ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 255 เฝ้าสะกดรอยตาม

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ตอนที่255 เฝ้าสะกดรอยตาม

จ้าวเฉียนไม่ได้โง่ หวานเจียงยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมไม่ออกไปไหน แถมยังส่งสายตาออดอ้อนให้แบบนี้ เขาตระหนักดีว่าเธอหมายความว่าอย่างไร

เนื่องด้วยพวกเธอเป็นผู้หญิง บางสิ่งบางอย่างไม่สามารถพูดออกไปตรงๆได้ จึงจำต้องส่งสัญญาณเป็นนัยออกไปแทน

แน่นอนว่าจ้าวเฉียนไม่พลาดโอกาสแบบนี้ไปแน่นอน

จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นบิดขี้เกียจเล็กน้อย และกล่าวขึ้นว่า

“นี่ก็เพิ่งกินข้าวเสร็จ ทำไมถึงไม่ขึ้นไปพักผ่อนก่อนล่ะ? แบบว่า…ไปออกกำลังกายให้อาหารย่อยกันก่อน”

หวานเจียงก้มหน้าก้มตาพยักหน้าตอบทันทีอย่างเขินอาย แต่ก็ดูให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและตอบไปว่า

“อือ…ก็จริงของนาย เราไปพักผ่อนสักหน่อยก่อนดีไหม? จากนั้นค่อยกลับบ้าน…”

จ้าวเฉียนรีบตอบกลับไปทันที

“แน่นอน เดี๋ยวฉันไปเปิดห้องก่อนก็แล้วกันนะ”

หวานเจียงเดินเชิดหน้ามุ่ยติดตามจ้าวเฉียนไปทั้งแบบนั้น

ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในห้อง ล็อคประตูเรียบร้อย จ้าวเฉียนก็ผลักหวานเจียงติดกำลังและประกบจูบกันทันทีอย่างเร้าร้อน

หวานเจียงผละร่างจ้าวเฉียนออกไปเล็กน้อย เอ่ยเสียงกระเส่าขึ้นว่า

“ไม่ใช่ว่านายอยากไปพักผ่อนหรอกเหรอ?”

จ้าวเฉียนกดจูบลงบนหน้าผากของหวานเจียง ริมจิบกระซิบข้างหูเธออย่างแผ่วเบาขึ้นว่า

“ฉันกลัวว่าเธอจะนอนไม่หลับ ก็เลยชวนมาออกกำลังกายด้วยกันก่อน หลังจากนั้นคงหลับสบายแน่นอน”

หวานเจียงกลอกตาใส่จ้องเขม็งใส่เขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นี่เท่ากับว่าเธอยอมจำนนแต่โดยดี

พอเห็นแบบนั้นจ้าวเฉียนจึงเผด็จศึก ควบม้าสวาทกันไปตลอดทั้งชั่วโมงนั้น

ทั้งสองนอนพักกันอยู่ในโรงแรมตลอดจนทุ่มกว่า ยังไงซะพวกเขาทั้งคู่ต้องออกเดินทางพรุ่งนี้แล้ว พอตื่นขึ้นจึงรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเพื่อกลับไปจัดกระเป๋ากันยกใหญ่

หลังจากที่จ้าวเฉียนส่งหวานเจียงกลับบ้านไปแล้ว เขาก็ขับรถกับไปยังบ้านของตน ทว่าหลังออกรถไปได้ไม่นาน จู่ๆเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า มีรถน่าสงสัยอยู่คันหนึ่งกำลังขับติดตามเขาไม่ห่าง

“บัดซบ! หรือนี่จะเป็นนักฆ่าที่จางต้าเฉินจ้างมา? ถ้าใช่ขึ้นมาจริง นี่ก็เท่ากับว่าโคตรวิกฤตเลยไม่ใช่เหรอ?”

จ้าวเฉียนสบถกับตัวเองขึ้นทันควัน ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่แน่นอน หลังจากเร่งความเร็วฝ่าไฟแดงมาสี่แยกแล้ว รถคนดังกล่าวก็ยังไล่จี้ตามมาติดๆ นี่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เป้าหมายคือตัวเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ต่อให้เขาขอไปค้างแรมที่บ้านของหวานเจียงแค่สักคืน ก็ไม่น่ารอด ในไม่ช้าก็เร็วพวกมันจะต้องบุกเข้ามาจับตัวเขาไปแน่นอน

พอคิดได้แบบนี้จ้าวเฉียนรีบโทรหาหยางหู่ทันทีและอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังโดยด่วน พร้อมขอให้ส่งคนมาจัดการกับนักฆ่าพวกนี้โดยเร็วที่สุด

หยางหู่ที่ได้ฟังดังนั้นก็ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง รีบส่งกำลังคนทั้งหมดที่อยู่ใกล้แถวนั้นที่สุดเข้าปกป้องคุณชายจ้าวทันที ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้จริงๆ มันจะกลายเป็นตราบาปภายในใจหยางหู่ไปชั่วชีวิต

หลังจากจ้าวเฉียนขับหนีอยู่นาน ในที่สุดก็สามารถสลัดรถคันดังกล่าวหลุดไปได้ และรีบขับกลับไปที่หน้าหมู่บ้านของหวานเจียง พร้อมโทรเรียกเธอโดยเร็ว

“ว่าไง? เธอถึงบ้านแล้วเหรอ? ทำไมเร็วจัง?”

หวานเจียงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

“เปล่า ฉันว่าคืนนี้ฉันอยู่กับเธอดีกว่า”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไป

หวานเจียงรีบเปิดม่าน กวาดสายตามองไปยังบริเวณหน้าหมู่บ้าน แต่เธอก็ไม่เห็นรถสักคน

“นายล้อเล่นรึเปล่า? ฉันไม่เห็นรถของนายเลย?”

จ้าวเฉียนบีบแตร่ใส่สองสามครา พอหวานเจียงได้ยินก็รีบหันควับมองไปยังด้านซอยแคบข้างหมู่บ้านทันที

เธอรีบแต่งตัว วิ่งออกไปตรงหน้าหมู่บ้านและเรียกจ้าวเฉียนขับตรงเข้ามาโดยไว

“เกิดอะไรขึ้นกับนายรึเปล่า? ทำไมถึงกลับมาที่นี่?”

หวานเจียงเอ่ยถามขึ้น

จ้าวเฉียนไม่สามารถพูดความจริงออกไปได้ จึงตามน้ำกล่าวต่อจากประโยคก่อนหน้านี้

“ทำไม? ก็ฉันคิดถึงเธอหนิ อยากจะนอนกอดเธอตลอดทั้งคืน ไม่ได้เหรอ?”

หวานเจียงที่ได้ยินแบบนั้นก็คลี่ยิ้มหวาน ไม่เอะใจหรือสงสัยใดๆอีกต่อไป

ทันทีที่ทั้งสองกำลังจะเข้าบ้านไป ก็เกิดสุ้มเสียงดังหน้าประตูหมู่บ้าน เท่าที่ฟังพอจะจับใจความได้ประมาณว่า ยามกำลังตะโกนไล่ใครบางคนออกไปและไม่ให้เข้ามาภายในนี้

จ้าวเฉียนทราบได้ทันทีว่า พวกมันตามมาเจอเขาแล้ว หวานเจียงเองก็ได้ยินเสียงเช่นกัน ขณะที่เธอกำลังเหลียวหลังหันกลับไปมอง จู่ๆจ้าวเฉียนก็อุ้มร่างเธอขึ้นและกล่าวว่า

“เข้าบ้านกันเถอะ ฉันง่วงแล้ว”

หวานเจียงที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ก็รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยและกระซิบเสียงอ่อนขึ้นว่า

“ทำไมนายรีบจัง เรา…ยังมีเวลากันอีกทั้งคืนนะ”

“ก็ฉันรอไม่ไหวแล้ว! ไปกันเถอะนะ!”

จ้าวเฉียนรีบพาหวานเจียงเข้าบ้านไปทันที แต่ในเสี้ยวจังหวะนั้นเอง กลับมีชายสองคนรีบวิ่งฝ่าพวกยามเข้ามา จ้าวเฉียนที่เห็นดังนั้นรีบฉวยจังหวะได้เปรียบถอดรองเท้าคว้าใส่ทันที

ด้วยสัญชาตญาณ ชายสองคนนั้นเลี่ยงหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด แต่นั้นก็ทำให้เสียจังหวะไปด้วยเช่นกัน จ้าวเฉียนที่เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าบ้านปิดประตูล็อคโดยตรง

ยามนี้หวานเจียงเห็นได้ชัดแล้วว่า จะต้องมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไปแน่นอนกับจ้าวเฉียน ดังนั้นเธอจึงเอ่ยถามขึ้นทันที

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วสองคนนั้นคือใครกัน?”

จ้าวเฉียนยังพยายามแถต่อไปว่า

“อ่อ…ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จู่ๆก็วิ่งมาแบบนั้นคงไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน คงเป็นการดีกว่าที่ฉันทำแบบนั้นไป ถ้าพวกมันบุกเข้ามาในบ้าน พวกเราคงแย่”

หวานเจียงย่อมไม่เชื่อคำแถของจ้าวเฉียนโดยธรรมชาติ เธอพาจ้าวเฉียนมานั่งห้องรับแขกและเอ่ยถามน้ำเสียงจริงจังว่า

“จ้าวเฉียน ฉันไม่เล่นแล้วนะ เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่? ที่กลับมาหาแบบนี้เพราะมีคนสะกดรอยตามนายใช่ไหม?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบไปตามตรงและแผ่ตัวนอนลงบนโซฟาทันที

หวานเจียงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของจ้าวเฉียนเป็นอย่างมาก เธออยากจะรู้จริงๆว่า ครั้งนี้ใครกันที่เขาไปมีปัญหาด้วยอีก แล้วทำไมต้องมีคนจ้องเล่นงานเขาอยู่เสมอ

บางสิ่งอย่างจ้าวเฉียนคิดว่า การไม่บอกอะไรกับเธอไปเลยคงเป็นเรื่องดีกว่า ถึงรู้ไปก็ช่วยไม่ได้ แถมยังทำให้เธอวิตกโดยใช่เหตุอีก

เขายิ้มและกล่าวต่อขึ้นว่า

“ฉันไม่รู้แล้วว่าใครบ้างที่ฉันไปมีเรื่องด้วย บางทีก็คงเป็นอย่างที่เธอบอก ฉันทำตัวหยิ่งยโสเกินไป จนเผลอสร้างศัตรูอยู่รอบตัวโดยไม่ตั้งใจ”

หวานเจียงกลอกตามองบนไปทีหนึ่ง ต่อหน้าคำกล่าวนี้ของเขาถึงกับทำให้เธอพูดไม่ออกจริงๆ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า ตัวเองเป็นคนหยิ่งยโสและจองหองขนาดไหน จนเผลอสร้างศัตรูไว้รอบด้านขนาดนี้ แต่ทำไมเขาถึงยังไม่รู้จักปรับปรุงตัวอีก?

หวานเจียงจึงเอ่ยถามไปตามตรง

“ในเมื่อรู้แบบนี้ แล้วทำไมไม่เปลี่ยนล่ะ?”

จ้าวเฉียนตอบกลับไปอย่างหน้าตาเฉยว่า

“ก็ฉันชินกับนิสัยแบบนี้ไปแล้ว ทำไมถึงต้องเปลี่ยนด้วย?”

“มันง่ายนะที่จะปล่อยตัวเองไปเลยตามเลย แต่ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้าก็เร็วมันจะส่งผลกระทบไปถึงคนรอบตัวนาย ทั้งพ่อทั้งแม่ รวมไปถึงตัวฉันด้วย นี่นายรู้ตัวไหมว่า ตัวเองกำลังทำผิดอยู่?”

จ้าวเฉียนทำหูทวนลมลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตรงไปยังห้องนอน แต่ขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้องไป เขากลับถูกหวานเจียงรั้นไว้ไม่ให้ไปไหน เธอเอ่ยถามจ้าวเฉียนด้วยสีหน้าจริงจังอย่างยิ่งว่า ตกลงเขาจะเปลี่ยนนิสัยแย่ๆแบบนี้ได้ไหม?

หวานเจียงค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เธอจึงกล่าวอธิบายให้จ้าวเฉียนฟังต่อว่า ถ้าในอนาคตต่อไป พวกเขาต้องแต่งงานมีครอบครัวกันจริงๆ สักวันหนึ่ง เธอไม่อยากต้องมาได้ยินข่าวการตายของเขา และถ้าไม่มีเขาอยู่ต่อไป แล้วเธอจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง? นี่ยังไม่รวมถึงลูกของพวกเขาที่จะถือกำเนิดมาในอนาคตอีก?

จ้าวเฉียนย่อมเข้าใจความหวังดีของหวานเจียงที่มีต่อเขาดี แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล มันไม่ใช่ว่าตัวเขาจะเที่ยวหาเรื่องคนไปทั่วโดยไม่สนสี่สนแปดอะไรสักหน่อย แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ต้องการพูดขัดเธอในตอนนี้ มิฉะนั้นทั้งคู่ต้องทะเลาะกันอย่างแน่นอน

จ้าวเฉียนเปลี่ยนเรื่องทันควัน เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มขึ้นว่า

“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? ถ้าพวกเราแต่งงานมีครอบครัวงั้นเหรอ? นี่เธอกำลังสารภาพรักกับฉันอยู่หรือเปล่า?”

ใบหน้าของหวานเจียงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นทันที เธอรีบอธิบายมให้ฟังโดยเร็วว่า

“ฉัน…ฉันแค่ยกตัวอย่างขึ้นมาเฉยๆ! ทั้งหมดก็อยากให้นายเปลี่ยนนิสัยแย่ๆแบบนี้ไง ถ้านายสัญญากับฉันว่าจะเต็มใจยอมเปลี่ยนนิสัยในจุดนนี้จริง ฉัน…ฉันก็จะลองพิจารณานายเป็นแฟนดูก็ได้นะ แต่ถ้าไม่ ฉันก็คงต้องตัดใจ…”

“ได้! ฉันจะเปลี่ยน! แต่ขอแรงจูงใจหน่อยสิ”

คล้อยหลังพูดจบจ้าวเฉียนก็ดึงร่างของหวานเจียงเข้ามาสอดกอดในอ้อมแขน และเริ่มปลดกระดุมชุดนอนของเธอออกทันทีทีละเม็ด

แต่ขณะนั้นเอง เสียงมือถือพลันดังขึ้นขัดจังหวะระหว่างทั้งสองอย่างพอดิบพอดี เขาจำใจต้องปล่อยหวานเจียงออกไป และเดินออกไป ณ มุมหนึ่งเพื่อรับโทรศัพท์

จ้าวเฉียนพยายามข่มกลั้นความหงุดหงิดเอาไว้ เขากดรับสายและกล่าวขึ้นว่า

“ว่าไงบ้าง?”

“คุณชายจ้าว พวกกลุ่มคนที่ติดตามคุณชายมา พวกผมจับตัวได้เรียบร้อยและยอมสารภาพแล้วว่า เป็นคนของหลิวเปา”

หยางหู่รีบรายงานความคืบหน้าทันที

จ้าวเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นก็งุนงงเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยว่า ทำไมหลิวเปาถึงหันกลับมาโจมตีเขาอีกแล้ว?

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริงอย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!“ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที”“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว”“ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”“ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!”“ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท