บทที่ 193 ฟางชิวจะสอนการจัดกระดูกต่อหน้าสาธารชน?
บทที่ 193 ฟางชิวจะสอนการจัดกระดูกต่อหน้าสาธารชน?
ผ่านไปไม่นานนัก
ทีมรักษาความปลอดภัยทั้งหมดนำโดยหัวหน้าฝ่ายวิชาการก็มุ่งตรงมาที่สนามกีฬา
“นี่พวกคุณ กรุณาออกไปด้วยครับ!”
เจ้าหน้าที่ของฝ่ายวิชาการแสดงท่าทีโกรธขึงขัง ทันทีที่มาถึงก็ตะโกนไล่คนขับแท็กซี่ ก่อนจะรีบตรงไปหาฟางชิวพร้อมเอ่ยถาม “ใครให้เธอพาคนมารักษาที่นี่?”
ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าคนของมหาวิทยาลัยจะมา ทั้งยังมาด้วยความรวดเร็วและเกรี้ยวกราด!
นี่ตั้งใจมาหาเรื่องเขานี่!
“ผมจะรักษาตราบใดที่ผมต้องการ นี่มันไม่ส่งผลกระทบต่อใครทั้งนั้น!” ฟางชิวเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หืม เธอเป็นแค่นักศึกษา มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์แล้วเหรอยังไง?” หัวหน้านั้นตะคอกด้วยเสียงต่ำ “เธอรู้ไหมว่ากำลังประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างผิดกฎหมาย? ที่นี่คือมหาวิทยาลัย และไม่อนุญาตให้นักศึกษาประกอบวิชาชีพแพทย์อย่างผิดกฎหมาย!”
ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างผิดกฎหมาย?
ฟางชิวหัวเราะ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผมไม่ได้รับเงินจะถือว่าการช่วยเหลือเป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างผิดกฎหมายได้อย่างไร?”
“เถียงออกมาข้าง ๆ คู ๆ!” ใครกันจะคาดคิดว่านักศึกษาจะกล้าพูดกับเขาเช่นนี้
ชนะการแข่งขันประลองความรู้แล้วอย่างไร? เธอก็ยังเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง!
ใบหน้าของเขาพลันเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ก่อนเอ่ยออกมาเสียงดัง “ถ้าบอกว่าเธอประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างผิดกฎหมายก็แสดงว่าผิด ตอนนี้ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทาง ไล่คนพวกนี้ออกไปหรือเธอจะเป็นคนถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยก็เลือกเอา!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความโกรธในใจของฟางชิวก็ปะทุขึ้นทันที พลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่มีความโกรธปะปนอยู่ “เฉินอินเซิงส่งคุณมาที่นี่ใช่ไหม?”
แววตาของหัวหน้าฝ่ายพลันปรากฏความตื่นตระหนกวูบหนึ่ง
“ไม่ต้องสนใจหรอกว่าใครส่งฉันมาที่นี่ เธอเป็นนักศึกษาและฉันเป็นหัวหน้า สองทางข้างหน้านี้เธอเลือกเอง!”
แม้ว่าคำพูดของผู้นำคนนี้จะดังและหนักแน่น แต่ถึงอย่างนั้น ฟางชิวกลับรู้สึกได้ถึงความตื่นตระหนกในแววตาของเขา เช่นนี้ชายหนุ่มจึงมั่นใจในทันทีว่าเป็นฝีมือของเฉินอินเซิง
ตั้งแต่วินาทีที่รับสายของเสิ่นชุน เขาก็รู้ว่าเฉินอินเซิงกำลังพุ่งเป้ามาที่เขา
“กลับไปบอกเฉินอินเซิงว่าวันนี้ผมจะทำการรักษา!”
ฟางชิวหันหน้าไปมองยังกลุ่มคนขับรถโดยไม่สนใจหัวหน้าฝ่าย ก่อนเอ่ย “มาครับ รักษาต่อ!”
เขากำลังจะรักษาต่อ แต่คนขับเหล่านี้กลับผวา เดิมทีพวกเขาคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เมื่อได้ยินว่าจะมีการไล่คุณหมอฟางชิวออก ในใจก็พลันตื่นตระหนก
“ไม่หาแล้ว ไม่หาแล้ว”
แกนนำคนขับรถรีบเอ่ย “เราจะไปแล้ว พวกคุณอย่าไล่คุณหมอฟางชิวออกนะครับ เขาเป็นคนดี” กล่าวจบก็หันไปหาชายหนุ่ม “ขอโทษนะครับคุณหมอฟางชิว เราไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อคุณมากขนาดนี้ ถ้ารู้พวกเราคงไม่มา…”
“ใช่ครับ คุณหมอฟางชิว ผมขอโทษ!”
ทุกคนต่างส่งเสียงขอโทษขอโพยด้วยความรู้สึกผิดท้วมท้น
หลังจากกล่าวขอบคุณฟางชิวก็รีบเตรียมตัวออกจากพื้นที่
หลังจากเห็นดังนี้ หัวหน้าฝ่ายวิชาการจึงยกยิ้มเย้ยหยัน
ฟางชิวกัดฟันแน่น เงยมองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธทั้งหมดที่กำลังปะทุขึ้น
แพทย์ที่พยายามรักษาผู้ป่วย แต่กลับถูกใครไม่รู้มาห้ามไว้!
เฉินอินเซิง …จะมากเกินไปแล้วนะ!
ฟางชิวหายใจออกช้า ๆ จากนั้นเขาก็มองไปยังคนขับรถที่พร้อมจะจากไป ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น “พรุ่งนี้ตอนหกโมงเย็น ผมจะมาให้การรักษาที่นี่ พวกเราไม่เจอไม่กลับ!”
“นี่…”
พวกคนขับรถอึ้งไปชั่วขณะ
“ไม่ต้องห่วงผม พวกคุณมาก็พอ” ชายหนุ่มกล่าว
“อย่างนั้นก็ได้” คนขับพยักหน้าแล้วจึงจากไป
“พรุ่งนี้ยังจะมาอีกเหรอ?” หัวหน้าฝ่ายวิชาการเดินเข้ามา จ้องมองไปยังเจ้าตัวและขู่ว่า “นักศึกษาควรทำตัวเหมือนนักศึกษา ถ้าคุณทำผิดกฎหมายแบบนี้อีก มหาวิทยาลัยจะไล่คุณออกอย่างแน่นอน!”
ฟางชิวไม่แม้แต่จะเหลือบมอง เขาทำเพียงหันหลังจากไปด้วยความโกรธอันคุกรุ่น
เมื่อชายหนุ่มกลับมายังหอพัก เขาก็นั่งลงที่โต๊ะและเปิดคอม ก่อนจะลงชื่อเข้าใช้เว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย
ลงทะเบียนสำหรับบัญชีผู้ใช้ [ฉันคือฟางชิว]
และตั้งกระทู้ทันที
‘สวัสดีทุกคน ฉันชื่อฟางชิว อาสาจะมาสอนการจัดกระดูกในวันพรุ่งนี้เวลาหกโมงเย็นที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัย ใครสนใจสามารถมาร่วมได้เลย’
กระทู้ที่สั้นกระชับได้ใจความถูกโพสต์ลงไป
ฟางชิวปิดคอมพิวเตอร์แล้วหันมาอ่านหนังสือ
คุณไม่ให้ผมรักษาคนไข้? ผมก็ไม่ได้รักษา แต่จะสอน!
พวกคนขับรถนั้นเป็นกรณีศึกษาที่ใช้งานได้จริง และจะดูว่าคุณหยุดหรือไม่!
บนเว็บบอร์ด กระทู้นี้ถูกโพสต์ไปไม่นานนัก แต่ได้สร้างความตกใจให้คนที่เข้ามาดูไม่น้อย
ฟางชิว? …เป็นฟางชิวจริงหรือ?
หลังจากการแข่งขันประลองความรู้และการแข่งขันกับหานอวี่เซวียน ทั้งมหาวิทยาลัยย่อมรู้ว่าเทคนิคการจัดกระดูกของฟางชิวว่าทรงพลังไม่น้อย แม้แต่ศิษย์ของหมอจัดกระดูกผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังพ่ายแพ้แก่เขา
ทว่าใครจะคิดว่าฟางชิวจะเปิดคอร์สสอนให้ใครก็ตามที่สนใจกัน!
หลังจากความประหลาดใจวาดผ่านก็แปรเปลี่ยนเป็นความเบิกบานใจของใครหลายคน
เวลาเพียงไม่นาน แต่ได้รับการตอบกลับไม่น้อย
‘เทพฟางชิว? สัมผัสกับเทพผู้ยิ่งใหญ่!’
‘คารวะท่านเทพ!’
‘เป็นเทพฟางชิวจริง ๆ เหรอ?’
‘ให้ตายสิ ท่านเทพจะเปิดสอน นี่เป็นโอกาสที่ดี! ฉันจะไป!’
‘ได้ยินมาว่าฟางชิวคนนี้มีความสามารถไม่น้อย แต่ก็แค่เล่าต่อกันมา เขากล้าดียังไงมาสอนเทคนิคการจัดกระดูกอย่างเปิดเผย คนคนนี้เป็นพวกหยิ่งสินะ?’
‘นักศึกษาปีหนึ่งกล้าดียังไงมาเปิดชั้นเรียน ฉันควรจะบอกว่านายคิดว่าตัวเองสูงส่ง หรือฉันควรจะบอกว่านายหยิ่งผยองอวดดีกันแน่?’
‘เมนต์ข้างบน นายไม่ได้ดูการแข่งขันประลองความรู้เหรอไงฮะ? แม้แต่ศิษย์ของหมอจัดกระดูกผู้ยิ่งใหญ่อย่างเว่ยฉี ยังไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของฟางชิวเลย อีกทั้งเขายังเป็นหมอจัดกระดูกคนเดียวที่ได้ถูกคัดเลือกจากโรงพยาบาลตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาใหม่ ทักษะของเขาจะไม่ยอดเยี่ยมได้อย่างไร?’
‘นั่นสิ นั่นสิ ไม่ง่ายเลยที่คนที่มีความสามารถเช่นนี้จะออกมาสอนอะไรสักอย่าง แต่พวกนายกลับยังสงสัยอยู่ สมควรแล้วที่เป็นเด็กกาก!’
…
การสอนยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ แต่กลับมีการถกเถียงกันไปทั้งเว็บบอร์ด
มีทั้งคนที่กล่าวว่าเขาหยิ่งผยองเกินไป และคนที่สนับสนุน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐานที่แน่ชัด ไม่มีใครเคยเห็นฟางชิวจัดกระดูกมาก่อน รู้เพียงว่าเขามีความสามารถพิเศษ
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นมีโพสต์ใหม่ปรากฏบนเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย
ผู้ที่โพสต์อ้างว่าเป็นลูกศิษย์ของเสิ่นชุน
‘ฉันเป็นหนึ่งในนักศึกษาห้าสิบคนภายใต้การดูแลของอาจารย์เสิ่นชุน เมื่อเช้านี้ได้เอ่ยถามอาจารย์เสิ่นด้วยตัวเองว่าเทคนิคการจัดกระดูกของฟางชิวเป็นอย่างไร’
‘อาจารย์เสิ่นชุนกล่าวว่า ความสามารถในการจัดกระดูกของฟางชิวนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย!’
‘ฉันได้ยินมาด้วยหูของตัวเอง หากมีความจริงครึ่ง ๆ กลาง ๆ ขอให้สวรรค์ลงโทษ!’
โพสต์นี้มีความยาวเพียงสั้น ๆ แต่กลับสร้างคลื่นนับพันด้วยหินก้อนเดียว
‘อาจารย์เสิ่นชุนพูดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?’
‘นี่กล้าสาบานต่อสวรรค์ชั้นฟ้าเลยรึไง ฉันจะยอมเชื่อ!’
‘อาจารย์เสิ่นชุนเป็นหมอที่เก่งของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง ถ้านี่มาจากปากของเขาจริง ๆ ความสามารถของฟางชิวจะยอดเยี่ยมแค่ไหนกัน?’
‘ได้ยินมาว่า ดูเหมือนฟางชิวจะเป็นคนที่อาจารย์เสิ่นชุนพาเข้าไปทำงานโรงพยาบาลด้วยล่ะ’
‘สุดยอด! แม้แต่อาจารย์เสิ่นชุนยังพูดแบบนั้น ฟางชิวย่อมไม่ด้อยไปกว่าเทพผู้ยิ่งใหญ่แน่ ๆ!’
มีคอมเมนต์ทุกรูปแบบ
สิ่งเดียวที่คงเดิมคือผู้ที่สนับสนุนฟางชิวอยู่แล้วมีความเชื่อที่หนักแน่นมากยิ่งขึ้น ในขณะที่คนที่สงสัยพลันเปลี่ยนความสงสัยเป็นความประหลาดใจ ไปจนถึงยอมเชื่อ
ด้วยการแพร่กระจายของโพสต์นี้ ทำให้ผู้คนในมหาวิทยาลัยที่สนใจการบรรยายสาธารณะของฟางชิวมีจำนวนมากขึ้น พวกเขาล้วนต้องเข้าร่วมเพื่อดูว่าฟางชิวนั้นเก่งเหมือนกับตำนานหรือไม่ แม้แต่นักศึกษาที่ไม่ได้อยากเรียนการจัดกระดูกยังอยากไปดูด้วยความตื่นเต้น
…
หอพัก 501
หลังมื้อกลางวัน ซุนฮ่าวที่กลับมายังหอพักเพื่อเตรียมตัวพักเที่ยงก่อนจะเข้าเรียน เขาได้ลงชื่อเข้าใช้เว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย เมื่อเห็นเนื้อหาในเว็บบอร์ด เขาก็อุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจทันที
“น้องเล็ก วันนี้นายจะสอนการจัดกระดูกต่อหน้าสาธารณะเลยเรอะ?!”
หลังจากกล่าวประโยคนี้ออกมา
โจวเสี่ยวเทียนและจูเปิ่นเจิ้งที่กำลังอ่านหนังสืออยู่หันมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ใช่” ฟางชิวพยักหน้ารับ
“นายนี่ไม่มีสัจจะเอาเสียเลย”
ซุนฮ่าวยืนขึ้น ก่อนจะโอบไหล่ฟางชิวและบ่นอุบ “เราเป็นพี่น้องกัน ถ้าจะสอน นายควรสอนพี่น้องสองสามคนตรงนี้ก่อนหรือเปล่า?”
“นั่นสิ น้องเล็ก ถึงฉันจะสงสัยว่าทำไมนายถึงอยากสอนในที่สาธารณะ แต่ก็อย่างที่ว่ากันว่าคนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ*[1] พวกเรายังไม่ทันได้ติดสีดำของหมึกเลย ทำไมนายถึงจะเอาหมึกไปป้ายคนอื่นก่อนล่ะ?”
โจวเสี่ยวเทียนออกปากบ่นทันที
จูเปิ่นเจิ้งที่อยู่อีกมุมไม่ได้เอ่ยอะไร แต่มองไปยังชายหนุ่มด้วยแววตากระตือรือร้น
“บ่ายวันนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ที่ฉันไม่ได้บอกพวกนายเพราะเราเป็นพี่น้องกันจึงไม่อยากให้พวกนายเข้าไปยุ่งเกี่ยว”
“ฉันมีอิสระที่จะสนับสนุนเรื่องนี้”
ฟางชิวหัวเราะเบา ๆ
เขาถือว่าซุนฮ่าว โจวเสี่ยวเทียนและจูเปิ่นเจิ้งเป็นเพื่อนพี่น้อง ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น
อย่างไรเสีย อีกฝ่ายก็เป็นถึงรองอธิการบดีเฉินอินเซิง เขาจึงกังวลถึงผลกระทบต่อทั้งสามคน
และเพื่อจัดการกับเฉินอินเซิง เขาคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ก่อนจะเข้านอน
ทั้งสามมองไปยังฟางชิวที่อยู่บนเตียงด้วยแววตาว่างเปล่า
พวกเขารู้สึกว่าฟางชิวเหมือนจะปิดบังบางอย่าง แต่ด้วยน้องเล็กพูดเช่นนั้นจึงไม่มีใครเปิดปากถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะพวกเขาเชื่อในตัวฟางชิว
“น้องเล็ก ถ้านายจะเปิดภูเขาเพื่อรับศิษย์จริง ๆ อย่าลืมแบ่งฝ่ายรับศิษย์ เพื่อเราจะได้เป็นศิษย์เอกของนาย แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นอาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ด้วย!”
โจวเสี่ยวเทียนพึมพำ
…
เวลาสิบเจ็ดนาฬิกาหลังเลิกเรียน
ฟางชิวไปที่สนามกีฬาเพียงลำพัง ก่อนจะนั่งลงที่ใจกลางสนามฟุตบอล
ไม่นานนัก
เมื่อเวลาใกล้เข้ามา นักศึกษาจำนวนไม่น้อยก็มารวมตัวกัน
เมื่อเวลาถึงห้าโมงห้าสิบนาที มีคนหลายสิบคนอยู่รอบ ๆ ทั้งยังมีนักศึกษามารวมตัวกันที่นี่จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
หกโมงเย็น คนขับแท็กซี่ก็มาถึงตรงเวลา
ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่ม แต่เข้ามาทีละสามหรือห้าคน ด้วยกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของทีมรักษาความปลอดภัยแล้วจะทำให้ฟางชิวเดือดร้อน
และเมื่อไปถึงพลันตกตะลึงเมื่อเห็นกลุ่มนักศึกษาชุดดำ
เกิดอะไรขึ้นที่นี่? พวกเขาเดินไปพร้อมกับความสับสน
เมื่อเห็นคนมา ฟางชิวจึงลุกขึ้นเพื่อทักทาย “ขอบคุณที่มาครับ”
เมื่อคนขับรถทั้งหมดรวมตัวกัน ฟางชิวทักทายทุกคนและเอ่ยคำ “วันนี้ผมต้องขอโทษพวกคุณล่วงหน้า ในการรักษาครั้งนี้ ผมอาจต้องใช้อาการของคุณเป็นตัวอย่างในการอธิบายให้ทุกคนฟัง”
คนขับรถได้ยินดังนั้นจึงเข้าใจทันทีว่าทำไมจึงมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยอยู่ที่นี่
“นึกว่าเรื่องอะไร ไม่มีปัญหาครับคุณหมอฟางชิว อธิบายตามตรงได้เลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
แกนนำคนขับตบหน้าอกเพื่อแสดงการสนับสนุน
คนอื่น ๆ เองต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“ขอบคุณทุกคนครับ”
ฟางชิวยกยิ้มพร้อมพยักหน้า จากนั้นจึงเอ่ยกับนักศึกษารอบ ๆ ที่มองมาอย่างสงสัย “ในเมื่อทุกคนสนใจเรื่องการจัดกระดูก งั้นหยุดพูดเรื่องไร้สาระแล้วมาเริ่มกันเลย”
[1] คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ เป็นสำนวนจีนที่มีความหมายใกล้เคียงกับสำนวนไทยที่ว่า ‘คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิพาไปหาผล’