คุรุการแพทย์ – บทที่ 206 จับชีพจรตั้งครรภ์ในโรงพยาบาล!

คุรุการแพทย์

บทที่ 206 จับชีพจรตั้งครรภ์ในโรงพยาบาล!

บทที่ 206 จับชีพจรตั้งครรภ์ในโรงพยาบาล!

ในเช้าวันรุ่งขึ้น ฟางชิวได้มาที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยตามเวลานัดหมายเพื่อขึ้นรถของสวีเมี่ยวหลิน

“พวกเราจะไปโรงพยาบาลไหนเหรอครับ” ฟางชิวเอ่ยถามในขณะที่นั่งอยู่บนรถแล้ว

ตอนนี้เขาถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลในเครือแห่งแรก และเห็นได้ชัดว่าเฉินอินเซิงมุ่งมั่นในการต่อต้านเขา ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปศึกษาต่อ

ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้สร้างปัญหาใหญ่ด้วยการยอมรับคำท้าอีก ฉะนั้นเฉินอินเซิงต้องโกรธมากแน่ ๆ

“ไปโรงพยาบาลกลาง”

สวีเมี่ยวหลินยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่ารับรู้ถึงความกังวลของฟางชิว “ฉันได้พูดคุยกับผู้บริหารของโรงพยาบาลกลางล่วงหน้าแล้ว วางใจเถอะ …พวกเราไปที่นั่นได้”

“พวกเราต้องไปที่แผนกสูติใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความลำบากใจ

“ถ้างั้นจะไปที่ไหนล่ะ?” สวีเมี่ยวหลินมองหน้าผู้พูด “ฉันไม่ได้ขอให้เธอทำคลอดสักหน่อย เธอจะกลัวอะไร?”

“เอ่อ…” ฟางชิวพูดไม่ออก

“ในช่วงเวลานี้ เธอแค่ต้องจับชีพจรของหญิงตั้งครรภ์ทุกคนเท่านั้น และไม่ต้องทำอะไรอีก” ผู้เป็นอาจารย์เอ่ยเตือนสติ

“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับเบา ๆ

จากนั้นทั้งสองคนก็มาถึงโรงพยาบาลกลาง และไปที่แผนกสูติ ภายใต้การนำทางของแพทย์คนหนึ่ง

ขณะนี้บังเอิญเป็นเวลาราชการพอดี ทำให้มีหญิงตั้งครรภ์เข้าคิวรอตรวจเป็นจำนวนมาก

เนื่องจากสวีเมี่ยวหลินได้พูดคุยกับผู้บริหารของโรงพยาบาลล่วงหน้าแล้ว ชายทั้งสองจึงถูกจัดให้นั่งที่โต๊ะซึ่งตั้งไว้ในห้องตรวจชั่วคราว

ขณะนั้นก็มีหญิงตั้งครรภ์คนแรกเดินเข้ามา

“พวกคุณเป็นหมอเหรอ?”

เมื่อเดินมาที่โต๊ะตรวจ หญิงตั้งครรภ์ก็ส่งบัตรคิวให้ฟางชิวกับสวีเมี่ยวหลิน “ฉันมาอัลตราซาวนด์ เอ่อ… พวกคุณเป็นคนรับบัตรคิวใช่ไหมคะ?”

ได้ยินดังนั้น ทั้งสองคนก็ตกตะลึงแล้วหัวเราะออกมาในเวลาเดียวกัน

“นี่คือการตรวจพิเศษแบบการแพทย์แผนจีนที่ทางโรงพยาบาลของพวกเราได้เปิดตัวในวันนี้ครับ” แพทย์ของโรงพยาบาลแห่งนั้นรีบเดินมาอธิบาย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงตั้งครรภ์ทุกคนที่เข้าแถวรอตรวจก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

พวกเธอมาตรวจร่างกายหลายครั้งแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพด้วยการแพทย์แผนจีน อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้เจอฟางชิวกับสวีเมี่ยวหลินจึงอดกังวลไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

“ไม่ต้องกังวลครับ ทั้งสองคนเป็นแพทย์แผนจีนที่ยอดเยี่ยมทั้งคู่ วันนี้พวกเขามาเพื่อรับการวินิจฉัยชีพจรโดยสมัครใจและพวกเขาก็ไม่ได้เรียกเก็บเงินใด ๆ หากปรารถนาจะตรวจก็สามารถขอให้พวกเขาจับชีพจรให้ได้ และไม่จำเป็นต้องใช้บัตรคิว ขอแค่ต่อแถวให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก็พอ” แพทย์คนนั้นอธิบายอย่างเร่งรีบ

เมื่อได้ยินว่าฟรีและทั้งคู่ก็เป็นแพทย์แผนจีนที่ยอดเยี่ยมมาก ความกังวลบนใบหน้าของหญิงตั้งครรภ์ก็คลายลง

“ยังไงก็ต้องต่อแถวอยู่ดี งั้นฉันขอไปยื่นบัตรคิวก่อน แล้วค่อยให้พวกคุณจับชีพจรได้ไหม”หญิงตั้งครรภ์คนแรกเอ่ยถาม

“ได้ครับ” สวีเมี่ยวหลินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หลังได้ยินแบบนั้นแล้ว บรรดาหญิงตั้งครรภ์ต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ทันที

ในเมื่อเป็นการตรวจฟรี ทำไมต้องปฏิเสธล่ะ อีกทั้งพวกเขายังเป็นแพทย์แผนจีนที่แค่มาจับชีพจรเท่านั้นเอง

เมื่อเห็นแถวหน้าโต๊ะตรวจยาวเหยียด สวีเมี่ยวหลินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาหันไปหาฟางชิวและถามว่า “หลังจากอ่านหนังสือไปมากมาย เธอจำลักษณะของชีพจรหญิงตั้งครรภ์ได้ไหม?”

“เป็นชีพจรลื่น” ฟางชิวพยักหน้าตอบ “การกดนั้นราบรื่น นุ่มนวลเหมือนการกดลูกบอล”

“ถูกต้อง” สวีเมี่ยวหลินพยักหน้า “ถ้างั้นมาเริ่มกันเลย”

เช่นเดียวกับตรวจฟรีในสลัม สวีเมี่ยวหลินเป็นผู้จับชีพจรของหญิงตั้งครรภ์คนแรกก่อน

ต่อมา…

“เรียบร้อยแล้วครับ” หลังจากจับชีพจรแล้ว สวีเมี่ยวหลินก็มองไปที่หญิงตั้งครรภ์ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “คุณมีสุขภาพที่ดีและทารกในครรภ์ก็แข็งแรงมากเช่นกัน”

“ดีจริง ๆ ขอบคุณค่ะคุณหมอ” หญิงตั้งครรภ์ที่เข้ามาตรวจคนแรกรู้สึกยินดีปรีดายิ่งนัก

“ถึงตาเธอแล้ว” สวีเมี่ยวหลินกล่าวกับชายหนุ่ม

เมื่อหญิงตั้งครรภ์คนแรกกำลังจะเอามือออก ฟางชิวก็เอื้อมมือออกไปเสียก่อน เห็นแบบนั้นแล้ว หญิงตั้งครรภ์ก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วปล่อยให้ฟางชิวจับชีพจรต่อไป

นี่คือชีพจรของการตั้งครรภ์?

ไม่นานหลังจากที่เริ่มจับชีพจร ฟางชิวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าชีพจรของหญิงตั้งครรภ์กำลังกลิ้งเหมือนลูกบอล ซึ่งเป็นชีพจรลื่นทั่วไป

“คุณหมอคะ เป็นยังไงบ้าง” ขณะที่คุณหมอหนุ่มกำลังจับชีพจรอย่างระมัดระวัง หญิงตั้งครรภ์ก็ถามขึ้นมา

“เอ่อ ตรวจเสร็จแล้วครับ” ฟางชิวกลับมามีสติอีกครั้ง และตอบด้วยรอยยิ้มว่า “คุณไม่มีปัญหาอะไรครับ”

“งั้นก็ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ” หญิงตั้งครรภ์ยิ้มอย่างมีความสุขและหันหลังเดินจากไป

จากนั้นก็มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งอายุราว ๆ ยี่สิบกว่า โดยที่หญิงตั้งครรภ์เดินมาที่โต๊ะตรวจพร้อมกับสามี

“เธอเริ่มก่อน” สวีเมี่ยวหลินกล่าว

ฟางชิวจึงไม่ลังเลและเริ่มตรวจทันที

ตอนนี้ฟางชิวรู้สึกถึงชีพจรลื่นได้อย่างชัดเจน และสัมผัสชีพจรนั้นอย่างระมัดระวัง ส่วนขั้นตอนต่อไปก็คือการสะสมประสบการณ์และใช้ประสาทสัมผัสที่มือในการสัมผัสความแตกต่างเล็กน้อยของแต่ละชีพจร

ฟางชิวเอื้อมมือไปจับชีพจร ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นอย่างฉับพลัน

“เอ๋?”

‘ถ้าชีพจรมือซ้ายเต้นเร็วกว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย แต่ถ้าชีพจรของมือขวาเต้นเร็วกว่าจะเป็นเด็กผู้หญิง!’

เมื่อมีความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว ฟางชิวก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย และกล่าวว่า “ยินดีด้วย! ยินดีด้วย!”

ได้ยินเช่นนั้น คู่หนุ่มสาวยังคงงงงวยมองไปที่ฟางชิวพร้อมถามด้วยความกังวล “คุณหมอ เป็นยังไงบ้างคะ”

“ทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงดี” ฟางชิวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และถามว่า “แต่พวกคุณรู้ไหมว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเป็นเด็กผู้ชาย?”

เหตุที่ถามอย่างนี้ก็เพราะว่าฟางชิวรู้เพศของทารกแล้วไงล่ะ!

ฟางชิวจำได้ว่าในหนังสือทางการแพทย์ หากใช้ชีพจรเพื่อแยกแยะเพศ ชีพจรของเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงจะเหมือนกัน ต่างกันแค่เล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเป็นเด็กผู้ชาย หยางจะอ่อน หากเป็นเด็กผู้หญิง หยินจะแข็งแกร่ง ชีพจรของมือซ้ายเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณ และชีพจรของมือขวาจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ถ้าชีพจรของมือซ้ายใหญ่กว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย แต่ถ้าชีพจรของมือขวาใหญ่กว่าก็จะเป็นเด็กผู้หญิง

ในขณะที่จับชีพจร ฟางชิวก็สามารถวินิจฉัยได้อย่างชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้กำลังตั้งครรภ์เด็กผู้ชาย

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้โรงพยาบาลสมัยใหม่ล้วนมีกฎ นั่นคือ ห้ามเปิดเผยเพศของทารกในครรภ์โดยง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้บางครอบครัวยอมสละชีวิตทารกเนื่องจากชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว

ดังนั้นฟางชิวจึงไม่พูดออกมาในตอนแรก แต่ถามทั้งคู่แทน

“ฉันตั้งท้องเด็กคนนี้มานานกว่าห้าเดือนแล้ว มาตรวจทีไรคุณหมอก็ไม่เคยบอกเลย” หญิงตั้งครรภ์กล่าวเสียงอ่อน

“คุณหมอครับ ช่วยบอกหน่อยได้ไหม? ฉันได้ยินมาว่าแพทย์แผนจีนรู้ได้ว่าเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชาย” ผู้เป็นสามีเอ่ยถามเบา ๆ ในขณะที่เขาโน้มตัวไปข้างหน้า

“นี่… มันไม่เหมาะสมเท่าไรน่ะครับ” ฟางชิวเกิดความลังเล

สวีเมี่ยวหลินที่ด้านข้างก็แอบประหลาดใจนิดหน่อย เขามองไปที่ฟางชิว “เธอตรวจเจอแล้วเหรอ?”

“ใช่ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า

“บอกไปเถอะ เฉพาะแค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ แล้วมันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก” สวีเมี่ยวหลินกล่าว

ในฐานะที่เป็นแพทย์ระดับปรมาจารย์ สวีเมี่ยวหลินย่อมรู้กฎของโรงพยาบาลอยู่แล้ว ว่าไม่อนุญาตให้เปิดเผยเพศของทารกในครรภ์ แต่เมื่อเทียบกับกฎระเบียบนี้ เขากลับรู้สึกสงสัยมากกว่าว่า ฟางชิวจะสามารถบอกเพศของทารกในครรภ์ด้วยการจับชีพจรได้หรือไม่

“ใช่แล้วครับคุณหมอ คุณบอกพวกเรามาเถอะครับ” คู่หนุ่มสาวมองไปที่ฟางชิวอย่างคาดหวัง

“ก็ได้” ฟางชิวคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกระซิบว่า “เขาเป็นเด็กผู้ชายครับ”

“จริง ๆ เหรอคะ!!?” หญิงตั้งครรภ์ไม่อาจเก็บซ่อนความสุขจึงโห่ร้องดีใจออกมา

แต่สามีที่ด้านข้างกลับไม่ตื่นเต้นเลย เขาพึมพำเบา ๆ ว่า “ทำไมต้องเป็นเด็กผู้ชายด้วย? ฉันชอบลูกสาวมากกว่านะ…”

ผู้เป็นภรรยาหันขวับมามองสามีทันที เขาจึงทำได้เพียงเม้มปาก และรีบเปลี่ยนไปเอาใจภรรยาแทน

“เด็กผู้ชาย?” เมื่อได้ยินคำตอบของฟางชิว สวีเมี่ยวหลินก็พูดทันที “ขอฉันดูหน่อย” ขณะที่พูดก็จับชีพจรของหญิงตั้งครรภ์อย่างรวดเร็ว

“เป็นเด็กผู้ชายจริง ๆ ด้วยแฮะ” สวีเมี่ยวหลินมองไปที่ฟางชิวด้วยความประหลาดใจ

แม้ว่าจะรู้ว่าเจ้าเด็กนี่มีพรสวรรค์มาก แต่ไม่คาดคิดว่าจะเลิศล้ำถึงเพียงนี้

นี่แค่คนที่สอง… ฟางชิวก็ดูออกแล้วว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย

นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการแยกแยะเพศของทารกในครรภ์ ต้องเป็นหญิงตั้งครรภ์อย่างน้อยห้าเดือนขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะสามารถแยกแยะเพศได้โดยอาศัยการวินิจฉัยชีพจร แต่ถ้าน้อยกว่าห้าเดือนละก็ การวินิจฉัยด้วยชีพจรจะไม่ได้ผล

“เด็กดี ไม่เลวเลย!”

หลังจากที่คู่รักหนุ่มสาวจากไปแล้ว สวีเมี่ยวหลินก็เอ่ยชมฟางชิวด้วยความประหลาดใจไม่หาย “อืม แต่นี่เป็นเพียงพื้นฐาน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการจับชีพจรตั้งครรภ์ก็คือประสบการณ์และการใช้ประสาทสัมผัสที่มือ”

ฟางชิวพยักหน้าด้วยความเข้าใจ แล้วเขาก็จับชีพจรต่อไป

หลังจากนั้น ฟางชิวจะเป็นคนจับชีพจรก่อน แล้วสวีเมี่ยวหลินจะเป็นผู้เฝ้าดู และเมื่อชายหนุ่มจับชีพจรเสร็จแล้ว เขาจะมายืนยันความถูกต้องอีกที

เมื่อจับชีพจรหลายรายติดต่อกันแล้ว การวินิจฉัยชีพจรของฟางชิวก็แม่นยำขึ้นมาก นี่จึงทำให้สวีเมี่ยวหลินพึงพอใจ

ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามา

มองแค่แวบแรกจะพบว่าเธออยู่ในวัยยี่สิบปี รูปร่างผอมบางและหน้าท้องแบนราบ ซึ่งดูเหมือนผู้หญิงโสดและไม่เหมือนกำลังตั้งครรภ์เลยแม้แต่น้อย

เธอเดินมาที่โต๊ะเงียบ ๆ โดยไม่พูดจาและทำเพียงยื่นมือให้ฟางชิว

เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มจึงเริ่มจับชีพจรทันที แต่หนึ่งนาทีต่อมา “หืม?”

หลังจากจับชีพจรแล้ว ฟางชิวก็มองผู้หญิงคนนั้นอย่างงงงวย “คุณท้องจริงหรือ”

เพราะสภาพชีพจรของเธอไม่เหมือนกับชีพจรตั้งครรภ์เลย มันเหมือนกับชีพจรปกติทั่วไปมากกว่า

“จริงค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า “ฉันท้องได้สองสัปดาห์แล้ว”

ในเวลานี้ หัวใจของฟางชิวเต้นไม่เป็นจังหวะ เขารีบหันไปมองสวีเมี่ยวหลิน

สวีเมี่ยวหลินถอนหายใจออกมาช้า ๆ “อันที่จริง การวินิจฉัยชีพจรสำหรับการตั้งครรภ์ใช้ไม่ได้กับหญิงตั้งครรภ์ทุกคน เงื่อนไขเบื้องต้นของการวินิจฉัยชีพจรสำหรับการตั้งครรภ์ก็คือ ต้องเป็นการตั้งครรภ์มากกว่าหนึ่งหรือสองเดือนขึ้นไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะจับชีพจรที่อายุครรภ์ไม่ถึงหนึ่งเดือน โดยทั่วไปแล้วเป็นไปไม่ได้เลย”

“หา?” ฟางชิวรู้สึกตกตะลึง และรีบถามทันที “ถ้างั้นในสถานการณ์แบบนี้ ผมควรจะทำยังไงดีครับ”

จุดประสงค์ที่เขามาจับชีพจรที่นี่ก็เพื่อเอาชนะคำท้าของหลี่เหวินป๋อ แล้วใครจะไปรู้ว่าหลี่เหวินป๋อจะพาหญิงตั้งครรภ์แบบไหนมา

นอกจากนี้ หลี่เหวินป๋อซึ่งเป็นแพทย์แผนตะวันตกย่อมต้องรู้เทคนิคการวินิจฉัยชีพจรและการทดสอบการตั้งครรภ์ของแพทย์แผนจีนก่อนการท้าแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาจะกล้าท้าอย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไร

ในกรณีนี้ หลี่เหวินป๋อจะต้องมองหาหญิงตั้งครรภ์ที่จับชีพจรได้ยากอย่างแน่นอนในฐานะผู้เข้าร่วมการท้าดวล

หากใช้ผู้หญิงทั้งหมดที่เพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่ถึงหนึ่งหรือสองเดือน แล้วพวกเขาจะแข่งขันกันอย่างไรล่ะทีนี้

“อืม มันก็ไม่แน่นอนเสมอไป” สวีเมี่ยวหลินคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนอย่างแท้จริงสามารถสัมผัสถึงชีพจรตั้งครรภ์ได้ เพราะถ้ามีการเต้นของชีพจรตั้งครรภ์ในระดับหนึ่ง เธอจะสัมผัสได้ถึงชีพจรลื่นเล็กน้อยได้เช่นกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของฟางชิวทันที

ประสาทสัมผัส? คนอื่นอาจขาดประสาทสัมผัสที่ดี แต่ไม่ใช่กับเขา!! เพราะพลังสัมผัสอันสมบูรณ์แบบของเขาไม่มีวันหลอกลวงแน่นอน!

“ผมจะลองอีกครั้ง” ภายใต้คำแนะนำของสวีเมี่ยวหลิน ฟางชิวก็จับชีพจรอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาใช้พลังสัมผัสโดยตรง

มันได้ผล!

ด้วยพลังสัมผัสสัมบูรณ์ ทำให้ฟางชิวตรวจพบชีพจรที่ละเอียดมากขึ้นในทันที ซึ่งเขาสามารถวินิจฉัยได้ว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งครรภ์อยู่จริง ๆ

“ผมสัมผัสได้แล้ว” หลังจากจับชีพจร ฟางชิวก็หัวเราะออกมาด้วยความดีใจ

“หา?!” สวีเมี่ยวหลินผู้กำลังยกชาขึ้นดื่มเกือบจะพ่นน้ำออกมา และหันไปมองฟางชิว “เธอพูดจริงเหรอ?”

“จริงครับ” ฟางชิวพยักหน้าด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง

“เธอทำได้ยังไง” สวีเมี่ยวหลินถามอย่างสงสัย “นี่มันยากจริง ๆ นะ”

“ผมคิดว่าประสาทสัมผัสที่มือของผมค่อนข้างดี” ฟางชิวตอบด้วยรอยยิ้ม

สวีเมี่ยวหลินรู้สึกประหลาดใจ

“โอเค ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการท้าทายนี้แล้ว” สวีเมี่ยวหลินหัวเราะเบา ๆ

“อาจารย์สวี…” ฟางชิวมองไปที่สวีเมี่ยวหลิน “อย่าบอกนะว่าก่อนหน้านี้อาจารย์ไม่มีความมั่นใจเลย”

“แหะ ๆ” สวีเมี่ยวหลินหัวเราะออกมาแห้ง ๆ “เธอจับชีพจรต่อไปเถอะ”

ฟางชิว “…”

หลังจากแจ้งให้หญิงที่ตั้งครรภ์ได้สองสัปดาห์ทราบถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในระหว่างการตั้งครรภ์แล้ว ฟางชิวก็จับชีพจรของคนอื่น ๆ ต่อไป

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน