ตอนที่172 ฉากหวาน
ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมพอ จะเห็นได้ว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เหลียวเซียวหยุนจะใช้ปากประกบกับจ้าวเฉียน เพื่อนำกระดาษโน้ตออก เธอต้องใช้วิธีการคาบปลายแผ่นแทน แต่อย่างไรทุกคนพร้อมใจช่วยให้ทั้งสองได้จูบกัน ตราบใดที่ทำสำเร็จ จ้าวเฉียนจะต้องพอใจอย่างมากเป็นแน่ พวกเขาหวังใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่จ้าวเฉียน
โดยปกติแล้ว คนเป็นผู้ชายย่อมมีความสุขอย่างมากปแน่นอนถ้าฝ่ายตนเองได้เปรียบ ตราบเท่าที่สามารถสร้างความสุขให้กับจ้าวเฉียนได้ พวกเขาย่อมมีโอกาสร้องขอสิ่งต่างๆให้สมปรารถนาได้
เหลียวเซียวหยุนพยายามคาบส่วนที่เหลือออกมา เธอไม่กล้าสบตากับจ้าวเฉียนเลยแม้แต่น้อย เธอไม่ใช่คนโง่สักหน่อยที่จะไม่รู้ว่า สถานการณ์มันค่อนข้างสองแง่สองง่าม
เมื่อเห็นว่าเหลียวเซียวหยุนกล้าๆกลัวๆที่จะเผชิญหน้ากับจ้าวเฉียน ก็เป็นเฉินโฉวที่แสร้งทำเป็นล้มผลักร่างของเหลียวเซียวหยุน จนท้ายที่สุดทั้งสองก็ประกบจูบกันจนได้
เมื่อเห็นว่าทั้งสองจูบกันแล้ว ทุกคนแสร้งทำเป็นส่ายหัว ทั้งยังผลักเหลียวเซียวหยุนเข้าไปในอ้อมแขนของจ้าวเฉียน
“โอ้โห เซียวหยุน เธอมากเกินไปแล้วนะ! นี่เป็นแค่เกม ทำไมจูบกันดูดดื่มขนาดนั้นล่ะ?”
“มากเกินไปจริงๆ! นี่ไม่เห็นพวกเราอยู่ตรงนี้เลยเหรอ?”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย ถ้าฉันมีแฟนทั้งหล่อทั้งดีแบบคุณจ้าว ฉันเองก็คงอดใจไม่ไหวที่จะจูบเขาเหมือนกัน”
“ฮ่าฮ่า…”
เหลียวเซียวหยุนรีบลิ้นออกจากอ้อมแขนของจ้าวเฉียนทันที และบ่นขึ้นว่า
“ไอ้พวกนี้! ไหนว่าแค่เล่นเกม แล้วทำไมต้องผลักให้ฉันจูบกันด้วย! ถ้าเป็นแบบนี้ใครจะกล้ามางานเลี้ยงอีกในอนาคต!”
แม้เหลียวเซียวหยุนจะเอ่ยปากบ่นไม่หยุด แต่ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำอย่างเขินอาย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้โกรธเลย แถมลึกๆแล้วยังดูมีความสุขเสียอีก
“เป็นผัวเมียกัน ทำไมต้องอายด้วย?”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว อย่าบอกนะว่า พวกเธอสองคนไม่เคยจูบกันมาก่อนน่ะ?”
“ฉันไม่เชื่อหรอก! หนุ่มหล่อกับสาวสวยจะไม่เคยขึ้นเตียงกันเลยรึไง?”
เหลียวเซียวหยุนรู้สึกอายเกินว่าจะพูดอะไรใดๆออกไป จะบอกว่าจ้าวเฉียนเป็นแฟนปลอมๆของเธอก็ไม่ได้ จึงจำใจตอบไปว่า
“จะ-จะเป็นไปได้ยังไง? นี่มันเรื่องปกติของคู่รักนะ แต่เรื่องแบบนี้จะให้ทำต่อหน้าคนอื่นก็ดูไม่เหมาะสม! ฉันอายเป็นนะ! พวกเธอลองคิดดูสิที่ต้องจูบแฟนตัวเองต่อหน้าเพื่อนๆทุกคน!”
เหลียวเซียวหยุนพยายามจับหัวของบรรดาคู่รักคนอื่นๆให้จูบกัน แต่อย่างไรพวกเขาทั้งหมดเป็นคู่รักกันจริงๆ และไม่จำเป็นต้องบังคับด้วยซ้ำ พวกเขาก็จูบกันอย่างดูดดื่มให้ดู
จากนั้นทุกคนต่างโวยวายกันใหญ่ บ่นว่าเหลียวเซียวหยุนคิดมากเกินไป จากนั้นก็เริ่มเล่นเกมส่งกระดาษโน้ตต่อในรอบที่สอง
เมื่อกระดาษโน้ตถูกส่งต่อมาถึงปากของลี่หลิง แต่คราวนี้มันแทบไม่เหลือส่วนกระดาษอยู่เลย ดังนั้นจ้าวเฉียนไม่กล้าเสี่ยง จึงยกมือขอยอมแพ้และกระดกไวน์แก้วในมือจนหมด
“ว้าว! คุณจ้าวนี่สุภาพบุรุษจริงๆนะครับ เป็นผมคงแอบฉวยโอกาสไปแล้ว! ฮ่าฮ่า…”
เฉินโฉวกล่าวยกย่องจ้าวเฉียน
“เซียวหยุน เธอนี่สายตาเฉียบคมจริงๆ! ถ้าในอนาคตเลิกรากับคุณจ้าว อย่าลืมโทรเรียกฉันนะ ฉันจะตามจีบเขาต่อเอง!”
ลี่หลิงแอบพูดติดตลก
“ฮ่าฮ่า…”
มินหมินเพื่อนสาวอีกคนของเหลียวเซียวหยุน เธอกล่าวขึ้นด้วยความอิจฉาว่า
“เซียวหยุน ฉันอิจฉาเธอจริงๆนะที่ได้คุณจ้าวมาเป็นแฟนเนี่ย อืมม…วันไหนว่างๆพวกเราไปทานอาหารเย็นกันดีไหม คุณจ้าวก็พาเพื่อนๆคุณมาแนะนำให้ฉันรู้จักด้วย”
เพื่อนสาวคนอื่นๆที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็เสนอตัวด้วยทันนที และขอร้องให้จ้าวเฉียนแนะนำพวกเธอให้กับเพื่อนที่รู้จักกันหน่อย บางทีพวกเธออาจจะโชคดีแบบเหลียวเซียวหยุนก็เป็นได้
พวกผู้หญิงเหล่านั้นจริงจังอย่างมาก และต่างคิดกันไปว่าถ้าจ้าวเฉียนเจ๋งขนาดนี้ บรรดาเพื่อนฝูงของเขาก็ต้องเจ๋งมากเช่นกัน ถ้าหากได้แฟนจากในกลุ่มเพื่อนของจ้าวเฉียน พวกเธอจะต้องมีอนาคตที่แสนสดใสรออยู่แน่นอน
ยิ่งรู้ว่าพวกเธอคิดอย่างไร จ้าวเฉียนก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจมากขึ้นเท่านั้น ประเภทที่หวังเกาะผู้ชายกินแบบนี้ เขาเกลียดเป็นที่สุด เช่นนั้นแล้วจึงตอบกลับทันทีว่า
“บรรดาเพื่อนฝูงทั้งหมด ฉันคงดูแย่ที่สุดแล้ว พวกเขาต่างมีเป้าหมายในชีวิต แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ค่อนข้างมีอายุกันหมดแล้ว คงไม่เหมาะกับพวกคุณเท่าไหร่”
มินหมินได้ยินแบบนั้นจึงตอบกลับไปว่า
“เรื่องความรักมันไม่ได้มองกันที่อายุสักน้อย ตราบใดที่ชอบพอกัน เรื่องอื่นๆก็ไม่ใช่ปัญหา คุณจ้าวช่วยแนะนำให้ฉันสักคนนะ บางทีฉันอาจจะเข้ากับเพื่อนของคุณได้เป็นอย่างดี”
เป็นที่ชัดเจนแล้วมินหมินคนนี้โลภมากขนาดไหน จ้าวเฉียนปั้นสีหน้าแสดงความรังเกียจออกมาทันที
“ลืมไปเถอะ ผมว่าคุณยังไม่ดีพอสำหรับพวกเขา”
ทุกคนต่างเห็นว่าจ้าวเฉียนเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ ดังนั้นพวกเธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องและเล่มเกมกันต่อไป
แต่มินหมินไม่ตัดใจยอมแพ้แค่นี้หรอก เธอเบื่อหน่ายเต็มทนกับความยากลำบากในชีวิตที่สิ้นหวังราวกับก้นบึ้งไร้ที่สิ้นสุด แม้ว่าคนที่เธอต้องคบด้วยจะเป็นชายชรา แต่เพื่อได้มาซึ่งเงินทองและความมั่นคง ต่อให้แก่แค่ไหนเธอก็ยอมทั้งนั้น
มินหมินแอบขยิบตาให้เหลียวเซียวหยุน และทั้งสองก็ขอตัวออกไปข้างนอกเพื่อพูดคุยกัน
เหลียวเซียวหยุนเปิดฉากเอ่ยถามขึ้นทันทีพร้อมน้ำเสียงดูแคลนว่า
“มีอะไร? อยากได้แฟนเป็นเพื่อนของจ้าวเฉียนขนาดนั้นเลย?”
เพื่อความสุขสบายในชีวิต บางทีต้องขอไร้ยางอายกันบ้าง มินหมินไม่ได้รู้สึกละอายใจแม้สักนิดและกล่าวตอบไปตามตรงว่า
“ฉันเองก็อยากมีเงินมีทองใช้เหมือนกันนะ พวกเราก็โตๆกันแล้ว ควรคิดเรื่องแต่งงาน ถือซะว่าช่วยเพื่อนหาแฟนก็ยังดีนะ”
“เธอเองก็ใช่ว่าจะยากจนขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ? ต้องการแบบนั้นจริงๆเหรอ?”
มินหมินหัวเราะแห้งเล็กน้อย ตอบไปอย่างจนใจว่า
“ฉันรู้ว่านี่มันหมายความว่ายังไง แต่ฉันก็อยากได้ผู้ชายสักคนมาอยู่เคียงข้าง”
เหลียวเซียวหยุนหัวเราะเยาะและเอ่ยตอบไปว่า
“จะว่ามีก็มีนะ ภรรยาอายุ60ของเขาเพิ่งเสียไปเองด้วย เขาเป็นเจ้าของห้องชุดห้าแถวในเขตเมืองตงไห่ นี่พอจะเหมาะสมกับเธอไหม?”
“ภรรยาอายุ60เลยเหรอ แสดงว่าเขาเองก็คงอายุไม่ห่างกันมาก เอ่อ…พวกเขามีลูกชายกันไหม?”
มินหมินเอ่ยถามทันทีพร้อมท่าทีเก้อเขิน
“ลูกชายของพวกเขามีครอบครัวแล้ว ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขดีเลยล่ะ แต่เธอจะเข้าไปเป็นมือที่สามทำลายครอบครัวของเขารึไง? ยังไงก็เถอะ สิ่งที่เธออยากได้จริงๆฟคือเงินไม่ใช่เหรอ ก็เข้าทางพ่อไปนั่นแหละ อีกไม่กี่ปีก็คงตายตามเมียเขาไปแล้ว มรดกที่เหลือก็จะตกเป็นของเธอเลยนะ”
เหลียวเซียวหยุนไม่อยากจะคุยกับมินหมินอีกต่อไป เธอเหลือบแลสายตาด้วยความรังเกียจและเดินกลับไปในห้องคาราโอเกะโดยไม่สนใจอันใดอีกต่อไป
มินหมินบ่นพึมพำกับตัวเอง คล้ายว่ากำลังลังเลใจอยู่
เหลียวเซียวหยุนกลับเข้ามาในห้องคาราโอเกะและร้องเพลงคู่กับจ้าวเฉียนต่อ จนเวลาปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้ว
หลัวเสี่ยวปิดเพลงลงและกล่าวกับทุกคนว่า
“นี่มันก็ดึกมากแล้ว คราวหน้าถ้าพวกเราจะจัดงานกันอีก ทุกคนอย่างลืมมากันนะ! ใครยังไม่มีเบอร์ติดต่อกันก็รีบขอตอนนี้เลย”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอไป ภาพฉากอันแสนน่าขันก็บังเกิดขึ้นทันที บรรดาเพื่อนร่วมชั้นของเหลียวเซียวหยุนไม่มีใครสักคนขอเบอร์กันและกัน แต่พวกเขาทั้งหมดวิ่งกรูไปหาจ้าวเฉียนเพื่อขอเบอร์ติดต่อโดยตรง
จ้าวเฉียนเองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน แต่เพื่อแสดงบทบาทแฟนจอมปลอมของเหลียวเซียวหยุนให้ดูสมจริง เขาก็จำใจให้เบอร์ติดต่อและจากออกไป
พวกเขาประจบจ้าวเฉียนยันวินาทีสุดท้ายจริงๆ ถึงขนาดเดินออกมาส่งจ้าวเฉียนถึงรถ ขณะบิ่งรถจากไปยังไม่วายโบกมือลาจนรถของจ้าวเฉียนและรถของเหลียวเซียวหยุนลับสายตาไป
ขับผ่านถนนมาได้สักสองสามสาย จ้าวเฉียนก็จอดรถข้างทาง ขณะที่เหลียวเซียวหยุนเองก็จอดรถต่อท้ายเขาเช่นกัน
เหลียวเซียวหยุนเปิดประตูลงรถและเดินมาหาจ้าวเฉียน เธอกล่าวว่า
“วันนี้ฉันอารมณ์ดีสุดๆไปเลยล่ะ!”
เหลียวเซียวหยุนยืดเหยียดบิดขี้เกียจอย่างมีความสุข
“ถ้าอย่างนั้นไปต่อที่ห้องสักสองสามยกหน่อยไหม? ถือซะว่ากระชับความสัมพันธ์”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบอย่างกวนประสาท
คล้อยหลังได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียวเซียวหยุนก็แปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันที เธอเอ่ยถามกลับไปว่า
“นี่นายยังจะกวนประสาทฉันอีกเหรอ?”
“ก็ไม่ได้กวนประสาทสักหน่อย เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราก็ไม่เป็นหนี้ต่อกันแล้วนะ?”
จ้าวเฉียนกล่าว
“อยบ่าเพิ่ง นายยังไม่ได้บอกเลยนะว่าทำไม จู่ๆบริษัทเวรนั่นก็ไล่นายออกเฉยเลย?”
เหลียวเซียวหยุนเอ่ยถามเจือนเสียงหงุดหงิด
จ้าวเฉียนไม่อยากจะพูดเรื่องเหล่านั้น เขาจึงส่ายหัวและตอบไปเพียงว่า
“นี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ เลิกถามได้แล้ว จะกลับบ้านเลยหรือแวะหาอะไรกินก่อน?”
“นี่ยังเป็นคำถามได้อีกเหรอไง? ก็ต้องไปหาอะไรกินสิ! คิดว่าอาหารในงานมันเยอะขนาดนั้นเลยรึไง? รีบขับไปที่โรงแรมตงไห่เลยนะ ฉันอยากหาอะไรอร่อยๆทาน!”
เหลียวเซียวหยุนฮัมเพลงเดินกลับขึ้นรถไปอย่างมีความสุข และบึ่งรถมุ่งหน้าไปยังโรงแรมตงไห่ทันที ขณะที่จ้าวเฉียนเองก็ขับตามติดไปเลยเช่นกัน