ตอนที่ 93 เจ้ารู้เรื่องอะไรบ้างไหม… อีแก่!
เมื่อคำว่ารับประกันออกมาจากปากของหยุนลี่จง สีหน้าตึงเครียดของผู้เฒ่าหยุนจึงผ่อนคลายลงก่อนเอ่ยถาม “ตระกูลหยูว่าอย่างไรบ้าง?”
หยุนลี่จงยืดตัวตรงก่อนรับชาจากแม่นางจ้าวโดยไม่รีรอและจิบมันอย่างใจเย็น
หยุนชิ่วเอ๋อวางตะเกียบลงด้วยความร้อนใจ “ท่านพี่รีบพูดออกมาสิเจ้าคะ!”
“เจ้าจะรีบร้อนไปไย?” หยุนลี่จงช้อนสายตามองน้องสาวพร้อมฉีกยิ้ม “พวกตระกูลหยูไม่ติดใจเอาความแล้ว ข้าพูดเกลี้ยกล่อมตลอดทั้งยามบ่ายจนลำคอแห้งผาก…”
“เรื่องมันจบลงแล้วหรือ? พวกมันจะไม่ไปฟ้องร้องข้าที่สำนักงานบริหารแล้วใช่หรือไม่?” หยุนชิ่วเอ๋อเอ่ยถามด้วยความไม่เชื่อ
ดวงตาของแม่นางจ้าวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขณะกล่าวอย่างด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ชิ่วเอ๋อของพวกเราหมดเคราะห์หมดโศกแล้ว ต่อจากนี้ก็รอเพียงแต่งงานกับลูกชายจากตระกูลขุนนาง!”
ดวงตาของหยุนชิ่วเอ๋อเปล่งประกาย
“ตระกูลหยูยอมแพ้แล้วใช่หรือไม่? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับท่าน?” หยุนลี่เซี่ยวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มพลางมองสำรวจบาดแผลของพี่ชาย
“อย่าโทษเจ้ารองเลย” หยุนลี่จงเช็ดมุมปากพลางถอนหายใจ “เขาเป็นพวกเดียวกับตระกูลหยู โชคยังดีที่รอบนี้ข้าเข้าเมืองไปร่วมการเจรจาด้วย มิฉะนั้นไม่แน่ว่าน้องรองอาจทำเรื่องทุกอย่างพังไปแล้วก็เป็นได้”
“ท่านบอกว่าน้องรอง…” แม่นางจ้าวผสมโรง “พวกเราไม่ควรให้เขาไปเกี่ยวพันกับเรื่องนี้แต่แรก เขาแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกับเรา น้องรองไม่คิดว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันต่อไปแล้ว!”
หยุนลี่เซี่ยวส่ายขาพลางหัวเราะก่อนเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม “เหตุใดพี่รองถึงแบ่งแยกฝักฝ่ายเล่า?”
เขาไม่มีเจตนาที่จะแก้ตัวแทนหยุนลี่เต๋อ ทว่าสาเหตุที่ถามเช่นนี้คือเขาไม่พอใจท่าทีวางมาดของพี่ใหญ่ต่างหาก
หยุนลี่เซี่ยวต้องประจบพี่ใหญ่เป็นครั้งคราว ‘ข้ายังคงต้องพึ่งพาเขาอีกนาน จะทำให้ขุ่นเคืองใจไม่ได้’
“พี่รองเป็นหนี้พนันจนท่านพ่อไล่ออกจากบ้านไม่ใช่หรือ?” แม่นางเฉินกล่าวขึ้นขณะที่ริมฝีปากของนางมันเยิ้ม
แม่นางจ้าวถลึงตาใส่นางอย่างอารมณ์เสีย “เจ้ากินข้าวไปเถอะ”
“พี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้ท่านไม่กินรังนกนึ่งอุ่น ๆ ร้อน ๆ หรือเจ้าคะ?” แม่นางเฉินกินอาหารทั้งสองอย่างในคำเดียวพลางจ้องเขม็งไปที่จานอาหารบนโต๊ะ
“คิดว่าทุกคนเป็นเหมือนเจ้าหรือ? กินเยอะกว่าแม่หมูที่อยู่ในเล้าเสียอีก! หึ ๆ กล้ามเนื้อทั้งตัวยังไม่คุ้มกับเงินครึ่งเหรียญเลย!” แม่เฒ่าจูด่าทอด้วยคำหยาบคาย
แม่นางเฉินทำเป็นหูทวนลมไม่รู้ร้อนรู้หนาว นางไม่มียางอายแม้แต่น้อย “พี่สะใภ้ใหญ่เป็นผู้รากมากดี ไม่ทำงานบ้านจึงกินน้อยเป็นธรรมดา ส่วนข้าตักน้ำ ผ่าฟืน ทำอาหาร…”
แม่นางเฉินยังไม่ทันพูดจบ หญิงชราก็ตะโกนด่าจนเสียงดังลั่นเสียก่อน “เจ้ากล่าวหาว่าตนในตระกูลหยุนเอาเปรียบเจ้าหรือ? ลูกสะใภ้สาม สำเหนียกตัวเองเสียบ้าง! กินจนอ้วนเป็นหมูตอน… กินแล้วนอนทั้งวัน! ทำงานไปปากก็เคี้ยวของกินทั้งวัน…”
แม่นางเฉินนั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา ก่อนหยิบตะเกียบและยกชามโจ๊กขึ้นซด
“เงียบแล้วกินข้าวซะ กินเสร็จก็เก็บกวาดให้เรียบร้อย” ผู้เฒ่าหยุนกล่าวด้วยความโมโห
อย่างไรก็ตาม หยุนลี่จงจัดการเรื่องยุ่งเหยิงของตระกูลหยูเรียบร้อยแล้ว ในใจของผู้เฒ่าหยุนพลันมีความสุขไม่น้อย
สุดท้ายแล้วบัณฑิตก็มีความสามารถมากกว่าผู้คนทั่วไปจริง ๆ
หลังจากกำจัดหยูซื่อผู้น่าเกลียดออกไปพ้นทางแล้ว หยุนชิ่วเอ๋อจึงรู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก ทว่าดีใจได้เพียงครู่เดียว นางก็รู้สึกเสียดายสินสอดทองหมั้นขึ้นมา
“พี่สะใภ้ใหญ่เคยบอกข้าว่าจะให้ปิ่นปักผมทองแก่ข้า ยังจำได้หรือไม่?”
ใบหน้ายิ้มแย้มของแม่นางจ้าวแข็งค้างภายในพริบตา
“หึ ตัดใจไม่ได้หรือเจ้าคะ? พี่สะใภ้ใหญ่ก็เหมือนท่านแม่…” หยุนชิ่วเอ๋อสะบัดหน้าหนีทันที
แม่เฒ่าจูเบะปากพลางมองแม่นางจ้าวด้วยสายตาคมกริบดุจใบมีด สายตานั้นฉายแววโหดร้ายราวกับต้องการเฉือนเนื้อของนางออกเป็นชิ้น ๆ
“เฮ้! พี่สะใภ้สัญญาไว้แล้วจะไม่ให้ได้อย่างไร?” หยุนลี่จงหันไปขยิบตาให้ภรรยาครั้งแล้วครั้งเล่า
แม่นางจ้าวหลุบตามองต่ำ ไม่เอ่ยคำใด
“หึ… เจ้าใจกล้ากับคนอื่นแต่กลับกลัวเมียงั้นรึ?” แม่เฒ่าจูกล่าวกระแนะกระแหน
สีหน้าของหยุนลี่จงพลันเปลี่ยนไปหลังจากถูกเยาะเย้ย น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างขึ้นหลายส่วน “ข้าเป็นถึงบัณฑิตผู้มากพรสวรรค์ จะกลัวเมียได้อย่างไร? วันนี้ข้าตัดสินใจแล้ว ปิ่นปักผมทองจะถูกยกให้ชิ่วเอ๋อน้องสาวข้า”
หลังจากพูดจบเขาก็ยืดอกขึ้นพลางตบโต๊ะจนเกิดเสียงดัง “ว่าอย่างไร?”
แม่นางจ้าวอยากบีบคอหยุนชิ่วเอ๋อผู้ไม่รู้จักพอให้ตายตกไปเสีย ทว่านางยังคงต้องอาศัยอยู่ภายใต้ชายคานี้จึงต้องยอมให้หยุนชิ่วเอ๋อเอาเปรียบ
นางเผยสีหน้าใจดีพลางระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน “วางใจเถิดชิ่วเอ๋อ พี่สะใภ้ใหญ่เรื่องที่เอ่ยปากสัญญาได้ดี”
“แล้วเมื่อไรท่านจะเอาปิ่นปักผมมาให้ข้า?” หยุนชิ่วเอ๋อยังคงดื้อดึง
“ปิ่นปักผมอันนั้นเก่ามากแล้ว รอข้าเข้าเมืองแล้วจะซื้ออันที่งามกว่ามาให้เจ้า…”
หยุนชิ่วเอ๋อมวยผมของตนขึ้น “ไม่จำเป็น ข้าว่าปิ่นปักผมนกเฟิ่งหวง*เหมาะกับข้าที่สุด”
*นกเฟิ่งหวง คือนกฟินิกซ์
นางไม่ได้โง่ถึงขนาดที่ไม่รุู้ว่าแม่นางจ้าวคือคนกลับกลอก นอกจากนี้หากนางซื้อปิ่นปักผมอันใหม่แล้วฉวยโอกาสสับเปลี่ยนมันเล่า?
มือทั้งสองข้าของแม่นางจ้าวสั่นระริก
“เจ้าให้นางไปเถิด ถือว่าเป็นสินน้ำใจเล็กน้อยในฐานะพี่สะใภ้” หยุนลี่จงกล่าวเสียงทุ้ม น้ำเสียงเจือความไม่พอใจเล็กน้อย
กี่ครั้งแล้วที่คนขี้แพ้ผู้นี้ต้องเสียสละบางอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย แล้วเหตุใดนางถึงจะไม่เชื่อฟังเขาเล่า!
“เช่นนั้น…” แม่นางจ้าวสูดหายใจเข้าลึกก่อนฝืนยิ้ม ขณะที่เล็บมือจิกเข้าในเนื้อ “เช่นนั้นชิ่วเอ๋อเอาไปเถิด อย่างไรเสียข้าก็ไม่เข้าใจความนิยมของหญิงสาวเช่นเจ้าอยู่แล้ว”
หลังจากทุกอย่างเป็นไปตามใจปรารถนา หยุนชิ่วเอ๋อจึงเผยสีหน้าพึงพอใจ “หลังจากกินข้าวเสร็จ ข้าจะไปเอาปิ่นปักผมที่อยู่ในห้องกับพี่สะใภ้ใหญ่”
กลางดึกเงียบสงัด
ตะเกียงน้ำมันในห้องชั้นบน ห้องปีกตะวันตกและปีกตะวันออกสว่างขึ้น
ปีกตะวันออก
แม่นางจ้าวนั่งลงตรงของเตียงพลางก้มหน้าเช็ดน้ำตาที่ไหลริน ครั้งนี้ช่างน่าเจ็บปวดใจยิ่ง!
“แค่ปิ่นปักผมอันเดียว เหตุใดถึงไม่ยอมหักห้ามใจเสียที!” หยุนลี่จงนอนหนุนแขนของตนเอง ในขณะที่บาดแผลบนใบหน้ายังเจ็บปวดอยู่เป็นระยะ
“คนยืนพูดย่อมไม่ปวดเอว* เครื่องประดับและสินเดิมอันล้ำค่าของข้าถูกหยุนชิ่วเอ๋อขโมยไปจนหมด!”
*คนยืนพูดย่อมไม่ปวดเอว เปรียบเปรยได้ว่าหากไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันย่อมไม่เข้าใจ
“มันจะมีค่าเท่าไหร่กันเชียว? ข้าซื้ออันใหม่ให้เจ้าพร้อมกับลูกปัดหยกยังได้” หยุนลี่จงส่ายขาไปมาพลางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
แม่นางจ้าวมองสามีด้วยความโกรธเคือง นางเกลียดที่เขามีนิสัยขี้แพ้ยิ่งกว่าเกลียดหยุนชิ่วเอ๋อเสียอีก ทว่าไม่สามารถระบายความคับข้องใจออกมาได้
“จำคำพูดของท่านวันนี้ให้ดี ข้ายอมอดทนและเสียสละทุกอย่างเพื่ออนาคตของท่าน…”
“เอาเถอะน่า ๆ”
ห้องถัดไป ห้องนอนของบุตรชายคนที่สาม
แม่นางเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงอันยุ่งเหยิง มือคว้าพุทราเปรี้ยวเข้าปาก ก่อนคายเมล็ดของมันออกมา ‘ถุย’
“พี่สะใภ้ใหญ่มอบปิ่นทองให้ชิ่วเอ๋อจริงรึ? จุ๊ ๆ มันคงเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยใช่หรือไม่? ข้าล่ะยอมใจนางจริง ๆ”
หยุนลี่เซี่ยวตัวสั่นเทาราวกับตะแกรงร่อนขณะจ้องเขม็งไปยังเปลวไฟ เขาหรี่ตาลงพลางครุ่นคิดอย่างหนัก
“ฮึ่ม เหตุใดนางถึงยอมง่าย ๆ เช่นนี้? คิดในอีกแง่หนึ่ง… นางกำลังเสียสละบางอย่างเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่!”
“มันคืออะไรหรือ?” แม่นางเฉินเอ่ยถามเสียงเรียบ
หยุนลี่เซี่ยวชำเลืองมองภรรยาและพบว่าริมฝีปากของนางมันเยิ้ม อีกทั้งยังมีคราบของผลพุทราเปรี้ยวติดอยู่ ทันใดนั้นเขาพลันรู้สึกโมโห
“ไป ๆ ๆ! อีแก่อย่างเจ้ารู้เรื่องอะไรบ้าง!”
ในขณะที่เขากำลังคิดวางแผนจับจุดอ่อนของหยุนลี่จง หากในอนาคตได้เป็นคุณชายสาม เขาจะหาหญิงหน้าตาสะสวยเช่นพี่สะใภ้รองอีกสองสามคนมาเป็นเมีย!