ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主] – ตอนที่ 188 มณฑลอันเล่อ

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

ตอนที่ 188 มณฑลอันเล่อ

วันนี้เผยเสี่ยวส้วยและเหลียวชีจินมีความสุขมาก ไม่เพียงแต่การค้าขายเป็นไปอย่างราบรื่น ทว่าพวกเขาสามารถแย่งชิงเงินมงคลมาได้จำนวนหนึ่ง หนำซ้ำยังได้กินอาหารรสเลิศมื้อใหญ่ในภัตตาคารหลงชิงอีกด้วย

นี่นับเป็นครั้งที่สองที่พวกเขามีโอกาสดื่มกินอาหารในภัตตาคารหลงชิง นอกจากไก่ย่างทั้งตัวซึ่งคุ้นเคยกับรสชาติเป็นอย่างดี ยังมีขนมหวานและของว่างทุกประเภทให้ได้ลิ้มลอง

ทั้งสี่ตบหน้าท้องตนเองเสียงดัง จากนั้นจึงหันมองหน้ากันและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“หากตวนสื่อและพรรคพวกของเขารับรู้ว่าพวกเราได้กินอาหารดี ๆ เช่นนี้จนพุงกาง เห็นทีคงริษยาเสียจนดวงตาลุกเป็นไฟ!” เสี่ยวส้วยเอ๋อรู้สึกภูมิใจยิ่ง สิ่งแรกที่นางจะทำเมื่อได้เผชิญหน้าคนเหล่านั้นอีกครั้งคือการโอ้อวดให้ตาร้อนกันไปข้าง!

“จริงสิ ตั้งแต่พิธีหว่านโปรยเงินมงคลจบลง เหมือนว่าข้ายังไม่เห็นพวกเขาเดินเพ่นพ่านในเมืองเลย”

หยุนเชวี่ยเพิ่งรู้สึกตัวว่าช่วงเช้าที่ผ่านมานางตะโกนขายบ๊วยดองเสียงดังลั่นถึงเพียงนั้น เหตุใดจึงไม่พบพวกอันธพาลมารบกวนพื้นที่ค้าขายของนางแม้แต่คนเดียว? นับเป็นเรื่องที่ผิดแปลกไม่น้อย

“อ้อ ดูเหมือนพวกเขาจะติดตามขบวนเกี้ยวส่งตัวเจ้าสาวไป” เหลียวชีจินเช็ดคราบน้ำมันที่เปื้อนเปรอะบริเวณมุมปาก

“ตอนที่ข้าเดินเตร่อยู่บนถนนได้ยินคนเล่าต่อกันมาว่าเจ้าบ่าวนั้นมาจากมณฑลอันเล่อที่อยู่ติดกันกับมณฑลอันผิงของเรา ครอบครัวของเขาเป็นตระกูลใหญ่โต ทั้งยังมีสมาชิกในจวนรับราชการเป็นถึงขุนนางใหญ่ในเมืองหลวง” เหอยาโถวมีทักษะพิเศษด้านการสืบสาวราวเรื่องอย่างไม่ธรรมดา ความอัธยาศัยดีทำให้เขารับรู้เรื่องซุบซิบในระยะเวลาอันสั้น

“ข้าเห็นหน้าเจ้าบ่าวผู้นั้นแล้ว หล่อเหลาเอาอาการเลยทีเดียว!” เสี่ยวส้วยเอ๋อกล่าวอย่างนึกอิจฉา “ชีวิตของคุณหนูใหญ่ตระกูลเหลียวช่างดีงามกระไรเช่นนี้!”

นางคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดในตระกูลร่ำรวย บิดามารดารักใคร่เอ็นดูเป็นที่ยิ่ง ครั้นเติบโตถึงคราวแต่งงานก็จัดพิธีอย่างเอิกเกริก ทั้งสามียังมีฐานะร่ำรวยพอกันและมีความมั่นคงด้วยอำนาจบารมี ชีวิตดีงามเช่นนี้สตรีผู้ใดบ้างจะไม่นึกอิจฉา

หยุนเชวี่ยกลับให้ความสนใจกับอีกประเด็นหนึ่ง “นั่นหมายความว่าตวนสื่อและเหล่าลูกสมุนข้ามเขตไปยังมณฑลใกล้เคียงแล้วงั้นรึ?”

เหลียวชีจินพยักหน้า “เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น!”

“ระยะทางไกลโขทีเดียว ข้าคาดเดาว่ากว่าพวกเขาจะกลับไปถึงหมู่บ้านคงเป็นเวลาเที่ยงของวันถัดไป” เหอยาโถวรู้สึกยินดีไม่น้อย จากนั้นจึงกล่าวขึ้นอย่างติดตลก “บางทีพวกเขาอาจต้องการนำบ๊วยไปขายในมณฑลใกล้เคียงก็เป็นได้!”

แม้มณฑลอันเล่อจะมีเขตติดต่อกับมณฑลอันผิง ทว่าทั้งสองเมืองมีหลายสิบหมู่บ้านคั่นกลางไว้ ถึงอย่างไรรวมระยะทางทั้งไปกลับก็นับว่าไกลไม่น้อยทีเดียว

นอกเสียจากว่าเถียนตวนสื่อและคนอื่น ๆ จะเร่ขายบ๊วยดองไปตลอดทางจนถึงเขตมณฑลใกล้เคียง มิฉะนั้นหากมัวเที่ยวเตร่และกลับมาตัวเปล่า ตลาดในตัวเมืองอาจไม่คึกคักเท่ากับช่วงเช้าแล้ว

“รู้ทั้งรู้ว่าอยู่ห่างไกลนัก เหตุใดเขายังคิดดันทุรังติดตามไปเล่า?” เสี่ยวส้วยเอ๋อเอ่ยถามเพราะนึกสงสัย

เหลียวชีจินกล่าว“ข้าไม่แน่ใจว่าได้ยินแว่วมาจากที่ใด กล่าวกันว่าจวนของฝ่ายเจ้าบ่าวใหญ่โตกว่านี้มาก บรรยากาศหรือก็ครึกครื้นกว่าเป็นเท่าตัว บางทีพวกเขาอาจหวังแย่งชิงเงินมงคลอีกครั้ง”

“ก่อนหน้านี้เขายังโอหังว่าจะรบกวนกิจการของพวกเราอยู่เลย จนป่านนี้กลับหายหัวไร้วี่แววแม้แต่เงา” เสี่ยวส้วยเอ๋อเบ้ปากอย่างนึกรังเกียจ “หากเดินทางไกลกระทั่งกำลังกายหดหาย เห็นทีเงินแม้แต่เหรียญเดียวก็ไม่อาจแย่งชิงสำเร็จ ฮ่าฮ่า! ปล่อยให้พวกเขาลำพองต่อไปดีแล้ว”

ชาดอกไม้ผสมน้ำผึ้งบนโต๊ะถูกดื่มจนหมดแล้ว ของหวานต่าง ๆ ก็ไม่หลงเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว เหลือเพียงไก่ย่างที่มีเนื้อติดซี่โครงอีกประมาณครึ่งตัวและปีกอวบอ้วนอีกหนึ่งปีก

“ชีจิน ห่อส่วนที่เหลือกลับบ้านไปฝากท่านลุงของเจ้าเถิด!” หยุนเชวี่ยชี้นิ้วไปที่ไก่ย่าง

เหอยาโถวและเสี่ยวส้วยเอ๋อไม่กล่าวคัดค้านแต่อย่างใด

ลุงของเหลียวชีจินเจ็บป่วยเป็นวัณโรคเรื้อรัง เขานอนซมติดเตียงเป็นเวลานานหลายปีแล้ว หยุนเชวี่ยรู้ข่าวมาว่าเขาอาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่เกินสองหรือสามวันเท่านั้น

ชีวิตของเขายากลำบากยิ่ง สมัยที่อายุยังไม่มากกลับไร้โอกาสตบแต่งภรรยา ที่ผ่านมาดูเหมือนจะมีความสุขกายสบายใจได้เพียงไม่กี่วัน

เหลียวชีจินไม่ปริปากเอ่ยคำใด เขาหยักหน้าก่อนหันไปหาเสี่ยวเอ้อเพื่อขอกระดาษซับน้ำมันแผ่นใหญ่มาห่อไก่ย่างที่เหลือและวางลงในตะกร้า

แต่แล้วเหอยาโถวก็ต้องปวดกบาลอีกครั้งเมื่อเสี่ยวเอ้อไม่ยอมรับเงินค่าไก่ย่างที่ตนหยิบยื่นให้

ยิ่งไปกว่านั้นวาจาของเสี่ยวเอ้อกลับลื่นไหลกว่าคำพูดของเหอยาโถวเสียอีก ครั้นดูเชิงว่าตนไม่อาจปฏิเสธได้จึงโก่งคอแอบอ้างชื่อนายของตนอยู่หลายหน “คุณหนูขอรับ นายน้อยสั่งความไว้แล้ว ข้าไม่อาจรับเงินจากท่านได้! หากฝืนใจรับไว้อาจถูกตำหนิในภายหลัง โปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย…”

สุดท้ายเหอยาโถวจึงจำใจยอมรับสภาพและตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่เหยียบเข้าไปกินไก่ย่างในภัตตาคารหลงชิงอีกเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคิดไปว่าเขาต้องการเอาเปรียบ

“เราจะไม่กินไก่ย่างอีกต่อไปแล้วหรือ?” เหลียวชีจินเอ่ยถาม

“พี่เชวี่ยเอ๋อเคยเลี้ยงข้าแล้ว พี่เหออวี้ก็มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ หากอนาคตข้ามีรายได้เพิ่มขึ้นจะเชิญให้พวกเราไปทานอาหารร่วมกันอีก” เสี่ยวส้วยเอ๋อกล่าว

“หากยังอยากกินก็ต้องไหว้วานให้ผู้อื่นมาซื้อแทน หากพวกเราไปด้วยตนเองเกรงว่าจะไม่ยอมรับเงินอีก มีอีกหนเห็นทีท่านแม่น่าจะตำหนิข้าอีกแล้ว…”

หมู่บ้านไป๋ซี

หยุนเชวี่ยกลับไปที่บ้านทั้งที่ท้องอิ่มแปล้ นางเข้าไปนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงในห้องปีกตะวันตกโดยไม่สนใจอาหารอุ่นร้อนที่อยู่ในหม้อ

“เหตุใดวันนี้กลับมาช้าจริง? คงเหนื่อยมากใช่หรือไม่?” แม่นางเหลียนตามมานั่งตรงขอบเตียงพร้อมลูบปอยผมที่ปรกหน้าผากหยุนเชวี่ยอย่างนึกสงสารจับใจ “ช่วงเช้าที่ผ่านมากินอะไรแล้วหรือ? หิวหรือไม่? คงไม่ทะเลาะกับเถียนตวนสื่อหรอกนะ?”

“ไม่เหนื่อยเลยเจ้าค่ะ เหอยาโถวนำติ่มซำมาแบ่งปันพวกเราในมื้อเช้าส่วนมื้อกลางวันเราไปกินกันที่ภัตตาคารหลงชิง” หยุนเชวี่ยตบท้องตนเอง “ข้าอิ่มแทบแย่”

“ไปที่ภัตตาคารหลงชิงอีกแล้วรึ?”

“เจ้าค่ะ เหอยาโถวสร้างแรงจูงใจว่าหากขายบ๊วยดองจนหมดเกลี้ยงจะเลี้ยงไก่ย่างเป็นรางวัล ทว่าเถ้าแก่ภัตตาคารหลงชิงกลับไม่คิดเงินเราสักเหรียญ หนำซ้ำยังจัดเตรียมขนมไว้ให้หลายจานทีเดียว เราไม่ต้องการหักหาญน้ำใจจึงกินจนหมด” หยุนเชวี่ยอ้าปากหาว เมื่อดื่มกินอย่างเพียงพอ ครั้นหัวถึงหมอนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกง่วงงุน

“เหอเซียงเอ๋อยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเขาอย่างเป็นทางการ การที่น้องชายของนางและมิตรสหายเข้าไปดื่มกินบ่อยครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก” แม่นางเหลียนอบรมอย่างจริงจัง

แม่นางเหลียนใคร่สั่งสอนต่อไปว่าหากทำเช่นนี้ก็ไม่แตกต่างไปจากอาสะใภ้สามของเจ้าหรอกหรือ? ทว่าเมื่อคิดทบทวนอีกครั้งแล้วถึงอย่างไรแม่นางเฉินก็มีฐานะเป็นญาติผู้ใหญ่ของหยุนเชวี่ย จึงเก็บงำคำกล่าวนั้นไว้เสีย

“เหอยาโถวตั้งใจไว้แล้วว่าอนาคตเขาจะไม่เหยียบย่างเข้าไปในภัตตาคารหลงชิงอีก ข้าต้องขอโทษพวกท่านที่ทำให้เป็นกังวล จริงสิ! ท่านแม่ พี่สาว วันนี้คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเหลียวเข้าพิธีแต่งงานในเมืองอย่างยิ่งใหญ่ บรรยากาศโดยรอบครื้นเครงเปี่ยมชีวิตชีวานัก พวกเขาร่ำรวยถึงขั้นจ้างอุปรากรมาแสดงและโปรยเงินมงคลแจกจ่ายให้ชาวบ้านอีกด้วย…” หยุนเชวี่ยพลิกตัวมาอยู่ในท่านอนคว่ำและใช้สองมือเท้าคางไว้เพื่อเล่าเรื่อง

“โปรยเงินมงคลรึ?” หยุนเยี่ยนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “เช่นนั้นพวกเขาต้องใช้เงินมากถึงเพียงใดกัน?”

“ชีจินและเสี่ยวส้วยเอ๋อก็แย่งชิงมาได้เช่นกัน! เสี่ยวส้วยเอ๋อเล่าให้ข้าฟังว่าเงินนั้นราวเป็นฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้ากระทบรอบกายนางทีเดียว ทว่าน่าเสียดายที่ฝูงชนมีมากเกินไปจึงได้มาเพียงสองเหรียญเท่านั้น…”

แม่นางเหลียนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “ตระกูลใหญ่จัดงานขึ้นก็เพื่อเฉลิมฉลองและประกาศความมั่งคั่งของตนให้เป็นที่ประจักษ์เท่านั้น ต่อให้เจ้าแย่งชิงมาได้ก็ไม่อาจร่ำรวยเทียบเท่า”

“ข้าไม่ได้เข้าไปแย่งชิงด้วยเสียหน่อย ข้าตระหนักดีว่าไม่อาจหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าแต่ควรพึ่งพาตนเอง ได้รับเพียงขนมและผลไม้อบแห้งที่เสี่ยวส้วยเอ๋อแบ่งปันให้เท่านั้น ข้านั่งอยู่ห่าง ๆ และนับขบวนสินสอดของคุณหนูใหญ่ตระกูลเหลียว พบว่ามีมากถึงยี่สิบแปดหีบ…”

“ยี่สิบแปดหีบเชียวรึ? รู้หรือไม่ว่ามีสิ่งใดบ้าง?”

“ส่วนใหญ่เป็นเงินทองจำนวนมหาศาลเจ้าค่ะ ทั้งยังมีเครื่องประดับลวดลายประณีต เครื่องหยก และอีกมากมายจนบรรยายไม่ครบถ้วน”

หยุนเชวี่ยยังคงเล่าต่อไป แม่นางเหลียนเป็นผู้ฟังที่ดีขณะทำงานเย็บปักไปด้วย หยุนเยี่ยนฟังแล้วได้แต่ยิ้มแย้มจินตนาการภาพตาม สามแม่ลูกพูดคุยกันอยู่นานทีเดียว จนกระทั่งได้ยินแม่นางจ้าวเคาะประตูและร้องเรียกจากด้านนอก “เชวี่ยเอ๋อ ลุงใหญ่เรียกเจ้าไปพบบนห้องเวลานี้”

“โธ่ ท่านป้า ข้าง่วงงุนใกล้เคลิ้มหลับเต็มทีแล้วนะเจ้าคะ” หยุนเชวี่ยนอนนิ่งไม่ขยับก่อนหันไปแลบลิ้นให้หยุนเยี่ยน

“อย่ามัวชักช้าอยู่เลย เขามีเรื่องสำคัญต้องการจะถามไถ่!” แม่นางจ้าวเคาะประตูอีกครั้ง

ได้ยินเช่นนั้นหยุนเชวี่ยจึงจำใจลุกจากเตียงอย่างไม่สบอารมณ์นัก นางหยิบรองเท้าผ้ามาสวมใส่ก่อนเดินกระแทกส้นไปเปิดประตู “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านอยากรู้ใช่หรือไม่ว่าเหตุใดจนป่านนี้แล้วเถียนตวนสื่อและคนอื่น ๆ จึงยังไม่กลับมา?”

แม่นางจ้าวนิ่งงัน

“ข้าเกรงว่าอย่างเร็วที่สุดพวกเขาอาจกลับมาในช่วงเที่ยงของวันถัดไป…” แม่นางจ้าวยังไม่ทันอ้าปากเอ่ยแทรก หยุนเชวี่ยกลับกล่าวต่อ “คุณหนูใหญ่ตระกูลเหลียวจัดขบวนเกี้ยวส่งตัวเจ้าสาวอย่างยิ่งใหญ่ ครั้นได้ฤกษ์โปรยเงินมงคลพวกเขาก็วิ่งไปแย่งชิงอย่างเอาเป็นเอาตาย จากนั้นจึงติดตามขบวนส่งตัวเจ้าสาวไปยังมณฑลอันเล่อเพื่อชมความครึกครื้น ไม่ทราบแน่ชัดว่าเพราะต้องการเที่ยวเล่นหรืออย่างไร แต่เขายังไม่กลับมาภายในวันนี้เป็นแน่เจ้าค่ะ!”

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

Status: Ongoing
หยุนเชวี่ย เสียชีวิต แล้วมาอยู่ในร่างของ เด็กสาว เธอมาอยู่ในยุคที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ใดๆ แต่ด้วยความฉลาดของเธอ ทำให้เธอมองหาช่องทางต่างๆที่จะทำให้ชีวิตของเธอกับครอบครัวดีขึ้น ส่วนเรื่องความรักนั้น ได้มีชายหนุ่มปริศนาที่ตั้งปณิธานว่าจะตอบแทนน้ำใจด้วยทั้งชีวิตของเขากับเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท