ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 183 แตะไม่ได้

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ตอนที่183 แตะไม่ได้

บรรดาฝูงชนทั้งหมดในที่แห่งนี้ทราบดีว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร หากจ้าวเฉียนถูกนำตัวไปจริงๆ ยังไงเสียทุกคนเหล่านี้ปรารถนาที่จะซื้อบ้านครึ่งราคาจากเขา ดังนั้นแต่ละคนจึงแห่เข้าไปปกป้องจ้าวเฉียนโดยทันที

“นี่คุณจะทำอะไรเขา! ตอนนี้พวกผมเห็นหมดนะว่า คุณกำลังก่อเรื่องผิดกฎหมาย หยุดเดี๋ยวนี้ก่อนที่ผมจะแจ้งตำรวจ!”

“พวกเราเห็นหมดว่าคุณกำลังจะเอาเขาไปทำอะไร ทุกคน! รีบแจ้งตำรวจเร็ว!”

“ถ้ากล้าทำแบบนี้จริงๆ ผมจะนำเรื่องนี้ลงอินเตอร์เน็ต! อยากจะรู้จริงๆว่ายังมีใครอยากจะอยู่หมู่บ้านนรกนี่อีกไหม!”

หวังจิ้งหลินไม่ได้หวาดกลัวคนพวกนี้เลย ก็เป็นเพียงกลุ่มคนธรรมดาทั่วไป

“รปภ.! ไล่พวกมันไปให้หมด!”

หวังจิ้งหลินออกคำสั่งในทันใด และบรรดารปภทั้งหลายก็ออกมาขับไล่ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นทันที

จ้าวเฉียนยังคงถูกรปภ.อีกกลุ่มพาเข้าไปในแผนกขายในหมู่บ้าน แต่อย่างไรเสีย เขาไม่ได้รู้สึกกลัวแม้สักนิด ทุกสายตาจำนวนมากมายต่างจับจ้องอยู่ เขาไม่เชื่อว่าหวังจิ้งหลินจะกล้าใช้ความรุนแรง

พอหวังจิ้งหลินตรงเข้ามาถึงในแผนกขาย เขาก็ตะคอกใส่พนักงานทุกคนทันทีด้วยความโกรธจัด

“พวกแกกำลังทำบ้านอะไรกันอยู่! ถึงให้หมอนี่ซื้อบ้านไปขายต่อ!”

พอพนักงานทุกคนถูกตำหนิเข้าไป ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองแม้สักนิด หวังซินซินเห็นดังนั้นจึงก้าวออกมาอธิบายทันที

“พ่อ ทั้งหมดเป็นความผิดของจ้าวเฉียน เขาแสร้งทำเป็นไม่มีเงินจนทำให้หนูตายใจ พ่อต้องสั่งสอนมันให้หนัก!”

หวังซินซินกล่าวฟ้องพร้อมท่าทีหงุดหงิด

หวังจิ้งหลินเหลือบมองจ้าวเฉียนเล็กน้อย แววตาของเขายามนี้ดูดุดันน่ากลัวอย่างยิ่ง

“ฉันจะให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย คงรู้ใช่ไหมว่าควรทำตัวยังไง?”

สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง จ้าวเฉียนยืนตระหง่านด้วยท่าทีสุดหยิ่งผยอง ระเบิดหัวเราะเยาะเสียงดังไร้ซึ่งทีท่าหวาดกลัว

“ไม่รู้สิครับประธานหวัง มาคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่า ต้องการเงื่อนไขแบบไหนดีครับ?”

“ฉันบอกไปแล้ว จะเพิ่มให้10ล้านแลกกับนายฉีกสัญญาซื้อขาย นี่คือเงื่อนไขสุดท้ายที่ฉันจะให้ได้! นายไม่ควรขูดรีดกำไรฟรีๆจากฉันจะดีกว่า”

หวังจิ้งหลินกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะซ้ำสองในทันใด และไม่แม้แต่สบตาอีกฝ่ายสักนิด กล่าวตอบไปว่า

“ประธานหวังล้อเล่นแล้ว พวกคนที่อยู่ด้านนอกก็เห็นหมดนะครับว่า คุณกำลังจะทำอะไรผม แถมหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารก็มีพร้อม ถ้าอยากให้ผมฉีกสัญญาจริงๆ ต้องมีค่าเหนื่อยมากกว่านี้ครับ”

“ฉันบอกให้แกฉีกไง!”

หวังจิ้งหลินตะคอกใส่เสียงดุดัน

จ้าวเฉียนยังคงเพิกเฉยต่อท่าทางการแสดงออกของอีกฝ่าย ทิ้งสัญญาซื้อขายไว้บนโต๊ะต่อหน้า เคาะสองสามทีคล้ายเชิงยั่วยุ พร้อมด้วยยรอยยิ้มกว้างประดับใบหน้าดูไม่เกรงกลัวใดๆ

หวังจิ้งหลินสุดจะทนกับไอ้เด็กคนนี้แล้ว เขาเรียกรปภ.ให้จับตัวจ้าวเฉียนเข้าไปในบริเวณอื่นทันทีเพื่อสั่งสอน

แต่จ้าวเฉียนก็ไหวพริบดี ก้าวถอยเลี่ยงหลบได้ทันพลางกล่าวขู่ไปว่า

“หวังจิ้งหลิน คุณเองก็น่าจะมองสถานการณ์ตอนนี้ออกนะครับ มีคำจำนวนมากมายที่กำลังจับตามองอยู่ด้านนอก ถ้าผมเกิดเป็นอะไรขึ้นมา อย่าว่าแต่หมู่บ้านนี้เลย บริษัทอสังหาของคุณจะมีข่าวเสียติดตัวไปตลอด ดีไม่ดีวันหนึ่งอาจถึงขั้นล้มละลายได้เลยนะครับ”

รปภ.ได้ยินแบบนั้นพลันร่นถอยทันที พวกเขาหวาดกลัวเกินว่าจะลงไม้ลงมือได้อีกต่อไป แต่ละคนเหลือบไปมองหวังจิ้งหลินเพื่อรอคำสั่งต่อไป

เพลิงความโกรธเกรี้ยวอัดแน่นจนจุกอกหวังจิ้งหลินเกินท้วมท้น ถ้าเขาไม่ได้สั่งสอนจ้าวเฉียนวันนี้ เขาขอตายยังดีกว่า!

เขาหันไปสั่งรปภ.ทันทีว่า

“เอาหนังสือมายัดอกแล้วใช้ค้อนทุบฉันเดี๋ยวนี้! เดี๋ยวฉันจะแกล้งทำเป็นล้มเอง เอาให้ทุกคนเห็นไปเลยว่าฉันถูกทำร้าย! ทีนี้พวกนั้นก็เป็นพยานให้ฉันแทนแล้ว! ฮ่าฮ่า…”

รปภ.แยกย้ายไปหาหนังสือเล่มหนาๆและค้อนมาทันที ทางด้านผู้จัดการตะโกนตอบไปว่า

“เดี๋ยว! ฉันขอไปปิดม่านกับกล้องวงจรปิดก่อน!”

จากนั้นผู้จัดการก็รีบเร่งวิ่งไปปิดม่านและกล้องวงจรปิดทั่วแผนกขายทันที จากนั้นก็เดินกลับมาพร้อมรอยยิ้ม กล่าวกับจ้าวเฉียนว่า

“เท่านี้พวกเราก็สามารถอะไรกับนายก็ได้แล้ว จะไม่มีบุคคลภายนอกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในนี้”

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มขึ้นบนมุมปาก เอ่ยขึ้นสั้นๆว่า

“จริงเหรอ?”

หวังซินซินเห็นแบบนั้น ก็เอ่ยถามพร้อมสีหน้าสุดรังเกียจว่า

“อะไรของแก? ยังจะหัวรั้นอยู่อีกรึไง? เอาล่ะ ถึงเวลาที่ฉันต้องเอาคืนแล้ว!”

จ้าวเฉียนส่ายหัวอย่างหน่ายใจและตอบกลับไปว่า

“ใครบอกว่าผมหัวรั้นกัน? กลับกันต่างหาก…ผมจะช่วยสนองความต้องการพวกคุณเอง!”

ทันทีที่สิ้นเสียง จ้าวเฉียนกระชากผมตัวเองและเหวี่ยงไปฟาดกับเสาข้างๆตัวอย่างแรง

ทุกคนภายในนี้ต่างสะดุ้งโหย่งในทันใด แต่ละคนถึงกับหน้าเสียด้วยความหวาดผวา ไม่มีใครคิดเลยว่า จ้าวเฉียนจะกล้าทำแบบนี้จริงๆ

“แก…แกกำลังทำบ้าอะไร?!”

หวังจิ้งหลินอุทานด้วยความหวาดกลัว

จ้าวเฉียนจับบาดแผลบนหน้าผาก เลือดสีแดงสดรินไหลออกมา เปรอะเปื้อนชโลมมือของเขา พอเห็นแบบนั้นก็ระเบิดหัวเราะลั่นพร้อมกล่าวว่า

“อยากสั่งสอนผมไม่ใช่เหรอ? ผมก็กำลังช่วยคุณอยู่ไง! จะแกล้งทำเป็นถูกผมทำร้ายแต่ดันกลัวเจ็บนี่นะ? มันช้าไป! ฮ่าฮ่าๆๆ…”

“บ้า! บ้า! แก…แกมันบ้าไปแล้ว!”

หวังจิ้งหลินส่งเสียงตะโกนลั่น

“ก็อยากสั่งสอนผมเองไม่ใช่เหรอ? ก็สนองให้อยู่นี่ไงครับ อิอิ… โอ้ย! หัวผม! หัวผมแตก! ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!!”

ถึงม่านทั่วบริเวณจะปิดอยู่ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าจะกันเสียงได้ จ้าวเฉียนจงใจตะโกนเสียงดังลั่นเพื่อให้คนที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกได้ยิน หวังให้เข้าใจผิดไปว่า หวังจิ้งหลินเริ่มลงมือลงไม้กับเขาแล้ว

นี่เรียกว่ากลยุทธ์ชิงลงมือก่อน หากจ้าวเฉียนไม่ทำร้ายตัวเองก่อนแบบนี้ มีหวังผลลัพธ์คงไม่ได้จบลงแค่หัวแตกแน่นอน และอาจโดนพวกรปภ.กระทืบจนสาหัส หวังจิ้งหลินเห็นแบบนั้นถึงกับไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆต่อ

หวังจิ้งหลินรู้ซึ้งแล้วว่า เขาไม่สามารถทำอะไรจ้าวเฉียนได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงวกกลับเข้าเรื่องต่อรองทันที

“โอเค! โอเค! ฉันโชคร้ายเองที่ดันเจอคนบ้าๆแบบนาย ฉันจะเพิ่มให้อีก20ล้านแลกกับให้นายฉีกสัญญา?”

จ้าวเฉียนส่ายหัวแปฏิเสธทันควัน

“ผมเคยบอกไปแล้ว ทำธุรกิจต้องได้กำไร30%จากที่ลงทุนขึ้นไป ไม่อย่างนั้น…ผมจะวิ่งออกไปและขอให้พวกคนข้างนอกพาผมไปโรงพยาบาลทันที! คงรู้ดันะครับว่า หลังจากนี้จะเป็นยังไง?”

หวังซินซินรีบหันมาพูดกับพ่อทันทีว่า

“พ่อคะ! เราปล่อยเขาออกไปไม่ได้เด็ดขาด ถ้าออกไปสภาพนี้ แล้วเราจะอธิบายกับตำรวจยังไง?”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอลง เสียงไซเรนตำรวจก็ดังขึ้นฉับพลันจากด้านนอก เนื่องจากเสียงร้องของจ้าวเฉียนเมื่อสักครู่ ทำให้ผู้คนเหล่านั้นเริ่มวิตกกังวลหนัก จนท้ายที่สุดก็ต้องโทรแจ้งตำรวจให้เข้ามาควบคุมทันที หากเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวเฉียน แล้วบ้านหรูครึ่งราคาของพวกเขาล่ะ?

หวังจิ้งหลินยามนี้ตื่นตระหนักอย่างหนัก กล่าวได้ว่าตกสู่สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกโดยสมบูรณ์ ทำได้เพียงขู่จ้าวเฉียนไปว่า

“ห้ามพูดอะไรไร้สาระเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแก!”

“ประธานหวังครับ เห็นผมเป็นเด็กสามขวบรึเปล่า? ตอนนี้ตำรวจใกล้บุกมาถึงแล้วนะ รีบๆตัดสินใจจะดีกว่า เพราะทันทีที่พวกเขาเข้ามาถึง มันจะไม่ใช่สถานการณ์ที่ผมหรือคุณจะควบคุมได้อีกต่อไป!”

จ้าวเฉียนยักไหล่ตอบอย่างสบายๆ

ทางด้านผู้จัดการ เธอรีบนำพวกพนักงานออกไปเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนโดยเร็ว เพื่อถ่วงเวลาให้จ้าวเฉียนกับหวังจิ้งหลินตกลงกัน

“แต่เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ฉันจะจ่ายให้แก30%จากราคาทั้งหมด! ฉันให้แกได้มากสุดคือ350ล้านหยวนแลกกับแกฉีกสัญญา! นี่มันสุดๆแล้วที่ฉันจะรับไหว!”

หวังจิ้งหลินตอบโต้กลับไป สีหน้าท่าทางของเขาดูวิตกสุดขีดแล้ว

สำหรับจ้าวเฉียน เขาไม่ได้สนใจเลยว่า เงินที่ได้มาจะมากหรือน้อย ที่เขาขู่ไปว่าต้องการ30%ก็เพื่อบีบให้หวังจิ้งหลินสติแตก

“งั้นประธานหวัง เตรียมกลายเป็นบุคคลล้มละลายได้เลย!”

จ้าวเฉียนตอบกลับอย่างไร้เยื่อใย

หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็หยิบสัญญาบนโต๊ะและเดินจากไปทันที

แต่ในเวลานั้นเอง พนักงานหญิงอีกคนที่เคยขัดแย้งกับจ้าวเฉียนและหวังซินซิน ก็พุ่งเข้ามาคว้าสัญญาไปจากมือจ้าวเฉียน พร้อมฉีกเป็นชิ้นๆในพริบตา

“ฮ่าฮ่า…ประธานหวังหนูทำได้แล้ว! หนูฉีกสัญญาของมันได้แล้วค่ะ!”

หวังจิ้งหลินกับคนอื่นๆกลับดูไม่ดีใจแม้สักนิด ในทางตรงกันข้ามสีหน้าของเขากลับดูสิ้นหวังหนักกว่าเก่า ไอ้ผู้หญิงโง่นี่คิดว่ากฎหมายเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆรึไง? ฉีกสัญญาแบบนี้ มันไม่เท่ากับว่าฝ่ายของพวกเขาผิดเต็มกระทงเลยรึไง?

จ้าวเฉียนหัวเราะลั่นพลางปรบมืออย่างมีความสุขยิ่ง

“เยี่ยมมาก เยี่ยมจริงๆ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา ฉีกสัญญาซื้อขายโดยพละการ ข่มขู่และกักขังหน่วงเหนี่ยวผู่อื่น ประธานหวัง คราวนี้บริษัทของคุณเตรียมล้มละลายได้เลย!”

ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกกังวลว่าจ้าวเฉียนกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงเร่งเร้าตำรวจให้ฝ่าพวกรปภ.กับพนักงานเข้าไปช่วยโดยเร็ว กลุ่ตำรวจได้ยินดังนั้นจึงบุกเข้าไปในแผนกขายทันทีโดยไม่ลังเล

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะลั่นอย่างผู้มีชัยและแสร้งยกมือขึ้นกระซิบว่า

“คุณหมดโอกาสแล้ว!”

หวังจิ้งหลินทั้งเครียดทั้งโกรธจนเส้นประสาทปูดโปนทั่วหน้าผาก เขาพยายามเจรจากับจ้าวเฉียนอย่างนุ่มนวลว่า

“30%ก็ได้! ฉันจะโอนเงินให้เดี๋ยวนี้แหละ!”

“ฉันเพิ่งพูดไปเองว่า คุณหมดโอกาสแล้ว คิดช้าไปหน่อย…สายเกินไปแล้วครับ!”

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มฉีกกว้างเป็นคำตอบ

ทันทีที่ตำรวจบุกเข้ามาถึง พวกเขาก็รีบเข้ามาคุ้มกันปกป้องจ้าวเฉียนอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ไปโรงพยาบาลก่อนดีไหมครับ?”

ตำรวจเอ่ยถามอาการทันที

จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นยกมือกุมศีรษะคล้ายว่าจะเป็นลม เอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า

“คุณตำรวจครับ…ผมรู้สึกเวียนหัวมากเลย พา…พาผมไปโรงพยาบาลทีครับ… คนพวกนี้ทุบตีผมไม่หยุดเลย ผมทั้งยกมือไหว้ ทั้งขอร้องขอความเมตตาให้หยุด แต่พวกเขาก็ไม่หยุดเลย… ทุกคนครับ…ทุกคนต้องเป็นพยานให้ผมนะครับ!”

ในเวลานั้นเองบรรดาผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกก็แห่แหนกันเข้ามาเช่นกัน

“แน่นอนครับ! พวกเราเป็นพยานให้เขาได้! ผมถ่ายคลิปเอาไว้ตอนที่เขาร้องออกมา!”

“ใช่แล้วคุณตำรวจ! พวกเรามีทั้งคลิปวีดีโอและคลิปเสียงต้องที่เขาร้องจริงๆ ไอ้พวกอสังหาหวังเตรียมตัวชะตาขาดได้เลย!”

“คุณตำรวจต้องช่วยเขานะครับ! อย่าให้กฎหมายเป็นเครื่องมือของคนผิด! อย่าปล่อยคนพวกนี้ให้ลอยนวล!”

…..

หวังซินซินรับก้าวออกมาอธิบายกับตำรวจทันทีอย่างช่วยไม่ได้ว่า

“คุณตำรวจอย่าไปเชื่อนะคะ คนพวกนี้กล่าวหาไร้สาระ! พวกเรายังไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขาเลย แต่เขาทำร้ายร่างกายตัวเอง!”

“ฮ่าฮ่าๆๆ…พวกเราดูเธอสิ! หลักฐานคาหนังคาเขาขนาดนี้แล้ว ยังแถไม่หยุด!”

“ขนาดคนปัญญาอ่อนยังไม่เชื่อคุณเลย!”

“ผู้หญิงอะไรไร้ยางอายชะมัด! แถน้ำขุ่นๆ!”

“พวกแก…พวกแกกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ!? มันเอาหัวโขกกับเสาต้นนั้นเอง! นี่มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเราเลย!”

จากนั้นทั้งพนักงานและรปภ.ก็รีบอธิบายเสริมทันที โดยบอกว่าบาดแผลบนศีรษะของจ้าวเฉียนเกิดจากตัวเขาเอง

ยิ่งได้ยินแบบนี้บรรดาฝูงชนยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

“คุณตำรวจอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระ! ใครจะบ้าทุบหัวตัวเอง!?”

“ขนาดตำรวจยืนอยู่ตรงนี้แล้วยังไม่ยอมรับอีกเหรอ! ยังเห็นตำรวจกับกฎหมายอยู่ในสายตารึเปล่า?”

“ใช่แล้ว! พวกเรามีหลักฐานพร้อม ขอดูหน่อยว่าเงินพวกแกจะหนาพอช่วยให้ตัวเองรอดคดีไหม!?”

….

พวกตำรวจเห็นดังนั้นก็รีบห้ามปราบฝูงชน กลัวว่าจะเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นและรีบกล่าวขึ้นทันทีว่า

“ทุกคนเงียบก่อนครับ! อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป พวกเราจะสอบสวนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และไม่ยอมปล่อยให้อำนาจเงินเข้ามาแทรกแซกกระบวนการทางกฎหมายแน่นอน!”

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริงอย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!“ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที”“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว”“ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”“ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!”“ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท