป ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมา

แม้ว่าโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาจะเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการต่อสู้แบบนี้ ซึ่งมันเหนือจินตนาการของพวกเขาไปมาก จึงไม่แปลกที่จะตกตะลึง

บนสนามประลอง

“นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นความสามารถในการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”

เมื่อรู้ว่าตัวเองแพ้ เขาจึงกำหมัดเพื่อยกย่องฟางชิว

แม้ว่าผู้อาวุโสอี้จะชมเชย แต่ชายหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเยาะเย้ยที่เขาแอบเรียนรู้กระบวนท่าจากตนอย่างลับ ๆ

“ชมกันเกินไปแล้วครับ” เขาชูกำปั้นตอบกลับไป

ในเมื่อเขาขโมยกระบวนท่าของผู้อาวุโสอี้ไปแล้ว แล้วเจ้าตัวจะทำอะไรได้ ที่สำคัญนะ… เหตุผลที่เขามาที่นี่ก็เพื่อมาขโมยกระบวนท่าของคนอื่นอยู่แล้วอย่างไรเล่า ฮ่า ๆ!!

“ผมอยากรู้ว่าหลังจากการแข่งขันครั้งนี้ คุณมองเห็นปัญหาอะไรของผมบ้างไหม” เมื่อพูดถึงการแข่งขัน ผู้อาวุโสอี้ก็จริงจังขึ้นมาทันที “ทำไมผมถึงหยุดอยู่ที่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งและไม่สามารถเลื่อนขั้นต่อไปได้?”

ภายใต้แววตาที่เป็นประกายของทุกคน ฟางชิวก็ได้พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา โดยที่พวกเขาต่างคาดไม่ถึง

“เพราะคุณแก่เกินไปที่จะเลื่อนระดับขั้น”

เอ๋?? …แก่เกินไปอย่างนั้นหรือ?

ผู้ชมทุกคนที่อยู่ด้านล่างสนามประลองกับผู้อาวุโสอี้ต่างพากันตกตะลึง

อายุเป็นเกณฑ์สำหรับการเลื่อนระดับด้วยหรือ?

แน่นอนว่าพวกเขาทุกคนย่อมรู้เรื่องนี้ดี แต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่จะเริ่มฝึกฝนตั้งแต่อายุยังน้อย ใครจะมานึกถึงตอนแก่กันล่ะ

อย่างไรก็ตาม เมื่อฟางชิวพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาทุกคนก็ให้ความสนใจกับผลกระทบเรื่องอายุ

“ผู้อาวุโส โปรดอธิบายโดยละเอียดด้วยครับ” ผู้อาวุโสอี้เอ่ยถามขึ้นมาทันที

“เมื่ออายุมากขึ้น การทำงานของร่างกายจะค่อย ๆ อ่อนแอลง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังคงหมั่นฝึกฝนต่อไป การทำงานของร่างกายจะสามารถคงสภาพไว้ได้ในระดับหนึ่ง” ฟางชิวอธิบายออกมาอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “แต่สำหรับคุณแล้ว มันต่างออกไปนิดหน่อย”

ผู้อาวุโสอี้ยังคงไม่เข้าใจ

ทำไมเขาถึงแตกต่างล่ะ?

“ตอนคุณยังเด็ก คุณคงจะหลงกลอะไรต่าง ๆ มากมาย ซึ่งมันก็ได้ทำลายสุขภาพไปมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะส่งเสริมและฝ่าฟันในตอนนี้” ฟางชิวกล่าว

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผู้อาวุโสอี้ก็รู้สึกละอายทันที

“ผู้อาวุโสพูดถูกต้องแล้วครับ เมื่อผมยังเด็ก ผมก็เคยเป็นแบบนั้นจริง ๆ” ใบหน้าของผู้อาวุโสอี้แดงก่ำ เขาพูดด้วยความลำบากใจ “แล้วผู้อาวุโสพอจะมีวิธีไหนที่จะช่วยให้ผมผ่านอุปสรรคนี้ไปได้บ้างไหมครับ?”

“นี่…” ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “วิธีน่ะมีอยู่แล้ว แต่ไม่เคยลองเลยเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่ามันจะได้ผลไหม”

“แค่รู้ว่ามีหนทาง ผมก็ดีใจมากแล้ว” ผู้อาวุโสอี้รู้สึกมีความสุข เขารีบกำหมัดคารวะฟางชิวอย่างรีบร้อน “ผู้อาวุโส โปรดให้ความกระจ่างแก่ผมด้วยเถอะครับ”

“วิธีนั้นคือวิถีแห่งลัทธิเต๋าเพื่อการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และมันไม่ใช่การบ่มเพาะ” ฟางชิวกล่าวต่อ “วิธีนี้มีประสิทธิภาพมากสำหรับคนป่วย คนชรา และคนที่ร่างกายแตกสลาย สามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิถีชีวิตต่อเนื่อง”

ผู้อาวุโสอี้ฟังอย่างตั้งใจ เหล่าผู้ชมที่อยู่ด้านล่างสนามประลองก็ไม่กล้าขัดจังหวะเช่นกัน พวกเขาพากันกลั้นหายใจเพื่อตั้งใจฟังว่าวิธีใดที่จะสามารถช่วยให้ฟื้นสภาพร่างกายได้

“วิธีนี้จะเน้นการสร้างภาพ”

“คุณต้องนึกภาพว่ามีแสงแดดหรือแสงจันทร์อยู่เหนือศีรษะ แล้วต้องควบคุมพลังปราณให้เข้าไปข้างในจากจุดป๋ายฮุ่ยที่อยู่ตรงกลางด้านบนศีรษะ จากนั้นมันจะเกิดการส่องแสงและเข้าสู่แนวกระดูกที่อยู่ด้านหลังสมอง แล้วค่อย ๆ ลงไปอย่างช้า ๆ และไม่ว่าแสงจะไปที่ใดก็ให้ใช้ดวงตาและสติเชื่อมต่อกับแสงนี้ เพื่อร่วมมือกันในการฝึกฝน”

“เมื่อแสงเดินทางผ่านกระดูกสันหลังไปจนถึงจุดตันเถียน ก็ให้แยกแสงออกจากจุดตันเถียน เพื่อไปยังกระดูกขาซ้ายและขวาจากกระดูกสะโพกพร้อมกัน”

“หลังจากนั้นก็ควบคุมให้แสงไปที่กระดูกหน้าแข้ง และลงไปที่ฝ่าเท้า”

“แสงเหล่านี้จะพุ่งขึ้นจากฝ่าเท้าไปตามแนวกระดูกหน้าแข้ง เข่า และกระดูกขา แล้วมันจะผ่านฝีเย็บไปรวมกันที่ตันเถียน จากนั้น จะขึ้นไปตามเส้นลมปราณผ่านสะดือ โพรงหัวใจ ลำคอ เหนือริมฝีปาก และคิ้ว ถึงตอนนั้นแล้วจะกลับไปที่จุดป๋ายฮุ่ยอีกครั้ง และคุณต้องฝึกแบบนี้มากกว่าเก้าครั้ง”

“หลังจากการฝึกนี้ คุณจะแข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน และจิตใจจะปลอดโปร่งมากกว่าเดิม”

เมื่อพูดประโยคนี้ ฟางชิวก็หยุดพูดครู่หนึ่งแล้วเงยหน้ามองทุกคน “ลัทธิเต๋าเรียกวิธีนี้ว่า การฟื้นฟูแก่นแท้เพื่อหล่อเลี้ยงสมองและความเป็นอมตะ โดยทั่วไปแล้วทุกคนจะคิดว่าแก่นแท้ที่สำคัญที่สุดของชีวิตอยู่ที่จุดตันเถียน แต่ในความเป็นจริง แก่นแท้ที่สำคัญที่สุดจะอยู่ระหว่างด้านหน้า และด้านหลังของสมองที่เรียกว่า ระบบประสาท”

“หากคนวัยกลางคนฝึกฝนวิธีนี้ ภายในหกหรือเจ็ดวัน พลังหยางจะอุดมสมบูรณ์ ระบบคำสั่งต่าง ๆ ในสมองจะโลดแล่นขึ้น ถ้าผู้สูงวัยฝึกวิธีนี้ก็จะใช้เวลานาน คนป่วยก็เช่นกัน”

“นอกจากนี้ คุณยังต้องตั้งใจฝึกฝน” ชายหนุ่มกล่าวออกมาขณะหันกลับมามองผู้อาวุโสอี้ “วิธีการนี้อาจจะง่ายเกินไปที่จะสร้างภาพขึ้นมาหลังจากมีทักษะพื้นฐานแล้ว และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอาจนำไปสู่สภาพจิตใจที่ต่างไปจากเดิม”

“ในตอนนั้น ถ้าใจของคุณเปลี่ยนไปตามโลก ประกอบกับการตัดสินใจอย่างผิด ๆ มันก็ง่ายที่คุณจะเข้าสู่เส้นทางที่ผิด”

“จงรีบดับกิเลสของตนเสีย”

“ถ้ารู้สึกไม่สบาย แสดงว่าคุณอาจกำลังฝึกผิดวิธี เช่นนั้นก็ควรหยุดฝึกฝน”

“สิ่งสำคัญคืออาหาร จงให้ความสนใจกับอาหารมื้อเล็ก ๆ ตลอดช่วงการฝึกฝน และถ้าเป็นอาหารมังสวิรัติก็จะดีมาก”

“และคนป่วยไม่ควรฝึกวิธีนี้ การจะฝึกต่อได้ต้องหายดีแล้วเท่านั้น…”

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน