คุรุการแพทย์ – บทที่ 200 สาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง!

คุรุการแพทย์

บทที่ 200 สาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง!

บทที่ 200 สาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง!

[นายเป็นแค่เด็กน้อย นายควรจะเรียนรู้พื้นฐานของการแพทย์แผนจีนสิ นายวิ่งออกมารับคำท้านี้ทำไม]

[ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย แม่เอ็งเรียกกลับบ้านให้ไปกินข้าวแล้ว!]

[ปรมาจารย์อยู่ที่ไหน? กรุณาปรากฏตัวด่วน! มิฉะนั้น แพทย์แผนจีนอย่างพวกเราจะต้องอับอายขายหน้าเพราะผู้ชายคนนี้!]

[มันไม่สำคัญว่านายจะเสียหน้าหรอกนะ แต่นายจะทำให้วงการแพทย์แผนจีนเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด!]

[นักศึกษาใหม่ไม่ถือว่าเป็นแพทย์แผนจีนได้ นายเพิ่งจะเรียนได้ไม่นาน แต่กล้าอวดเบ่งว่าตัวเองเป็นแพทย์แผนจีนได้ยังไง คิดว่านายเป็นใครกัน?]

ผู้คนในวงการแพทย์แผนจีนเดือดดาลสุด ๆ เพราะพวกเขากลัว! กลัวว่าฟางชิวจะทำให้วงการแพทย์แผนจีนอับอาย และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่ามันจะน่าอายอย่างยิ่ง!

นักศึกษาปีหนึ่งจะไปรู้อะไร? แม้แต่พวกอาจารย์เองก็ยังไม่มีความมั่นใจในการจับชีพจรตั้งครรภ์เลย แล้วฟางชิวจะมีความสามารถนั้นได้อย่างไร?

นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ! ในสายตาของคนเหล่านี้ พวกเขาเห็นว่า ฟางชิวกำลังวิ่งออกมาสร้างความวุ่นวาย

แค่วิ่งออกมาสร้างความวุ่นวายทั่วไปก็ไม่เป็นไรหรอก แต่การที่ฟางชิวกล้าวิ่งออกมาสร้างความวุ่นวายแล้วทำให้วงการแพทย์แผนจีนทั้งหมดจะต้องขายหน้า ฟางชิวจะชดเชยกับการกระทำนี้อย่างไร?

ในขณะเดียวกัน ผู้คนในวงการแพทย์ของตะวันตกกับผู้ที่สนับสนุนต่างก็เยาะเย้ยอย่างหยิ่งผยองมากขึ้น

[ฮ่าฮ่า เป็นนักศึกษาปีหนึ่งงั้นเหรอ ฉันขำจนปวดท้องไปหมดแล้ว!!]

[ฉันนึกว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่แล้วซะอีก แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นแค่เด็กหนุ่มที่เย่อหยิ่งคนหนึ่ง ทุกคนในวงการแพทย์แผนจีนจะเป็นเหมือนเขาไหม?]

[ฉันคิดว่าสิ่งที่หลี่เหวินป๋อพูดเป็นเรื่องจริง การแพทย์แผนจีนกำลังตกต่ำลง แม้แต่นักศึกษาปีหนึ่งยังกล้าออกมาหลอกลวงคนอื่น]

[ฉันคิดว่าคนในวงแพทย์แผนจีนเหล่านี้บ้าไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้นักศึกษาปีหนึ่งรับคำท้าแทน เพราะถ้าเขาแพ้ พวกเขาก็แก้ตัวได้ว่าคนที่ยอมรับคำท้าเป็นแค่นักศึกษา ไม่ใช่แพทย์แผนจีนอย่างแท้จริง อย่างน้อยก็เป็นแค่เด็กฝึกงาน แต่ถ้าเขาชนะ พวกเขาอาจหันมาเยาะเย้ยแพทย์แผนตะวันตก โดยบอกว่าไม่สามารถแม้แต่จะเอาชนะเด็กฝึกงานได้]

[งั้นเขาจะต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้น]

[นี่ไม่ใช่เบี้ยที่ถูกเลือกมาเพื่อให้ตายโดยเฉพาะเหรอ?]

[คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นปรมาจารย์การแพทย์แผนจีนอยู่ที่ไหนแล้ว? พวกเขาไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะยืนหยัดต่อสู้กับคำสบประมาทเลยเหรอ]

[หมดยุคของแพทย์แผนจีนแล้ว!]

มีความคิดเห็นทุกประเภทอย่างท่วมท้น ภายใต้บัญชีสำรองที่ชื่อว่า ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’

ทั้งคำด่าทอ ตกใจ โกรธ และเยาะเย้ย…

เมื่ออ่านความคิดเห็นเหล่านี้ ฟางชิวก็รู้สึกหมดหนทางและรู้สึกผิดทันที แต่เขาไม่ได้เป็นคนท้าสักหน่อย!

เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขายังสงสัยว่าใครเป็นเจ้าของบัญชีสำรองลึกลับนี้อยู่เลย จะเป็นหมอระดับปรมาจารย์ที่เร้นกายจากโลกภายนอกหรือไม่ก็เป็นปรมาจารย์ที่เก่งกาจกว่านั้นหรือเปล่า?

เขาเคยวางแผนไว้ว่าหากคนคนนั้นเป็นหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ เขาจะต้องไปดูการแข่งขันด้วยตนเอง แล้วขอให้หัตถ์ศักดิ์สิทธิ์รักษาตาเฒ่า แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่าบัญชีสำรองลึกลับนี้จะเป็นของเขาเอง!

ทั้งหมดนี้ราวกับว่าแผ่นดินสั่นไหวกะทันหัน สั่นสะเทือนจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศเหนือได้

“สูด…” ฟางชิวหายใจเข้าลึก ๆ เขาไม่สามารถอ่านความคิดเห็นได้อีกต่อไป

ชาวเน็ตที่ไร้เหตุผลพวกนี้ร้ายกาจจริง ๆ คำพูดของพวกเขาเกือบทำให้ฟางชิวแทบจะสิ้นหวังในชีวิต และทนไม่ได้ที่จะต้องตกเป็นเป้าสายตาของชาวเน็ตเหล่านี้

แต่ขณะที่กำลังจะปิดโทรศัพท์ ทันใดนั้นบัญชีสำรองลึกลับก็มีการแจ้งเตือนใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง

คิ้วของฟางชิวขมวดเข้าหากันแน่น เขารีบเปิดบัญชีเวยป๋อเพื่อจะดูว่าใครกำลังแอบอ้างเป็นตัวเขาอยู่ และจุดประสงค์ของคนคนนั้นคืออะไรกันแน่

เมื่อเปิดดูเวยป๋อแล้วก็พบว่าบัญชีสำรองได้โพสต์ข้อความใหม่

[ถึงฉันจะยังเด็ก แต่ฉันก็เอาชนะพวกแกสองคนได้ แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน! @หลี่เหวินป๋อ]

เมื่อเห็นโพสต์นี้ สีหน้าของฟางชิวก็มืดมนทันที แต่ในเวลานั้น จู่ ๆ ก็นึกถึงสิ่งที่สวีเมี่ยวหลินพูดกับเขาได้

ข่าวดี?

นัดท้าดวลให้เขาแล้ว?

ฟางชิวรีบหันไปดูสวีเมี่ยวหลินอย่างรวดเร็ว แต่แล้วพบว่าสวีเมี่ยวหลินก็เพิ่งวางโทรศัพท์ลง และเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเผยให้เห็นฟันซี่ขาว ๆ เรียงราย

ในเวลานี้ ชายหนุ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้ ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของสวีเมี่ยวหลิน บัญชีสำรองนั่นก็ลงทะเบียนโดยสวีเมี่ยวหลิน รวมถึงข้อมูลประจำตัวก็ด้วย

นี่คือการนัดท้าดวลที่สวีเมี่ยวหลินบอกเขา! แต่มันคือการฆ่าตัวตายชัด ๆ!

ฟางชิวจ้องไปที่สวีเมี่ยวหลิน และเอ่ยถามด้วยความอึ้ง “อย่าบอกผมนะว่า ข่าวดีที่อาจารย์ต้องการบอกก็คือการนัดท้าดวลวินิจฉัยชีพจร”

“ใช่แล้วละ น่าตื่นเต้นไหม?” สวีเมี่ยวหลินตอบด้วยรอยยิ้ม

“อาจารย์สวี อาจารย์กำลังพยายามจะฆ่าผมใช่ไหม!” ฟางชิวรู้สึกพูดไม่ออก พูดไม่ออกแบบสุด ๆ

“ฆ่าเธออะไรกัน? นี่คือวิธีการเรียนแบบใหม่ที่ฉันเพิ่งค้นพบเลยนะ ดังนั้น ฉันจะลองใช้กับเธอก่อน” เมื่อต้องเผชิญกับความขุ่นเคืองอันขมขื่นของฟางชิวแล้ว สวีเมี่ยวหลินกลับดูสงบมาก

“เฮ้อ…” ฟางชิวยื่นมือออกมาโดยไม่รู้ตัว และวางมันไว้บนหน้าผาก “ปกติผมเคยเห็นแต่ลูกชายหลายคนที่เอาเปรียบพ่อตัวเอง แต่ไม่เคยเห็นอาจารย์ที่เอาเปรียบลูกศิษย์ตัวเองเลย”

“ก็ฉันเป็นคนแรกไง” สวีเมี่ยวหลินตอบกลับสบาย ๆ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟางชิวก็พูดไม่ออก ทำไมเขาถึงมีอาจารย์แบบนี้นะ? ตอนนี้เขาเริ่มเสียใจ!

อย่างไรก็ตาม ฟางชิวรู้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก

แม้ว่าฟางชิวจะไม่รู้ว่าสวีเมี่ยวหลินพิสูจน์ตัวตนของเขาโดยไม่มีข้อมูลของเขาได้อย่างไร แต่เมื่อการยืนยันตัวตนเสร็จสิ้นแล้ว นั่นก็หมายความว่าทางการยอมรับแล้วว่าบัญชีนี้เป็นของเขา

ฟางชิวไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะถึงปฏิเสธไป แล้วใครจะเชื่อ?

“แต่ว่า…” ฟางชิวแอบถอนหายใจออกมาอย่างขมขื่น “ผมไม่รู้วิธีการจับชีพจรตั้งครรภ์ ผมจะเอาชนะหลี่เหวินป๋อได้ยังไง”

“อย่ากังวลไปเลย” สวีเมี่ยวหลินยิ้มอย่างใจเย็นและพูดว่า “พรุ่งนี้เช้าฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล และสอนให้เอง”

“พรุ่งนี้?” ฟางชิวขมวดคิ้วและถามว่า “ทำไมอาจารย์ถึงเชื่อในตัวผมมากขนาดนี้”

“มันไม่เกี่ยวกับการเชื่อในตัวเธอ” สวีเมี่ยวหลินหัวเราะเบา ๆ “เพราะยังไงก็ตาม แม้ว่าฉันจะแพ้ แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ต้องขายหน้า”

คำพูดของเขาทำให้ฟางชิวพูดไม่ออก เพราะมันช่างเป็นแผนการที่ดีจริง ๆ !

ในเวลาเดียวกัน ฟางชิวรู้สึกเสียใจจริง ๆ ทำไมเขาถึงหาอาจารย์เช่นนี้ให้กับตัวเอง? แม้ว่าอาจารย์คนนี้จะมีชื่อเสียงมากมาย แต่ยังขาดประสบการณ์ของโลกความเป็นจริง!

จัดการนัดหมายท้าดวลให้ลูกศิษย์ตัวเอง? นี่มันเป็นสิทธิ์ของผู้ปกครองมากกว่าสิทธิ์ของอาจารย์นะ

ฟางชิวแอบถอนหายใจ และพบว่าสวีเมี่ยวหลินได้หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วพิมพ์อีกครั้งอย่างรวดเร็ว

“อาจารย์สวี อาจารย์จะโพสต์เวยป๋ออีกแล้วใช่ไหมครับ” ฟางชิวรีบก้าวไปข้างหน้า

“ใช่น่ะสิ” สวีเมี่ยวหลินตอบโดยไม่ได้หันไปมองฟางชิวเลย

“โพสต์เกี่ยวกับอะไรเหรอครับ” ฟางชิวรีบถามด้วยใบหน้ากังวล

“ก็ไม่มีอะไรมาก” สวีเมี่ยวหลินหัวเราะพร้อมกับวางโทรศัพท์ลง “ฉันแค่ด่าคนกลับ ฉันจะให้อภัยคนที่กล้าด่าศิษย์ของฉันได้ยังไง”

ด่ากลับ?

ฟางชิวหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรีบร้อน แล้วลงชื่อเข้าใช้บัญชีเวยป๋อด้วยความรวดเร็ว

จากนั้น เขาก็เห็นข้อความของใครบางคนด่าบัญชีที่ชื่อว่า ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ อย่างเผ็ดร้อน

[@แกมันก็งั้น ๆแหละ : แกคิดว่าแกเป็นใคร? เพิ่งเป็นนักศึกษาใหม่แท้ ๆ แกกล้าดียังไงมารับคำท้าในนามของการแพทย์แผนจีน? ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริง ๆ ! ไม่สำคัญหรอกว่าแกจะทำอะไรเกินกำลังตัวเองไหม แต่ทำไมถึงกล้านำความอับอายมาสู่วงการแพทย์แผนจีนด้วย แกรู้สึกผิดกับพ่อแม่ของแกบ้างไหม? พวกเขาเลี้ยงดูแกเพื่อให้หยิ่งยโสและดูหมิ่นวงการแพทย์แผนจีนหรือไง]

เมื่อเห็นโพสต์นี้ ใบหน้าของฟางชิวก็มืดมนอีกครั้ง เพราะคำพูดเหล่านั้นมันช่างรุนแรงจริง ๆ

พอเลื่อนอ่านต่อไป ฟางชิวก็พบว่าสวีเมี่ยวหลินรีโพสต์ข้อความซ้ำ และตอบกลับว่า [คำพูดของคุณหยาบคายมาก คุณก็ควรจะรู้สึกผิดเหมือนกันนะ]

หลังจากที่ฟางชิวอ่านจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

ความหมายโดยนัยก็คือ การที่คนที่ด่าบอกว่าฟางชิวควรจะรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ตัวเองบ้าง แล้วสวีเมี่ยวหลินก็เลยตอบกลับคนที่ด่าไปว่า เขาก็ควรจะรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ตัวเองเหมือนกัน!

มันจบแล้ว เพราะครั้งนี้สวีเมี่ยวหลินได้สร้างความไม่พอใจให้กับสาธารณชนไม่น้อยเลย

และเมื่อชาวเน็ตพบว่าฟางชิวหยิ่งยโสมาก พวกเขาจึงหาทางออกระบายความโกรธทันที ผู้คนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาในเวยป๋อของฟางชิว และเริ่มสาปแช่งเขาอย่างเมามัน

[แกยังขนขึ้นไม่ครบเลย! ทำไมไม่กลับบ้านไปซื้อนมกินล่ะ]

[โอ้สวรรค์ ไม่มีปัญญาประดิษฐ์ใดเทียบกับความโง่ของแกได้เลย!]

[ปกติฉันไม่ชอบตบตีคน แต่แกทำให้คันไม้คันมือขึ้นมายิบ ๆ เลยละ ไอ้เวรตะไลเอ๊ย!]

[เป็นคนงี่เง่าที่หยิ่งยโสชะมัด! ฉันรู้สึกขยะแขยงมากที่เห็นแกบนเวยป๋อ!]

[อย่าอวดฉลาดแบบไร้สมองได้ไหม ขอร้อง]

[แกถูกลิงทำร้ายตอนเกิดหรือเปล่า? และการโจมตีครั้งนั้นก็ได้ทำลายใบหน้าของแกไปครึ่งหนึ่ง รวมถึงสมองทั้งหมดด้วย]

[สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดก็คือคนโง่อย่างแก แกเกิดมาเพื่อเป็นคนโง่จริง ๆ !]

[ไม่ใช่ว่าแกคิดว่าไดคลอร์วอส*[1] เป็นโคล่าหรอกนะ ถ้าคิดแบบนั้นจริง มันจะเป็นการทำร้ายสมองราคาถูกของแกมาก]

[อันที่จริง ฉันไม่อยากจะดูถูกแกด้วยนิ้วเท้าของฉันเลย แต่แกกดดันให้ฉันทำมันเอง]

[ทำไมฉันถึงได้กลิ่นขยะลอยมาจากตัวแกล่ะ]

[ไม่กลัวศัตรูที่เหมือนเสือ แต่กลัวมีเพื่อนร่วมทีมที่เหมือนหมูมากกว่า]

[ให้ตายเถอะ วงการแพทย์แผนจีนทั้งหมดถูกแกทำลายหมดแล้ว]

[ฉันสงสัยมากว่า ตอนนี้มีค้อนอยู่บนกะโหลกแกหรือเปล่า ทำไมงานแสดงสินค้าถึงไม่เรียกให้แกไปแสดงที่นู่นล่ะ]

[ทำไมวงการแพทย์แผนจีนถึงมีคนโง่อย่างนี้นะ]

[เด็กน้อย ครอบครัวของเธอรู้ไหมว่า เธอหยิ่งผยองมาก]

มีการสาปแช่งอย่างบ้าคลั่งจำนวนมากจนท่วมท้นบัญชีที่ได้รับการรับรองว่าเป็นของฟางชิว ประหนึ่งเกิดคลื่นยักษ์เลยทีเดียว

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกไร้เหตุผลทางอินเทอร์เน็ตกับผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีน

พวกไร้เหตุผลคืออะไรน่ะหรือ? มันก็คือพลังด้านมืดของอินเทอร์เน็ตไงล่ะ

ใครก็ตามที่ยั่วยุพวกไร้เหตุผล พวกเขาจะถูกพวกไร้เหตุผลด่ากลับจนกระอักเลือดได้เลย

ผู้คนในวงการแพทย์ของจีนก็รู้สึกกังวลเช่นกัน

ในสายตาของพวกเขา การที่ฟางชิวโพสต์บนเวยป๋อแบบนั้นมันดูโง่มาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นแค่นักศึกษาธรรมดา ๆ คนหนึ่ง จะไปมีคุณสมบัติเข้าร่วมการท้าทายกับแพทย์แผนตะวันตกในนามของแพทย์แผนจีนได้อย่างไร

ในสังคมปัจจุบัน การแพทย์แผนจีนตกต่ำลง ดังนั้นทุกคนจึงรู้สึกหงุดหงิดกับนักศึกษาที่หยิ่งผยอง เพราะถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา มันจะไม่เลวร้ายไปกว่าการที่แพทย์แผนจีนกำลังเสื่อมถอยหรือ?

ไม่ใช่แค่แพทย์แผนจีนรุ่นก่อนเท่านั้น แม้แต่เด็กฝึกงานและนักศึกษาหลายคนที่เรียนการแพทย์แผนจีนต่างก็ตำหนิฟางชิว

[สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบุคคลคือการมีความรู้ด้วยตนเอง ในฐานะนักศึกษา การที่แกกล้าต่อกรกับการแพทย์แผนตะวันตกถือว่าเป็นเรื่องหยิ่งผยองมาก]

[แกรู้ไหมว่าจะมีกี่คนที่ต้องตายเพราะการกระทำของแก]

[ถ้าแกแพ้ แกรู้ไหมว่าจะมีแพทย์แผนจีนกี่คนที่ต้องตกงาน]

[การแพทย์แผนจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 5,000 ปี แม้แต่รัฐบาลยังปกป้องเลย แต่นักศึกษาแพทย์แผนจีนอย่างแกกล้าดียังไงมาทำลายมัน? แกคิดบ้าอะไรอยู่!?]

มีการด่าทอสาปแช่งครั้งแล้วครั้งเล่า และจำนวนความคิดเห็นในโพสต์แรกของบัญชี ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ หลังจากที่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการก็ระเบิดภายในไม่กี่นาที และมีความคิดเห็นสูงถึง 50,000 แถมจำนวนความคิดเห็นก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย

ในเวลาเดียวกัน ฟางชิวมองไปที่สวีเมี่ยวหลินอย่างจนปัญญา แต่พบว่าผู้เป็นอาจารย์กลับดูเฉยชา ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา

“อ่านความคิดเห็นเหล่านี้แล้วจะไปมีประโยชน์อะไร” สวีเมี่ยวหลินเดินเข้าไปตบไหล่ของฟางชิว “ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง เธอจะได้สงบสติอารมณ์”

กินข้าวแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ!

อาจารย์อยากจะเลี้ยงข้าว แล้วฟางชิวจะปฏิเสธได้หรือ??

ชายหนุ่มได้แต่แอบบ่นในใจตัวเอง เพราะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เนื่องจากสวีเมี่ยวหลินรับคำท้าไปแล้ว ดังนั้นเขาจะทำอะไรได้อีก?

อีกทั้ง บัญชีนั้นยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของสวีเมี่ยวหลิน

ฟางชิวไม่สามารถตำหนิสวีเมี่ยวหลินได้ เขาต้องเคารพอาจารย์ นอกจากนี้ยังรู้สึกว่าสวีเมี่ยวหลินไม่น่าจะทำไปโดยไร้จุดหมาย เพราะถ้าเขาล้มเหลวจริง ๆ สวีเมี่ยวหลินจะได้อะไร?

ในทางตรงกันข้าม ฟางชิวกลับมีความคาดหวังว่า สวีเมี่ยวหลินจะจัดการการท้าดวลในครั้งนี้อย่างไร และจะทำให้เขาจับชีพจรตั้งครรภ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบในเวลาอันสั้นได้หรือไม่?

[1]ไดคลอร์วอส (dichlorvos) เป็นวัตถุอันตรายทางการเกษตร (pesticides) ใช้เป็นสารเคมีกำจัดแมลง อยู่ในกลุ่มออร์แกโนฟอสเฟต ประโยชน์ : สารเคมีกำจัดแมลงกลุ่มนี้นำไปใช้ในการเกษตรและใช้ในครัวเรือน กำจัดแมลงได้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ในการควบคุมและกำจัดยุงก้นป่องที่เป็นพาหะนำไข้มาลาเรีย

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท