ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 65 ผิดพลาด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ตอนที่65 ผิดพลาด

คำกล่าวของจ้าวเฉียนทำให้หวังเฉียงเดือดจัด แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร ตอนนี้ไม่อยากถูกหยางหมิงรุมกระทืบอีกแล้ว ความรู้สึกราวกับรีบออกจากขุมนรกมาได้ เขาก็ไม่อยากกลับเข้าไปอีกแล้วในชั่วชีวิตนี้

ณ ปัจจุบัน หวังเฉียงและเจียงเสี่ยวปิงตระหนักดีแล้วว่า พวกเขาไม่ใช่คู่มือของจ้าวเฉียนได้อีกต่อไป หากพวกเขาต้องการแก้แค้นจำเป็นต้องร่วมมือกับหยางหมิงเท่านั้น แต่ใครยังจะไปกล้าร่วมมือด้วยอีก?

คืนนั้นเจียงเสี่ยวปิงกลายมาเป็นอาหารค่ำของพวกลูกน้องหยางหมิง ส่วนเขาถูกกระทืบจนหมดสติ นี่เป็นความทรงจำที่เลวร้ายเกินลืมเลือน

หวังเฉียงก้มหน้าก้มตากัดฟันแน่นด้วยความหงุดหงิด ชั่วครู่หนึ่งค่อยกล่าวว่า

“แกมาดูพอรึยัง ไปไหนก็ไป ฉันจะพัก”

“ฮ่าฮ่า…”

จ้าวเฉียนไม่ได้เอ่ยกล่าวอะไรกับหวังเฉียง ทิ้งทวนแค่เสียงหัวเราะและเดินจากออกไป

หวังเฉียงหัวเสียจัดจนเขวียงไม้ถูพื้นในมือทิ้งและนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่คนเดียว ตอนนี้งานของเขาใกล้เสร็จแล้ว แต่อย่างไรแฟนของเขากลับไม่มีท่าทีสนใจหรือเหลียวแลเลย ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจ้าวเฉียนจะสามารถทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ถึงขนาดนี้

ในไม่ข้า ก็ปาไปห้าโมงเย็นแล้ว ทุกคนรีบเก็บข้าวเก็บของและลงมารวมตัวที่ชั้นล่างของบริษัท จ้าวเฉียนทำตามที่สัญญาและพาทุกคนไปที่โรงแรมตงไห่

ยังคงเหมือนกันกับครั้งที่แล้วไม่มีผิด จ้าวเฉียนบอกกับทุกคนว่าไม่ต้องเกรงใจ อยากสั่งหรือดื่มอะไรจัดมาให้เต็มที่ คืนนี้เขาเลี้ยงเอง

“แด่จ้าวเฉียนผู้ยิ่งใหญ่!”

“แด่คุณชายจ้าวของพวกเรา!”

เมื่อเห็นบรรดาเพื่อนร่วมงานยกย่องสรรเสริญจ้าวเฉียนว่า คุณชายจ้าว กลับเป็นเจียงเสี่ยวปิงที่รู้สึกปวดใจอย่างสุดพรรณนา ครั้งหนึ่งในอดีต คำว่า คุณชายจ้าว เป็นเพียงคำสบประมาท เสียดสีความยากจนของจ้าวเฉียนเท่านั้น ทว่าตอนนี้มันกลับเป็นถ่อยคำที่แสดงความเคารพและภักดีต่อจ้าวเฉียนไปเสียแล้ว

เพียงระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ทำไมทุกอย่างถึงกลับกลายเป็นแบบนี้ได้? ไม่ว่าเจียงเสี่ยวปิงจะคิดยังไง เธอก็ไม่สามารถคิดออกแม้สักนิดว่าอีกฝ่ายทำได้อย่างไร? จ้าวเฉียนใช้เวลาไม่นานก็สามารถเอาคืนเธอได้สำเร็จ แถมยังเจ็บแสบถึงทรวงชนิดที่ว่าชาตินี้ก็ไม่มีวันลืม แต่…คืนนี้แหละ เธอจะเอาชนะจ้าวเฉียนและพาตัวเองกลับสู่จุดเดิมอีกครั้ง!

จ้าวเฉียนยิ้มแย้ม พยักหน้าพูดคุยกับทุกพร้อมท่าทีสุขใจ เนื่องจากรอบนี้มีคนจากแผนกพัฒนามาเพิ่ม จำนวนคนจึงมากเป็นพิเศษ จ้าวเฉียนจึงลงทุนเช่าห้องจัดเลี้ยงVIP แบ่งเป็นสามโต๊ะใหญ่ โต๊ะละสิบคน สั่งอาหารได้ตามใจชอบ

เวลาล่วงเลยจนเกือบสองทุ่ม จ้าวเฉียนที่ดื่มกินมาได้สักพักชักรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา จึงขอตัวออกไปห้องน้ำ และทันทีที่มาถึงหน้าห้องน้ำ เขาก็บังเอิญพานพบกับหวานเจียง ตอนนี้เธอใบหน้าแดงกล่ำลามไปถึงใบหู ดูท่าเธอกำลังเมาหนักเลย

“โย่ว! คุณหวานคงมาดินเนอร์กับหวานใจล่ะสิ? หน้าดูแดงๆนะ คงดื่มมาหนักเลยใช่ไหม?”

หวานเจียงอดหัวเราะคิกคักไม่ได้ ราวกับหญิงสาวที่กำลังมีความรัก เธอตอบไปว่า

“นายอีกแหละ? แล้วมาที่นี่ทำไม?”

“ฉันพาเพื่อนร่วมงานมาทานอาหารเย็นด้วยกันเฉยๆ ฉันว่าคืนนี้เธอดื่มเยอะไปแล้ว เพลาๆบ้างก็ดี ไม่งั้นกลายมาเป็นเป้านิ่งให้ผู้ชายแน่นอน”

จ้าวเฉียนเอ่ยกล่าวไปตามตรง แต่นี่ก็สมเหตุสมผล เธอเมาไปแล้วกว่าแปดในสิบส่วน ถ้ายังฝืนดื่มต่อ มีโอกาสโดนผู้ชายไม่หวังดีเล่นงานเป็นแน่

หวานเจียงกลอกตามองบนใส่ ก่อนจะเดินเกาะกำแพงผ่านหน้าจ้าวเฉียนไป

ส่วนเขาก็ร่วนหัวเราะไปพลาง รีบวิ่งเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว เมื่อเดินออกมาก็พบเจียงเสี่ยวปิงยืนรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เธอมองมาหาพร้อมกับไวน์สองแก้วในมือ

เธอคลี่ยิ้มหวานให้จ้าวเฉียนและเดินตรงเข้ามาหา ยื่นแก้วไวน์ใบหนึ่งให้พร้อมกล่าวขึ้นว่า

“มาชนแก้วกันหน่อย จากนี้ต่อไปพวกเราถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ ฉันจะไม่คิดเครียดแค้นอะไรต่อนายอีกแล้ว ทั้งฉันและหวังเฉียงพอแล้วกับเรื่องพวกนี้ เข็ดกันแล้วล่ะ ที่ผ่านมาฉันขอโทษ และรู้สึกเสียใจจริงๆที่ปฏิบัติแบบนั้นต่อนาย คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ถ้าต้องพูดต่อหน้าเพื่อนๆทุกคน ฉันก็เลยออกมาคุยกับนายตรงนี้”

ตอนนี้จ้าวเฉียนไม่สนใจที่จะแก้แค้นหวังเฉียและเจียงเสี่ยวปิงแล้วเช่นกัน สิ่งเดียวที่เขากำลังให้ความสนใจจริงๆคือ การบริหารบริษัทของตนและยกระดับไปอีกขั้นเท่านั้น เรื่องเล็กน้อยกลับไม่อยู่ในสายตาอีกต่อไป

คิดได้ดังนั้น จ้าวเฉียนจึงหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ แล้วพูดว่า

“โอเค! ความแค้นระหว่างเราเป็นอันจบลงแต่เพียงเท่านี้ ในอนาคตหวังว่าพวกเธอจะซื่อสัตย์และตั้งใจทำงานนะ เดี๋ยวฉันคืนตำแหน่งให้หวังเฉียงแน่ไม่ต้องห่วง ไม่ปล่อยให้ลำบากแบบนี้ไปตลอดแน่นอน”

เจียงเสี่ยวปิงกระดกแก้วไวน์ในมือจนหมด เธอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มและเดินจากไป

จ้าวเฉียนจิบไวน์อีกครา ขณะเดินกลับจู่ๆโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น พอหยิบออกมาปรากฏว่าเป็นหงซิ่วที่โทรมาหา

“ฮัลโหลหงซิ่ว มีอะไรรึเปล่า?”

“ประธานจ้าว เหลียงเหวินส่งอีเมลกลับมาหาดิฉันแล้วเมื่อครู่ เขาฝากถามมาว่า คุณสามารถลดราคาหน่อยได้ไหม พวกเขาจะเรียกประชุมบรรดาผู้ถือหุ้นเป็นการด่วนในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว ถ้ายังไงดิฉันจะส่งเบอร์ติดต่อของเขาไปให้นะคะ โทรไปบอกด้วยตัวเองเลยก็ได้ค่ะ”

ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่นั่นเอง หวานเจียงก็เดินโซซัดโซเซมาหาอีกครั้ง เขาต้องหาอะไรสักอย่างมาจดเบอร์พอดี ดังนั้นจึงส่งแก้วไวน์ในมือให้หวานเจียงและบอกว่าขอโทรศัพท์มือถือหน่อย ทางด้านเธอเองที่เมาแอ๋ก็รับแก้วไวน์ของเขามาแบบงงๆ และส่งโทรศัพท์มือถือตัวเองไปให้

พอจ้าวเฉียนได้มือถือของเธอมา ก็สั่งให้หงซิ่วบอกเบอร์ของเหลียงเหวินมาได้เลยตอนนี้เขาพร้อมจด พอทุกอย่างเรียบร้อย จ้าวเฉียนก็พูดทิ้งท้ายไปว่า

“โอเค เดี๋ยวผมโทรหาเขาเอง คุณไปพักผ่อนเถอะ”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็ต่อสายตรงโทรไปหาเหลียงเหวินและกล่าวทักทายอย่างยิ้มแย้มว่า

“คุณเหลียงครับ หงซิ่วโทรมาบอกผมแล้วเมื่อกี้ ผมบอกได้แค่ว่านี่เป็นราคาดีที่สุดที่ผมให้ได้แล้ว ตราบเท่าที่อดทนรอสักหน่อย ภายในสามปีมูลค่าตราสารในมือคุณฉบับนี้จะไม่ต่ำกว่าสามพันล้านแน่นอน นั่นหมายความว่าทางฟูจิโมริ กรุ๊ป ใช้เวลาเพียงสามปีหรือน้อยกว่านั้นก็สามารถคืนทุนได้แล้ว ปีต่อๆไปก็นั่งกินกำไรล้วนๆ พอได้ฟังแบบนี้แล้วคุณคิดว่า ราคานี้ยังสูงอยู่ไหมครับ?”

เหลียงเหวินตอบกลับไปว่า

“ถ้าอย่างนั้น คุณจ้าวสามารถลงนามในสัญญารับประกันมูลค่าบริษัทได้ไหมครับ? ถ้าภายในสามปี มูลค่าแท้จริงน้อยกว่า1,500พันล้าน ทางคุณจ้าวจะต้องคืนเงินให้เราหนึ่งพันล้าน แต่ถ้ามูลค่าแท้จริงแตะถึงห้าพันล้าน ทางฟูจิโมริ กรุ๊ปของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆฟรี ตัวอย่างเช่นอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเพื่อสร้างจุดยืนที่มั่นคงกว่าเดิม รวมไปถึงกลยุทธ์การตลาด ทางเราจะสนับสนุนให้เอง คุณจ้าวคิดเห็นยังไงบ้างครับ?”

จ้าวเฉียนมั่นใจอย่างมากว่า ภายในสามปี มูลค่าแท้จริงของเทียนซูวจะต้องเกิน1,500ล้านแน่นอน ท้ายที่สุดนี้เขายังมีอีกหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ รวมไปถึงแรงสนับสนุนจากบริษัทหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์ กรุ๊ป ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงทันที

“ไม่มีปัญหาครับ ผมสามารถลงนามในสัญญารับประกันได้เลยทันที แต่คุณต้องทำตามคำขออีกเรื่องหนึ่ง ผมต้องการสตีมเมอร์สาวอันดับหนึ่งของแพลตฟอร์มหลงย่ามาเข้าร่วมสังกัด ที่ผมไม่ให้หงซิ่วดึงตัวมาตั้งแต่แรก เนื่องจากประวัติของเธอไม่ค่อยดีนัก อาจได้ไม่คุ้มเสีย อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณสามารถย้ายให้เธออยู่ในสังกัดเราได้ ผมก็ยินดีเซ็นสัญญาทุกเมื่อ”

เหลียงเหวินระเบิดหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ ชายหนุ่มคนนี้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ด้านธุรกิจโดยแท้ เขากล่าวตอบไปทันทีว่า เรื่องนี้สบายมาก แล้วพรุ่งนี้เช้าเขาจะทำการหารือกับบรรดาผู้ถือหุ้นอีกรอบหนึ่ง และส่งสัญญาไปให้ทางหงซิ่วโดยเร็วที่สุด

จ้าวเฉียนวางสายด้วยความพึงพอใจ ทว่าทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงกระเส่าเนียนนุ่มอยู่ข้างใบหู เขาแทบสะดุ้งโหย่งในทันทีและหันควับไปมองหวานเจียงที่ตอนนี้เล่นซดไวน์ในแก้วของเขาจนหมด แต่…ทำไมมีบางอย่างแปลกไป? ทำไมเธอต้องจ้องฉันแบบนี้ด้วย? แววตาหวานคู่นั้นราวกับเธอพยายามเย้ายวนฉันอยู่? เธอเลียริมฝีปากสีกุหลาบแดงอับอวบอิ่มของตัวเอง ท่าทางเสมือนว่าเปี่ยมล้นไปด้วยความปรารถนาบางอย่าง

จ้าวเฉียนเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

“นี่? นี่เธอ? เธอ…เป็นอะไรหรือเปล่า?”

หวานเจียงโยนแก้วไวน์ในมือทิ้งทันที พร้อมตรงเข้าไปกระชากร่างของจ้าวเฉียนมาอยู่ในอ้อมแขนของเธอ หน้าอกหน้าใจทรงสวยเบียดเสียดกับใบหน้าของเขา เธอลดศีรษะกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาว่า

“หุบปากแล้วตามฉันมา…”

จ้าวเฉียนตื่นตระหนกไม่ใช่น้อยที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ แล้วสิ่งที่น่าอับอายที่สุดคือ ไม่ว่าจะพยายามดิ้นยังไง กลับไม่หลุดออกจากอ้อมแขนเธอสักที

หวานเจียงลากจ้าวเฉียนเข้าไปในลิฟต์โดยตรง และทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง เธอก็ไม่อาจอดกลั้นไฟสวาทได้อีกต่อไป เธอกระชับกอดจ้าวเฉียจนแนบแน่น พร้อมจับเขาจูบอย่างหิวกระหาย

จ้าวเฉียนกรีดร้องลั่นภายในใจ ทำไมเธอถึงแรงเยอะขนาดนี้!? แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! คุณหนูทุกคนของฮวาหยิน กรุ๊ปมีพละกำลังมหาศาลปานนี้เลย? เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่มีผลักร่างของหวานเจียงออกไปและถามขึ้นว่า

“เธอกำลังทำบ้าอะไรอยู่?!”

หวานเจียงไม่สนใดๆทั้งสิ้น พอเธอทรงตัวขึ้นมาได้ ก็กระโดดเข้าจู่โจมจ้าวเฉียนระลอกสอง เธอกดร่างจ้างเฉียนจนติดกับผนังลิฟต์ และประกบริมฝีปากแสนเร้าร้อนจูบกันอย่างดูดดื่ม

ขณะจูบกันจจ้าวเฉียนบ่นพึมพำแทบไม่เป็นภาษา

“อุดอูบอั้น!!!(หยุดจูบฉัน)”

“ติ๊ง!”

ลิฟต์ตรงมาถึงชั้นใต้ดินบริเวณลานจอดรถ พอประตูลลิฟต์เปิดออกก็ปรากฏชายสองคนกำลังรอขึ้นลิฟต์อยู่พอดี แต่พอเห็นภาพฉากอันเร้าร้อนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มของทั้งคู่ภายในนั้น พวกเขาต้องถึงกับผงะ

จ้าวเฉียนได้แต่ยิ้มแห้งให้คนเหล่านั้นอย่างเปล่าประโยชน์ ก่อนจะรีบอุ้มหวานเจียงที่ยังไซ้คอเขาไม่หยุดออกจากลิฟต์ไปทั้งแบบนั้น

“โอ้! เด็กสมัยนี้มันไวไฟกันดีจริงๆ!”

“ดีจัง เห็นเด็กพวกนี้แล้ว ทำให้ฉันนึกถึงสมัยที่ยังเรียนต่อโท ตอนนั้นฉันก็อายุเท่านี้แหละ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้เต็มที่ไอ้น้อง!”

“แต่เดี๋ยวนะ ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้จัง? เหมือนกับว่าเคยเจอจากที่ไหนสักแห่ง?”

“นี่นายอย่าดึงนางฟ้าแบบเธอให้เสียภาพลักษณ์สิโว้ย เธอสวยขนาดนี้ คนอย่างนายจะไปเห็นมาก่อนได้ไงวะ?”

“ฮ่าฮ่า…”

ทั้งสองที่อยู่นอกลิฟต์เฝ้ามองแผ่นหลังของจ้าวเฉียนที่ค่อยๆลับตาออกไป แววตาพวกเขาดูอิจฉาไม่น้อยเลย

ในเวลานี้เอง บริหารหน้าประตูของห้องอาหารชั้นที่ห้า เจียงเสี่ยวปิงที่กำลังตื่นตระหนกจัด เธอวิ่งมาเคาะประตูห้องอาหารนี้ทันทีพร้อมกับหญิงสาวอีกคนที่ดูใสซื่อ

ไม่นานประตูก็เปิดออก ปรากฏว่าเป็นหยางหมิงที่เป็นคนเปิดประตูให้ เขากล่าวทักทายทั้งคู่และเชิญให้เข้าไป ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า

“มีอะไร? แล้วเธอยังจะกลับมาที่นี่ทำไม?”

หญิงสาวที่ดูไร้เดียงสาตอบขึ้นทันทีว่า

“ตอนที่ฉันกำลังเดินเข้าไปตามแผน จู่ๆก็เห็นเขาเดินลงลิฟต์ไปกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งในอ้อมแขน นี่มันไม่อยู่ในแผนที่วางเอาไว้ใช่ไหม? แล้วจะทำยังไงต่อ?”

หยางหมิงตกใจไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“อะไรนะ?! มันถูกใครบางคนลากลงลิฟต์ไปแล้ว? แล้วพวกแกยังมานั่งหน้าสลอนอะไรตรงนี้?! รีบตามมันไปสิ! จะผิดแผนยังไงก็ได้ แต่เราต้องมีคลิปเพื่อแบล็คเมลมัน!”

เจียงเสี่ยวปิงกล่าวปลอบโยนทันทีว่า

“ไม่ต้องห่วง ฉันจ้างคนติดตามมันไปแล้ว น่าจะได้เรื่องในภายหลัง”

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริงอย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!“ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที”“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว”“ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”“ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!”“ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท