ตอนที่ 35 กลยุทธ์อันยอดเยี่ยม
หยุนเชวี่ยไม่เข้าใจสิ่งที่เหอเยี่ยเอ๋อต้องการจะสื่อ ในสังคมที่ผู้หญิงต้องอยู่ใต้อำนาจของผู้ชาย การมีความคิดที่ ‘ฉลาด’ และ ‘แข็งแกร่ง’ คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร
“ชาวบ้านที่หมู่บ้านหลิ่วชู่ก็เช่นกัน พวกเขาต่างสงสัยว่ากังหันน้ำคืออะไร และอีกอย่างป้าหลิวชอบไปซักเสื้อผ้าที่นั่นในตอนเช้า”
ป้าหลิวที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังนึกสงสัยว่าผู้ใดเป็นคนคิดค้น แต่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแม่สาวน้อยคนนี้”
“อย่าดูถูกเด็กผู้หญิงสิ พี่น้องตระกูลเหอของเราทั้งสี่คนก็ไม่มีใครด้อยไปว่าผู้ชายเลยสักคน” เหอเยี่ยเอ๋อยิ้มขณะมองไปที่หยุนเชวี่ย “เชวี่ยเอ๋อเป็นเด็กฉลาด มีไหวพริบ”
ป้าหลิวพยักหน้าเห็นด้วยทันที
หยุนเชวี่ยเผยรอยยิ้มพร้อมแสดงท่าทีอ่อนน้อม “พี่เยี่ยเอ๋อพูดชมเกินไปแล้ว”
“ท่านพี่ ตกลงท่านจะช่วยพวกข้าหรือไม่?”
ในฐานะที่เป็น ‘คนขี้แพ้’ ที่สุดในตระกูลเหอ เหอยาโถวจึงตั้งใจฟังคำตอบอย่างใจจดจ่อ
“เรื่องแค่นี้เอง” เหอเยี่ยเอ๋อกล่าวตอบ “เจ้าต้องการเท่าไหร่? ข้าจะให้พ่อค้ารับมาสองตะกร้าเพียงพอหรือไม่?”
“มากเกินไปเจ้าค่ะ มันมากเกินไป“ หยุนเชวี่ยโบกมือปฏิเสธ “ข้ายังไม่ได้ทดลองขาย อีกอย่างข้าไม่รู้ว่าคนเมืองจะชอบกินบ๊วยดองหรือไม่”
หยุนเชวี่ยยื่นมือไปข้างหน้าพลางทำทีนับเลข “ถ้าอย่างนั้นข้าขอสั่ง… ห้าจินก่อนเจ้าค่ะ!”
“อืม เอาตามที่เจ้าบอกก็ได้”
“พี่เยี่ยเอ๋อ…” หยุนเชวี่ยเกิดความลังเล คราวนี้นางละอายใจเกินกว่าจะพูดออกมาจึงกระซิบบอกเหอเยี่ยเอ๋อ “ตอนนี้ข้ายังไม่มีเงิน… ที่จะจ่ายค่าลูกพลัมเจ้าค่ะ…”
ก่อนหยุนเชวี่ยจะพูดจบ เหอเยี่ยเอ๋อก็ระเบิดหัวเราะออกมา “เจ้าช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน สินค้าทางตอนใต้ไม่แพงนักหรอก”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ” หยุนเชวี่ยส่ายศีรษะพร้อมกล่าวปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ข้าทำการค้าขาย แม้มันจะไม่ใช่ธุรกิจใหญ่โต แต่ท่านต้องคิดเงินเจ้าค่ะ ข้าจะเอาเปรียบท่านไม่ได้ เพราะหากพี่เยี่ยเอ๋อไม่คิดเงิน ข้าก็ไม่ต้องการลูกพลัมเช่นกัน”
“เชวี่ยเอ๋อพูดถูก!” เหอยาโถวกล่าวเสริม “พวกเราต้องการหาเงินด้วยตนเองและไม่อยากเอาเปรียบครอบครัวขอรับท่านพี่”
เหอเยี่ยเอ๋อกลอกตา “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่เจ้าทั้งสองเห็นสมควร!”
หยุนเชวี่ยกล่าวของคุณครั้งแล้วครั้งเล่า
ยิ่งเหอเยี่ยเอ๋อมองเด็กทั้งสองคน นางก็ยิ่งอารมณ์ดีและชื่นใจ ดังนั้นก่อนที่ทั้งสองจะขอตัวกลับนางจึงแบ่งผลไม้อบแห้ง ขนมอบถุงใหญ่ และมอบถุงหอมที่นางปักด้วยตนเองให้เด็กทั้งสอง
“พี่เยี่ยเอ๋อช่างนิสัยดีและอารมณ์ดีเสียจริง” หยุนเชวี่ยกล่าวชมเหอเยี่ยเอ๋ออย่างจริงใจระหว่างทางกลับหมู่บ้านไป่ซี
เกือบห้าปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมแม้จะอยู่หมู่บ้านเดียวกันก็ตาม เหอเยี่ยเอ๋อในความทรงจำของหยุนเชวี่ยคือเด็กสาวช่างพูดและมีอารมณ์ขัน อีกทั้งยังเป็นคนที่คล่องแคล่วว่องไว
ตอนที่ทุกคนรู้ข่าวว่าเหอเยี่ยเอ๋อจะแต่งงานกับคุณชายตระกูลกั๋ว ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านางมีวาสนาดี ทว่าหยุนเชวี่ยคิดต่างออกไป เห็นได้ชัดว่าคุณชายตระกูลกั๋วมีสายตาแหลมคมถึงเลือกนางเป็นคู่ชีวิต
หากผู้ใดได้นางเป็นภรรยา แน่นอนว่าเรื่องเข้าครัว เย็บปักถักร้อย การดูแลปรนนิบัติ นางไม่ได้ด้อยไปกว่าสาวงามคนไหนเลย
“ข้าเห็นด้วย” เหอยาโถวกล่าวชมพี่สาว “ตอนที่พี่รองยังไม่ตั้งท้อง นางมักช่วยพี่เขยดูแลกิจการในเมือง นางเคยนั่งรถม้าขึ้นเหนือลงใต้มาแล้วและไกลที่สุดคงเป็นเมืองที่ติดกับทะเล แต่ตอนนี้ท้องเริ่มแก่แล้ว นางจึงกลับมาพักผ่อนที่บ้าน…”
“จริงหรือ…พี่เยี่ยเอ๋อช่างน่าทึ่งเสียจริง” ดวงตาของหยุนเชวี่ยเปล่งประกายด้วยความอิจฉา “ข้าเคยไปแค่เขตผิงอันเอง…”
เหอยาโถวกล่าวเสริม “เฮ้อ! ข้าด้วย…”
ด้านหลังภูเขาของหมู่บ้านไป่ซี
เสี่ยวอู่ได้รับคำสั่งจากหยุนเชวี่ยให้ตามหยุนลี่เต๋อขึ้นไปบนภูเขา
ขณะเดียวกันแม่นางเหลียนรออยู่ที่เรือนพลันนึกแปลกใจว่าบนภูเขามีอะไรดี เหตุใดสองพี่น้องถึงชอบขึ้นไปบนนั้นโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
หยุนลี่เต๋อหยุดอยู่ใต้ร่มไม้พลางกระทืบหญ้าสองสามครั้งเพื่อทำที่นั่งให้เสี่ยวอู่ ก่อนหยิบพุทราจำนวนหนึ่งส่งให้ลูกชายพร้อมกำชับว่าอย่าวิ่งเล่นไปไกลให้รอตนอยู่ที่นี่ เนื่องจากเขาต้องเข้าไปในป่าลึกเพื่อล่าสัตว์ ดังนั้นการให้เสี่ยวอู่นั่งรออยู่ที่นี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อแผ่นหลังอันอบอุ่นและแข็งแกร่งลับตาไป เสี่ยวอู่จึงลุกขึ้นและปัดเศษหญ้าบนกางเกงออก จากนั้นเดินไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขา
ภายในถ้ำ
“เหตุใดถึงมาเพียงลำพัง หยุนเชวี่ยล่ะ?” ชายหนุ่มเปิดฝาน้ำเต้าด้วยมือข้างเดียวก่อนดื่มน้ำสองสามอึก
ใบหน้าและลำคอของชายหนุ่มมีเลือดฝาดเล็กน้อย ไม่ซีดเซียวเหมือนวันก่อน อีกทั้งเหงื่อบนหน้าผากก็ลดลง
“เชวี่ยเอ๋อติดธุระหรือ?”
“เจ้าชื่อเสี่ยวอู่หรือ? ชื่อเต็มของเจ้าคืออะไรล่ะ?”
“เชวี่ยเอ๋อเป็นคนส่งเจ้าให้มาดูแลข้าใช่หรือไม่?”
เสี่ยวอู่ยังคงนิ่งเงียบ…
เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้แปลกประหลาดมาก เนื่องจากพี่รองของเสี่ยวอู่เป็นคนช่างพูดและกระตือรือร้น แต่เหตุใดเขาถึงไม่มีนิสัยเหมือนพี่สาวสักนิด?
“เจ้าพูดไม่เก่งหรือ?” ชายหนุ่มใช้มือยันกำแพงและลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนเดินไปจับกระต่ายตัวหนึ่งที่เขาขังไว้ “นำมันไปให้เชวี่ยเอ๋อแทนข้าที”
เสี่ยวอู่ยังคงไม่ขยับตัว…
“จับดี ๆ อย่าให้มันหนีไปล่ะ” ชายหนุ่มกำชับพร้อมจับหูกระต่ายแน่น “ข้าใช้ความพยายามมากเลยนะกว่าจะจับมันได้”
เสี่ยวอู่ปิดปากเงียบ
เสี่ยวอู่มองชายผู้นั้นอย่างเงียบ ๆ ชายหนุ่มลุกเดินด้วยความยากลำบาก แขนข้างหนึ่งขอเขายังไม่สามารถขยับได้ เสี่ยวอู่จึงนึกสงสัยว่าเขาจับกระต่ายได้อย่างไร
“พรุ่งนี้เชวี่ยเอ๋อ… กับเจ้าจะมาที่นี่อีกหรือไม่?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขณะวางกระต่ายลงในตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็กก่อนใช้นิ้วเรียวยาวหยอกล้อกับมัน
เสี่ยวอู่ส่ายศีรษะปฏิเสธ
ชายหนุ่มดึงมือออกจากตะกร้าด้วยความผิดหวัง
เสี่ยวอู่หยิบตะกร้าใบเล็กขึ้นมา ดวงตาสีเข้มของเขาเหลือบมองชายหนุ่มเพื่อบอกว่าตนกำลังจะไปแล้ว
ชายหนุ่มถอนหายใจขณะมองเสี่ยวอู่ด้วยสายตาสิ้นหวัง “ถ้าอย่างนั้นข้าฝากบอกเชวี่ยเอ๋อว่าหากข้าแข็งแรงดีเมื่อไร ข้าจะไปหานาง”
เมื่อนึกถึงภรรยาและลูก ๆ ฉับพลันหยุนลี่เต๋อก็มีเรี่ยวแรงขึ้นมา เขาเข้าไปในป่าทึบตั้งแต่เที่ยงวัน จนขณะนี้ดวงอาทิตย์เริ่มตกดินเป็นเวลาพลบค่ำถึงได้ออกจากป่า
เสี่ยวอู่นอนหลับพิงต้นไม้ครู่ใหญ่ก่อนตื่นขึ้นมาให้อาหารกระต่ายด้วยพุทรา เขาเหลือบไปเห็นบิดาเดินถือหน้าไม้ออกมาจากป่า ไก่ฟ้าสองสามตัวห้อยอยู่ตรงปลายไม้ที่พาดไหล่ของเขา
“วันนี้แปลกมาก ข้าเห็นกระต่ายตัวใหญ่เจ็ดถึงแปดตัว แต่กลับจับไม่ได้สักตัว…” หยุนลี่เต๋อรู้สึกเสียดาย แต่เมื่อเห็นว่าเสี่ยวอู่กำลังอุ้มกระต่ายตัวเป็น ๆ อยู่ในอ้อมแขนจึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเอากระต่ายมาจากที่ไหน?”
“ข้าจับมันเอง”
“จับเองหรือ?”
เสี่ยวอู่พยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ขอรับ”
หยุนลี่เต๋อเกาศีรษะด้วยความประหลาดใจพร้อมครุ่นคิดว่าตนใช้หน้าไม้ล่าสัตว์แต่กลับจับกระต่ายไม่ได้สักตัว แต่เหตุใดเสี่ยวอู่ที่มีเพียงมือเปล่าถึงจับได้ง่ายดาย
“ดีแล้วล่ะ” หยุนลี่เต๋อนั่งลงมัดขาไก่ฟ้าให้แน่นหนาขึ้นพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวของเจ้าอยากเลี้ยงกระต่ายพอดี ถ้าได้เห็นมัน นางต้องมีความสุขมากแน่นอน!”
เสี่ยวอู่ตกอยู่ในห้วงความคิด
ระหว่างทางลงเขา เสี่ยวอู่เอาแต่ครุ่นคิดภายในใจว่าชายผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าพี่รองอยากเลี้ยงกระต่าย?
กลับถึงบ้าน
แม่นางเหลียนและหยุนเยี่ยนกำลังเตรียมอาหารเย็นที่ประกอบด้วยขนมแป้งทอด โจ๊ก ถั่วฝักยาว และผักดอง
อีกทางด้านหนึ่งคนอื่น ๆ ในตระกูลหยุนรู้สึกไม่พอใจที่ครอบครัวของหยุนเชวี่ยเก็บผักในสวนไปประกอบอาหาร แม่เฒ่าจูจึงก่นด่าและสาปแช่งพร้อมกับควันฟืนที่ลอยไกลออกไป
“แค่ถั่วฝักยาว เหตุใดต้องสาปแช่งกันด้วย?” แม่นางเหลียนเผยสีหน้าเบื่อหน่าย
เดิมทีนางตั้งใจทำผักดองเป็นเครื่องเคียงกินกับขนมแป้งทอด ทว่าหยุนเชวี่ยไม่ยอมเพราะนางอยากกินถั่วฝักยาวมากกว่า แม่นางเหลียนจึงเข้าไปในสวนเพื่อเก็บถั่วฝักยาวหนึ่งกำ และนี่คือเป็นสาเหตุที่แม่เฒ่าจูไม่พอใจ
Related