บทที่ 190 ลงโทษฟางชิวอย่างรุนแรง!
บทที่ 190 ลงโทษฟางชิวอย่างรุนแรง!
“บางคนก็เป็นญาติของพวกเขาเอง” สวีเมี่ยวหลินถอนหายใจออกมา “เพื่อหาวิธีรักษาโรค หมอปรุงยาพิษจำนวนมากจึงได้ทดสอบและสะสมยาพิษเกือบทุกวัน เมื่อไม่มีคนให้ทดลอง พวกเขาจะทดสอบพิษด้วยตัวเอง! และหมอบางคนก็บ้าถึงขั้นทดสอบยาพิษกับญาติพี่น้อง”
“ฉันไม่ปฏิเสธความสามารถของหมอปรุงพิษหรือความหวังดีของพวกเขา แต่คนพวกนั้นก็บ้าดีเดือดเกินไปแล้ว แม้ว่าจะบอกว่าทำเพื่อรักษาโรค แต่สุดท้ายก็หลงผิดจนไม่มีทางหวนกลับ”
“แม้ว่าความตั้งใจเดิมคือการทำดี แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ฆ่าคนเพื่อช่วยอีกคน แล้วมันไม่ต่างจากการฆาตกรรมตรงไหน?”
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เหตุผลที่แพทย์แผนจีนผลักไสหมอปรุงพิษไม่ใช่ว่าผู้คนไม่เข้าใจประโยชน์ของพวกเขา แต่หมอเหล่านี้บ้าเกินไป เมื่อมีการทำร้ายผู้อื่น ผลที่ตามมาจะกลายเป็นหายนะทันที”
หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว สวีเมี่ยวหลินก็หันไปมองหอพักของจางซินหมิง
“อย่างไรก็ตาม เมื่อตัดสินจากพิษในอาหารของเธอแล้ว จางซินหมิงผู้สามารถสร้างยาพิษชนิดนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก เขาสามารถล้างพิษด้วยพิษได้จริง ๆ”
“เมื่อมีโอกาสดี ๆ อย่างนี้แล้ว เธอจะต้องศึกษาตำรายาพิษนี้ให้ดี เพราะมีเพียงแค่เธอ จางซินหมิงกับฉันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ อย่าบอกใครอีก ไม่อย่างนั้นเธอจะอยู่ในวงการแพทย์แผนจีนได้ยาก”
ชายหนุ่มพยักหน้า ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ยินมา
และเขายังเข้าใจอีกว่าสิ่งที่สวีเมี่ยวหลินต้องการให้เขาทำไม่ใช่การเป็นหมอปรุงพิษ แต่เพื่อศึกษายาพิษเท่านั้น
จางซินหมิงศึกษายาพิษมาตลอดชีวิต แต่เขากลับเอาความรู้มาทำร้ายคนอื่นแทนที่จะช่วยเหลือ ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เข้าใจหลักการของยาพิษ และวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่อยู่ในหลักการของยาพิษ
สิ่งที่ฟางชิวต้องการเรียนรู้คือความรู้ที่จำเป็นเท่านั้น เพราะหากมีโรคที่รักษาได้ยาก บางทีเขาอาจจะต้องใช้ยาพวกนี้มารักษาในสักวัน
สวีเมี่ยวหลินเอาแต่เงียบตลอดทาง ราวกับว่ายังไม่หายตกใจจากคำพูดของจางซินหมิง
จากนั้นพวกเขาก็แยกกันที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย
เมื่อฟางชิวกลับมาถึงที่หอพัก เขาก็ทรุดกายนั่งลงบนโต๊ะทันที และหยิบตำรายาพิษออกมาอ่าน
ชายหนุ่มพบว่ามีการบันทึกยาพิษเอาไว้นับพันชนิด และมันทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้านได้แค่เพียงอ่าน
ที่ขอบหนังสือเต็มไปด้วยการจดโน้ตสั้น ๆ
พิษเหล่านี้สามารถรักษาโรคและช่วยชีวิตได้ แต่ก็คร่าชีวิตผู้คนได้เช่นกัน
‘ช่างเป็นตำราที่น่ากลัวมาก’
ฟางชิวร้องอุทานออกมาในใจ เพราะในที่สุดก็รู้แล้วว่าความกังวลของผู้คนในวงการแพทย์แผนจีนไม่ได้ไร้เหตุผลเลย
หากสูตรยาพิษพวกนี้ถูกปล่อยสู่โลกภายนอก พวกคนเลวจะใช้มันเพื่อทำร้ายผู้คนอย่างแน่นอน!
ฟางชิวไม่กล้าคิดถึงผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นเลย ดังนั้นเขาจะปล่อยให้คนอื่นอ่านตำรายาพิษนี้ไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากอ่านตำรายาพิษหลายครั้ง และจดจำเนื้อหาทั้งหมดได้แล้ว ฟางชิวก็นำมันไปที่ห้องน้ำและเผาทิ้งให้กลายเป็นเศษเถ้าทันที
จากนี้ไป สมบัติของหมอปรุงพิษจะอยู่ในใจของฟางชิวเท่านั้น และในคืนนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย
…
วันเสาร์
ตามที่ตกลงกันไว้ ฟางชิวตื่นเช้าเหมือนครั้งที่แล้ว เขาซื้ออาหารเช้ามาสองชุด จากนั้นก็ไปขึ้นรถของสวีเมี่ยวหลินที่หน้าป้ายรถเมล์ป้ายหน้ามหาวิทยาลัย
พวกเขากำลังจะไปที่สลัมนั่นอีกครั้ง
สวีเมี่ยวหลินแจกขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเด็ก ๆ แล้วมอบบะหมี่ให้กับผู้สูงอายุที่ไร้ญาติ จากนั้นค่อยไปที่คลินิกรักษาฟรี
สวีเมี่ยวหลินสอนฟางชิวจับชีพจรและจดจำชีพจรอีกครั้ง
เนื่องจากชายหนุ่มเคยมาครั้งก่อนและช่วยเด็กคนหนึ่งจัดกระดูก พวกเขาจึงรู้ว่าฟางชิวก็เป็นแพทย์ด้านการจัดกระดูกเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความเคารพต่อเขามากขึ้น
อีกด้านหนึ่งของเมือง
เวลา 08.00 น.
จางซินหมิงเดินออกจากหอพักอาจารย์พร้อมกับกระเป๋าในมือ และตรงไปที่สถานีตำรวจเพื่อสารภาพความผิด
หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวที่จางซินหมิงมอบตัวโดยสมัครใจก็แพร่ไปถึงหูของผู้บริหารระดับสูงทันที
“อะไรนะ คุณพูดใหม่อีกรอบซิ?” ในห้องทำงานของรองอธิการบดี เฉินอินเซิงมองผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานด้วยความตกใจ “จางซินหมิงยอมมอบตัวแล้วเหรอ”
“ใช่ครับ!” ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าว ในขณะที่ขมวดคิ้วแน่น “ตอนที่อยู่ในสำนักงาน ผมได้รับโทรศัพท์จากสถานีตำรวจ พวกเขาขอให้พวกเราร่วมมือในการสอบสวน แม้ว่าจางซินหมิงจะมอบตัวแล้ว แต่เรื่องราวทั้งหมดยังคงต้องได้รับการตรวจสอบ รวมถึงกรณีการทุจริตและการวางยานักศึกษาด้วย เหตุการณ์จำเป็นต้องบันทึกไว้ทั้งหมด”
“แม่งเอ๊ย ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเรื่องเป็นอย่างนี้ได้ยังไง?” ทันใดนั้น ใบหน้าเฉินอินเซิงก็เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด “ทำไมจางซินหมิงถึงยอมมอบตัว? ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองจะนำความสูญเสียมาสู่มหาวิทยาลัยมากแค่ไหน?”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ” ผู้ใต้บังคับบัญชาก้มหน้าตอบกลับเสียงอ่อน “แต่ผมได้ยินมาว่าฟางชิวกับบรรณารักษ์คนหนึ่งไปหาจางซินหมิงด้วยกันเมื่อวานนี้”
“ฟางชิว!” เฉินอินเซิงหรี่ตาลงและอดสงสัยไม่ได้ว่า เจ้าหนุ่มนั่นจะรู้ว่าจางซินหมิงเป็นคนวางยาพิษหรือไม่
“ถ้าเป็นเช่นนั้น คนที่แจกใบปลิวพวกนั้นก็เป็นฟางชิวด้วยใช่ไหม” เฉินอินเซิงหายใจเข้าลึก ๆ พลางเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ ขณะใช้ความคิดอย่างหนัก
“ไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะฟางชิวเป็นแค่นักศึกษาธรรมดา แม้ว่าจะเรียนดี แต่ไม่เคยมีประวัติการกระทำแบบนั้นมาก่อน ดังนั้นมันน่าจะไม่ใช่เขา!”
“คิดไปคิดมา คนที่ทำสิ่งนี้ได้ไม่ใช่นักศึกษาแน่นอน”
“หากว่าไม่ใช่นักศึกษา ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ไม่พอใจในตัวจางซินหมิง!” ดวงตาของเฉินอินเซิงหรี่ลงอีกครั้ง
“แม้ว่าคนที่แจกใบปลิวจะไม่ใช่ฟางชิว แต่คนที่ผลักดันให้จางซินหมิงยอมมอบตัวในการวางยาพิษก็คือฟางชิวอยู่ดี!”
เมื่อนึกถึงตอนที่ฟางชิวโทรมาสอบถามผลการตรวจสอบหลายครั้ง เฉินอินเซิงก็รู้สึกโกรธทันที
ให้ตายเถอะ ฟางชิวมันรู้ความจริงอยู่แล้ว แต่ยังโทรหาเขาอีก!
เจ้านั่นคิดจะล้อเล่นกับเขาอย่างนั้นหรือ?
เฉินอินเซิงรับสั่งการทันที
“ไปแจ้งให้ผู้บริหารทุกคนทราบ พวกเราจะจัดการประชุมตอนเที่ยง!”
“ครับ” ผู้ใต้บังคับบัญชาพยักหน้าและหันหลังจากไป
เวลา 12.00 น.
บรรดาผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยต่างก็มาที่ห้องประชุมของอาคารสำนักงาน
หลังจากที่ทุกคนมาถึง เฉินอินเซิงก็เดินเข้าไปในห้องประชุมทันที
“ในการประชุมครั้งนี้ ฉันมีสองเรื่องที่จะประกาศ” เมื่อเดินไปที่ที่นั่งประธานของโต๊ะประชุม เฉินอินเซิงก็ไม่ได้นั่งลง เขากลับจ้องเขม็งไปที่ผู้บริหารทุกคนด้วยใบหน้าที่เกรี้ยวกราด “เรื่องแรกคือ ฉันเชื่อว่าทุกคนได้ยินข่าวที่จางซินหมิง รองคณบดีของคณะแพทยแผนจีนไปที่สถานีตำรวจเพื่อมอบตัวในเช้าวันนี้แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าผู้บริหารที่ได้ยินข่าวก่อนหน้านี้ก็ขมวดคิ้ว แน่นอนว่าผู้ที่ไม่ได้ยินข่าวต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“มอบตัว?”
“ทำไมจางซินหมิงถึงยอมมอบตัวล่ะ?”
“ทางมหาวิทยาลัยยังไม่ทันเริ่มการสอบสวน ทำไมเขาถึงยอมไปมอบตัวก่อน?”
ผู้บริหารทุกคนถกเถียงกันด้วยความสงสัย
“ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ” เฉินอินเซิงระงับเสียงของทุกคน และกล่าวว่า “จางซินหมิง มีสองข้อหาที่เขาสารภาพ ข้อแรกคือการคอร์รัปชันและการติดสินบน ส่วนข้อที่สองก็คือการวางยานักศึกษา!”
หลังจากสิ้นเสียงของเฉินอินเซิง ผู้บริหารทุกคนก็ตกตะลึงนิ่งเงียบ
วางยานักศึกษา?
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลย!
“จางซินหมิงบ้าไปแล้วเหรอ? เขากล้าวางยาพิษนักศึกษาได้อย่างไร”
“เขาวางยาใคร? นักศึกษาคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่ใช่ว่าช่วงนี้มีเหตุการณ์ที่นักศึกษาถูกวางยาในมหาวิทยาลัยหรอกเหรอ?”
ทุกคนมองไปยังเฉินอินเซิงอย่างสับสน เนื่องจากมหาวิทยาลัยปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีการวางยาพิษอย่างสมบูรณ์ คนที่รู้เรื่องนี้จึงมีเพียงเฉินอินเซิงและผู้ใต้บังคับบัญชาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนผู้บริหารคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครรู้เลย
“เป็นฟางชิวที่ถูกวางยา” ภายใต้การจ้องมองด้วยสายตางงงวย เฉินอินเซิงก็กล่าว “ในระหว่างการแข่งขันความรู้น้องใหม่ ฟางชิวอาหารเป็นพิษ ต่อมาพวกเราพบว่าจางซินหมิงเป็นต้นเหตุ เบื้องต้นฉันได้วางแผนที่ระงับเรื่องนี้ไม่ให้เผยแพร่ออกไป เพราะฟางชิวก็ไม่ได้รับอันตรายอะไร”
“ถ้าหากข่าวการวางพิษนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันจะส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อมหาวิทยาลัยอย่างมากแน่นอน”
ใบหน้าของเฉินอินเซิงคล้ำลง “และทั้งหมดเป็นเพราะฟางชิว! เขาไปหาจางซินหมิงเมื่อวานนี้ จากนั้นเขาก็ไปมอบตัวในเช้าวันนี้ ความผิดการวางยาพิษที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง แต่จางซินหมิงยังสารภาพออกมา เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดเป็นเพราะฟางชิว!”
“มิฉะนั้น จางซินหมิงจะไม่มีทางยอมสารภาพความผิดข้อหาวางยาพิษ”
“ดังนั้น ต้นตอของปัญหาทั้งหมดก็คือฟางชิว”
“ตอนเป็นนักศึกษา ฟางชิวไม่ได้สนใจชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยแม้แต่น้อย และยังยัดเยียดมหาวิทยาลัยให้เป็นที่รู้จักของสาธารณชนเพราะผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวของเขาเอง นักศึกษาแบบนี้ต้องโดนทำโทษอย่างหนัก!!!”
เฉินอินเซิงพูดด้วยโทสะ “ส่วนเรื่องที่สอง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทางมหาวิทยาลัยจะยกเลิกรางวัลและเกียรติประวัติทั้งหมดที่เคยมอบให้กับฟางชิว และงดเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญ ๆ ของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้…”
เฉินอินเซิงหันไปมอง ซูมู่ตง ประธานของโรงพยาบาลในเครือแห่งแรก ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้บริหาร “ให้ยกเลิกตำแหน่งของฟางชิว ในฐานะผู้ช่วยแพทย์ของแผนกกระดูกและข้อ และไล่เขาออกด้วย!”
“ฉันขอคัดค้าน!” มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา
เจ้าของเสียงนั้นคือฉีไคเหวิน เพราะในที่สุดเขาก็ไม่สามารถยับยั้งความโกรธได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคงมองไปที่เฉินอินเซิงแน่วแน่ “ฉันเกรงว่าสิ่งนี้จะไม่ได้ทำลายเกียรติของมหาวิทยาลัย แต่เป็นการทำลายเกียรติของคุณมากกว่า!”
“ในเรื่องของการวางยาพิษนี้ ฟางชิวเป็นเหยื่อ และในฐานะของเหยื่อ ฟางชิวก็มีสิทธิ์ที่จะตามหาคนทำ และทางมหาวิทยาลัยก็ควรช่วยหาว่าตัวการในการวางยาพิษเป็นใคร มากกว่าการช่วยจางซินหมิงปกปิดความผิด!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าฟางชิวเป็นเหยื่อคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาต้องมาถูกลงโทษและเจ็บปวดอีกครั้ง นี่มันยุติธรรมหรือไม่?”
“นอกจากนี้! แม้ว่าฟางชิวจะมีอาการอาหารเป็นพิษ แต่เขาก็คว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันความรู้มาได้สำเร็จ และได้สร้างชื่อเสียงกับเกียรติยศให้กับมหาวิทยาลัย ดังนั้นคุณจะลงโทษเขาอย่างรุนแรงได้อย่างไร”
ผู้บริหารคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย
เพราะไม่นานมานี้ สาเหตุที่มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ก็เพราะฟางชิว ส่วนสาเหตุแรกนั้นก็คือฟางชิวได้เป็นผู้เสนอแผนการฝึกงาน และสาเหตุที่สองเขายังสามารถทำผลงานในการแข่งขันความรู้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สาเหตุทั้งสองข้อนี้เองได้ช่วยผลักดันให้มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
แต่ตอนนี้ ฟางชิวที่เป็นเหยื่อจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงจากมหาวิทยาลัย
นี่… นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดเดียว!
ทุกคนต่างก็มองไปที่เฉินอินเซิงเป็นสายตาเดียว พวกเขาหวังว่าเฉินอินเซิงจะยอมถอนคำสั่ง
แต่เฉินอินเซิงกลับตะคอกกลับอย่างไม่แยแส “สิ่งที่มหาวิทยาลัยต้องการคือความปลอดภัยและความสามัคคี ไม่ใช่นักศึกษาที่ดื้อรั้นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเคยสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยละก็ ฉันคงจะไล่ออกไปแล้ว”
เฉินอินเซิงมองหน้าฉีไคเหวินแน่วนิ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะโต้แย้ง เฉินอินเซิงจึงรีบประกาศเสียงเด็ดขาด “เรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว และในการประชุมครั้งนี้ฉันก็ตั้งใจมาประกาศโดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อมาหารือ!”
“นอกจากนี้ ขอให้ทุกคนพยายามให้ดีที่สุดในการลดผลกระทบจากความผิดของจางซินหมิง”
“เลิกประชุมได้!”